วิมานสิตางศุ์

7.5

เขียนโดย กรุงสยาม

วันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2560 เวลา 19.38 น.

  3 ตอน
  0 วิจารณ์
  5,452 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 9 มกราคม พ.ศ. 2560 20.30 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) ระยะใกล้ชิด

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
          ใบไม้ยังคงเขียวชอุ่มดอกหญ้าชุ่มชื้นเต็มไปด้วยละอองน้ำค้างในยามเช้าเหมือนเช่นทุกวัน เวลาผ่านไปฉันทิสาใช้ชีวิตทำงานสถานที่ราชการแห่งใหม่ในตำแหน่งเดิมของเธอทุกอย่างลงตัวและไม่มีอะไรต้องขัดข้อง เธอสร้างกำแพงของความเกลียดชังให้กับปานคุณไว้ทุกหนทางไม่ว่าจะเป็นสายตาที่คอยเหยียดหยามวาจาที่คอยทำร้ายปฏิบัติกับสาวน้อยเสมือนไม่อยากเสวนา
 
ปานคุณไร้ซึ่งความสดใสเหมือนแต่ก่อนเธอมักจะถือจานข้าว
ที่มีกับราดไว้เพียงนิดพร้อมเค้กมะพร้าวหอมๆหนึ่งชิ้น
ที่มักจะวางอยู่ในห้องนอนของเธอเสมอในทุกๆเช้า
ไปนั่งกินพร้อมน้ำตาของความอัดอั้นอยู่ตรงบริเวณบ่อน้ำหลังบ้านอย่างเศร้าซึม
 
 
ปลายสัปดาห์ในเวลาบ่ายแก่ๆ.....
 
 
“ ก๊อกๆ ”
 
กำมือขาวๆกระทบลงยังบานประตูของห้องส่วนตัว
ฉันทิสายืนรอเวลาสักครู่ย้ายสองมือขึ้นกอดอก
 
ประตูห้องแห่งเดิมแย้มเปิดออกช้าๆ ใบหน้านิ่งสบตาสาวน้อยตรงหน้า
ก่อนจะสังเกตถึงการแต่งกายในชุดเสื้อแขนยาวกางเกงขายาว
สีเทาตรงกลางของเสื้อมีลายบักส์บันนีฉีกยิ้มฟันขาวสองซี่
มิหนำซ้ำเจ้าหล่อนยังหิ้วหูที่ขาดๆของตุ๊กตาตัวการ์ตูนดังกล่าว
ลากพื้นติดมือมาด้วย ร่างสูงเชยสายตาขึ้น..
 
ปานคุณแปลกใจนิดหน่อยเธอฉีกปากก้ำกึ่งอยากจะยิ้มแต่ก็ไม่กล้า
 
“ มีอะไรเหรอคะ ”
 
“ ฉันหิว.. ”
 
ร่างบางกลิ้งดวงตาดูจะไม่เข้าใจเท่าไหร่นัก
ฉันทิสาก้าวเท้าขยับเข้าไปอีกนิด ปานคุณนำเจ้าบักส์บันนีขึ้นถือสองมือ
ไว้ระดับเอวสบตาคนตัวสูง ฉันทิสาอดสงสัยไม่ได้เช่นกัน
ด้วยเวลาที่เธอได้พบปะกับสาวน้อยเมื่อไหร่ก็มักจะอารมณ์เสียทุกครั้งไป
 
“ ฉันบอกว่าฉันหิว! ”
 
สาวน้อยหรี่ดวงตาต่อเสียงที่ฟังดูหวานแต่กับกระชากจนกลายเป็นดุอยู่ร่ำไป
 
“ เลิกทำหน้าแบบนี้ซะที เห็นแล้วรำคาญ! ”
 
ก็หน้าเธอเป็นแบบนี้จะให้ทำอย่างไร..
ปานคุณจึงนำใบหน้าก้มลงเสียจะได้ไม่ไปรบกวนใจใคร
 
“ ฉันหิว ไปทำอะไรให้กินหน่อย ”
 
 
ร่างบางเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง สาวสวยบอกเสร็จ
จึงหันหลังให้และเดินออกไป ฉันทิสาหลุดยิ้มพร้อมส่ายหัวเบาๆ
ให้กับเจ้าบักส์บันนีที่ช่างตัวเล็กดูแล้วก็น่ารักไปอีกแบบ
 
 
ห้องครัว.....เนื่องด้วยวันนี้ทางโครงการใหม่ของไตรภพ
ได้เริ่มต้นอีกแห่งเป็นวันแรกจึงมีการทำบุญ
และเชิญแขกมาร่วมงานอย่างมากมาย
แม่บ้านทุกคนจึงถูกเกณฑ์ไปช่วยงานกันเสียหมด
 
บักส์บันนี เอิ่ม?..ปานคุณเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงบริเวณหน้าเตาและอุปกรณ์ต่างๆ
 
“ อะไรก็ได้ เร็วๆฉันหิว ”
 
ฉันทิสาเอ่ยบอกและเดินเข้าไปนั่งลงบนเก้าอี้
หน้าเคาน์เตอร์ตรงกลางของห้องครัว ใบหน้าเรียวหันมองผู้พูดเล็กน้อย
ก่อนจะหันกลับมายังที่เดิมอย่างงงๆด้วยไม่รู้จะเริ่มต้นจากตรงไหน
เธอควรหยิบจับอะไรก่อนดี กระทะวัตถุดิบหรือว่าเครื่องปรุง
ร่างบางยืนนิ่งไปไม่เป็นก็ในเมื่อเธอไม่มีความรู้ในเรื่องนี้เอาเสียเลย
ใบหน้าสวยขยับรูปปากไปมาสายตาของเธอกำลังลักลอบ
มองดูเรือนร่างสาวน้อยตรงหน้าที่ช่างบางเบาดูกะทัดรัด
จนทำให้เธอเผยยิ้มออกมาคล้ายว่าเพลินใจ
แต่แล้วจู่ๆปานคุณก็หันกลับมาซะอย่างนั้น
ฉันทิสาชักสีหน้าคืนสู่ความนิ่งแทบไม่ทัน
 
“ จะยืนมองอีกนานมั้ย..! ” ริมฝีปากสวยรีบถาม..ไม่มีพิรุธเลยสักนิด..มั้ง?
 
“ คือ.. ” ดวงหน้าเรียวเป็นกังวลสองมือบีบกำกันอยู่
 
“ เอยทำอาหารไม่เป็นหรอกค่ะ ”
 
ร่างสูงเผยริมฝีปากออกนิดหน่อยหัวคิ้วชนกัน
หันหน้าไปทางอื่นถอนหายใจอย่างเสียอารมณ์
หน้าตาบึ้งๆตึงๆของเธอไม่เป็นที่อยากมองของสาวน้อยเท่าไหร่นัก
 
“ มานี่ซิ ”
 
ปานคุณเหลือบมองอีกคนเพียงนิด
และค่อยๆก้าวเท้าเดินเข้าไปหา..ฉันทิสาขยับร่างหันนั่งรอ
 
“ ทำไม่เป็นแล้วเวลาหิวจะทำยังไง ”
 
“ คุณล้อม..คอยจัดการทุกอย่างให้หมดเลยค่ะ ”
 
“ ฉันหมายถึงเวลาที่คุณล้อมไม่อยู่! เหมือนอย่างวันนี้!”
 
หญิงผู้พิพากษาเสียงแข็งปลายๆ
ปานคุณเม้มริมฝีปากลดสายตาลงในที่สุดเธอก็ถูกตำหนิอีกจนได้
 
“ เอยก็จะนอนค่ะ.. ”
 
“ นอนอย่างงั้นเหรอ?! ”
 
ร่างสูงลุกขึ้นยืนพรวด สาวน้อยตกใจรีบอธิบายเหตุผลของเธอที่เคยปฏิบัติ
 
“ พอนอนแล้วก็จะหลับ พอหลับก็ไม่รู้เรื่องแล้ว ก็ไม่หิวแล้วค่ะ!!”
 
ฉันทิสาหยุดนิ่งจ้องมองสาวน้อยตรงหน้าสนใจ
ในสิ่งที่พูดมาเพราะช่างบ่งบอกถึงชุดที่กำลังใส่อยู่..
คงจะเตรียมตัวนอนอย่างนั้นสิ..มีอีกสิ่ง? ตาหวานจังนะแม่คุณ
 
ท่ามกลางใบหน้าที่นิ่งสงัดดวงตาที่มีเพียงความดุ
มักจะอยู่คู่กับความหวานบางประการที่ยากจะเดาใจ
หากลองมองชัดๆไปยังมุมปากที่คอยตวาดวิวาทใส่
เมื่อเวลาเจ้าหล่อนขยับเข้าใกล้จึงจะเห็นถึงอะไรๆ
ที่ต้องคอยบังคับไม่ให้เล็ดรอดออกมา..
 
 
 “ แต่เอยเจียวไข่เป็นนะคะ ”
 
เมื่อเห็นร่างสูงยังมองอยู่ไม่เลิก
ปานคุณจึงเอ่ยบอกอีกครั้งเธอยิ้มควบคู่ไปกับคำพูด
 
ฉันทิสารวบนิ้วมือทั้งสิบเข้าบีบแน่นๆ
กัดกรามนัยน์ตาส่งสู่สาวน้อยเขม็งแข็งกร้าว
ร่างบางค่อยๆหุบยิ้มของลง..เธอคงจะล้ำเส้นมากเกินไปอีกคนจึงเริ่มไม่พอใจ
 
“ จะไปไหนก็ไป ออกไป! ”
 
“ ค่ะ!! ”
 
ปานคุณขานรับพร้อมกับรีบวิ่งออกไปจากห้องครัวทันที
ฉันทิสาหายใจเข้าออกฟึดฟัดเธอแสนโมโหกับจิตใจ
ที่ชอบหย่อนคล้อยและเสียงตึกตักๆภายใต้อกซ้าย
ที่มันช่างสั่นสะเทือนไม่รู้จักเวล่ำเวลา มันเกิดขึ้นได้ยังไง..
เกิดขึ้นมาทำไมในเมื่อมันไม่ใช่อย่างที่สมองเธอกำลังสั่งการ!
 
 
เที่ยงครึ่งของวันพุธ.....
 
เรียวขาขาวก้าวเดินอย่างไม่รีบร้อนไปบนฟุตบาท
ริมทางของถนนในซอยที่เงียบสงบ ปานคุณพึ่งกลับจากมหาวิทยาลัย
หลังจากเสร็จสิ้นการซ้อมรับปริญญาของเธอ
ที่พิธีการจริงจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันนี้ สาวน้อยเลือกที่จะเดินไปช้าๆ
เพื่อชะลอเวลาในการกลับถึงบ้าน แต่ก็เท่านั้นเพราะจะช้าหรือเร็ว
อย่างไรเธอก็ต้องกลับมาถึงบ้านหลังนี้อยู่ดี.....ปานคุณหยุดมองเคหาสน์สถานหลังโต
สถานที่ๆเธออาศัยอยู่มานานจนทำให้ผูกพันและมีความสุขตลอดมา
จวบจนกระทั่งตอนนี้ความสุขที่ว่าเริ่มจะเลือนหายไป
เมื่อเธอกำลังถูกบังคับในทางอ้อม
ให้เป็นเพียงอากาศที่ล่องลอยอยู่ในบ้านหลังนี้ไปวันๆ
 
ร่างบางถอนหายใจแสนอ่อนล้าในความรู้สึก
ก่อนจะเริ่มเดินผ่านประตูบานใหญ่อันมีสิงโตปูนปั้นสองตัว
ตั้งตระหง่านรอต้อนรับอยู่บริเวณทางเข้าออกที่เชื่อมต่อกับถนนด้านนอก
ปานคุณยกมือข้างหนึ่งทัดผมเหน็บใบหูนัยน์ตาซึมเศร้า
มองพื้นขณะก้าวเดินเธอตั้งใจมุ่งตรงไปทางหลังบ้าน
เพื่อจะนำอาหารปลาที่ซื้อมานั้นไปให้กับสัตว์น้ำที่เธอเลี้ยงไว้
 
สาวน้อยถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่าเพราะเธอรู้สึกเหงาทุกครั้ง
ที่กลับมาที่นี่..ความรู้สึกเช่นนี้ช่างเหมือนครั้งที่เธอมาอยู่บ้านหลังนี้ใหม่ๆ
ในตอนนั้นช่างเดียวไม่ต่างอะไรกับตอนนี้เลยจริงๆ
อีกทั้งนงนุชยังมามีภาระที่ต้องไปเฝ้าน้องสาว
ซึ่งป่วยเข้าโรงพยาบาลกะทันหัน ปานคุณจึงมีความเหงาเมื่อไม่มีใครให้คุยเล่นด้วย
ครั้นจะเข้าไปหาฐากูรหรือก็ถูกห้าม..ร่างบางหยุดนั่งลงบนเก้าอี้
ที่วางอยู่บนพื้นหญ้าอย่างเหม่อลอย เธอมองดูสายน้ำที่ไหลไปช้าๆ
เพราะช่างเหมือนลมหายใจของเธอในตอนนี้ไม่มีผิด...
 
“ โครม! กึกกึก!! ปึงปัง!! ”
 
 
เสียงโครมครามดังขึ้น ใบหน้าเรียวหันมองพร้อมย่นคิ้วสงสัย
ก่อนจะรีบลุกเดินไปดู ปานคุณมุ่งหน้ามาตามเสียงที่ได้ยินต่อเนื่องมาอีกเรื่อยๆ
เธอเดินมาจนถึงหลังบ้านสถานที่ๆตั้งใจว่าจะมาตั้งแต่แรก
จึงพบกับคนงานหลายคนพร้อมด้วยอุปกรณ์และสิ่งก่อสร้างอีกมากมาย..
กำแพงส่วนหนึ่งถูกรื้อออกจนเห็นด้านนอกแต่ที่สำคัญไปกว่านั้น
คือบ่อน้ำอันเคยเป็นแหล่งอาศัยของปลาเล็กปลาใหญ่
ที่เธอเลี้ยงไว้ได้กลายเป็นพื้นดินเปียกๆที่พึ่งโบกเสร็จใหม่ๆไปเสียแล้ว
 
ดวงหน้าเรียวลมพัดไรผมปลิวเป็นริ้วๆปิดบัง
เริ่มใจคอไม่ดีขึ้นมา ปานคุณเดินเข้าไปหาคนงานคนหนึ่งเพื่อจะไถ่ถาม
 
“ ขอโทษนะคะ ”
 
 
ชายรูปร่างสูงหันมา
 
“ ทำอะไรกันเหรอคะ ” สาวน้อยเอ่ยถามพร้อมมองสิ่งก่อสร้างตรงหน้า
 
“ อ๋อ ขยายพื้นที่ตามแนวนี้น่ะครับ ”
 
ชายคนงานตอบกลับพลางเช็ดเม็ดเหงื่อที่เปรอะเปื้อน
ปานคุณพยักหน้าเบาๆเท่าที่เห็นอยู่ก็พอจะรู้
ร่างบางเหลียวมองไปยังพื้นที่ๆเธอสงสัย
 
“ แล้ว..บ่อน้ำที่อยู่ตรงนี้ล่ะคะ? ”
 
“ โถมดินทับไปแล้วครับ ”
 
ชายก่อสร้างเอ่ยบอกตามปกติแต่กับทำให้ผู้ถามตกใจเป็นอย่างมาก
ปานคุณดวงตากระสับกระส่าย..!
 
“ แล้วปลาที่อยู่ในบ่อล่ะคะ! ”
 
“ ผมไม่ทราบหรอกครับ ผมมาถึงหน้างานเจ้าของบ้าน
ก็บอกให้โถมดินลงในบ่อได้เลย บัวสักต้นก็ไม่ต้องเอาขึ้นจะได้ไม่เสียเวลาน่ะครับ ”
 
 
สาวน้อยยืนอึ้งด้วยความตกใจพร้อมปล่อยถุงอาหารปลา
ที่ถืออยู่ล่วงหล่นลงพื้น ปานคุณหายใจแรงด้วยความโมโห
ก่อนจะหันเดินออกไปจากตรงนั้นทันที.....ร่างบางเงียบขรึมอยู่บนใบหน้า
เดินเร็วๆกลับเข้าไปภายในบ้านผ่านตู้แก้วที่บรรจุคริสตัล
จากประเทศญี่ปุ่นอันเป็นของสะสมหลากหลายของฉวีวรรณ
พร้อมกับร้อนใจก้าวเท้าเดินขึ้นบันได
แววตาเต็มไปด้วยความโกรธเคือง..ระหว่างนั้นไตรภพได้เดินผ่านมาพอดี
 
“ อ้าวเอย ”
 
ร่างบางหยุดหันมองไปทางซ้าย คุณลุงผู้อารมณ์ดีเป็นเลิศเดินเข้ามาทัก
 
“ พึ่งกลับจากมหาลัยเหรอ พักนี้ไม่เห็นหน้าเห็นตาเลยนะ ” ไตรภพยิ้มถาม
 
ปานคุณจึงส่งยิ้มบางๆและนึกขึ้นมาได้
ว่าเธอควรจะถามไตรภพเพราะอาจจะรู้เรื่อง
 
“ ลุงไตรให้คนขยายกำแพงหลังบ้านเหรอคะ ”
 
“ อ้อ! ” ไตรภพนำมือล้วงกระเป๋า
 
“ เปล่าหรอก ภัทรเขาจัดการน่ะ”
 
ชายอารมณ์ดียิ้มบอก ปานคุณจึงเริ่มโมโหอีกครั้ง
เหตุนี้ไม่ผิดแน่ ฉันทิสาต้องการที่จะแกล้งเธออย่างแน่นอน
 
“ พี่ภัทรอยู่ไหนคะ ”
 
“ อยู่ในห้องตาเล็ก ลุงก็พึ่งจะออ.. ”
 
ร่างบางเมื่อได้รู้เธอจึงเดินไปทางห้องของฐากูรทันที
โดยที่ไตรภพยังไม่ทันพูดจบ ชายผู้เป็นลุงอ้าปากค้างคำ
ก่อนจะฉีกยิ้มแปล้นไปตามเรื่อง..
 
และเมื่อถึงบริเวณหน้าห้องของฐากูรสาวน้อยจึงไม่รอช้า
เปิดประตูเข้าไปทันที.....ทุกคนภายในห้องสนใจมายังเธอ
โดยเฉพาะฉันทิสาที่นั่งอยู่ใกล้กับคนป่วยประจำบ้าน
ไหมจันทร์เห็นเช่นนั้นอจึงรีบพรวดเข้ามาหาปานคุณ
ทำก้ำกึ่งเหมือนจะขวางทางไปได้..น้าสาวผู้ดูแลคนป่วยคลี่ยิ้ม
 
“ คุณเอย คุณเอยมีธุระอะไรด่วนเหรอคะ ดูรีบร้อนเชียว ”
 
“ อือ! อือ! ”
 
ฐากูรเมื่อเห็นน้องสาวที่ไม่ได้พบหน้ากันมานานนม
เขาจึงส่งเสียงคล้ายเรียกและแสดงแววตาของความดีใจ
ฉันทิสาเหลียวมองน้องชายเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปที่ไหมจันทร์
 
“ น้าไหมออกไปก่อนเถอะค่ะ ”
 
ไหมจันทร์หันมองอมยิ้มพลางจะอ้าปากเอ่ย..
 
ร่างสูงยืนขึ้นใช้สายตาย้ำบอกแทนคำพูดอีกครั้ง
ก่อนจะย้ายไปหาสาวน้อยตัวเล็ก ไหมจันทร์พยักหน้ารับฟัง
หันมองฐากูรนิดหน่อยตามประสาคนดูแลและตัดสินใจเดินออกจากห้องไป
 
เมื่อเสียงประตูปิดลง...
 
“ พี่ภัทรทำอะไรกับปลาที่อยู่ในบ่อน้ำคะ? ”
 
“ ใครอนุญาตให้เธอเข้ามา ”
 
ดวงหน้านิ่งถามกลับตวาดน้ำเสียงเล็กน้อย ฐากูรมองดูทั้งคู่
 
“ เอยต้องการคำตอบของเอยก่อน ”
 
แววตาของปานคุณยังคงมีความหวังว่าของๆเธอยังปลอดภัยดี
 
“ ฉันถามว่าใครอนุญาตให้เธอเข้ามาที่นี่! ”
 
ร่างสูงเดินเข้าใกล้จ้องมองดวงตาที่เปรียบเสมือนลูกนกตัวน้อยๆอย่างแข็งกร้าว
 
“ ตอบเอยมาก่อน! ”
 
ปานคุณขึ้นเสียงด้วยความร้อนรนใจ
ฉันทิสาเกร็งดวงตาสั่นไหวหายใจเข้าออกแรงๆด้วยความไม่พอใจ
 
“ ออกไป..! ”
 
“ พี่ภัทรเอาปลาของเอยไปไว้ที่ไหน! ”
 
น้ำเสียงเจ้าหล่อนดูเบาบางตามตัวจึงไม่สามารถต่อสู่กับสายตาพิฆาตตรงหน้าได้เลย
 
“ ฉันบอกว่าให้ออกไป!! ”
 
หญิงผู้พิพากษาตะคอกใส่หน้าจนสาวน้อยแอบสะดุ้ง
แต่ก็ยังฮึดสู้ ฐากูรนั่งมองได้ยินและได้ฟังจึงทำให้เขาเป็นกังวล
เพราะนี้คือสิ่งที่แสดงให้รู้ว่าพี่สาวของเขามิได้ญาติดีกับน้องเอยอันเป็นที่รัก
 
 
“ เอาปลาของเอยไปไว้ที่ไหน!!! ”
 
ปานคุณส่งเสียงดังด้วยความโมโห ร่างสูงยิ้มร้ายกระตุกมุมปาก
 
“ ฆ่า!..ไปแล้ว.. ”
 
 
สาวน้อยเผยปากออกด้วยความตกตะลึง
พร้อมมีน้ำตาเอ่อคลอทันทีด้วยสงสารเจ้าสัตว์ดังกล่าว
ที่เธอตั้งใจเลี้ยงไว้เพื่อให้เป็นเพื่อนทักทายในยามเหงา
 
“ ทำไมทำแบบนี้..ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย!! ”
 
ฉันทิสาส่งสายตายิ้มเยาะ
 
“ มันคือความพอใจของฉัน ฉันจะทำอะไรก็ได้ ฉันจะโยนอะไรทิ้ง
หรือว่าฉันจะเก็บอะไรไว้ มันก็เป็นสิทธิ์ของฉัน..!”
 
“ แต่นั่นมันเป็นปลาของเอยนะคะ!! ” ร่างบางเสียงสั่น
 
“ ไม่มีอะไรที่เป็นของเธอ.....ไม่มี.. ”
 
ปานคุณรู้สึกว้าเหว่อีกครั้งเมื่อคนตรงหน้าเริ่มพูดจาทำร้ายจิตใจ
ร่างสูงก้าวเท้าเข้าไปใกล้สาวน้อยมากขึ้น ใบหน้าเรียวจ้องมองสายตาคมกริบ
 
“ ขนาดแม่ เธอยังต้องมาใช้ร่วมกับคนอื่นเลย ”
 
ร่างบางน้ำตาหยดให้เห็นบนใบหน้า..
ปานคุณกัดเนื้อปากล่างด้านในจนเห็นว่าสั่นๆ
 
 “ เพี๊ยะ!! ”
 
ร่างสูงหน้าหันไปทางขวาตามแรงมือนิ่มๆ
ที่ตั้งใจฟาดมาบนใบหน้าของเธอ ฐากูรส่งเสียงอ้อแอ้คล้ายห้ามปรามทั้งคู่
แต่ก็ไม่มีใครสนใจฟังในเวลานี้ ฉันทิสาสีหน้าอึ้งตึง
เธอตกใจไม่ใช่น้อยที่อีกคนกล้าทำกับเธอแบบนี้
ใบหน้าสวยค่อยๆหันกลับมาดวงตาโกรธกริ้ว..
แต่ทว่าร่างน้อยตรงหน้ากับเต็มไปด้วยน้ำตาที่ไหลออกมาเยอะแยะไปหมด
 
 
“ ใจร้าย..คนอย่างพี่ไม่มีวันได้รับความรักจากใครจริงๆหรอก ”
 
 
ฉันทิสาหายใจแรงแสดงสีหน้าของความโกรธ
ที่ตลบอบอวลอยู่โดยรอบจับจ้องสาวน้อยตาเขม็ง
ปานคุณสบตาแข็งๆนั่นสักครู่ก่อนจะหันเดินออกไปจากห้องทันที
ร่างสูงย้ายสายตามองตามลมหายใจร้อนๆและกำลังเดือดพล่าน
ประทุออกมาตามแรงลมที่ผ่านออกปากเลยขึ้นไปสู่ด้านบน
ผ่านสันดั้งไปหยุดอยู่ยังนัยนาที่เฉียบขาดไปด้วยการตัดสิน..
สองเท้าของหญิงสาวผู้พิพากษา
ค่อยๆก้าวเดินออกจากห้องนอนของฐากูรไปอย่างไม่รีบร้อน
 
 
น้องชายเฝ้ามองตามแผ่นหลังด้วยความร้อนใจ
แต่เขานั่นหรือก็ไม่สามารถทำอะไรได้
นอกจากภาวนาขออย่าให้ฉันทิสาทำอะไรปานคุณเลย...
 
สาวน้อยเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าเดินเร็วๆมุ่งตรงไปยังจุดหมาย
นั่นคือห้องนอนของเธอ ปานคุณเปิดประตูและก้าวเท้าเดินเข้าไปด้านใน..
ในจังหวะที่เธอกำลังดึงบานประตูเพื่อที่จะปิดนั้นกับมีแรงหนักๆ
จากด้านหลังมายื้อและดันให้วัตถุเปิดกว้างอีกครั้ง
เวลาอันรวดเร็วร่างของเธอถูกดึงออกจากห้องจนแทบจะปลิวก็ว่าได้
 
ใบหน้าเรียวหันมองเห็นแววตาแข็งดุจับจ้องคล้ายพ่วงอารมณ์โมโหมาเต็มเปี่ยม
 
“ ปล่อยนะ!! ”
 
 
ปานคุณตกใจมากเพราะไม่คิดว่าฉันทิสาจะตามเธอมา
สาวน้อยรีบสะบัดต้นแขนที่ถูกจับไว้พยายามงัดแงะฝ่ามือผู้กระทำยกใหญ่
ฉันทิสากระชากร่างในมือให้เข้ามาใกล้จนหล่อนชนเข้ากับตัวเธอเสียเต็มที่
ปานคุณชักสีหน้าเหยเกเพราะถูกแรงกระแทก
 
“ เนี่ยเหรอ! ที่ว่าดีนักดีหนา! ก้าวร้าวอย่างกับอะไร!! สุดท้ายก็แค่ราคาคุย!! ”
 
ร่างสูงมองดูสาวน้อยที่ไม่สนใจฟัง
เพราะเอาแต่ก้มหน้าก้มตาดีดดิ้นจนน่าจับโยนไปบนเตียงนอนนุ่มๆนัก!
 
 
ร่างบางพยายามเหนี่ยวรั้งยื้อแขนตัวเอง
หมายจะให้หลุดออกจากการจับต้องส่งเสียงฮึดฮัด
คล้ายใช้แรงเยอะเหลือเกินจนทำให้ใบหน้าที่มองดูอยู่
เผลอรอยยิ้มเล็กๆนึกขำ..และในที่สุด
ปานคุณก็สามารถหลุดออกจากฝ่ามือเหนียวแน่นนี้ได้
 
“ คนดีก็ต้องได้รับการปฏิบัติดีตอบ! แต่คนอย่างพี่ภัทรเอยไม่ดีด้วยหรอก!! ”
 
สาวน้อยบอกเสร็จจึงวิ่งหนีทันทีแต่ความเร็วของเธอ
คงจะสู้ขายาวๆของฉันทิสาไม่ได้ ร่างสูงวิ่งตามเข้าไปคว้าสะเอวคอด
นำร่างบางพิงไว้ข้างลำตัวสองขาของเจ้าหล่อนดิ้นลอยเหนือพื้น
เป็นจังหวะเดียวกับที่ถึงบริเวณหน้าห้องของเธอพอดี
สาวสวยผู้พิพากษาจึงเปิดประตูพาร่างที่ร้องโหวกเหวกเข้าไปด้านในทันที
 
ห้องนอนที่แสนเป็นระเบียบเปิดต้อนรับเรือนร่าง
ที่ถูกปล่อยกึ่งโยนออกจากมือจนเซเกือบล้ม
ฉันทิสาตั้งใจนำตัวปานคุณเข้ามาที่นี่
เพราะไม่อยากให้เสียงเอะอะของเธอทั้งคู่ดังเข้าไปถึงในห้องของฐากูร
ร่างบางมีความตื่นตระหนกและจะเดินออกจากห้องแต่ถูกเจ้าของขวางทางไว้
 
 
“ ขอโทษฉันเดี๋ยวนี้..! ”
 
ร่างสูงส่งเสียงกระชับดูน่ายำเกรง
เหมาะแล้วที่เธอคือตุลาการในการตัดสิน..ปานคุณคิดเช่นนั้น
 
“ ไม่.. ”
 
ถึงแม้เธอยังมีความกลัวอยู่มากแต่ปานคุณก็สู้เต็มที่
สาวน้อยเม้มริมฝีปากดูไม่ค่อยมั่นใจในสถานการณ์
นี่คงเป็นครั้งแรกและคนแรกก็ว่าได้ที่ถูกเธอขึ้นเสียงใส่และแสดงกิริยาแบบนี้โต้ตอบ
 
ฉันทิสาหรี่ดวงตาเพราะสะดุดกับกิริยาเหนียมๆของคนตรงหน้า
 
“ ฉันบอกว่าให้ขอโทษฉัน!! ”
 
“ ก็บอกแล้วไงว่า ไม่ๆๆ! ”
 
เจ้าของใบหน้านิ่งหายใจแรงด้วยความโมโห
ร่างบางบีบสองมือตัวเองสบตาคนตัวสูงกล้าๆเกร็งๆ
 
“ ปานคุณ!!! ”
 
 
สาวน้อยกระพริบตาตกใจเพราะเสียงที่ส่งมาช่างบ่งบอกว่า
คนตรงหน้ากำลังโกรธจัด ปานคุณหลีกออกด้านข้าง
เพื่อจะวิ่งหนีออกจากห้องแต่ถูกลำแขนข้างหนึ่ง
ยื่นเข้ามาหยุดยั้งเธอไว้ ฉันทิสาดันตัวบางเบา
ถอยกลับและรวบเอาเรือนร่างเข้ามาใกล้..เนื้อแนบชิด
ด้วยแผ่นหลังของปานคุณที่ผลุนผลันเข้ามาสนิทแนบกายเธอ
ปลายจมูกของสาวสวยได้สัมผัสกับเส้นผมหอมๆ
จนสามารถหยุดความฉุนเฉียวของเธอลงได้อย่างกะทันหัน
 
แตกต่างกับสาวน้อยที่พอรู้สึกว่าถูกกอดก็ดิ้นยุ๊กยิกๆ
และพยายามงัดแงะสองแขนที่ฝังอยู่บริเวณรอบเอวจ้าล่ะหวั่น
 
“ ปล่อยนะปล่อย!! ”
 
 
ปานคุณทั้งหยิกทั้งจิกไปที่สองมืออันเหนียวแน่น
จนฉันทิสารู้สึกเจ็บจึงต้องปล่อยอ้อมแขนออก
ร่างบางหันกลับมายื่นสองมือผลักตัวอีกคน
จนเซไปนั่งลงกับโซฟาใกล้ๆก่อนที่เธอจะรีบวิ่งออกจากห้อง
ร่างสูงเร็วกว่าด้วยความที่แขนเธอยาวจึงสามารถคว้าตัวคนคิดหนีได้สำเร็จ
 
 
ฉันทิสาดึงตัวปานคุณให้ลงบนตักของเธอ
สาวน้อยทั้งดิ้นทั้งตีจนร่างสูงเจ็บเนื้อเจ็บตัวไปหมด!!!
 
“ นี่! ”
 
สาวสวยโอบร่างและล็อคสองมือคู่ป่วนนี้ไว้
เอ่ยเสียงกำราบพร้อมดันหญิงตัวเบาเข้ามาใกล้
 
 
“ ฤทธิ์เยอะนักใช่มั้ย..ห่ะ!! ”
 
“ .........!!! ”
 
 
ไม่มีสิ่งใดตอบกลับมาได้ยินเพียงเสียงที่ร้องอื้ออึงเล็กน้อย
เมื่อถูกฝ่ามือดันที่บริเวณต้นคอเพื่อบังคับให้เข้าไปรับจุมพิตของการสั่งสอน..
 
ความนุ่มของกลีบปากที่ได้แตะต้องนำพาให้สาวน้อยตกตะลึง
จนแข็งทื่อไปทั้งตัว ฉันทิสารู้สึกได้ว่าร่างบางนั้น
เกร็งจัดสัมผัสได้จากสองมือที่กดจิกเธอเอาไว้
จนตอนนี้คงจะเกิดเป็นรอยอย่างแน่นอน
 
ใบหน้าสวยค่อยๆถอนจูบออกอย่างแผ่วเบามองจ้อง
สาวน้อยที่อยู่บนตักพร้อมมีรอยยิ้มผ่านนัยน์ตา
ให้อีกคนต้องตื่นเต้นคงพึ่งเคยเห็นยิ้มของเธอล่ะมั้ง
ฉันทิสาร่ายสังเกตไปทั่วดวงหน้าของเจ้าหล่อนวัยแรกรุ่น..
รูปปากอมชมพูที่เผยออกนิดๆช่างสั่นระริกราวกับพึ่งเคยถูกทักทายเป็นครั้งแรก
 
 
ปานคุณหายใจแรงร่างกายของเธอรู้สึกหวิวๆอย่างอธิบายไม่ถูก
สาวน้อยเบนหน้าหนีพร้อมทั้งขยับตัวหมายจะลุกออกห่าง
จากการใกล้ชิดแต่ถูกอีกคนรั้งตัวไว้ ฉันทิสากระตุกยิ้ม
เมื่อเห็นปานคุณแก้มแดงค่อยๆเป่าลมร้อนๆ
ไปที่ใบหูขาวๆของเจ้าของใบหน้าหลีกหลบ
 
ร่างบางสะดุ้งหันมอง หญิงผู้พิพากษาจึงแย้มยิ้มเบาๆให้สาวน้อยได้ปั่นป่วนใจเล่น
 
“ ปล่อย.. ”
 
ปานคุณก้มหน้าลงพยายามจะดึงมือออกส่งเสียงบางเบา..
อยู่ๆเมื่อเห็นสาวน้อยมีอาการเคอะเขินฉันทิสาจึงรู้สึกพอใจขึ้นมา
เธอดันเอาตัวปานคุณเข้ามาใกล้จนแนบชิดกันและกัน
สัมผัสได้ถึงความสั่นของเรือนร่าง ใบหน้าเรียวปลายตามอง
อย่างระแวงเธอแสนตื่นเต้นจนตัวเนื้อสะเทือนไปหมด
 
หญิงสาวตำแหน่งผู้พิพากษาขยับใบหน้าเข้าไปใกล้ๆ…
 
“ ถ้าเธอไม่ขอโทษฉัน...ฉันจะทำอีก ”
 
 
ปานคุณก้มหน้าลงรูปปากของเธอที่สั่นๆอยู่นั้น
บ่งบอกถึงความประหม่าในเวลานี้ ฉันทิสากระชับร่างในมือแรงๆ
ให้สาวน้อยได้ตกใจไม่เลิกก่อนจะเอื้อมมือ
ไปแตะที่ใบหน้าเนียนๆเผยยิ้มชอบใจที่เจ้าของ
ส่งเสียงอู้อี้อย่างไม่เต็มใจเมื่อถูกบังคับให้หันมาหา
 
“ ขอโทษ! ” ร่างบางหลับตาปี๋เอ่ยบอก
 
 
“ พูดดีๆ ”
 
น้ำเสียงนี้ช่างแตกต่างไปจากทุกครั้งปานคุณค่อยๆลืมตาขึ้น
จึงเห็นว่าสาวสวยกำลังจ้องมองเธออยู่ เมื่อไม่มีสิ่งใดกวนใจ
ฉันทิสาจึงหลงไปกับแววตาใสๆที่แสนอ่อนหวาน..
แม่สาวน้อยแก้มแดงดูแล้วก็น่ารักเสียจริง
เนื้อตัวหรือก็นุ่มนิ่มแถมยังบางเบาไปซะหมด
ใบหน้าสวยกัดฟันนึกหมันเขี้ยวอยู่เงียบๆ
ร่ายเชยชมอย่างละเอียดลออจากดวงตาย้ายมาหาปลายนิ้วของเธอ
ที่เลื่อนอยู่ตามผิวแก้มเรื่อยจรดรูปหน้า
ปานคุณใจเต้นตึกตักเพราะระยะของการใกล้ชิด
นำพาให้เธอจะหน้ามืดเสียให้ได้ ร่างสูงเลื่อนฝ่ามือลงมาถึงซอกคอขาว
ขยับริมฝีปากมองดูเนื้อที่คงนุ่มลื่นยามแตะ..ต้อง
 
 
ปานคุณขยับตัวจะลุกขึ้นจากการใกล้ชิดแต่เธอกับทำไม่ได้
และไม่มีเวลาสนใจต่อการเลี่ยงหนีเมื่อสันดั้งโด่งๆ
เริ่มสัมผัสลงกับรูปคางเบาๆ ใบหน้าสวยค่อยๆเงยขึ้น
เมื่อเห็นความบางที่เผยออกนิดๆจึงคล้ายว่ามีสิ่งดลใจ
นำพาให้เธอประกบริมฝีปากลงไปอีกครั้ง.........
 
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา