Chocolate & Despair

7.7

เขียนโดย [NNS]

วันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 เวลา 19.30 น.

  13 chapter
  1 วิจารณ์
  13.23K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 17.17 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) Boy And Chocolate

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
เด็กหนุ่มผู้ผูกมิตรกับคนรอบข้าง เด็กหนุ่มผู้พยายามช่วยเหลือบุคคลที่ตนรัก
            “มานาเสะ เรย์ครับ”
            “ครับมานาเสะคุงนี่เอง”
            “เหหหหหหหหหหหหหหหหหห”มีเสียงแสดงความตกใจจากคนทั้งห้องแต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ดูจากบรรยากาศแล้วเขาคงอยากฆ่าผมแล้วละมั้งแต่ถ้าเป็นอย่างนั้นคงได้อยู่ด้วยกันบ่อยละนะ
            “จริงเหรอครับเนี่ยนานาชิมะคุง”
            “จริงครับ”
            “งั้นเหรอ”
            “ซะที่ไหน”
            “เอ๊ะ”
            “แน่นอนครับว่าล้อเล่น”
            “....”ทั้งห้องไม่มีการตอบรับใดๆผมแค่ยืนยิ้มแล้วนั่งลงเงียบๆแค่นั้น
            จากนั้นการแนะนำตัวของคนทั้งห้องก็เสร็จสิ้นลงเริ่มเข้าสู่วิชาแรกประวัติศาสตร์
            “ในยุคเซนโกคุ มีบุคคลที่ได้ชื่อว่าเป็นสามผู้ยิ่งใหญ่อยู่ สามผู้ยิ่งใหญ่นั้นคือใครเอาละจะถามใครดีน้า”
            “ดูจากผลการเรียนประวิติศาสตร์ของพวกเธอแล้วคนที่มีคะแนนสูงสุดละกันนะ”
            คงเป็นผมสินะ
            “ช่วยตอบหน่อยได้ไหมมานาเสะคุง”
            หาาาาาา
            ถ้าจำไม่ผิดตอนสอบเข้าประวัติศาสตร์ตอนสอบเข้าผมได้ตั้ง93คะแนนนะ
            “โอดะ โนบุนากะ โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ โทคุงาวะอิเอยาสึ”
            “ถูกต้องสมแล้วที่อันดับ3ของสายชั้นแถมทำคะแนนเต็มในวิชาประวัติศาสตร์ด้วย”
อันดับ3 คะแนนเต็ม หมอนั้นเนี่ยนะ....เอาเถอะเพราะไม่ได้ไปไหนกับใครเลยมีเวลาเรียนเยอะละนะ แต่แบบนั้นไม่ดูเครียดไปหน่อยเหรอ แถมท่าทางพวกนั้นคงไม่มีใครเข้าใกล้แน่เรานึกว่าเขาเพิ่งย้ายมาเหมือนกันเลยคิดว่าเขายังไม่ชินเลยแกล้งไปแต่เหมือนไม่ใช่แฮะ ยังไงก็ปล่อยเขา     แบบนี้ไม่ได้หรอกเข้าหาหน่อยดีกว่า
            คาบเรียนภาคเช้าจบไปอย่างรวดเร็วเลยแฮะแต่หมอนั้นสุดยอดจริงๆโดนอาจารย์ถามเรื่องยากๆตั้งหลายวิชาแต่ตอบได้หมดเลยเก่งจริงๆชวนไปกินข้าวด้วยดีกว่า
            “เอ๊ะ...ไม่อยู่”
            “พวกนายมีใครเห็นมานาเสะบ้างหรือเปล่า”
            มีหลายคนส่ายหน้าแต่มีผู้หญิงคนหนึ่งพูดออกมาว่า
            “เมื๋อกี๊ตอนไปห้องน้ำเห็นเขาถือขนมปังจากโรงอาหารเดินขึ้นไปด้านบนนะอาจจะเป็นบนดาดฟ้าก็ได้มั้ง”
            “ดาดฟ้า!!!”
            “อืมแต่ช่วงนี้ไม่มีคนขึ้นไปหรอกแดดมันแรงนี่”
            “อ่ายังไงก็ขอบคุณนะ”
            ผมเดินออกจากหน้าห้องแล้วตรงไปที่บันไดขึ้นไปบนดาดฟ้าทันทีใช้เวลาประมาณ5-7นาทีผมก็มาถึงดาดฟ้าแต่พอผมมาถึง
            “ไม่มีใครเลยแฮะ”บนดาดฟ้าที่แสงแดดส่องไม่มีใครเลย
            “ชิ แล้วหมอนั้นอยู่ไหนฟะ”ผมเดาะดิ้นพร้อมสบถแล้วหันหลังเพื่อกลับแต่
            “หมอนั่นเนี่ยหมอไหนเหรอ”
            เสียงที่คุ้นหู พูดไม่เร็วเอื่อยนิดๆ เสียงไร้น้ำหนักแต่น่าดึงดูด ผมมองหาต้นเสียงแต่กวาดสายตาไปทั่วก็ไม่เห็นมีใครเลย
            “หูฝาดแฮะ”ผมพูดพร้อมเดินกลับแต่
            “ฮึบ”ผมได้ยินเสียงนั้นพร้อมอะไรบางอย่างลอยมาเต็มหน้าผม
            อะไรสักอย่างที่ขนาดเกือบพอดีกับหน้าผมผิวมันเป็นรอยหยักแปลกๆใช่แล้วมันคือ เท้านั่นเองผมโดนท่าที่เหมือนท่าเหยีบใส่เต็มหน้าจากด้านบนแต่ใครมันจะกระโดดสูงขนาดใช้ท่าแบบนั้นกับผมที่สูงตั้ง178เซนฯได้เนี่ยแถมดูจากขนาดเท้าตัวน่าจะเล็กพอสมควรแท้ๆโดนสูงเกินไปแล้ว
            “อึก”ผมกลิ้งไปบนพื้นอยู่หนึ่งตลบจับใบหน้าตัวเองทรุดลงกับพื้น
            เมื่อความเจ็บเริ่มหายผมเงยหน้าขึ้นมาดูก็พบกับ
            “เรย์...อุ๊บ”ผมเรียกชื่อเขาแล้วก็ได้รับประทานฝ่าเท้าเล็กๆของเขาเป็นรอบที่สอง
            “หน้านายนี่รับเท้าพอดีเลยนะ”
            “นายเล่นบ้านอะไรเนี่ย”ผมปัดเท้าเขาออก
            “ก็ใครอนุญาตให้นายเรียกชื่อกันละ”
            “อันนั้นเข้าใจแล้วแต่ครั้งแรกนั้นละ”
            “ก็ฉันถามแล้วนายไม่ตอบ”
            “งั้นเหรอ”
            “ว่าแต่มานาเสะนายอยู่ตรงไหนเนี่ยฉันถึงไม่เห็นแล้วนายกระโดดเหยียบหน้าฉันถึงได้ไงเนี่ยตัวเล็กแค่นั้น”
            “ว่าใครตัวเล็กหา”
            “โทษที”
            “ข้างบนนั้นไง”เขาเอียงคอให้ผมเห็นเพดานที่โผล่ขึ้นมาของประตูเข้าดาดฟ้า
            “ข้างบนนั้นเป็นพื้นเรียบแถมไม่มีคนเลยขึ้นไปกินข้าวกับนอนบนนั้น”
            “เหแต่ก็สูงนะนายขึ้นไปได้ไง”ใช่มันสูงเกินกว่าที่เขาจะปีนได้
            “แบบนี้”เขาเดินไปข้างๆมันมีโต๊ะเตี้ยๆวางอยู่
            “เหยียบบนนั้นแขนนายก็ถึงพอดีเลยสินะ”ผมลองเอาส่วนสูงเขาจากที่มองมาบวกกับโต๊ะแต่ตอนนั้นเอง
            เขาก็วิ่งเหยียบโต๊แล้วกระโดดมือขวาเขาจับที่ขอบแล้วเหวี่ยงตัวขึ้นมันรวดเร็วมากไม่ถึง2วิด้วยซ้ำเขาก็ขึ้นไปบนนั้นแล้ว
            “อะ”ผมมองดูเขาจนลืมอะไรหลายๆอย่างไปแล้วผมก็รีบปีนตามเขาขึ้นไปแต่
            ไม่มีที่เหยียบ ใช่ไม่มีที่หยั่งเท้าสักสิดต้องใช้แรงแขนดึงตัวขึ้นเท่านั้นผมยื่นกล่องข้าวไว้ข้างบนแล้วใช้แขนดึงตัวขึ้นมันยากกว่าที่ผมคิดไว้พอสมควรแถมกินแรงมากใช้เวลา1นาทีกว่าๆผมถึงขึ้นมาข้างบนได้แต่
            “เฮ้ย”สิ่งที่ผมเห็นคือข้าวกล่องของผมกำลังโดนกลุ่มแมว4-5ตัวสวาปามอย่างเอร็ดอร่อยส่วนเด็กหนุ่มก็นั่งกินขนมปังอยู่หน้ากล่องข้าวของผมที่โดนแมวสวาปามอยู่
            “นายเอาข้าวกล่องชั้นมาทำอะไรเนี่ย”ผมตะโกนไปแบบนั้นกลุ่มแมวก็แตกกระจายออกแต่ตัวการยังคงนั่งคาบขนมปังอยู่เช่นเดิม
            ทำไมเขาถึงเป็นตัวการงั้นเหรอเพราะแมวแกะผ้าห่อแล้วเปิดกล่องข้าวเองไม่ได้ไงละ
            “ก็พวกนี้มันหิวนี่”เขาตอบในขณะที่คาบขนมปังอยู่
            “ฉันก็หิวนะเฟ้ย”ผมกระชากคอเสื้อเขาแต่แล้ว
            แมวทุกตัวกางเล็บแล้วจ้องมาที่ผมจากนั้นก็
            “!?#@??!!!!”กระโจนใส่ผมทั้งกัดทั้งข่วน
            “พอได้แล้วน่าฉันไม่เป็นอะไร”มินาเสะที่จัดการขนมปังเสร็จก็หันมาพูดแบบนั้น
            “เอ๊ะ”พวกแมวปล่อยผมแล้วเดินไปคลอเคลียมินาเสะกันทั้งปีนขึ้นไปบนไหลบนหัวไปนอนบนตักตอนนั้นไม่รู้ผมคิดไปเองหรือเปล่าว่าเหมือนเขายิ้มหน่อยๆ
            “นาย...”ผมเผลอทักไป
            “อะไร”เขาทำหน้าตาหงุดหงิดแล้วพูดด้วยเสียงเย็นชา
            “หืออ”ตอนนั้นผมเพิ่งสังเกตุเห็นกล่องข้าวบนนั้นมีสองกล่องแน่นอนว่าเป็นของผมแต่แค่กล่องเดียวส่วนอีกกล่องเป็นกล่องที่ใหญ่มากล่องสีดำ
            “กล่องนั้นของนายเหรอ???”
            “อืมของฉันเอง”เขาตอบกลับในขณะที่มือสองข้างกำลังเล่นกับพวกแมวอยู่
            “แล้วนายซื้อขนมปังมาทำไม”
            “กินนะสิ”
            “มะ มันก็ใช่หรอก แต่นายมีข้าวกล่องแล้วจะซื้อมาอีกทำไม”
            “นั้น...”เขาหลบตาผม”ชั้นเอามาให้พวกแมวนะ”
            “เอ๊ะ...เอาข้าวตัวเอง...ให้แมว”
            “อืม ก็พวกนี้อยู่บนนี้ไม่มีอะไรกินนี่”
            “เฮ้อ”ผมทำได้แต่ถอนหายใจ
            “ช่างมันเถอะมานาเสะจะเริ่มคาบบ่ายแล้วนะไปกันเถอะ”
            “อืม”เขาให้พวกแมวออกไปเก็บกล่องข้าวแล้วกระโดดลงไป
            “รอชั้นก่อนเซ่”ผมรวบๆของแล้วรีบตามไป”
            “ว่าไปนายนี่เรียนเก่งนะดูจากเมื่อกี๊ล้วร่างกายนายก็แข็งแรงดีนี่”
            “เหรอ”
            “ตอบกลับแบบผ่านๆตลอดเลยนะ”
            “ชั้น...”
            “หืม”
            “ไม่ได้เก่งไปหมดหรอก”
            “เหรอแต่ฉันไม่เห็นเป็นแบบนั้นเลยนะ”
            “เดี๋ยวนายก็เห็น”
            คาบบ่ายเริ่มขึ้นมานาเสะก็ตอบคำถามได้ดีเหมือนทุกครั้งกระทั้งคาบเรียนก่อนสุดท้ายภาษาอังกฤษก็เกิดเรื่องขึ้น
            “มานาเสะคุงอ่านประโยคนี้หน่อยได้ไหมครับ”
            “....”
            “มานาเสะคุง”
            เป็นครั้งแรกที่เขากระวนกระวายตอนเรียกให้ทำอะไรแถมดูแล้วหน้าแดงหน่อยๆด้วยเ
            เป็นหวัดหรือเปล่าน้าแต่กลางวันยังดูดีอยู่เลย
            “อะ ไอ คูด ไบท์”
            “หืม...”เสียงเขาแปลกไปผมจึงหันหลังไปมองแล้วภาพที่ผมเห็นคือ
            เด็กหนุ่มผู้เย็นชาเรียนดีเพอร์เฟคกำลังนั้งคู้ตัวกับพื้นเอามือกุมปากตัวเองไว้
            “เฮ้ๆ นายเป็นอะไรป่าวเนี่ย”
            “ไฮ้ เฮน ไฮ”
            “หืม”เขาพูดดูไม่ค่อยชัดหรือว่าเขา...
            “นาย...กัดลิ้นตัวเองเหรอ”
            “....”เขาไม่ตอบแต่หันหน้าหนี
            “...”ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันจะพูดยังไงดีเด็กหนุ่มผู้เพอร์เฟคแต่อ่านอังกฤษแล้วกัดลิ้นตัวเองเนี่ยนะ
            “ยังไงไปห้องพยาบาลก่อนเถอะ”
            “อาจารย์ครับผมพาเขาไปห้องพยาบาลนะครับ”
            “โอ้เชิญเลยรบกวนหน่อยนะ
            ผมหยิบกระเป๋าของผมกับเขาแล้วเดินออกไปเขาเอามือปิดปากตัวเองแล้วเดินตามมาเงียบๆสักพักเราก็มาถึงห้องพยาบาล
            “ขอโทษครับ”
            “อ้าวไม่มีใครอยู่แฮะ นายไปนั่งรอกก่อนเดี๋ยวฉันดูให้ก่อนละกัน”
            “ไฮ้เฮนไฮ ไฮ้ฮ้องฮอก”0
            “พูดชัดๆยังไม่ได้เลยไปนั่งลงซะ”
            “ไหนแลบลิ้นสิ”
            เขาทำตามโดยดีแต่
            “เลือดออกเลยเหรอนายกัดแรงไปมั้ยเนี่ย”
            “ก็มันไม่ถนัดนะ”
            “พูดชัดแล้วเหรอ”
            “ดีขึ้นแล้วแต่ยังเจ็บๆอยู่พรุ่งนี้ก็หายแล้ว”
            “เฮ้อถ้าทำไม่ได้ก็ไม่บอกอาจารย์ไปละ”
            “...”เขาไม่ตอบแต่เบือนหน้าหนีตอนนั้นเอง
            ออดเลิกเรียนก็ดัง
            “กลับเลยไหม”
            “อืม”
            ผมเดินไปพร้อมเขาแล้วแยกกันที่หน้าประตูโรงเรียน
            ดูดีๆหมอนั่นก็ทำตัวน่ารักดีแฮะพรุ่งนี้เอาข้าวไปเผื่อหมอนนั้นกับพวกแมวดีกว่า
            แต่แล้วในวันพรุ้งนี้ของผมทุกอย่างก็เปลี่ยนไป เปลี่ยนไปแบบสุดๆ
            “โย่มานาเสะ”
            ผมทักทายเขาทันทีที่มาถึงห้อง
            “เมื่อวานหายดียัง”
            “แล้ว”
            หืม เขาดูแปลกไปจากเมื่อวานนิดหน่อย
            “นายเป็นอะไรไปเป็นไข้หรือเปล่า”ผมพูดแล้วยืนมือไปเพื่อจะวัดไข้เขาแต่แล้ว
            มือของผมก็รู้สึกแสบร้อนเหมือนโดนไปเผ่าแต่มันรู้สึกเป็นเส้นตรงแนวยาวผมรู้สึกว่าฝ่ามือของผมมีอของเหลวไลเปื้อนอยู่ส่วนมือขวาของมานาเสะก็กางออกไปพร้อมวัตถุบางอย่างในมือที่ทำให้ผมรู้สึกถึงอาการแปลกๆนี้
            คัดเตอร์ ฝ่ามือของผมโดนคัตเตอร์กรีดไม่สิฟันจนมีแผลยาวและเลือดไหล ผมรีบเอามือซ้ายกำฝ่ามือขวาที่โดนคัตเตอร์เข้า
            “ชั้นบอกนายแล้วนะ”มานาเสะยืนขึ้นพร้อมเก็บคัตเตอร์ใส่กระเป๋า
            “ชั้นบอกนายแล้วอย่ามายุ่งกับชั้น”เขาหรี่ตาลงแล้วเหลือบมองลงมาที่ผมซึ่งคู้ตัวใช้มือกำแผลไว้แล้วเขาก็หยิบกระเป๋าแล้ววิ่งออกไปข้างนอกสวนกับกลุ่มผู้หญิงในห้องสองคนที่เพิ่งมาถึง
            “นานาชิมะคุงเป็นอะไรนะ”
            “มานาเสะใช้คัตเตอร์ฟันใส่นานาชิมะนะสิ”
            ไม่กี่วินาทีก็มีคนในห้องมารุมล้อมผมเต็มไปหมด
            “ชั้นไม่เป็นไรแต่”
            “มีอะไรเหรอนานาชิมะ”
            “เดี๋ยวจะไปตามอาจารย์ให้”
            “เดี๋ยวก่อนไม่ต้องหรอกแต่ฉันมีอะไรจะขอพวกนายหน่อย”
            “อะไรเหรอ”
            “รีบขอมาเถอะ”
            “สัญญานะว่าจะทำตาม”
            “”อืม””
            “ชั้น....”
            และแล้ววันนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนของทุกอย่าง
                                                                                                                        Chapter 2 End

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา