บัลลังก์ฉิมพลี

8.2

เขียนโดย กรุงสยาม

วันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2559 เวลา 12.26 น.

  59 ตอน
  1 วิจารณ์
  49.91K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2559 15.36 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

17) ห่างๆกัน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
          เวลาผ่านไปสักครู่ตรีทิพย์เลี่ยงออกมาจากเพชรเกล้า
ปล่อยให้สาวน้อยได้เพลิดเพลินไปกับความสวยงามแห่งธรรมชาติ
ส่วนเธอนั้นได้เดินเล่นพูดคุยอยู่กับวันลพเพื่อนชายไปพลางๆ
แต่ยังคอยหันมองร่างบางเป็นระยะๆจนถูกชายหนุ่มเอ่ยปากแซวอยู่หลายครั้ง
 
“ คุณพราวเป็นใครเหรอเต้? ”
วันลพถามขึ้นเมื่อตรีทิพย์ได้บอกชื่อของเพชรเกล้าให้เขารับรู้แล้วก่อนหน้านี้
“ เป็นคนที่เต้พามาด้วยไง ”
“ โอเค..ไม่บอกก็ไม่เป็นไร ” ชายหนุ่มหัวเราะปะปน
 
“ สวยดีนะ เหมือนตุ๊กตาเลย ”
 
ตรีทิพย์ยิ้มหวานเธอรู้สึกภูมิใจอย่างไรบอกไม่ถูกที่วันลพเอ่ยชมเพชรเกล้าแบบนี้
 
“ ฮ่าฮ่า ลพไม่ได้ชมเต้ซักหน่อยยิ้มทำไม เขินอย่างกับคนมีความรัก... ”
วันลพแกล้งกระซิบในประโยคหลังตรีทิพย์จึงรีบเก็บรอยยิ้มของเธอทันที
“ พูดไปเรื่อยนะลพ! เดี๋ยวใครได้ยินเข้าเอาไปบอกนักข่าวเต้ต้องปวดหัวแน่ ”
นางแบบสาวทำเสียอารมณ์เป็นการแก้ต่างเพื่อนชายจึงแอบยิ้มรู้ทันอยู่เงียบๆ
 
ทางด้านเพชรเกล้าที่กำลังเพลินใจไปกับสิ่งสวยงามของพืชผล
เปล่งปลั่งสดแดงกร่ำจากกิ่งก้านใบและชวนให้น่ารับประทาน
มือบางกำลังแตะเล่นเบาๆจ้องมองเจ้าผลไม้ตัวจิ๋วที่ท่าทาง
จะหวานกรอบชื่นใจในขณะที่ได้เคี้ยวกลืน
 
“ อยากลองทานดูมั้ยครับ ”
ระหว่างนั้นเองกับมีเสียงปริศนาจากด้านข้างเอ่ยพูดอยู่ไม่ไกลนัก
ใบหน้าเรียวจึงหันมองทันที..เพชรเกล้าตั้งตัวยืนในท่าปกติเมื่อหันมาพบกับผู้ชายคนเดิม
ที่เธอเคยเจอแล้วเมื่อครั้งมาถึงที่นี่ตั้งแต่คราแรกนั่นก็คือนายเชิดนั่นเอง
 
“ ขอโทษครับที่รบกวน ผมเอาสตรอว์เบอร์รีมาให้คุณพราวน่ะครับ สดๆจากต้นล้างทำความสะอาดเรียบร้อยแล้วด้วย..นี่ครับ ”
นายเชิดยิ้มพูดอย่างสุภาพพร้อมกับส่งตะกร้าใบเล็ก
ที่บรรจุผลสตรอว์เบอร์รีแดงกร่ำให้กับเพชรเกล้า
 
“ ...ขอบคุณค่ะ ”
 
สาวน้อยอ้ำอึ้งเล็กๆก่อนจะยื่นมือออกไปรับ
เพราะแอบแปลกใจที่นายเชิดรู้จักชื่อเธอแล้ว
แต่ก็ไม่ได้ติดใจเก็บมาคิดอะไรเยอะแยะเพราะตอนนี้
เธอสนใจกับตะกร้าใบน้อยที่กำลังถืออยู่ในมือมากกว่า
ร่างบางส่งยิ้มเป็นมิตรให้กับชายตรงหน้าที่มีน้ำใจนำของมาให้เธอ
 
“ ฝั่งซ้ายรสชาติจะหวานนะครับส่วนอีกด้านจะอมเปรี้ยวหน่อย ”
นายเชิดเอ่ยบอกแสดงกิริยายืนในท่วงท่าสุภาพเรียบร้อย
เพชรเกล้าก้มมองดูพยักหน้าเบาๆพร้อมกับยิ้มให้ในคำแนะนำ
 
“ ขอบคุณนะคะ พราวไม่เคยทานสดๆจากต้นแบบนี้มาก่อนเลย ”
“ ลองทานดูสิครับ ”
เช่นนั้นเพชรเกล้าจึงค่อยๆหยิบสตรอว์เบอร์รีหนึ่งลูกขึ้นมาเพื่อจะลองลิ้มรสชาติดูสักนิด
 
“ เอ่อ..สักครู่ครับคุณพราว ”
เสียงแตกใหญ่เอ่ยรั้งไว้ก่อนสาวน้อยจึงชักสีหน้าสงสัย
 
นายเชิดเอื้อมมือเข้ามาหยิบผลสตรอว์เบอร์รีจากเพชรเกล้า
ทำให้ปลายนิ้วของชายหนุ่มได้แตะสัมผัสกับเนื้อผิวนิ่มๆไปโดยปริยาย
และเป็นเวลาเดียวกันที่ตรีทิพย์ได้คุยธุระกับวันลพเสร็จพอดี
เธอจึงเดินกลับมาหาเจ้าหญิงร่างน้อยทันทีและได้บังเอิญเห็นนายเชิด
บุรุษชายผู้ที่เธอไม่ไว้วางใจกำลังยืนคุยอยู่กับเพชรเกล้าในระยะไม่ห่าง
 
ใบหน้าสวยเปลี่ยนโหมดเป็นบึ้งตึงทันควันด้วยความไม่ชอบใจ
พร้อมกับมุ่งหน้าตรงเข้าไปหาทั้งสองทันที
 
“ ลูกนี้เปื้อนดินน่ะครับ ผมรีบไปหน่อยเลยไม่ได้ตรวจดูให้เรียบร้อยแย่จริงๆ ”
ชายคนเดิมเอ่ยบอกอีกครั้ง ใบหน้าเรียวฉีกยิ้มออกมาเธอกำลังจะตอบกลับไปว่า ไม่เป็นไร แต่!!!!
 
“ งั้นก็เอาไปดูทั้งตะกร้า!! ”
ตรีทิพย์เข้ามาดึงภาชนะที่บรรจุผลสตรอว์เบอร์รีออกจากมือของเพชรเกล้า
พร้อมกับโยนคืนให้กับผู้ที่นำมาจนนายเชิดแทบคว้าหยิบเอาไว้ไม่ทัน
ผลไม้สีแดงยังคงล่วงหล่นลงไปกับพื้นเสียหลายลูก
 
“ พี่เต้! ทำไมทำแบบนี้ล่ะคะ ” เสียงเล็กเอ่ยต่อว่าทันทีเมื่อเห็นตรีทิพย์ทำกิริยาเช่นนี้
 
นางแบบสาวหันมองดวงหน้าเรียวนิดหน่อยที่ถูกตำหนิก่อนจะหันกลับมาที่นายเชิดอีกครั้ง
จึงเห็นว่าบุรุษชายหน้าเครากำลังจ้องมองเธอด้วยสีหน้าโกรธเคือง
“ ทำไม.. ”
ตรีทิพย์เดินเข้าไปหาจ้องตาชายตรงหน้าอย่างไม่เกรงกลัว
เอ่ยถามเสียงเย็นจนนายเชิดต้องก้มหน้าลงยืนสงบเสงี่ยมต่อไป
นางแบบสาวจึงหันกลับมาหาร่างบางอีกครั้งพร้อมกับคว้ามือนิ่มเดินออกไปจากตรงนี้ทันที...
 
 
 
 
ซุปเปอร์โมเดลร่างสูงเดินฉับๆนำพาเพชรเกล้ามุ่งตรงกลับมาที่บ้าน..เมื่อถึงจุดหมาย
สาวน้อยจึงสะบัดมือออกเอื้อมมือถอดหมวกวางไว้กับโต๊ะใกล้ๆ
เธอเริ่มเบื่อหน่ายกับความเอาแต่ใจของตรีทิพย์เต็มทน
ใบหน้าสวยก้มลงมองเนื้อนิ่มที่หลุดออกจากมือของเธอ
ก่อนเงยขึ้นมองตามเรือนร่างบางที่เดินเข้าบ้านด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่แอบคิ้วขมวดเล็กๆ
 
“ พี่ไม่ชอบให้พราวคุยกับใครตอนที่พี่ไม่อยู่ด้วย ”
“ พราวก็แค่คุยกับเขาตามมารยาทไม่ได้มีอะไรนี่คะ ” เสียงเล็กอธิบาย
“ ทำไมไม่รู้จักระวังตัวเอง ปล่อยให้ผู้ชายแตะเนื้อต้องตัวแบบนั้นได้ยังไง! ”
ร่างสูงรีบเดินตามไปไม่ห่างเอ่ยพูดตามหลัง
“ เขาไม่ได้ทำอย่างที่พี่เต้พูดซะหน่อย ”
“ ก็พี่เห็นอยู่ว่ามันจับมือพราว! ” ตรีทิพย์เดินเข้ามาขวางหน้าเพื่อไม่ให้สาวน้อยเดินหนี
“ ไม่ได้จับค่ะ ”
 
“ แก้ตัวแทนมันเหรอ หว่านเสน่ห์นักสินะ ”
“ ไม่คิดจะเลือกบ้างหรือไงไปหาไอ้ชินมันไม่ได้เธอก็หันมาระริกระรี้กับคนงานในไร่แทน!! ”
“ พี่เต้พูดแบบนี้อีกแล้วนะ ” ร่างบางเสียงแข็งขึ้นมาด้วยความไม่พอใจ
“ ก็เพราะเธอทำตัวแบบนี้ไง! ที่นี่ไม่มีคนนิสัยเช่นแม่เธอหรอกนะที่จะคอยเห็นดีเห็นงามเยินยอกับพฤติกรรมต่ำๆแบบนี้!! ”
 
เสียงของตรีทิพย์ดังลั่นไปทั่วบ้านจนน้าหลานอย่างมาลัยและใบตอง
รีบวิ่งออกมาแอบมองอยู่มุมหนึ่ง เพชรเกล้าสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
เธอจะไม่อ่อนแอในเวลานี้เด็ดขาด เธอจะไม่เสียน้ำตาให้กับคำพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าของตรีทิพย์
 
 
“ พราวจะเป็นยังไงมันเกี่ยวอะไรกับพี่ด้วยล่ะ พี่เต้ก็ไม่ต้องมาสนใจสิ!! ”
“ จะสน!! ”
“ ไม่ให้สน…อึก!..อื้อ!!! ”
 
มาลัยและใบตองอ้าปากค้างพร้อมกับเบิกตากว้างทันที
เมื่อเห็นเจ้านายซุปตาร์คนสวยดึงเพชรเกล้าเข้ามาจูบ
แม่บ้านวัยกลางคนหายใจเข้าออกแสนตื่นเต้นรุนแรงในเวลาต่อมา...
เมื่อเห็นภาพเลิฟซีนตรงหน้าที่เริ่มคึกคะนองขึ้นเรื่อยๆ
พลางหันมองหลานสาวที่นิ่งเงียบไปกับเห็นเด็กน้อยใบตอง
กระพริบตาระยิบระยับสนอกสนใจน่าดู มาลัยจึงใช้มือตีไปยังต้นแขนเสียหลายครั้ง
พร้อมกับกระซิบดุอย่างนั้นอย่างนี้
 
 
ริมฝีปากสวยค่อยๆปลดปล่อยกลีบปากอมชมพูให้ได้เป็นอิสระ
หลังจากสัมผัสได้ถึงร่างกายอันอ้อนแอ้นของเพชรเกล้า
สาวน้อยหน้าแดงกร่ำหายใจหอบสั่นจ้องมองตรีทิพย์ด้วยความไม่พอใจ
ที่เจ้าตัวตอนนี้อมยิ้มหวานดูอารมณ์ดีขึ้นมาทันตา
 
“ พราวเกลียดการกระทำของพี่ที่สุด..! ”
 
ใบหน้าสวยค่อยๆหุบยิ้มลงรู้สึกผิดหวังอย่างไรบอกไม่ถูกเมื่อได้ยินสาวน้อยพูดเช่นนั้น
 
“ ฉันก็เกลียดเธอ!..ฉันเกลียดหน้าเธอเกลียดทุกอย่างที่เธอแสดงออกมารู้ไว้ซะด้วย!!! ”
ตรีทิพย์ต่อว่าดังลั่นด้วยน้ำเสียงสั่นเครืออย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
พร้อมกับปล่อยเรือนร่างของเพชรเกล้าและหันหลังให้ทันที
ใบตองและมาลัยยืนคุ่นคิดถึงเรื่องราวทั้งหมดด้วยความแปลกใจ
ดูเหมือนทุกอย่างช่างไม่สวยหรูอย่างที่คิดเอาไว้เสียเลย..นี่มันเรื่องอะไรกัน
 
“ ก็ดีแล้วค่ะ เราจะได้อยู่ห่างๆกัน... ” เพชรเกล้าพูดออกมาเบาๆก่อนจะเดินออกไปอย่างเงียบๆ
 
ร่างสูงหันขวับกลับมาพลางจะเรียกรั้งตัวไว้แต่กับพูดไม่ออกขึ้นมาเสียเดี๋ยวนั้น
หัวใจของเธอเจ็บโรยรินคล้ายถูกทิ่มแทงด้วยปุยนุ่นนิ่มๆ
ที่ดูเหมือนจะไม่หนักหนาอะไรแต่ทำไมถึงได้ทำให้เธออ่อนแอลงถึงขนาดนี้...
 
 
 
 
แสงอรุณกำลังจะเลือนหายไปจากท้องฟ้าพระอาทิตย์ล่วงลงเข้าสู่กลีบเมฆ
เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงวันเวลาที่ใกล้จะหมดไปอีกหนึ่งวัน
เพชรเกล้านั่งเหม่อลอยมองดูแสงแดดในยามเย็นอย่างไร้จุดหมาย
หลังจากที่ได้เลี่ยงตัวออกมาจากตรีทิพย์แล้วเธอก็ได้เดินออกมาหยุดนั่งอยู่ทางหลังบ้าน
ดวงตากระพริบขึ้นลงเป็นระยะๆด้วยความเซื่องซึม
ปิ่นรักมารดาของเธอคนเดียวในตอนนี้ที่ตกอยู่ในความคิดถึง
เพชรเกล้าถอนหายใจออกมาเบาๆ
 
ระหว่างนั้นใบตองเด็กสาวก็เดินหันซ้ายหันขวาเข้ามาเงียบๆ
เพราะเธอต้องการที่จะคุยกับเพชรเกล้าเป็นการส่วนตัวและอยากถามถึงเรื่องราวทั้งหมด
 
“ เอ่อ...คุณพราวคะ ” ใบตองส่งเสียงขึ้นอย่างเกรงใจ
ใบหน้าเรียวค่อยๆหันมา เพชรเกล้าฉีกยิ้มบางๆเป็นการทักทายตอบ
“ หนูขออนุญาตนั่งด้วยคนนะคะ ”
“ จ้ะ.. ” เสียงเล็กเอ่ยบอกเรียบๆ
 
“ หนูขอถามเลยนะคะ อย่าหาว่ายุ่งเรื่องส่วนตัวเลย คุณพราวอยากมาที่นี่เองหรือว่าโดนบังคับกันคะ ”
เด็กสาวรีบนั่งลงพร้อมกับเอ่ยปากถามทันที
 
“ ไม่ได้อยากมาหรอก ” เพชรเกล้าหันมองใบตองก่อนจะพูดขึ้นเรียบๆ
“ หืมม หนูว่าแล้วเชี๊ยว คุณพราวถึงได้ไม่รู้เลยว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ไหน ”
ใบตองตบขาตัวเองคล้ายถึงบางอ้อ
 
“ แล้วคุณเต้บังคับคุณพราวมาได้ยังไงล่ะคะ ฉุดมาหรือไงเราไม่เต็มใจมาเสียอย่างนิ? ”
เด็กน้อยถามต่อแววตาเห็นใจ
 
“ ก็ประมาณนั้นแหละ ” เพชรเกล้าเสียงอ่อย
“ ห่ะ!! ฉุดจริงๆเหรอ นี่หนูพูดไปอย่างนั้นเองนะคะ ”
 
เพชรเกล้าจึงเล่าเรื่องราวคล่าวๆทั้งหมดให้กับเด็กสาวใบตองฟัง
เพราะเธอเองก็อยากระบายความทุกข์ให้ใครคนใดคนหนึ่งได้รับรู้เล็กๆน้อยๆก็ยังดี
จะได้คลายความว้าเหว่ที่มีอยู่ในใจลงได้บ้าง..ใบตองรับฟังอย่างตั้งใจ
เธอชักสีหน้าไม่พอใจขึ้นมาทันทีเมื่อเพชรเกล้าเล่าทุกอย่างจบลง…
 
“ คุณเต้นะคุณเต้ทำไมทำแบบนี้นะ!! ”
เด็กสาวจริงจังยกใหญ่เพราะเธอรู้สึกว่าตรีทิพย์เอาเปรียบเพชรเกล้ามากเกินไป
พลางหันมองไปยังคุณคนสวยของเธอก็ช่างน่าเห็นใจสายตาดูเศร้าสร้อยเข้าไปทุกที
 
“ คุณพราวคิดถึงคนที่บ้านใช่มั้ยคะ ”
เพชรเกล้าพูดอะไรไม่ออกเธอพยักหน้าแทนคำตอบเท่านั้น
 
“ คุณพราวหนีออกไปจากที่นี่เถอะค่ะ หนูจะช่วยเอง ” ใบตองตั้งท่าพูดออกไปอย่างจริงจัง
 
“ จริงเหรอใบตอง! ” ใบหน้าเรียวหันมองขวับ แววตามีความหวังขึ้นมาทันที
“ ค่ะ คุณพราวไม่มีความสุขอย่าทนต่อไปเลย ”
“ แต่ถ้าพี่เต้... ”
“ คุณเต้เมาค่ะหลับไปเมื่อกี๊นี้เองไม่ต้องห่วง ”
“ แล้วฉันจะออกไปจากที่นี่ได้ยังไงล่ะ ”
เพชรเกล้ายิ้มด้วยความใจแต่ก็ต้องหนักใจในเวลาอันสั้นเมื่อนึกถึงตรีทิพย์ขึ้นมา
 
“ หนูจะพาคุณพราวออกไปทางหลังบ้านพักคนงาน แต่ต้องรอให้ฟ้ามืดอีกนิดนะคะถึงจะสะดวก ”
 
เพชรเกล้าพยักหน้ารับรู้เธอดีใจเป็นอย่างมากที่ใบตองให้ความช่วยเหลือ
ตอนนี้ความหวังของเธอจึงผุดขึ้นมาในหัวอีกครั้ง
 
 
 
เวลา 21:30 …..
 
“ พราวว..ก๊อกๆ! ”
 
ตรีทิพย์ที่เผลอหลับไปเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ดวงตาสะลึมสะลือแดงกร่ำ
ยังเดินปัดๆเป๋ๆเล็กน้อยสะดุ้งตื่นขึ้นมานึกถึงเพชรเกล้าเป็นคนแรก
จึงได้เดินตามหาแต่ไม่พบจนตอนนี้ได้มาหยุดอยู่ที่หน้าห้องนอนห้องเดิม
ที่เธอได้ขังสาวน้อยเอาไว้เมื่อคืนท้าวแขนยืนเคาะประตู
เอ่ยเรียกเจ้าหญิงคนสวยด้วยตอนนี้รู้สึกคิดถึงอย่างไรบอกไม่ถูก
 
“ พราวเปิดประตูให้พี่เต้หน่อยยย ”
 
เสียงหวานอ่อนโรยอยู่หน้าห้องเริ่มแปลกใจถึงความเงียบเชียบจากด้านใน
ตรีทิพย์คุ่นคิดสักครู่ก่อนจะหันเดินไปทางมุมหนึ่งของบ้าน
เพื่อจะนำกุญแจมาเปิด..ไม่นานนักโลหะสีเงินก็สอดเข้าไขยังลูกบิด
บานประตูจึงถูกเปิดออกมาทันทีหลังจากกรสะเดาะหลุดลง
 
นางแบบสาวก้าวขาเข้าห้องกวาดสายตามองไปรอบๆแต่ไม่พบใคร
ตรีทิพย์รู้ทันทีว่าเพชรเกล้าต้องแอบหนีไปแน่ๆ
ร่างสูงจึงรีบวิ่งออกไปด้านนอกอย่างอย่างเร่งรีบและรวดเร็ว
 
 
รถฟอร์จูนเนอร์สีบอร์นเงินโลดแล่นไปตามท้องถนนอย่างใจเย็น
แสงไฟส่องตรงไปตามเส้นทางอันมืดมิดตามสภาพท้องฟ้าที่ไร้แสงจันทร์
ตรีทิพย์กัดฟันแน่นสายตานิ่งสงัดจ้องมองไปทุกจุดของระยะทาง
เพชรเกล้าคิดที่จะหนีเธออยู่ตลอดเวลา! สาวน้อยไม่เคยอยากอยู่กับเธอเลยแม้แต่น้อย
เพียงช่วงเวลาแค่แป๊บเดียวยังคิดหนีออกไป หากเป็นอันตรายขึ้นมาแล้วใครจะช่วยเหลือ!!
รอให้เจอตัวก่อนเถอะเพราะถึงอย่างไรเธอจะไม่มีวันปล่อยให้เพชรเกล้าหนีไปง่ายๆแบบนี้แน่!!!
นางแบบสาวคุ่นอยู่ตลอดเวลาด้วยความร้อนรนอยู่ลึกๆ
 
 
 
ทางด้านเพชรเกล้าที่ตอนนี้หนีออกมาทางป่ารกๆหลังบ้านพักคนงาน
โดยมีใบตองคอยนำทางและดูแลคุณหนูบอบบางอยู่ไม่ห่าง
เด็กสาวพาเดินมาถึงถนนหนทางแห่งหนึ่งที่ค่อนข้างเปลี่ยวเอาการ
แต่ก็ดูเหมือนไม่ค่อยมีคนใช้งานเสียเท่าไหร่จึงน่าเบาใจขึ้นมาบ้าง
 
“ นี่เป็นถนนสายเก่าที่ทุกคนในไร่เคยใช้เข้าออกน่ะค่ะ คุณพราวเดินไปตามทางเรื่อยๆนะคะ สักพักจะเจอกับบ้านคน เจ้าของบ้านชื่อลุงไพฑูรย์เขาเป็นผู้ใหญ่บ้าน คุณพราวขอความช่วยเหลือจากเขานะคะ เขาใจดีต้องช่วยเหลือคุณพราวแน่นอน ” ใบตองอธิบายรวดเร็ว
“ ขอบใจเธอมากนะใบตอง ฉันจะไม่ลืมบุญคุณเด็กน่ารักๆอย่างเธอเลย ถ้าฉันถึงกรุงเทพเมื่อไหร่แล้วจะรีบติดต่อกลับมาหาทันทีเลยนะ ขอบใจจริงๆ ”
เพชรเกล้าจับมือเด็กสาวกล่าวบอกด้วยความซึ้งใจ
 
“ รีบไปเถอะค่ะ คุณคนสวยหนีไปให้ได้นะคะหนูเอาใจช่วย ”
ใบตองดันร่างของเพชรเกล้าให้รีบไปเสียเธอไม่เข้าใจเหมือนกัน
ว่าทำไมถึงให้ความช่วยเหลือเพชรเกล้าขนาดนี้อาจเป็นเพราะถูกฉะตากับผู้หญิงคนนี้
ก็เป็นได้ ใบหน้าเรียวยิ้มลาด้วยความดีใจก่อนจะหันวิ่งออกไปทันที...
 
 
รถสีบอร์นเงินวนกลับเข้ามาทางท้ายไร่โลดแล่นมาตามระยะทางของแปลงสตรอว์เบอร์รี
ตรีทิพย์หยุดยานพาหนะจอดนิ่งมือข้างหนึ่งตบเข้าไปที่พวงมาลัยด้วยความหงุดหงิด
เธอตัดสินใจกลับมาเพราะระยะทางที่ขับออกไปไม่น่าเป็นไปได้
ที่เพชรเกล้าจะเดินเท้าหายไปเร็วขนาดนั้น
ใบหน้าของเพชรเกล้ายังวนเวียนอยู่ในสายตาของเธอไม่จางหาย
ตรีทิพย์หายใจเข้าออกโรยแรงตอนนี้เธอคิดถึงสาวน้อยมากเหลือเกิน...มากจริงๆ
ร่างสูงสะบัดสายตามองออกด้านนอกด้วยความกระวนกระวายใจ แต่ทันใดนั้น!
 
เธอจึงเห็นร่างของเด็กสาวใบตองกำลังย่องเบาในท่วงท่าที่มีพิรุธ
ใบหน้าสวยจ้องมองหญิงสาวไม่ละการเพ่งเล็ง
พลางมองกลับไปยังเส้นทางที่ใบตองได้เดินออกมา
นางแบบสาวจึงเดาสถานการณ์ทุกอย่างออกทันที..ริมฝีปากสวยกระตุกยิ้มบางเบา
เจ้าหญิงร่างน้อยคงยังไปไหนได้ไม่ไกลต่อไปนี้เป็นหน้าที่ของเธอ
ที่คืนนี้คงจะต้อง..เหนื่อยน่าดู...
 
 
 
เส้นทางอันมืดมิดพื้นยางมะตอยที่เก่ากึกและเต็มไปด้วยเศษหินดินทราย
ใบไม้ล่วงหล่นอย่างกับทางรกร้าง เพชรเกล้าวิ่งสลับกับการเดินห่างจากไร่อรทุมาออกมาไกล
จนตอนนี้สองขาของเธอเริ่มอ่อนแรงลงทุกที ร่างกายหอบเหนื่อยเอาการ
ยังดีที่อากาศค่อนข้างเย็นจึงช่วยบรรเทาการกระหายไปได้บ้าง
สาวน้อยหยุดยืนพักหายใจหันมองรอบด้านที่เต็มไปด้วยป่าเขา
ถึงแม้จะกลัวเพียงใดแต่เธอก็จะทนเพราะสิ่งที่น่ากลัวมากกว่านั้น
ก็คือตรีทิพย์เพราะฉะนั้นเธอจะต้องรีบไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด
 
 
เมื่อเพชรเกล้าหันจะเดินต่อกับมีแสงไฟจากรถคันหนึ่ง
แล่นเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว ใบหน้าเรียวหันกลับมามองอีกครั้ง..
ไหนใบตองบอกว่าถนนเส้นนี้เป็นหนทางสายเก่าและนี่ก็เริ่มจะดึกแล้ว
ยังจะมีคนใช้งานอีกเหรอ? หรือว่าจะเป็นคนงานในไร่??
 
รถคันโก้ยี่ห้อดูดีราคาแพงพอควรคงจะไม่ใช่คนงานธรรมดาๆเสียแล้ว
ร่างบางยืดวิตกทำอะไรไม่ถูกเมื่อยานพาหนะคันดังกล่าว
แล่นเข้ามาจอดลงตรงหน้าเธอ เพชรเกล้าพาวนา..ขอทีเถอะ อย่าให้เป็นๆๆ
 
และเมื่อประตูเปิดออกพร้อมกับร่างสูงๆของคนที่ช่างคุ้นหน้าคุ้นตา
เดินออกมาจากรถคันนั้น..ร่างบางอ้าปากค้างเล็กๆสายตาจ้องมองบุคคลตรงหน้า
ด้วยความตกตะลึงอาการตื่นตนกชวนให้เลือดไหลเวียน
ไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกายไม่ทันจริงๆเพชรเกล้าจึงเผยเรียวหน้าที่ซีดเซียว
ออกมาให้ได้เชยชม สาวน้อยกลืนน้ำลายลงคอด้วยความตื่นเต้น
 
" คิดถึงจัง..จะไปไหนคะ " ตรีทิพย์ทักทายเบาๆด้วยถ้อยคำที่ชวนให้ขนลุกซู่
 
เพชรเกล้าลดสายตาลงใจเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาได้
 
" ขึ้นรถเดี๋ยวนี้.. " น้ำเสียงถูกเปลี่ยนเป็นนิ่งสงัด
สาวน้อยน้ำตาคลอด้วยความผิดหวังในการหลบหนี
และเธอก็ยอมรับว่ากำลังกลัวตรีทิพย์มากๆ ณ ตอนนี้
 
ร่างสูงเดินเข้าใกล้อย่างเนิบช้าจ้องมองสาวน้อยผิวขาวใสไม่วางตา
ก่อนจะกัดฟันหายใจเร็วแรงและเอื้อมมือไปคว้าแขนเบาพร้อมกับตะคอกใส่เสียงดัง
 
“ ขึ้นรถ!!! ”
 
สาวน้อยสะดุ้งเฮือกเรือนร่างของเธอถูกดึงไม่เบาแรง
ให้ถลาเดินตามไปขึ้นรถอย่างรวดเร็ว..ไม่นานรถฟอร์จูนเนอร์ก็ได้แล่นออกไปจากบริเวณนี้ทันที.........
 
 
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา