Love Return ขอพิชิตใจเธออีกครั้ง

8.0

เขียนโดย pimlovely_pm

วันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2559 เวลา 20.53 น.

  33 ตอน
  0 วิจารณ์
  29.76K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2559 18.25 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) ความรู้สึก

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
        “ยัยฝันตื่นได้แล้ววว อะไรกันไปเรียนได้วันเดียวตื่นสายซะแล้ว ไม่ได้เลยจริงๆ” เสียงเอะอะโวยวายแต่เช้าของพี่ลี
        “…”
        “นี่ยัยฝันสายแล้ววว!!!เร็วๆเข้านี่มันจะแปดโมงแล้วน้า”
        “ห้ะ!จะแปดโมงแล้วโอ๊ยตายๆทำไมพี่ไม่ปลุกให้เร็วกว่านี้เล่า&^*^%$*^98%&$@#”
        งื้อออ นี้เพิ่งไปเรียนได้วันเดียวเองจะไปโรงเรียนสายอีกแล้วเหรอ ไม่ได้นะๆ ต้องรีบไปอาบน้ำได้แล้ว แต่เดี๋ยวนะ…นาฬิกามันพึ่งจะเจ็ดโมงเองไม่ใช่เหรอ หรือว่านาฬิกาตาย แต่น่าจะไม่นะเพราะเพิ่งเปลี่ยนถ่านไปเมื่อวานนี้เอง
        “พี่ลี!” ฉันหันไปตะโกนใส่พี่ลีทันทีที่รู้ตัวว่าตัวเองโดนหลอก ฉันก็ว่าอยู่เพราะฉันเป็นคนที่ไม่ได้นอนตื่นสาย (มั้ง) ก็ได้ๆฉันก็ตื่นสายนั้นแหละแต่ๆๆๆฉันก็ไม่ได้ตื่นสายขนาดนั้นหร๊อกกก (เสียงสูง)
        “ฮ่าๆๆๆเชื่อจริงดิ” พี่ลีเอาแต่หัวเราะใส่ฉันโดยไม่คิดจะอธิบายเลยว่าจะแกล้งฉันเพื่อ?
        “=_=^^”
        “ตื่นแล้วก็ไปอาบน้ำได้แล้ว อาหารเช้าอยู่บนโต๊ะนะ รีบอาบน้ำซะเดี๋ยวฉันไปรอที่โต๊ะอาหาร” พี่ลีพูดแล้วโยกหัวฉันไปมาพร้อมขยี้หัวฉันอย่างหมั่นเขี้ยว นี่หัวฉันยังยุ่งไม่พอรึไงเนี่ยย
        ฉันเลยหันไปย่นจมูกใส่พี่ลีก่อนจะรีบวิ่งไปอาบน้ำ แล้วพี่ลีก็วิ่งตามฉันมาอย่าแปลกใจว่าวิ่งตามมาทำไมก็ฉันเตะขาพี่ลีไงถึงจะขยี้หัวไม่ถึงเพราะพี่ลีสูงกว่าฉัน แต่ฉันก็แก้แค้นพี่ลีได้ด้วยวิธีอื่น
        “ยัยตัวแสบบบ” พี่ลีตะโกนอยู่ข้างนอกเมื่อเห็นว่าฉันวิ่งเข้าห้องน้ำไปแล้ว
       
        “ห๊อมหอมม” เมื่อแต่งตัวอะไรเสร็จแล้วฉันก็รีบออกมากินข้าวเช้ากับพี่ลี
        “เชฟระดับโลกมาทำให้กินเลยนะเนี่ย กินเข้าไปเยอะๆ”
        “ขี้โม้”
        “อร่อยมั้ย” พี่ลีถามหลังจากฉันตักข้าวต้มเข้าปาก
        ใช่แล้วอาหารเช้าคือข้าวต้มเป็นเมนูธรรมดาที่ทำให้ฉันหวนคิดถึงความหลังที่แม่จะทำข้าวต้มให้เราสองคนกินตลอดก่อนไปโรงเรียน  แต่มันแปลกอยู่อย่างหนึ่งคือเวลาฉันกินข้าวต้มทีไรฉันกลับรู้สึกคุ้นเคยกับมันมากเป็นพิเศษ ใช่ว่าอาจจะเป็นเพราะฝีมือแม่
        แต่ฉันว่าความคุ้นเคยของฉันมันลึกซึ้งมากกว่านั้น ลึกซึ้งซะจนฉันเองก็ไม่อาจรู้ได้ว่ามันจะสื่อให้ฉันได้รับรู้อะไรกันแน่
        “นี่…ฟังฉันอยู่รึเปล่าเนี่ย”
        “ห้ะ!”
        “ฉันถามว่าอร่อยรึเปล่า มัวแต่เหม่อลอยอยู่ได้”
        “ก็งั้นๆแหละ”
        ใจจริงฉันก็อยากบอกไปว่ามันอร่อยมาก อร่อยเหมือนกับที่แม่เคยทำให้กินเลย แต่อย่าเลยดีกว่า เพราะพี่ฉันน่ะยิ่งชมก็ยิ่งหลงตัวเอง นี่ก็หลงตัวเองมากไปละ
        “โกหกชะมัดยัยเด็กคนนี้ อร่อยก็บอกมาเถอะทำปากแข็งไปได้”
        โรงเรียน…
        หลังจากที่เราเถียงกันไปเถียงกันมาจนเกือบสาย กว่าจะมาโรงเรียนได้ทำเอาฉันเหนื่อย
        การเรียนของฉันมันก็เป็นไปตามปกติ จนตอนนี้ก็ถึงคาบสุดท้ายของวันนี้แล้ว เรียนที่นี่ไม่ค่อยเหนื่อยมากนักหรอก มันไม่ได้เรียนหนักเหมือนที่ประเทศไทย
        ฉันกำลังเดินไปที่โรงยิมเพื่อไปนั่งรอพี่ลีซ้อมบาส เพราะอีกไม่กี่เดือนก็ต้องไปแข่งแล้ว ฉันเพิ่งรู้ว่าฉันมีพี่ชายเป็นนักบาสของโรงเรียนแถมยังเป็นตัวจริงซะด้วย พี่ลีสั่งให้ฉันกลับพร้อมกับพี่ลีฉันเลยต้องไปนั่งรออยู่นี่ไงล่ะ แต่ถึงพี่ลีจะให้กลับเองฉันก็ไม่ไปหรอก ก็ฉันยังจำทางกลับบ้านไม่ได้นี่นา
        “อ่าวน้องลิน่ามาทำอะไรที่นี่”
        “มารอพี่ลีค่ะ”
        “เฟรมมาซ้อมได้แล้ว” เสียงโคชเรียกคนที่พึ่งทักฉันเมื่อกี้ให้ไปซ้อมบาส มันมีอำนาจมากเมื่อได้ยินเสียงนั้นพี่เฟรมก็รีบวิ่งไปซ้อมบาสทันที
        “ฝัน…” เสียงผู้ชายคนหนึ่งเอ่ยออกมาทำให้ฉันต้องหันไปมอง
        เมื่อฉันหันไปก็เจอเข้ากับผู้ชายที่ฉันเจอเขาครั้งแรกที่สนามบิน นี่เขามาทำอะไรที่นี่ เป็นนักบาสด้วยงั้นเหรอแต่รูปร่างอย่างนี้ก็ไม่แปลกหรอเนอะที่เขาจะเป็นนักบาส
        “ฝันจำพี่ได้มั้ย ฝันรู้มั้ยพี่คิดถึงฝันมากเลย ไปอยู่ไหนมา…” และอื่นๆอีกมากมาย
        เขารู้จักฉันได้ไง ทำไมเขาต้องคิดถึงฉันด้วย เมื่อฉันหันไปสบตาคู่นั้นของเขาที่ตอนนี้มองมาทางฉัน ดวงตาคู่นั้นมันเหมือนกับว่าฉันคุ้นเคยกับมัน ยิ่งมองยิ่งรู้สึกคุ้นเคย ยิ่งฉันจ้องฉันก็รู้สึกเจ็บแปลกๆที่อกข้างซ้าย ยิ่งนานเท่าไหร่ความเจ็บมันก็ยิ่งทวีคูณขึ้นมากเท่านั้น
        “ฝันออกไปรอพี่ข้างนอก”
        ไม่รู้ว่าเราจ้องตากันนานเท่าไหร่แล้ว รู้ตัวอีกทีพี่ลีก็วิ่งมาหาฉันแล้วและลากฉันออกไปทันที แต่ฉันกลับยอมไปกับพี่ลีโดยดี ฉันคิดว่าถ้าอยู่ตรงนั้นต่อไปใจของฉันต้องระเบิดออกมาแน่
        พี่ลีกลับเข้าไปซ้อมบาสทันทีหลังจากมาส่งฉันข้างนอก ฉันนั่งอยู่ที่ม้านั่งที่สวนไม่ห่างจากโรงยิมมากนักที่ตอนนี้มีคนนั่งอยู่บ้างประปรายตา
        ดวงตาคู่นั้นทำไมฉันยิ่งมองยิ่งเจ็บปวด แต่ถึงจะเจ็บปวดอย่างไรก็ตามฉันก็กลับอยากมองอยู่อย่างนั้นเรื่อยๆทั้งที่รู้ว่าเจ็บ แต่กลับอยากมอง อยากสบตาอยู่อย่างนั้น มันรู้สึกคุ้นเคยแปลกๆเหมือนฉันเคยเป็นเจ้าของของมันยังไงยังงั้น
        ผู้ชายคนเมื่อกี้ก็หน้าตาคุ้นๆแปลกๆเหมือนเราเคยรู้จักกันมาก่อน เหมือนเราเคยสนิทกันมาก่อน ฉันเจอเขาครั้งแรกก็รู้สึกเหมือนเราสนิทกันมากเป็นพิเศษทั้งๆที่เราไม่เคยเจอกันมาก่อน
        ยิ่งเห็นหน้ายิ่งเจ็บปวด ยิ่งเห็นหน้าน้ำตาที่อยู่ลึกๆกลับตื้นขึ้นมาจนทำให้ฉันเกือบร้องไห้ ไม่รู้สิเห็นหน้าเขาทีไรอยากร้องไห้ทุกทีเหมือนมีอะไรค้างคาอยู่ในใจฉัน มันไม่อาจหาคำตอบได้
       “ไปกันเถอะยัยฝัน”
        ไม่รู้ว่าฉันนั่งเหม่อลอยไปนานเท่าไหร่แต่ที่รู้ๆตอนนี้ไม่มีใครอยู่ที่สวนเลยแม้แต่คนเดียว แถมท้องฟ้ายังมืดสนิท นี่ค่ำแล้วเหรอ ฉันคิดเรื่องนี้นานขนาดนี้เลยหรือไง ไม่อยากจะเชื่อผู้ชายคนเดียวกลับมีอิทธิพลกับฉันได้เยอะขนาดนี้เชียวเหรอ
 
        “ยัยฝันมากินข้าวได้แล้ว” พี่ลีตะโกนเรียกฉันจากนอกห้อง
        ฉันรีบวิ่งไปกินข้าวทันทีเพราะรู้สึกว่าตัวเองจะหิวมากแล้ว บนโต๊ะอาหารมีอาหารมากมายแถมยังน่ากินทุกเมนูเลยด้วย นี่ฝีมือพี่ชายของฉันจริงๆเหรอเนี่ย เท่าที่จำได้ตอนนั้นพี่ลียังทำอาหารไม่ค่อยเก่งมากเลยนี่ แต่ทำไมตอนนี้…
        “ถ้าผู้ชายคนนั้นมาคุยด้วยก็ไม่ต้องคุยนะทีหลัง”
        ทำไมถึงห้ามไม่ให้คุยนะ เขามีอะไรกันแน่ทำไมพี่ลีถึงห้ามและคอยขัดขวางตลอดที่เห็นว่าฉันกับผู้ชายคนนั้นอยู่ด้วยกัน ตั้งแต่ที่สนามบินแล้ว ยิ่งพี่ลีห้ามแบบนี้มันกลับยิ่งทำให้ฉันอยากรู้ขึ้นเรื่อยๆ
        “พี่มีอะไรกันแน่ทำไมถึงไม่ชอบให้ฉันอยู่ใกล้ หรือคุยกับผู้ชายคนนั้น” ฉันถามสิ่งที่ค้างคาใจออกมาโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
        “แกยังไม่พร้อมที่จะรู้ตอนนี้”
        ไม่พร้อมงั้นเหรอ แล้วมันอีกนานเท่าไหร่กันที่ฉันจะรู้ความจริง ทำไมต้องปิดบังด้วยมันมีอะไรร้ายแรงงั้นเหรอ
        แต่ฉันก็เลือกที่จะเงียบและไม่ถามต่อไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน แต่ฉันกลับกลัวคำตอบขึ้นมาซะงั้น กลัวว่ามันคงโหดร้ายจนฉันรับไม่ได้
        เรานั่งกินข้าวกันเงียบๆโดยไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้อีก มันเป็นการกินข้าวที่อึดอัดพอควร
        ตื๊อดึ๊ง…
        เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขณะที่ฉันทำการบ้านอยู่ในห้อง
        White JAYDEN ได้ส่งคำร้องขอเป็นเพื่อนถึงคุณ
        ที่แท้ก็มีคนแอดเฟส มานี่เองแต่เดี๋ยวนะทำไมหน้าคุ้นๆจัง อ๋อ!ผู้ชายคนนั้นหนิ ชื่อไวท์งั้นเหรอ ฉันเพิ่งรู้นะเนี่ย ว่าแต่จะรับดีมั้ยนะ พี่ลีก็ห้ามไม่ให้ฉันไปยุ่งกับผู้ชายคนนั้นซะด้วยสิเอาไงดี
        White JAYDEN : ฝันจำพี่ได้มั้ย
        White JAYDEN : อ่านแล้วตอบด้วย
        จะให้ฉันตอบไปว่าไงล่ะ ‘จำไม่ได้เพราะฉันความจำเสื่อม’ มันก็ดูจะโหดร้ายเกินไป
        White JAYDEN : ฝันตอบพี่หน่อย
        Dreamer : จำไม่ได้ค่ะขอโทษด้วยนะคะ
        White JAYDEN : ไม่จริงฝันยังโกรธพี่อยู่เหรอ
        Dreamer : ฉันจำไม่ได้จริงๆค่ะ ฉันความจำเสื่อม
        White JAYDEN : แปลว่าที่เขาลือกันก็เป็นความจริงสินะ
        White JAYDEN : พี่ชื่อไวท์นะ
        Dreamer : ค่ะ
        และสนทนาของเราทั้งสองก็จบเพียงเท่านี้ ต่างคนต่างไม่พิมพ์อะไรหากัน ใจจริงฉันก็อยากถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉันแล้วเขาทำไมพี่ลีถึงห้ามไม่ให้ฉันยุ่งกับเขา แถมดูๆแล้วก็เหมือนพี่ลีจะไม่ค่อยชอบเขาเท่าไหร่ แต่ฉันก็ไม่กล้าจะถามออกไป ฉันพิมพ์และในที่สุดก็ลบข้อความนั้นไปทั้งๆที่ยังไม่ได้ส่ง ฉันตัดสินใจปิดเฟสแล้วหันกลับมาทำการบ้านที่กองอยู่เท่าภูเขา เปิดเทอมวันที่สองก็การบ้านเยอะซะแล้ว (ไหนบอกว่าเรียนไม่หนัก?)
 
         “วันนี้ตื่นเร็วแฮะ” พี่ลีร้องทักเมื่อเห็นฉันออกมาพร้อมกับชุดนักเรียนที่เรียบร้อย แน่สิก็เดี๋ยวพี่ลีได้แกล้งฉันอีก ฉันไม่อยากหัวสีแต่เช้าต่างหาก
        “มาๆกินอาหารเช้า”
        “หูยยย วันนี้สไตล์ฝรั่งหรา”
        วันนี้พี่ลีทำขนมปัง ไส้กรอก ไข่ดาวและแฮม ส่วนเครื่องดื่มก็เป็นน้ำส้ม วันนี้เป็นสไตล์ฝรั่งเมื่อวานเป็นสไตล์ไทย พรุ่งนี้จะสไตล์ไหนเนี่ย
        พอเรากินอาหารเช้ากันเสร็จก็ไปโรงเรียนกันปกติ
        พักกลางวัน…
        คาบเช้าผ่านไปได้ด้วยดีไม่มีปัญหาใดๆ ตอนนี้ฉันนั่งอยู่ที่โต๊ะในโรงอาหารที่โต๊ะก็เหมือนเดิม คือพี่ลี พี่เฟรม พี่เบลล์ พี่ชิกะแฟนพี่เบลล์ และพี่เจลเพื่อนสนิทผู้หญิงเพียงคนเดียวในกลุ่ม
        “น้องลิน่าอยากกินอะไรบอกพี่เลยเดี๋ยวพี่ไปซื้อให้”
        “ไม่เป็นไรดีกว่าค่ะเดี๋ยวน่าไปซื้อเองก็ได้ ไม่รบกวนพี่เฟรมดีกว่า”
       “ไม่ได้รบกวนเลยค้าบบบ พี่เต็มใจ”
       “เอ่อ…”
       “บอกมาเลยๆ”
        “งั้นอาหารไทยแล้วกันค่ะ อะไรก็ได้ขอบคุณมากนะคะ”
       “ค้าบบ รอแป๊ปนึงนะ”
       มีฉันนั่งอยู่ที่โต๊ะคนเดียวคนอื่นๆต่างแยกย้ายกันไปซื้อข้าวกิน กว่าจะมาก็อีกนานเพราะในเวลาพักเที่ยงเด็กก็ต้องเยอะเป็นธรรมดา และที่โรงอาหารก็มีคนหนาตามาก
        “ฝัน”
        เมื่อฉันหันไปตามเสียงกลับนิ่งไปราวห้าวิก่อนสติของฉันจะกลับเข้าร่างอีกครั้ง จะไม่ให้ฉันอึ้งได้ไงล่ะก็คนที่เรียก คือไวท์ผู้ชายที่พี่ลีห้ามนักห้ามหนาว่าอย่าไปยุ่งด้วยตอนนี้เขากลับมานั่งอยู่ข้างๆฉันแล้ว ดูจากภายนอกก็ไม่เห็นเขาจะมีพิษมีภัย หรืออันตรายเลยนี่ แล้วเหตุผลที่พี่ลีห้ามไม่ให้ฉันยุ่งกับเขาคืออะไรกันแน่
        “ฝันพี่คิดถึงเธอมากนะ” ไวท์หยุดพูดซักพักแล้วหันมาจ้องหน้าฉัน “พี่ขอโทษนะ”
        ขอโทษงั้นเหรอ ทำไมคำว่าขอโทษจากปากผู้ชายคนนี้มันถึงทำให้ฉันรู้สึกเหมือนมีอะไรจุกอยู่ที่คอ ใจสั่น และในตอนนี้ฉันก็มองไม่ค่อยชัดแล้วนั้นเป็นเพราะว่าน้ำตามันตื้นขึ้นมาบดบังดวงตาของฉันทำให้เหมือนว่าฉันมองภาพต่างๆผ่านหยดน้ำ
        แล้วมันก็ค่อยๆไหลออกมารินแก้ม แค่คำว่าขอโทษแค่นี้มันทำให้ฉันร้องไห้ขนาดนี้ได้เลยงั้นเหรอ เขามีอะไรเกี่ยวข้องกับฉันกันแน่ ทำไมฉันถึงจำอะไรไม่ได้ มันเป็นกรรมอะไรของฉันกันแน่ที่ทำให้ฉันความจำเสื่อมในช่วงระยะเวลาสองปี ทำไมสิ่งที่ฉันอยากรู้มันถึงยากเย็นขนาดนี้
        ฉันต้องทำยังไงความทรงจำของฉันถึงจะกลับมามีแต่คนบอกว่าต้องใช้เวลาแต่นี่มันก็นานแล้วนะฉันก็ยังจำอะไรไม่ได้ซักอย่าง
        “โอ๊ยยย…” ฉันร้องออกมาเพราะรู้ตัวเลยว่าปวดหัวหนักมาก ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว ภาพต่างๆมันผ่านไปอย่างรวดเร็วในหัวจนทำให้ฉันปวดหัวมากเหมือนหัวจะระเบิดได้ทุกเวลา ภาพมันผ่านไปเร็วจนฉันจับภาพอะไรไม่ได้เลย
        “ฝันเป็นอะไรรึเปล่า ปวดหัวเหรอ” ไวท์ถามขึ้นหลังจากเห็นฉันร้องออกมาอย่างทรมาน แถมฉันยังเอาแต่ก้มหัวไปที่โต๊ะเพราะรู้สึกหนักหัว จนเอาหัวไว้ไม่ไหวแล้ว
        ฉันไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อนถึงแม้ว่าฉันพยายามจะนึกเรื่องอะไรก็ตาม นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันมีอาการแบบนี้ เป็นเพราะฉันต้องการรู้มากเกินไป หรือเป็นเพราะเรื่องราวมันโหดร้ายและมากมายจนเกินกว่าสมองฉันจะประมวลเป็นภาพออกมาได้ในตอนนี้
        “นี่แกทำอะไรน้องฉัน”
        เสียงพี่ลีนี่มาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
         แถมยังโวยวายเสียงดังให้ฉันเดาตอนนี้ทุกคนคงหันมามองเต็มไปหมด แต่ฉันก็ไม่อาจรู้ได้เพราะตอนนี้ฉันกำลังก้มหน้าอยู่ไงล่ะ
        “ยัยฝันไปห้องพยาบาลมั้ย”
         แล้วพี่ลีจะถามฉันทำไมถ้าพี่ลีจะลากฉันไปห้องพยาบาล=_= ใช่แล้วพี่ลีกับพี่เฟรมช่วยกันพยุงฉันมาห้องพยาบาลจริงๆก็ไม่น่าถามฉันก็ได้นะ แล้วภาพทั้งหมดก็ดับวูบไปทันทีโดยที่ฉันยังไม่ทันตั้งตัว
        “เฮ้ย ไอ้ลีไปเรียนก็ได้เดี๋ยวฉันดูแลลิน่าให้”
        “แต่นี้มันน้องฉันนะเว้ย”
        “แต่แกต้องไปสอบแก้ไม่ใช่เหรอ เอาหน่าไม่ต้องห่วงไอ้เวรนั้นไม่มีทางได้แตะต้องน้องแกแน่”
        เฟรม และลีโอเถียงกันอยู่ในห้องพยาบาลขณะที่ตอนนี้ในฝัน หรือลิน่าสลบไปแล้ว แต่ในที่สุดก็เป็นเฟรมที่นั่งเฝ้าอยู่
        เหลือเพียงเฟรม กับลิน่าอยู่ในห้องพยาบาลกันสองคน ลีโอก็ต้องรีบไปสอบซ่อม ผู้ดูแลห้องพยาบาลก็อยู่ข้างนอก

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา