Love Return ขอพิชิตใจเธออีกครั้ง

8.0

เขียนโดย pimlovely_pm

วันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2559 เวลา 20.53 น.

  33 ตอน
  0 วิจารณ์
  29.26K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2559 18.25 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

13) เริ่มคลี่คลาย

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

        ติ๊งต๊อง…

        เสียงกระดิ่งหน้าบ้านดังฉันที่นอนหลับสบายอยู่ถึงกับต้องตื่น วันนี้โรงเรียนฉันหยุดไปโดยไม่มีกำหนดเปิดด้วยเหตุที่ต้องปิดปรับปรุงสถานที่ต่างๆในโรงเรียนอีกไม่นานโรงเรียนฉันจะต้องเป็นเจ้าภาพในการแข่งขันกีฬารวมทุกโรงเรียน ซึ่งก็หมายถึงการแข่งบาสที่พี่ลีซ้อม การแข่งว่ายน้ำที่พี่ไวท์ซ้อม และการแข่งลีดที่พี่ชิกะซ้อมแถมยังมีอีกหลายรายการพอถึงวันแข่งทางโรงเรียนจะไม่มีการเรียนการสอนปล่อยให้นักเรียนไปเชียร์ได้อย่างเต็มที่ฉันเดินลงไปทั้งชุดที่ใส่นอนเมื่อคืนเสื้อยืดสีขาวบางๆ กางเกงขาสั้นสีดำสลับกับสีฟ้า

         “ป้านิ่ม!” ฉันถึงกับร้องตกใจเมื่อเห็นว่าใครยืนอยู่ที่รั้วหน้าบ้าน

        “เปิดประตูให้ป้าก่อนเร็วเดี๋ยวค่อยเข้าไปคุยกัน”

        ฉันเปิดประตูแล้วช่วยป้านิ่มยกกระเป๋าสัมภาระต่างๆเข้าไปในบ้านมีทั้งกระเป๋าลากใบใหญ่ๆสองใบกระเป๋าสะพายอีกหนึ่ง ร่างฉันแทบแยกกระเป๋าของป้านิ่มหนักเหมือนใส่หินไว้ในกระเป๋า

        “ป้าคิดถึงสองตัวแสบไงเลยว่าจะมาหาซักหน่อยนี่ก็เพิ่งเคลียร์งานเสร็จ” ป้านิ่มนั่งลงที่โซฟาในห้องนั่งเล่นก่อนจะไขความกระจ่างแจ้งให้กับฉันที่เอาแต่ทำหน้าสงสัย

        ป้านิ่มเป็นป้าแท้ๆของฉันตอนนี้ท่านดูแลกิจการ การส่งออกอาหารทะเลที่พ่อกับแม่ฉันได้สร้างไว้ก่อนที่ท่านทั้งสองจะจากไปอย่างไม่มีวันกลับ ท่านจากไปด้วยฝีมือใครตอนนี้ยังหาข้อสรุปไม่ได้นี่ก็สองปีเต็มๆแล้วที่ท่านจากไป แต่ตำรวจก็ยังหาคนที่ฆ่าท่านไม่ได้

        เรื่องอื่นในระยะเวลาสองปีฉันจำไม่ได้เลยแต่เรื่องของพ่อกับแม่ฉันฉันจำได้ฝังใจโดยที่ไม่ต้องมีใครมารื้อฟื้นให้เลยฉันจำและจะไม่มีวันลืมมันเด็ดขาด

        “แล้วมาอยู่นานมั้ยค่ะ”

        “ก็หนึ่งเดือนแหละ”

        “งั้นเดี๋ยวฝันขึ้นไปเคลียร์ห้องให้ก่อนนะคะ” ป้าฉันมีห้องประจำอยู่ที่บ้านหลังนี้ด้วยเมื่อก่อนท่านมาหาฉันกับพี่ลีบ่อยมากแต่ด้วยตอนนี้ท่านต้องดูแลกิจการที่กำลังไปได้สวยเลยไม่ค่อยมีเวลามา ห้องของป้านิ่มตอนนี้ก็คงมีฝุ่นเกาะเต็มไปหมดแล้ว

        และเป็นอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิดห้องของป้านิ่มเต็มไปด้วยฝุ่น ภาพถ่ายที่ติดไว้ที่ผนังห้องหรือตั้งไว้ที่โต๊ะข้างๆเตียงมีฝุ่นเกาะเยอะมาก ฉันไม่รอช้ารีบลงมือทำความสะอาดทุกอย่างเก็บนู่น รื้อนี่ ทิ้งนั่น

        ระหว่างที่ฉันปีนขึ้นไปเอารูปถ่ายรูปหนึ่งที่ติดอยู่ที่ผนังมันสูงมากจนฉันต้องใช้ตัวช่วยอย่างเก้าอี้ไม้ที่ตั้งอยู่ในห้อง

        ตุ๊บ…

        เสียงอะไรซักอย่างกระทบกับพื้นเป็นจังหวะเดียวที่ฉันเอารูปนั้นออกมาได้พอดิบพอดีมันคือรูปของป้านิ่มที่ถ่ายคู่กับแม่ของฉันตอนที่อยู่อังกฤษภาพนี้มันเหมือนกับว่าถ่ายอยู่ที่สนามหญ้าหน้าบ้าน แต่มันเป็นภาพที่ดูค่อนข้างเก่าๆป้านิ่มกับแม่ตอนนั้นก็ยังสาวๆอยู่ ป้านิ่มเคยบอกว่ามันเป็นรูปเดียวที่ได้ถ่ายคู่กับแม่

        ฉันลงมาจากเก้าอี้ก็เจอกับสมุดเล่มหนึ่งเป็นสมุดเล็กๆหน้าปกถูกหุ้มด้วยผ้าสีฟ้าตัดกับสีชมพู พอเปิดไปอีกหน้าถึงได้รู้ว่ามันคือไดอารี่ และเซ็นกำกับไว้ด้านล่างมุมขวา ฉันจำได้นี่มันลายเซ็นของแม่ ใช่!แปลว่านี่คือไดอารี่ของแม่ฉันฉันเปิดอ่านไปทีละหน้าๆแรกๆแม่ก็เขียนเล่าเรื่องราวในแต่ละวันเป็นไปอย่างปกติ พอหลังๆก็จะมีเรื่องพี่เฟรมเข้ามาอยู่ในได้อารี่บ่อยๆแต่ฉันดันไปสะดุดกับวันที่หนึ่งที่เขียนไว้ว่า

        19 Jun 2014

        วันนี้เพื่อนลีโอมาหาฉันที่บ้าน เขาชื่อ ‘เฟรม’ วันนี้ฉันอยู่บ้านคนเดียวลีโอและในฝันไปเรียน พ่อก็ต้องออกไปทำธุระ เฟรมมาพูดกับฉันว่า เขาชอบในฝันมากอยากจะแต่งงานกับในฝัน ฉันฟังแล้วรู้สึกตกใจเป็นอย่างมากที่มีคนกล้าพูดแบบนี้ด้วย ฉันได้แต่บอกว่าฉันแล้วแต่ลูก แล้วอีกอย่างลูกของฉันก็กำลังคบกับไวท์อยู่ฉันไม่อยากไปบังคับลูก เฟรมก็เอาแต่พูดว่าจะเอามาให้ได้ต้องทำให้เขาสองคนเลิกกัน ฉันฟังถึงกับตกใจเด็กอายุแค่นี้คิดได้ถึงขนาดนี้แล้วหรือยังไง ฉันได้แต่นั่งเงียบคิดหาวิธีที่จะพูดกับเฟรมให้เข้าใจ แต่เขาก็ไม่ฟังอะไร ฉันเลยหนีขึ้นไปบนห้อง ลงมาอีกทีก็ไม่พบเขาแล้วฉันได้แต่ถอนหายใจไปมา

        ไอดารี่ของแม่เขียนไว้เพียงเท่านี้ไม่แม้แต่จะลงชื่อ นี่เป็นไออารี่แผ่นสุดท้ายที่แม่ได้เขียนเอาไว้แผ่นนี้มันต่างไปจากแผ่นอื่นตรงที่ว่ามีคราบเลือดเปื้อนอยู่ในนั้นด้วย  นี่คงเป็นเลือดของแม่สินะแม่คงทรมานน่าดูน้ำใสๆที่คลอเบ้าอยู่แล้วตอนนี้มันเอ่อล้นออกมาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

        พ่อกับแม่ฉันถูกฆ่าตายพร้อมกันที่บ้านหลังนี้ท่านตายตอนกลางดึกของวันที่ 19 มิถุนายน 2557 ซึ่งตรงกับวันที่แม่ได้เขียนไดอารี่ไว้เป็นแผ่นสุดท้าย เรื่องนี้มันต้องเกี่ยวข้องกับพี่เฟรม ฉันรีบวิ่งลงไปหาป้าที่ห้องนั่งเล่นทั้งที่ยังมีคราบน้ำตาติดแก้มอยู่

        “มีอะไรทำไมรีบอย่างนั้นเดี๋ยวก็ล้มลงหรอก”

        “ป้า ป้าดูนี่สิไดอารี่ของแม่ๆ” ฉันเอาแต่พูดซ้ำไปซ้ำมา

        “จริงสิ ตั้งแต่แม่เราเสียไปป้าก็ลืมไปเลยว่ามีไดอารี่นี้ด้วย” ป้านิ่มพูดด้วยท่าทางสบายๆโดยที่ไม่รู้เลยว่ามีอะไรอยู่ในไดอารี่นี้บ้าง

        “เปิดดูสิคะ” ฉันยื่นไดอารี่ไปตรงหน้าป้านิ่มด้วยตัวที่สั่น

        “ฝันเป็นอะไรทำไมสั่นแบบนั้น” เสียงผู้ชายที่คุ้นเคยรีบเดินมาจับตัวฉัน นี่พี่ไวท์อยู่ที่นี่ด้วยเหรอแล้วเขาเข้าไปทำอะไรในครัวนั่น

        ตุ๊บ…

        ไม่รู้ว่าเนิ่นนานเท่าไหร่ที่พี่ไวท์ยืนจับตัวฉันแต่มันก็นานพอที่ป้านิ่มจะอ่านไดอารี่ไปถึงหน้าสุดท้ายแล้วไดอารี่นั่นก็ตกจากมือป้านิ่ม ป้านิ่มนั่งนิ่งเหมือนอึ้งไปครู่ใหญ่ๆก่อนที่น้ำใสๆจะไหลออกมาจากตา ฉันก็พลอยร้องไห้ตามป้านิ่มไปด้วยโดยไม่รู้ตัว

        “ฝันใจเย็นๆเป็นอะไร” คนข้างหลังได้แต่ถามอย่างเป็นห่วง

        “คดีนั่น คดีของแม่ฝัน” ฉันพูดได้แค่นี้แล้วได้แต่ร้องไห้

        พี่ไวท์พาฉันไปนั่งที่โซฟาข้างๆป้านิ่มพี่ไวท์หยิบไดอารี่ที่หล่นพื้นขึ้นมาเปิดดูแต่ละหน้าๆ และปิดลง “พี่รู้แล้วว่าใครฆ่าพ่อแม่ฝัน พี่รู้แล้ว”

         “ใครพี่เฟรมใช่มั้ยๆ”

        “พี่ต้องหาข้อมูลให้ชัดเจนกว่านี้แล้วคดีของพ่อแม่ฝันจะคลีคลายจะจับคนร้ายได้เชื่อพี่นะ” พี่ไวท์คุกเข่าลงมาจับมือฉัน

       

        เราทั้งหมดนั่งล้อมวงกันเป็นวงกลมเล็กๆโดยมีไดอารี่ของแม่วางอยู่กลางวงเราทั้งสามพยายามคิดหาเบาะแสสำคัญที่อาจจะสาวไปถึงพี่เฟรมได้ ตอนนี้เรารู้แล้วว่าพี่เฟรมเป็นคนฆ่าพ่อกับแม่ฉันแต่เราจะไปชี้มั่วซั้วไม่ได้เราต้องหาข้อเท็จจริงทุกอย่างให้ได้ทำให้หนีไม่พ้น

        “ตั้งแต่วันที่12-19มิถุนายน จะเห็นได้ว่าแม่เอาแต่เขียนถึงเฟรม” พี่ไวท์ตีความออกมาเป็นเรื่องๆแถมยังถือวิสาสะเรียกว่า ‘แม่’ ได้ยินแล้วมันอยากยิ้มแปลกๆ “ส่วนมากจะเขียนแต่ประมาณว่าเฟรมมาหาที่บ้าน มาขอร้องให้ฝันเลิกกับเอ่อ…เลิกกับผม” ได้ยินแล้วมันรู้สึกแปลกๆเลิกกับพี่ไวท์ทำไม้ต้องเลิกในเมื่อเราเป็นแค่…แค่พี่น้องกันไม่ใช่เหรอ

        “ป้าว่าเราลองขึ้นไปห้องพ่อกับแม่ของฝันกันดีมั้ยลองไปหาดูเผื่อได้เบาะแสอะไรเพิ่ม”

        เราทำงานกันเหมือนตำรวจจริงๆ สืบนู่นค้นนี่ไปเรื่อยๆ แต่ก็ไม่มีอะไรที่จะเป็นเบาะแสสำคัญได้เลย บางทีฉันอาจจะลองไปเป็นตำรวจดูเผื่อจะจับผู้ร้ายได้เร็วขึ้น ฉันไปแจ้งความตั้งแต่วันแรกที่รู้ว่าท่านทั้งสองเสียจนบัดนี้สองปีไม่มีตำรวจคนไหนออกมาให้ข้อสงสัยอะไรเลย แต่มันมีอุปสรรคตรงที่ห้องของแม่ถูกปิดตายมาตั้งนานแล้วฝุ่นเลยเกาะเต็มไปหมด

         เราทั้งสามคนใส่ถุงมือกันเพื่อป้องกันการตรวจลายนิ้วมือ

        “เจอแล้ว!” เสียงพี่ไวท์ดังขึ้นทำให้เราสองป้าหลานหันไปมองที่จุดเดียวกัน

        ในมือพี่ไวท์ถืออะไรบางอย่างอยู่เหมือนจะเป็นกระเป๋าตังค์ หนังสีดำดูค่อนข้างเก่า บนกระเป๋านั้นมีการพิมพ์เป็นรูปหัวกะโหลก พอเปิดไปดูก็เจอกับเงินในกระเป๋าที่มีอยู่ไม่มากนัก ช่องใส่บัตรก็มีบัตรอยู่หลายบัตร แต่ที่สำคัญก็ช่องใส่ภาพถ่ายนี่แหละมันคือรูปของฉันตอนเผลอที่กำลังยิ้มอยู่ ข้างๆรูปฉันเป็นรูปพี่เฟรม

        ‘พี่จะทำให้ฝันเป็นของพี่ให้ได้’

        นี่คือประโยคที่เจ้าของกระเป๋าตังค์เขียนไว้หลังภาพถ่ายของฉัน

       “แล้วเราจะเอาผิดพี่เฟรมได้ยังไงกัน” แค่กระเป๋าตังค์อย่างเดียว เผลอๆอาจจะไม่ใช่ของพี่เฟรมก็ได้

       

        วี๊ว๊อๆ…

        เสียงรถตำรวจดังไปทั่วพี่ไวท์เป็นคนโทรไปแจ้งว่าเจอหลักฐานชิ้นสำคัญที่จะจับคนที่ฆ่าแม่ฉันได้คดีนี้ที่ถูกปิดเงียบอยู่นานสามปีได้ถูกเปิดขึ้นมาอีกครั้งหน้าบ้านฉันมีรถตำรวจสามคันจอดอยู่ ป้านิ่มเป็นคนเปิดบ้านเชิญให้ขึ้นไปข้างบนซึ่งฉันและพี่ไวท์ยืนรออยู่แล้ว

        “คุณตำรวจครับผมเจอหลักฐานชิ้นสำคัญในห้องนี้ครับ” พี่ไวท์เริ่มเปิดประเด็นขึ้น

        “กระเป๋านี่เหรอครับ” ตำรวจคนที่หนึ่งหยิบกระเป๋าที่พี่ไวท์ยื่นไปให้ “แค่กระเป๋าอย่างเดียวมันคงยังยากอยู่นะครับเพราะมันไม่มีข้อมูลอะไรมาก”

        “ลองเปิดเข้าไปข้างในดูสิครับ ผมมั่นใจว่ามันจะจับคนร้ายได้” พี่ไวท์ดูมั่นใจในหลักฐานของตนเองมาก “ในนั้นมีบัตรตั้งหลายใบและผมก็เชื่อว่ามันคือของเจ้าของกระเป๋า”

        “จิมมี่เตรียมคอม” ตำรวจคนที่หนึ่งหันไปพูดกับตำรวจคนหนึ่งที่ยืนอยู่ทางขวามือ

        ตำรวจที่ชื่อจิมมี่จัดการเปิดคอมเข้าโปรแกรมอะไรไม่รู้ซับซ้อนเยอะแยะมากมาย และตำรวจจิมมี่ก็หยิบบัตรในกระเป๋าต้องสงสัยขึ้นมาใบหนึ่งเป็นบัตรใบสีเขียวๆด้านล่างตัดด้วยสีขาวนิดหน่อย ด้านหลังเขียนเป็นภาษาอังกฤษตัวเล็กๆซึ่งฉันก็เห็นไม่ถนัดเช่นกัน แต่มีตัวเลขอยู่ถ้านับไม่ผิดก็เจ็ดตัวเขียนอยู่มันเด่นกว่าสิ่งอื่นใด

        “บัตรอันนี่เป็นของเฟดเดอร์ริก เจ๊ด ครับ” ตำรวจจิมมี่ละออกมาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์พร้อมคำตอบ

        “ไอ้เฟรม” เสียงพึมพำเบาๆพอให้ได้ยินโดยทั่วกันของพี่ไวท์

        แล้วตำรวจก็แบ่งกันค้นหาต่อในบ้านเผื่อได้ของสำคัญอะไรมาบ้าง แล้วก็เจอจริงๆมันคือกระดาษแผ่นหนึ่งที่ตกอยู่ระหว่างตู้เสื้อผ้ากับผนังกว่าจะเอาออกมาได้ก็ใช้เวลาพอสมควร

        ‘ผมขอดีๆแล้วคุณไม่ให้ ผมก็ต้องใช้วิธีของผมแล้วเจอกันคืนนี้!

เฟรม

        มันเป็นกระดาษแผ่นเล็กๆที่เขียนด้วยอะไรซักอย่างสีแดงๆเหมือนเลือดมันดูน่ากลัวมาก

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา