Impossible Love... รักไม่ได้ก็จะรัก

7.3

เขียนโดย maillynboony

วันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2559 เวลา 16.19 น.

  6 chapter
  0 วิจารณ์
  7,331 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2559 17.15 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

6) เพิ่งเริ่มต้น

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

Chapter 6

 

            ผ่านไปเกือบ 2 อาทิตย์ที่ข้าวปั้นเข้ามามีผลในชีวิตของผม และนี้เป็นอาทิตย์ที่ 3 ที่ผมต้องกลับไปเป็นเกี๊ยะที่ไม่มีเงาของร่างสูงๆของเพื่อนสนิทอยู่ข้างๆ หลังจากเหตุการณ์วันนั้น เช้าตอนผมตื่นขึ้นมา สายตาผมเจอแต่ความว่างป่าวและไร้เสียงรบกวนเหมือนทุกที ปกติถ้าเวลาผมจะตื่น จะต้องมีเสียงโครมๆจากไอ้ปั้นตลอดเวลา แต่วันนั้น ความเงียบมันเป็นสิ่งที่ผ่านสายตาผมมา ผมถามป้าปิ่นก็ไม่ได้คำตอบกลับมาเพราะแกก็ไม่รู้เหมือนกันว่าข้าวปั้นหายไปไหน ผมพยายามนึกอยู่หลายครั้งว่าเกิดอะไรขึ้นต่อจากที่เค้านอนไปแล้วหรือป่าว แต่ผลสุดท้ายก็ไม่มีอะไรที่นึกออกเลยซักอย่าง … เกิดอะไรขึ้นว่ะ??

            ใต้อาคารเรียนคณะวิศวะฯ … พวกผมยังคงนั่งรอเรียนวิชาต่อไปอย่างเรื่อยเปื่อย ไอ้เจ้าศรยังไงนั่งคุยโทรศัพท์กับแฟนอย่างหวานเชื่อมเป็นลูกตาลใกล้เน่าเต็มที ตัวผมก็กดเบอร์โทรหาข้าวปั้นอยู่เช่นเดิม ส่วนกานต์กับภูมิมันนั่งหันหลังให้กันตั้งแต่มาถึงมหาลัย ตอนแรกผมรู้สึกงงๆกับท่าทีแปลกๆของมันสองคน แต่ตอนนี้เริ่มชินตาไปบ้างล่ะ แต่ที่ผมไม่เข้าใจคือ ทำไมมันไม่พูดกันเลยเนี่ยดิ … เป็นไรกันว่ะ?

            “นิมึงสองคนจะไม่คุยกันบ้างเลยเหรอว่ะ? กูเห็นมานั่งเป็นพระประทานอยู่สององค์ข้างๆกุเนี่ย อีกนิดนึงกูจะไปหาธูปเทียนมากราบสักการะแม่งล่ะ”

            “ก็กูไม่มีอะไรจะพูดนิหว่า จะให้คุยอะไร”

            “ไม่มีหรือไม่อยากจะคุยกันแน่”   เสียงของกานต์แทรกขึ้นมาระหว่างผมกับภูมิ ถ้าผมฟังไม่ผิด น้ำเสียงไอ้กานต์มันมีความ… นอยส์สูงมากก

            “ไม่มี”

            “ได้ ถ้ามึงต้องการอย่างนั้นจริงๆ กูจะไม่สนใจแม่งล่ะ พอกันที!!!!”

            เจ้าโย่งประจำกลุ่มตะโกนใส่อีกคนอย่างหมดความอดทนแล้วเดินหนีออกไปทันที ทิ้งให้ผมและศรนั่งมึนกับสิ่งที่มันทำเมื่อกี้ แล้วมองไปที่ตัวต้นเหตุที่ตอนนี้มองตามหลังไอ้กานต์แล้วทำหน้าคิ้วขมวดก่อนจะไม่ได้สนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นอีกต่อไป ผมกับศรได้แต่มองหน้ากันแล้วพยักหน้าเพื่อที่ว่าจะคุยกันนอกรอบอีกที แต่ทว่าตอนนี้เพื่อนโย่งที่เดินออกไปมันคงต้องขาดเรียนอีก 1วันแน่นอน ผมยืนยัน! จากนั้นภูมิมันก็ขอตัวออกไปอีกคนและบอกให้พวกผมเช็คชื่อมันด้วย และมันจำได้หรือป่าวว่า คาบต่อไป มันเป็นของ ข้าวปั้น…

 

            ผมกับศรเข้ามานั่งรอเรียนในคลาสพร้อมเพื่อนในเซคเดียวกัน วันนี้เป็นวันที่ผมหายใจได้ลำบากที่สุด ไม่ใช่เพราะเป็นหวัด แต่เป็นเพราะผมจะได้เจอหน้าเพื่อนสนิทของผมในรอบ 1 อาทิตย์ แปลกใจกันใช่มั้ยว่าทำไมถึงไม่โทรไปหามัน …หึ! ผมทั้งโทรและไลน์หา จนเพื่อนอย่างไอ้ศรมันยังแปลกใจเลยว่า สรุปข้าวปั้นมันเป็นเพื่อนหรือผัวผมกันแน่ .. เอ่อ ผัวเหรอ?

            “นักศึกษา เคารพ”  ตัวแทนห้องส่งเสียงเตือนให้เพื่อนร่วมห้องอยู่ในความสงบ ผมสะบัดความคิดพลางมองไปที่หน้าห้อง … ร่างสูงในชุดทำงานก้าวเข้ามาพร้อมกับกระเป๋าเอกสารและตามมาด้วยเพื่อนของเขาที่หอบกล่องการสอนมาอีกครั้ง สายตาผมยังคงมองหน้าเพื่อนสนิทคนนี้ เหมือนพยายามหาคำตอบว่าทำไมอยู่ๆถึงหายไปจากชีวิตเค้า..อีกแล้ว

            “เอาล่ะ บทต่อไปที่ผมจะสอนนะครับ…..”  ข้าวปั้นเริ่มการสอนโดยไม่เช็คชื่อเหมือนทุกครั้ง ส่วนเพื่อนของเขากลับอออกไปนอกห้องและนั่งรอเหมือนเดิม

            “เกี๊ยะ มึงเป็นอะไรว่ะ กูเห็นมึงเอาแต่เหม่ออยู่นั้นแหละ”

            “ป่าว ไม่มีอะไร กูแค่คิดอะไรไปเรื่อยๆ คิดเยอะน่ะ”

            “คิดเชี้ยไรของมึงว่ะ แล้วนิ .. ไอ้ปั้นเพื่อนมึงมาอยู่ตรงหน้ามึงแล้ว ไม่ต้องโทรหาให้เปลืองแบตแล้วนะเว้ย กูเห็นแล้วหงุดหงิดลูกตา”

            “ห่า! เงียบปากไปเลยมึงอ่ะ กูไม่ได้โทรบ่อยซักหน่อย”

            “หรา… นิถ้ากูไม่นับเรื่องที่มึงโทรหาที่บ้าน กับโทรจิกพวกกูเวลาไม่เห็นหน้าเนี่ย มึงโทรหาเพื่อนมึงคนนี้เยอะกว่าคนอื่นอีก บางทีกูสงสัยนะ ว่าเมื่อก่อน มึงสองคนไม่แค่เพื่อนหรือป่าวว่ะ ผัวมึงใช่มั้ยไอ้เกี๊ยะ!! มึงหลอกพวกกูว่าชอบผู้หญิงใช่มั้ย?”

            “ไอ้ห่านิ คิดบ้าอะไรของมึงว่ะ กูกับไอ้ปั้นเป็นผู้ชายจะเป็นอะไรไปได้ไง มึงแม่งโรคจิตว่ะ”

            “กูก็แค่ขำๆป่ะว่ะ ทำไมต้องทำเสียงจริงจังด้วย”   ศรมองผมด้วยสายตาที่แปลกใจกับน้ำเสียงที่ไม่ปกติของผมเท่าไหร่ ผมเองก็ไม่รู้ว่าทำไม ผมถึงเป็นแบบนี้เหมือนกัน ทั้งๆที่เมื่อก่อน ผมกับไอ้ศรเป็นคู่จิ้นประจำเซคด้วยซ้ำ เล่นขำกันทั้งวัน … แต่ทำไมกับไอ้ปั้น ผมต้องต่อต้านด้วยนะ งง..

            “นายอดิศร! ถ้าจะคุยกันขนาดนั้น ไม่ต้องฟังผมสอนแล้วไปยืนรอเพื่อนนอกห้องดีมั้ยครับ”

            “อ้าวววว จารย์คร้าบบบบบบบ”

            “เลิกคุยกันแล้วหันกลับมาฟังด้วยครับ”   สายตาอาจารย์ฝึกสอนตวัดกลับไปมองรอบห้องอีกครั้งก่อนจะสอนเรื่องต่อไปทันทีที่ดุศิษย์ตัวเองเสร็จ…

            “วันนี้เพื่อนมึงมาแปลกนะเกี๊ยะ”

            “อืม แปลก”  … แปลกที่มันไม่มองมาทางผมแม้แต่หางสายตาเลยด้วยซ้ำ ปกติมันจะต้องด่าผมแทนที่จะเป็นเพื่อน แต่ครั้งนี้เพื่อนผมกลับโดนเตือนแทน ผมทำอะไรผิด? ทำไมไอ้ปั้นถึงมีท่าทีที่แปลกไปแบบนี้ด้วยนะ

            “เกี๊ยะ มึงมีปัญหาอะไรกับเพื่อนมึงหรือป่าวเนี่ยห่ะ”

            “… มึงดูออกซินะ”

            “ป่าว เพราะกูโดนด่าไง กูถึงถามเนี่ย”   มันใส่อารมณ์กับผมเสียงเบา พลางสาดสายตาบีบบังคับผม … บีบกูจริงเลย

            “อืม มี… แต่ครั้งนี้กูไม่เข้าใจเหมือนกันว่า เพราะอะไร?”

 

(Karn Part’s)

            “ริต้า วันนี้กานต์ไม่ได้ไปหาแล้วนะ พอดีมีเรื่องต้องทำนิดหน่อยน่ะ ไม่โกรธนะครับคนดี”  ผมกรอกเสียงอ้อนในระดับนึงเผื่อปลายสายจะเห็นใจผมบ้าง … แฟนผมตอบรับก่อนจะวางสายไป ผมได้แต่ถอนหายใจเฮือก

            ผมรู้สึกผิดกับแฟนผมจริงๆ ผมไม่เคยคิดว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น เรื่องที่มันเกิดกับเค้าและเพื่อนสนิทที่สุดในกลุ่มอย่าง ภูมิ … ผมทึ้งผมตัวเองอย่างแรงพลางฟุบหน้าลงกับโต๊ะหินอ่อน เหตุการณ์ที่ผ่านไปนานกลับมาให้นึกอีกครั้ง ในวันนั้นพวกผม 4 คนไปสังสรรค์ตามปกติ แต่ที่พิเศษขึ้นมาหน่อยคือวันเกิดไอ้เกี๊ยะ เพื่อนเตี้ยน้อย มันเลยพาพวกผมมาเลี้ยงที่ร้านของรุ่นพี่ที่คณะ วันนั้นเมากันหนักมาก จนผมไม่รู้ว่าวันนั้นใครพาใครกลับบ้านไปบ้าง เพราะผมรู้สึกตัวอีกทีคือหน้าห้องของไอ้ภูมิ แล้วจากนั้นภาพก็ตัดไป… ไม่นานผมก็สติกลับมาถึงจะไม่ครบก็เหอะ ผมมองเห็นมือจางๆใครบางคนกำลังเช็ดตัวให้ผมอยู่ ในความรู้สึกผมตอนนั้นมันเหมือนริต้าแฟนสาวคนสวยของผมมาก …

            ผมคงไม่ต้องบอกหรอกนะ ถ้าคนเมามันมองเห็นแฟนตัวเอง มันจะรู้สึกอะไร? ผมคว้าข้อมือเธอให้ลงมานอนกับผม ก่อนจะพลิกตัวทับและระดมจูบทันที ผมรู้สึกถึงการขัดขืนอย่างรุนแรง แต่.. อารมณ์ผมมันเกินที่จะหยุดได้แล้ว ผมล็อคแขนและหน้าขาเธอก่อนจะไซร้ซอกคอขาวนั้นอีกครั้ง ผมได้กลิ่นหอมอ่อนๆของน้ำหอมผู้ชาย แต่นั่นไม่ได้ทำให้ผมมีสติกลับมา ตอนนั้นผมคิดแค่ว่า วันนี้ผมต้องทำให้เธอเป็นของผมให้ได้ … ไม่นานเราสองคนก็ตกอยู่ในสภาพเปลือยเปล่า ไม่รู้หรอกว่าตอนนั้นอะไรคืออะไร สติผมยังแยกเสียงไม่ออกเลยว่าอะไรคือฝันหรือเรื่องจริง สิ่งที่ผมรู้อยู่อย่างเดียวคือ เสียงกระเส่าที่อยู่ใต้ร่างของผม เสียงนั้นทำให้ผมแทบคลั่ง มือที่บีบบ่าผมเริ่มบีบแน่นมากขึ้น เจ็บ.. และนั่นทำให้ผมรู้ทันทีว่าไม่ได้ฝัน ระหว่างที่กิจกรรมรักดำเนินได้อย่างไม่มีจุดหมาย สติผมเริ่มค่อยๆก่อตัวขึ้น สายตาที่พร่าไปก่อนหน้านี้กลับมาชัดอีกครั้ง … ผมก้มลงมองร่างใต้กายตัวเอง ที่พยายามจะเถิบถอยหนีแต่มือของผมกลับดึงกลับมาทุกครั้ง ใบหน้าที่คุ้นเคยนั้น เสียงที่เริ่มชัดขึ้น ทำให้ใจผมหล่นวูบ … หากแต่อารมณ์เค้าตอนนั้นมันมากเกินกว่าจะหยุด เค้าทำได้แต่คิด และมองร่างกาย … ข่มขืนเพื่อนสนิทตัวเอง

            “โมโหอะไรนักหนา”   เสียงทุ้มของใครบางคนไล่หลังมา ผมเงยหน้าขึ้นพลางเบี่ยงหน้ากลับไปมอง

            “มีอะไร”

            “งอนกูเหรอ?”

            “ป่าว กูมีสิทธิ์อะไรไปงอนมึงล่ะครับเพื่อน”

            “แค่คำพูดมึงก็ประชดกูแล้วนะกานต์ เราคุยกันเข้าใจแล้วไม่ใช่เหรอว่ะ”

            “มึงเข้าใจแค่มึงคนเดียวไงภูมิ กูไม่เอา!!”   ผมตอบกลับคนที่นั่งตรงข้ามกับผมอย่างหมดอารมณ์ ผมไม่รู้หรอกว่าสำหรับมันแล้ว คนอย่างผมมีค่าอะไรในชีวิตมันนอกจากคำว่าเพื่อน และคนที่นอนด้วยแค่คืนเดียว

            “กานต์ มึงเข้าใจกูหน่อยดิว่ะ กูกับมึงก็ต่างมีแฟนทั้งคู่ ไหนจะไอ้ศร ไอ้เกี๊ยะที่มันปากหมาแบบนั้นอีก มึงรับสภาพการถูกล้อของพวกมันได้ด้วยเหรอว่ะ”

            “นี้มึงห่วงแค่สายตาคนอื่นแต่ไม่แคร์ความรู้สึกกูเลยเหรอว่ะ”

            “มึงจะแคร์อะไรนักหนาว่ะ กูคือคนที่โดนเอาไม่ใช่มึง กูซีเรียสมั้ย”

            “ก็เพราะมึงระบายกับกูไปแล้วไง มึงจะซีเรียสอะไร”  ผมกรอกตาขึ้นบนก่อนจะฟุบหน้าลงกับโต๊ะอีกครั้ง เพราะยิ่งมองไอ้เพื่อนคนนี้นานๆ พาลจะอารมณ์โมโหขึ้นอีกรอบ .. ผมตอบไปตามความจริง เพราะเช้าวันต่อมาจากนั้น มันอัดผมเละเลย ผมต้องพักไปรักษาหน้าอยู่ 3-4 วันกว่าจะกลับมาเรียน พอกลับมาเจอกันอีกครั้ง มันก็ทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งๆที่ในใจผมแม่งโคตรรู้สึกผิดจนถึงทุกวันนี้ ผมพยายามจะเลิกคิดแต่เหตุการณ์นั้นมันตามหลอนผมทุกเวลา ขนาดจะมีอะไรกับแฟนตัวเอง ภาพไอ้บ้านิก็ซ้อนขึ้นมา … ผมว่าผมต้องคิดแล้วมั้ยว่าผมควรจะเลือกเป็นอะไรซักอย่างน่ะ

            “กานต์ กูรู้นะว่ามึงอาจจะโกรธกูที่ไม่ได้สนใจมึงเลย แต่มึงให้โอกาสกูได้คิดไม่ได้เหรอว่ะ มึงเล่นมาพูดว่าจะขอคบกับกู ทั้งๆที่เรา…”

            “เป็นผู้ชายซินะ”

            “ไอ้กานต์”

            ผมยันตัวขึ้นแล้วมองหน้าไอ้ภูมิที่ทำเสียงเหมือนคิดหนักมากมาทั้งชีวิต แต่มันได้ครึ่งนึงของผมหรือป่าวล่ะ.. ผมไม่รู้หรอกว่าทุกอย่างจากนี้มันจะเกิดอะไรขึ้น ผมรู้แค่ว่าถ้ามันตอบตกลงกับผม ผมจะคุยกับริต้า เรื่องที่ผมเปลี่ยนไป เพราะมันเป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับของคนสามคน แต่ไอ้ภูมิกลับไม่พูดอะไรออกมานอกจากคำว่า ขอคิดก่อน ขอเวลา มันทำใจลำบาก …เอาเหอะ ผมให้เวลามันคิดมาสามเดือนแล้วแต่มันยังคิดไม่ได้ ผมก็ไม่รู้จะคาดคั้นจากมันไปทำไม ในเมื่อมันต้องการให้ผมแค่เพื่อน ผมก็จะเป็นให้มันก็ได้…

            “มึงไม่ต้องพูดอะไรแล้ว กูเข้าใจมึงก็ได้ เป็น “เพื่อน” ต่อไปก็ได้”

 

(Yong Part’s)

            และนี่ก็เป็นอีกวันที่ผมต้องมาเฝ้าไอ้เพื่อนซี้สอนหนังสือและพามันกลับบ้านไปด้วย ข้าวปั้นมานอนอยู่ที่คอนโดผมได้อาทิตย์นึงแล้ว ถามเหตุผลว่าเกิดอะไรขึ้นมันก็ไม่บอก ได้แต่หัวเราะแฮะๆใส่ผม ผมก็ไม่ใช่คนจู้จี้หรอก ถ้ามันอยากจะบอกเดี๋ยวคงบอกมาเองแหละ … เมื่อคิดได้แบบนั้น ผมก็เอางานขึ้นมาทำรอข้าวปั้นมันสอนเสร็จ สายตาเจ้ากรรมดันหันไปเจอกับใบหน้าหน้าขาวๆของหนุ่มน้อยที่เค้าเฝ้าภาวนาว่าจะต้องกันอีกครั้งตลอดเวลา นั่นมันน้องแว่นนี่หว่า โอ๊ยย!! หน้าขาว ปากแดง สเปคแจ้มากครัชชชชชช!!! ผมมองคนตัวเล็กกว่าอย่างสนใจ ใบหน้าที่กำลังเคร่งเครียดอยู่กับเพื่อน มียิ้มมุมปากเล็กน้อย หัวเราะกับเพื่อนอย่างสนุก ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก … โอเค! ผมบอกใบ้ก็ได้ว่าผมอ่ะ ได้ทั้งชายและหญิง ใครมาตรงสเปค ใครมันมาแล้วคลิก พี่นิกดหมดล่ะครับ ผมเป็นคนที่ไม่ชอบให้ใครมาอยู่เหนือการบังคับ ผมต้องคุมเกมส์เท่านั้น โย่งสายแข็ง โย่งสายน้ำเกลือปั้นเป็นก้อนอย่างผม มาเลยครัชเบบี๋! โย่งพร้อมกับการบริการความบันเทิงเหนือสายรุ้งสายไหมอย่างเต็มสูบ กรู๊ววววววววว!

            “วันนี้จะจับให้อยู่มัดเลยคอยดู หึ! โอ๊ยๆ โย่งนิแปล๊บๆ สันหลังวูบวาบเลยครัชชชช”

 

(Sorn Part’s)

            อยู่ๆผมรู้สึกความเสียวสันหลังมันวูบเข้ามา ไอ้เกี๊ยะมองหน้ามองทันทีที่ผมสะดุ้งโหยง ผมกรอกตาไปมาก่อนจะมองไปรอบๆห้องที่ตอนนี้บรรยากาศมันก็ปกติ เพื่อนของไอ้เกี๊ยะก็สอนไปอย่างลื่นไหล แต่ทำไมผมยังรู้สึกถึงไอเย็นแปลกๆ มันไม่น่าจะใช่ผีหรอก เพราะถ้าเป็นผี ผมจะต้องรู้สึกแค่ข้างเดียวซิ แต่นี้มันวูบมาจากด้านหลังเต็มๆเลยนะ ผมโยกซ้ายขวาดูก็ไม่มีอะไรน่าแปลกใจ จนกระทั่งสายตาไปหยุดที่หน้าห้อง … ร่างสูงของใครบางคนมานั่งอยู่กันตรงกันข้ามกับเค้า เว้นแต่เค้าอยู่ในห้องเรียน แต่คนๆนั้นนั่งอยู่หน้าห้อง รอยยิ้มหวานเคลือบน้ำตาลของร่างสูงที่นั่งไขว้ห้าง พิมพ์งานอยู่นั้น มันทำให้ผมขนลุกขึ้นมาเกือบทุกเส้น ผมสาบานได้เลย นับตั้งแต่ผมเห็นผีตอนมอต้น ผมไม่เคยขนลุกขนาดนี้มาก่อน สายตาของเพื่อนสนิทอาจารย์เค้ามันมองเหมือนจะทำอะไรซักอย่างกับเค้า … หรือถ้าเรียกอีกอย่างนั่นก็คือ “การลวนลาม”

            “ไอ้โรคจิตในยิมนี่หว่า มานั่งตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”

            “ว่าไงนะมึง พูดกับกูป่ะ”   เกี๊ยะสะกิดเรียกผม พลางถามเพื่อความแน่ใจกับที่ตนคิด ผมส่ายหน้าก่อนจะหันกลับไปเรียนต่อ .. ทำไมรู้สึกถึงกลิ่นแปลกๆที่กำลังจะเกิดขึ้นเลยว่ะ เอ่ออ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา