The Witches : Red Witch

9.0

เขียนโดย Kyoso12

วันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 เวลา 11.55 น.

  11 ตอน
  19 วิจารณ์
  12.27K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 11.32 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

8) นาฬิกาตาย

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
                ในตอนนี้พวกเราได้เดินทางมาถึงยังหน้าทางเข้าถ้ำของบาซิลิสแล้วพวกเราได้พบเซอร์เบดิเวียร์และลูอิสอีกครั้ง รวมทั้งเอลฟ์อีกสองคนที่เป็นหนึ่งในกลุ่มของราฟาเอล พวกเราตัดสินใจที่จะวางแผนกันก่อนที่จะเข้าไปในถ้ำเพราะการเผชิญกับบาซิลิสนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะมันอาจจะทำให้เราไม่ได้กลับออกมาอีกเลย
“เฮ้อ ก่อนอื่นเลยวิธีที่จะรอดจากบาซิลิสคือต้องห้ามมอง ห้ามสูดลมหายใจของมันเข้าไปไม่อย่างนั้นเราก็จะไม่รอดอย่างนั้นสินะ” เซอร์เบดิเวียร์กล่าว
“ใช่ และก็ต้องมีวิธีเดียวคือเจ้าจะต้องกลั้นใจหรือเอาผ้าอะไรก็ได้มาปิดจมูก และก็อีกอย่างหนึ่งที่ขาดไม่ได้นั่นก็คือกระจกสะท้อน”
“กระจกสะท้อนงั้นรึ”
“ใช่ และอีกอย่างฉันอยากให้เข้าไปแค่ไม่กี่คนถ้าเกิดพวกเราเข้าไปกันฉันกลัวว่าถ้ำนี้อาจจะถล่มก็เป็นได้”
“ก็จริงว่าแต่ใครจะเป็นคนอาสาเข้าไปละ” ลูอิสกล่าวขึ้น
“ข้าเอง” อาเธอร์เสนอตัว
“ไม่ได้นะท่าน ท่านจะเข้าไปข้างในนั้นไม่ได้มันอันตรายเกิน!!!” เมอร์ลินรีบแย้งขึ้นทันทีเมื่ออาเธอร์เสนอตัวที่จะเข้าไปในถ้ำของบาซิลิส
“แต่ว่านี่น้องสาวของผม ในฐานะพี่ชายผมก็อยากจะช่วยน้องสาวของผมจนถึงที่สุด” เมื่อทุกคนได้ยินที่อาเธอร์พูดดังนั้นจึงไม่กล้าโต้ตอบอะไรได้แต่ก้มหน้านิ่ง เมื่อเห็นดังนั้นฉันจึงเดินเข้าไปหาอาเธอร์และกุมมือของเค้าเอาไว้
“เมลิซ่า...” อาเธอร์สบตาของฉัน
“จริงอยู่ที่เธอเป็นห่วงน้องสาวของเธอ ยากจะช่วยด้วยตัวของเธอเองใช่มั้ย”
“ใช่ เพราะงั้น.....”
“เพราะงั้นตอนนี้จึงยังไม่ถึงเวลาที่เธอจะต้องทำแบบนั้น” ฉันปล่อยมือของอาเธอร์และค่อยๆก้าวถอยหลัง
“หมายความว่ายังไงเมลิซ่า”
“หมายความว่าครั้งนี้ฉันจะเข้าไปเอง”
“ไม่!!!” เมื่อเห็นว่าอาเธอร์พยายามจะห้ามฉัน ฉันจึงใช้เวทย์มนต์ของฉันผลักเข้าให้กระเด็นออกไปและรีบวิ่งเข้าไปในถ้ำของบาซิลิส จากนั้นฉันจึงใช้เวทย์มนต์เพราะสร้างรั้วเหล็กปิดทางเข้าเอาไว้ เพื่อไม่ให้ใครหรือแม้แต่อาเธอร์ตามเข้ามา เมื่ออาเธอร์เห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งเข้ามาหาฉันและพยายามจะพังรั้วเหล็กนี่ให้พังเสีย
“เมลิซ่า!!! ไม่!!! ทำไมต้องทำแบบนี้!!!”
“เพราะเธอต้องมีชีวิตอยู่ต่ออาเธอร์ ฉันเหมาะที่จะตายที่สุดแล้วไม่ว่ายังไงฉันก็ไม่เหลือใครแล้วนอกจากเธออาเธอร์ แต่สำหรับเธออาเธอร์ เธอยังมีน้องสาวของเธอ คู่หมั้นของเธออีกทั้งประชาชนทุกคนในอาณาจักรที่รอเธอกลับไปอยู่อาเธอร์ เพราะฉะนั้นให้ฉันจัดการตรงนี้เถอะ”
   เมื่อสิ้นประโยคอาเธอร์ที่ยืนอยู่นั้นกลับต้องทรุดตัวลงกับพื้นพร้อมไห้ออกมาด้วยความเสียใจ ส่วนตัวฉันเศร้าไม่ต่างกันก็ต้องอดกลั้นเก็บน้ำตานี้ไว้และฝืนยิ้มให้กับเค้า ฉันเดินเข้าไปใกล้เค้าและใช้ฝ่ามือสัมผัสที่แก้มของอาเธอร์ทำให้อาเธอร์ต้องเงยหน้ามองฉัน
“เมลิซ่า....ให้ฉันเข้าไปแทนเถอะ” เสียงของอาเธอร์สะอึ้กสะอื้นราวกับเด็กน้อยเมื่อหลายปีก่อนที่เราเคยเจอกันครั้งแรก
“ไม่ได้หรอกอาเธอร์ อย่าลืมหน้าที่ของแม่มดขาวอย่างฉันสิ เรามีหน้าที่ที่ต้องดูแลและช่วยเหลือดังนั้นนี่ก็คือหน้าที่ของฉันเหมือนกัน” ฉันค่อยๆปล่อยมือออกจากแก้มของอาเธอร์และเดินลงไปตามทางเดินของถ้ำแห่งนี้อย่างช้าๆ ปล่อยให้อาเธอร์อยู่กับความเศร้าอยู่ตรงนั้น ฉันรักเธอนะอาเธอร์แต่ฉันคิดว่านี่คือหน้าที่ที่ดีที่สุดเท่าที่ฉันจะสามารถจะทำได้ขอแค่เธอเชื่อใจในตัวฉันก็เพียงพอ และอีกอย่างถ้าฉันตายไปสักคนคำทำนายของเวโรนิก้าก็จะไม่เป็นจริง เธอจะได้อยู่กับคู่หมั้นที่ดีพร้อม แต่งงานกัน
   และมีลูกด้วยกันเพื่อให้อาณาจักรและราชวงศ์ดำรงอยู่ต่อไป ฉันรักเธออาเธอร์รักยิ่งกว่าอะไรในโลก เธอเป็นคนแรกที่เปิดหัวใจที่ถูกกักขังเอาไว้ข้างในมาตลอด เธอรักฉัน แสนดีกับฉันจนฉันไม่รู้จะหาอะไรมาทดแทนเธอได้เลย หลังจากที่เราต้องแยกกันไม่มีครั้งไหนที่ฉันจะไม่คิดถึงเธอเลยฉันได้แต่ภาวนาขอให้เราได้พบกันอีกสักครั้งก็ยังดี และเธอยังจำได้รึเปล่าตอนที่ฉันพบเธออีกครั้งตอนที่เธออายุ 15 ปี ตอนนั้นฉันตกใจมากไม่คิดว่าเธอจะจำฉันได้ และจนมาถึงตอนนี้ฉันได้รักกับเธอ ได้ใช้เวลาแห่งความสุขร่วมกันแค่นี้ฉันก็มีความสุขที่สุดแล้วขอบคุณนะ สำหรับสิ่งดีดีที่เธอมอบให้ฉัน ขอบคุณจริงๆ...
 
                ฉันเดินมาเรื่อยๆจนมาถึงยังบันไดที่จะลงไปหาบาซิลิส ในตอนนี้บาซิลิสกำลังนอนเฝ้าต้นไม้วิเศษที่อยู่ใจกลางของถ้ำแห่งนี้พอดี ฉันจึงหยิบผ้าออกมาเพื่อใช้มันปิดจมูก เพื่อฉันจะได้ไม่สูดลมหายใจของบาซิลิสเข้าไป และหยิบมีดกับกระจกออกมาเพื่อเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับบาซิลิส แต่จะว่าไปเฮดิสให้ของฉันมา ฉันจึงหยิบมันขึ้นมาดู
   มันคือนาฬิกาที่ตายไปแล้ว ฉันขอเดาว่าเฮดิสคงลงคาถาอะไรไว้แน่ เพราะจากที่เฮดิสเคยเล่าให้ฟังตอนอยู่ที่คฤหาสน์ของลูเซียสว่าตัวเค้าสามารถใช้เวทย์มนต์เพื่อหยุดเวลาได้ และถ้าฉันสามารถหยุดเวลาได้ฉันก็สามารถเข้าไปเอาดอกไม้ได้โดยง่ายแต่ว่าฉันว่าเก็บไว้ก่อนเอาไว้ใช้ยามฉุกเฉินละกัน ฉันพยายามก้าวเท้าอย่างช้าๆเพื่อให้แน่ใจว่าฉันก้าวได้เงียบที่สุดเพื่อไม่ให้บาซิลิสตื่น เมื่อลงมาถึงข้างล่างนี้แล้วฉันจึงเดินเข้าไปใกล้บาซิลิสอย่างช้าและกำมีดที่อยู่ในมือจนแน่น เมื่อฉันแน่ใจแล้วว่าเข้าใกล้บาซิลิสมากพอแล้วฉันจึงใช้มีดเล่มนี้แทงไปที่ลูกตาของบาซิลิส ทำให้บาซิลิสตื่นขึ้นและร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
   เมื่อกลัวจะไม่ทันการฉันจึงใช้มีดแทงไปลูกตาอีกข้างของบาซิลิส และก้าวเท้าถอยออกมา ซึ่งมันทำให้บาซิลิสร้องเสียงดังยิ่งกว่าเดิม ไม่ได้การฉันต้องรีบเอาดอกไม้วิเศษและออกไปจากถ้ำแห่งนี้เสียที ฉันรีบวิ่งไปที่ต้นไม้วิเศาเพื่อเด็กดอกไม้นี้ออกมาและเก็บมันไว้ในถุงย่ามของฉัน ด้วยความโมโหของบาซิลิสมันจึงใช้หางตวัดไปทั่วถ้ำ ทำให้บัไดที่จะใช้ขึ้นไปด้านบนเกิดทลายลง บ้าจริง!!! แบบนี้ฉันก็แย่สิ เอาละสุดท้ายก็คงต้องลงมือสินะ ฉันร่ายคาถาไฟใส่บาซิลิสอย่างต่อเนื่องอย่างน้อยนี่ก็คงจะจัดการมันได้ แต่ก็ไม่ทันการถึงบาซิลิสจะมองไม่เห็นแต่มันก็ใช้หูและจมูกของมันในการหาตัวฉัน จากนั้นบาซิลิสจึงบินเข้าโฉบตัวฉันให้ลอยขึ้น ฉันจึงใช้มีดกรีดไปที่เท้าของมัน ทำให้มันปล่อยฉันล่วงลงมากระแทกกับพื้น
  บ้าจริงแผลที่ลูเซียสทำไว้เองก็ยังไม่หายดี แต่ต้องมาเจออะไรแบบนี้ก็ดีเหมือนกันจะเจ็บก็ต้องเจ็บให้มันสุดๆ ฉันร่ายคาถาไฟและใช้โจมตีบาซิลิสอีกครั้ง ทำให้บาซิลิสอ่อนกำลังลงได้บ้าง จริงสินาฬิกาของเฮดิส ฉันหยิบนาฬิกาเรือนนี้ขึ้นมา แต่ยังไม่ทันจะได้ร่ายคาถาอะไรบาซิลิสใช้หางของมันตวัดมาฟาดเข้าที่ตัวของฉันจนกระเด็กไปติดกับกำแพงของถ้ำ ฉันจึงหยิบนาฬิกาเรือนนี้ขึ้นมาอีกครั้งและร่ายคาถาลงไป เมื่อฉันร่ายคาถาลงไปนาฬิกาเริ่มเดินอีกครั้งจากนั้นทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ที่นี่จึงหยุดนิ่งลง และเฮดิสก็ปรากฎตัวออกมา
“ข้ากะไว้แล้วว่าเจ้าจะต้องใช้นาฬิกานี่เป็น”
“เจ้าลงคาถาไว้เมื่อฉันร่ายคาถาลงในนาฬิกานี้เมื่อไหร่เธอจะออกมาช่วยฉัน”
“ถูกต้อง และอีกอย่างข้าคือความทรงจำส่วนหนึ่งของเฮดิสก็เท่านั้นเอง”
“เจ้าลงคาถาอะไรไว้”
“ข้อแรกข้าจะออกมาช่วยเหลือเจ้าเมื่อเจ้าต้องการ และข้อที่สองนาฬิกาเรือนนี้คือความทรงจำระหว่างข้ากับเวโรนิก้า”
“เฮดิสเจ้ารักนาง เพราะลูเซียสฆ่าเวโรนิก้าเจ้าถึงได้แค้นลูเซียส”
“ถูกต้อง และนั่นก็คือเหตุผลว่าทำไมข้าถึงได้ช่วยเจ้า เอาละตอนนี้เจ้าอยากให้ข้าช่วยอะไร”
“พาฉันออกไปจากที่นี่ พาฉันกลับไปหาอาเธอร์....”
“ได้เจ้าจะได้ในสิ่งที่เจ้าปราถนา” เมื่อสิ้นสุดคำพูดของเฮดิส เฮดิสเดินมาประคองฉันและอุ้มฉันในท่าเจ้าหญิง จากนั้นเฮดิสจึงรีบพาฉันหนีออกไปจากถ้ำแห่งนี้ก่อนที่เวลาจะเดินต่อ ในระหว่างที่เรากำลังขึ้นไปยังทางออกของถ้ำนั้นเฮดิสเล่าให้ฉันฟังว่าเค้ากับเวโรนิก้าเคยรักกันมาก่อน ในตอนที่เวโรนิก้ามาอยู่ที่คฤหาสน์ลูเซียสทั้งทำร้ายและทุบตีเธอราวกับสัตว์
  ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของเฮดิสที่คอยรักษาเธอและเป็นที่ระบายให้กับเวโรนิก้าเวลาที่เธอโดนลูเซียสทำร้ายมา อีกทั้งตลอดระยะเวลาที่อาศัยอยู่ในคฤหาสน์เฮดิสรู้สึกได้ว่าผู้หญิงคนนี้ทำให้หัวใจที่ด้านชาของเค้ามีชีวิตชีวาขึ้น เพราะเวโรนิก้าเป็นที่ทั้งสวยและอดทน อีกทั้งยังมีจิตใจที่งดงามเธอไม่เหมาะกับการที่จะมารับชะตากรรมอันโหดร้าย เฮดิสเคยคิดที่จะพาเธอหนีแต่ก็ดันเกิดเรื่องน่าเศร้านี้ขึ้นสักก่อนทำให้เค้าไม่เคยได้กล่าวคำว่ารักให้เวโรนิก้าได้ยินเลยสักครั้ง
   และเป็นเพราะเค้าต้องทนทุกข์อยู่กับคนที่ฆ่าคนที่เค้ารักนั้นทำให้เค้าจำเป็นต้องเย็นชาอีกครั้ง จนกระทั่งวิญญาณของเวโรนิก้านั้นกลับมาและทำนายอนาคตที่จะเกิดขึ้นให้เค้าฟัง มันทำให้ด้านดีของถูกปลุกขึ้นมาและสามารถต่อต้านลูเซียสได้ และนาฬิกาเรือนนี้คือของขวัญชิ้นเดียวที่เวโรนิก้าได้ให้ไว้กับเค้า ซึ่งเวลาของมันก็ได้หยุดลงพร้อมกับชีวิตของเวโรนิก้าที่ดับลง เฮดิสพาฉันมาส่งยังทางเดินที่จะนำไปถึงทางออกของถ้ำแห่งนี้และทำให้เวลากลับมาเดินอีกครั้ง ฉันเดินไปที่ปากทางเข้าถ้ำและทำลายรั้วเหล็กนี้ออก เมื่ออาเธอร์เห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งเข้ามากอดฉันเอาไว้
“เมลิซ่าเป็นอะไรมากมั้ย”
“ไม่หรอกแต่ว่าฉันได้นี่มาแล้วนะ” ฉันหยิบดอกไม้วิเศษออกมาให้อาเธอร์ จากนั้นฉันจึงค่อยๆทรุดตัวลงเพราะบาดแผลที่บาซิลิสทำไว้
“เมลิซ่า!!! คุณเจ็บหนักขนาดนี้แต่ยังบอกว่าไหวได้ยังไงกัน”
“ก็ยังดีกว่าฉันตายไปแล้วนะ อาเธอร์...”
“งั้น กระผมรีบรักษาท่านเมลิซ่าดีกว่าอาการของท่านเมลิซ่าจะได้ดีขึ้นและเราก็จะเดินทางกลับไปยังคาเมรอทได้เร็วขึ้น” เมอร์ลินรีบเดินมาทางฉัน
“นั่นสินะ งั้นฉันขอฝากด้วยละ” ฉันยิ้มให้เมอร์ลินเล็กน้อยและหันหลังให้เมอร์ลินเพื่อให้เมอร์ลินรักษาแผลที่หลังของฉันได้สะดวก และหลังจากนั้นไม่นานพวกเราก็รีบเดินทางกลับไปยังหมู่บ้านเซนทอร์อีกครั้งเพื่อจะกลับไปยังเรือของพวกเรา ซึ่งในขากลับนี้เองก็มีพวกฌซนทอร์จำนวนมาคอยรับพวกเราและอาสาจะพาพวกเราไปส่งที่เรือของเราโดยเร็วที่สุด
   พวกเค้าเล่ากันว่ามิราน่าส่งเหล่าภูติตัวน้อยของเธอไปยังหมู่บ้านเซนทอร์เพื่อให้พวกเค้ามารับพวกเราในตอนขากลับไปยังเรือของเราได้เร็วยิ่งขึ้นเพราะมิราน่าเกรงกลัวว่าถ้าเรากลับไปช้ากว่านี้เจ้าหญิงมอร์กาน่าอาจจะไม่รอดแน่ๆเพราะตั้งแต่พวกเรามาที่นี่ก็ใช้เวลาไปร่วมหลายวันแล้ว แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ตามการเดินทางในครั้งนี้อาจจะเป็นประสบการ์ที่ดีเหมือนกัน
(เช้าวันรุ่งขึ้น ณ เรือของอาเธอร์)
                ตอนนี้พวกเรากำลังจะออกเดินทางออกจากป่าอาถรรย์แห่งนี้พวกเซนทอร์ทั้งหลายต่างให้เสบียงกับพวกเรามาจนแทบจะทานกันไม่ไหวเลยทีเดียวอีกทั้งของฝากมากมายเพราะพวกเซนทอร์อยากให้ทหารของพวกเราได้มีอะไรติดไม้ติดมือกลับไปหาครอบครัวของเขาบ้าง
“ออกเรือได้!!!” สิ้นเสียงของเซอร์เบดิเวียร์เหล่าทหารก็พากันเก็บสมอเรือและปล่อยใบเรือลงเพื่อให้เรือแล่นออกไปส่วนฉันเองก็ออกไปยืนรับลมอยู่บนดาดฟ้าของเรือ ฉันวางแขนลงบนขอบของเรือเพื่ออิงตัวกับขอบของเรือ ส่วนอาเธอร์เมื่อเห็นดังนั้นจึงเดินเข้ามาหาฉันและโอบเอวจากข้างหลัง
“เดี๋ยวสิ พวกทหารมองพวกเราอยู่นะ!”
“จะเป็นไรไปก็ตอนนี้พวกเราเป็นคู่รักกันแล้วนี่” เมื่อฉันได้ยินที่อาเธอร์พูดดังนั้นหน้าของฉันจึงแดงก่ำราวกับลูกตำลึงก๋ไม่ปราน
“แหม ท่านอาเธอร์นี่ร้ายไม่ใช่เบาเลยนะ” เมอร์ลินกล่าวขึ้น
“เผอิญว่าผมเป็นกษัตริย์ที่รูปงามอยู่การที่จะมัดใจสาวย่อมเป็นอะไรที่ง่ายมาก”
“ทำเป็นพูดไป” ฉันใช้ศอกกระแทกไปที่หน้าท้องของอาเธอร์ จนทำให้เค้าต้องยอมปล่อยมือออกมาจากเอวของฉัน
“เห!! สร้อยที่ท่านเมลิซ่าสวมอยู่นี่มัน!!!” เมอร์ลินชี้ไปที่สร้อยคอของฉัน ซึ่งมันทำให้ฉันชักสีหน้าสงสัยและหันไปสบตากับอาเธอร์แบบงงๆ
“ทำไมหรอ เมอร์ลิน” ฉันถามเมอร์ลินกลับ
“เฮ้!!! ทุกคน!!! ท่านอาเธอร์ขอท่านเมลิซ่าแต่งงานละ!!!!” เมอร์ลินตะโกนประกาศเรื่องของฉันกับอาเธอร์จนทำให้ทหารทุกคนต้องหันมามองเราทั้งคู่
“เฮ้!!!!!!!” ทหารทุกคนต่างพากันเฮอย่างพร้อมเพรียง เฮ้อ อะไรมันจะขนาดนั้นกันเนี่ยฉันจึงพยายามเดินหนีมาทางเซอร์เบดิเวียร์ที่กำลังบังคับเรืออยู่
“เฮ้อ งานเข้าแน่ๆ” เซอร์เบดิเวียร์บ่นพึมพำ
“เจเนวีฟใช่มั้ย” ฉันถามเซอร์เบดิเวียร์
“ใช่ เพราะตัวนางเองคงจะไม่ปลื้มแน่ที่อาเธอร์จะถอนหมั้นกับนางแล้วมาแต่งกับหญิงสามัญชนอย่างท่านเมลิซ่า”
“เรื่องนี้ฉันเข้าใจถึงฉันจะพยายามปฎิเสธอาเธอร์มากแค่ไหน แค่เค้าก็ไม่ย้อท้อที่จะทำให้ฉันรักเค้าได้”
“ใช่ท่านอาเธอร์เป็นคนแบบนั้นแหละ ตลอดเวลาที่ผมอยู่เคียงข้างท่านอาเธอร์มาก็ทำให้รู้ว่าไม่ว่าจะรบในศึกอะไรก็ตามท่านอาเธอร์จะไม่ยอมแพ้และจะหาทางเอาชนะคู่ต่อสู้ให้ได้จนถึงที่สุด รวมถึงเรื่องหัวใจเองก็เช่นเดียวกันท่านอาเธอร์เคยเล่าให้ผมฟังตอนที่ไปรบด้วยกัน ท่านบอกว่าท่านหลงรักผู้หญิงคนหนึ่งที่เคยช่วยชีวิตของเค้าเอาไว้และจนถึงตอนนี้เธอคนนั้นก็มายืนอยู่ที่นี่แล้ว”
“ขอบคุณ”
“ลงไปหาท่านอาเธอร์ป่านนี้เค้าคงจะหึงหวงท่านแย่แล้วท่านเมลิซ่า” เซอร์เบดิเวียร์ผลักที่ไหล่ของฉันเบาๆ เพื่อให้ฉันเดินกลับไปหาอาเธอร์อีกครั้ง ในตอนนี้อาเธอร์กำลังทำหน้ามุ่ยราวกับเด็กน้อยก็ไม่ปราณ ซึ่งมันทำให้ฉันอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้กับท่าทางของเค้าในตอนนี้
“ขำอะไร” อาเธอร์เดินตรงเข้ามาหาฉัน
“ก็แค่เห็นสีหน้าของคนขี้หึงก็เท่านั้นเอง” ฉันเหยียดยิ้มที่มุมปากให้อาเธอร์เล็กน้อย
“หื่ม สงสัยมีคนอยากลองดี” ไม่ทันไรอาเธอร์ก็จับฉันและอุ้มฉันในท่าเจ้าหญิงโดยที่ฉันไม่ทันจะได้ตั้งตัว
“อาเธอร์!!! ปล่อย!!” ฉันยิ่งพยายามดิ้นมากเท่าไหร่อาเธอร์ก็ยิ่งกอดแน่นมากขึ้นเท่านั้น
“ไม่!!” อาเธอร์ไม่พูดอะไรต่อและพาฉันเดินยังห้องพักของเค้าที่อยู่ในใต้ถุนของเรือ ส่วนพวกทหารและคนอื่นๆต่างพากันกลั้นขำเล็กน้อยโดยไม่มีใครจะขัดขวางหรือช่วยฉันเลยแม้แต่น้อย เฮ้อ เข้าข้างอาเธอร์กันหมดเลยนะ เมื่อมาถึงข้างในห้องอาเธอร์โยนฉันลงกับเตียงนอนและจับกดฉันทันที
“เฮ้อ ทีนี้ก็ไม่มีใครมากวนพวกเราแล้วนะที่รัก” อาเธอร์ใช้มือทั้งสองข้างล็อคข้อมือของฉันเอาไว้
“อาเธอร์นี่มันกลางวันนะ!! ปล่อยฉันเถอะ!!”
“ผมไม่สนใจหรอกว่าจะกลางวันหรือกลางคืน แต่ว่าตอนนี้ผมอยากจะอยู่กับคุณมากกว่า และอีกอย่างหนึ่งถ้าเราแต่งงานกันไปแล้วเราก็ต้องสร้างทายาทด้วยกันอยู่ดีนะที่รัก"
“เอาไว้หลังแต่งงานก็ได้นี่”
“ไม่เอาน่าเมลิซ่า ตอนนี้เลยเราจะได้มีทายาทกันเร็วๆไง”
“แต่.....”
“ชู่........น่านะที่รัก” อาเธอร์ค่อยๆโน้มตัวลงและจุมพิศฉันอย่างช้าๆ จากนั้นเค้าจึงค่อยๆปล่อยมือจากข้อมือของฉันและเปลี่ยนมาเป็นกอดรัดฉันแทน จากจูบที่แสนจะอ่อนโยนเปลี่ยนมาเป็นจูบที่ร้อนแรงยิ่งขึ้น หัวใจของฉันและอาเธอร์ที่ต่างเต้นแรงขึ้นจนเป็นจังหวะเดียวกัน อาเธอร์เปลี่ยนจากการจูบเลื่อนลงมาไซร้ที่ต้นคอของฉันราวกับราชสีห์หนุ่มที่กำลังออกล่าเหยื่อก็ไม่ปราณ ก่อนที่เค้าจะหยุดและเงยหน้าขึ้นมามองฉันด้วยสายตายั่วยวน
“ที่รักผมเริ่มร้อนแล้วละ ขออนุญาตถอดชุดเลยละกัน” ยังไม่ทันที่ฉันจะได้พูดอะไรอาเธอร์ก็จัดการถอดเสื้อของเค้าออกและหันมาจัดการชุดของฉันต่อ
“เฮ้อ ผู้หญิงเนี่ยใส่แบบนี้ไปทำไมไม่กลัวหายใจไม่ออกหรอ”
“เค้าเรียกว่าชุดรัดทรงผู้หญิงทุกคนเค้าก็ใส่เพื่อให้รูปร่างของตัวดูดีอยู่ตลอดเวลาไง”
“แต่คุณไม่จำเป็นต้องใส่ของแบบนี้ก็หุ่นดีอยู่แล้วนะ”
“พอเลยหยุดพูดได้แล้ว!”

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา