Alice เพลงรักที่หลงทาง (season 1)

5.3

เขียนโดย zusuran

วันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 เวลา 14.50 น.

  14 ตอน
  2 วิจารณ์
  10.82K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 20.33 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

11) Chapter 11 ... ความสัมพันธ์ที่สั่นคลอน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
 
 
"กลับมาแล้วเหรอครับ"
เสียงทักทายจากพ่อบ้านคนสนิทดังขึ้นทันทีที่ชินระก้าวเข้ามาในบ้าน ผ่านไปหลายเดือนเลยที่ไม่ได้กลับมา บ้านที่หรูหราแต่ก็แฝงไปด้วยความมืดมน โลกของความโหดร้ายที่ชินระต้องแบกรับมาแต่เด็ก
"คุณชินกลับมาแล้วครับท่าน"
ลูกน้องคนสนิทรายงานเจ้าของบ้านที่ยังนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานและพยักหน้าน้อยๆเป็นการรับรู้
ชินระเดินเข้าไปในห้องด้วยสายตาว่างเปล่า เขาไม่รู้สึกคิดถึงหรือผูกพันกับที่นี่เลย ไม่แม้แต่กับพ่อแท้ๆ
"กลับบ้านเป็นด้วยเหรอ ฉันนึกว่าแกจะลืมไปแล้วซะอีกว่ายังมีบ้าน"
"หึ ที่นี่ไม่ใช่บ้านของผมตั้งแต่แรกอยู่แล้วนี่"
พั่บ!
หนังสือเล่มหนาถูกวางลงบนโต๊ะเสียงดังพอที่จะรับรู้ถึงอารมณ์ของคนที่ถือมันอยู่ก่อนหน้านี้
หากแต่ไม่นานบรรยากาศอึมครึมที่กำลังจะปะทุก็ถูกทำลายลงด้วยเสียงถอนหายใจของผู้เป็นพ่อเสียเอง
"เอาเถอะ ถ้าไม่มีธุระฉันก็คงไม่เรียกแกมา"
"นั่นสินะ จะให้ผมไปฆ่าใครอีกล่ะ"
"ในสายตาแกฉันเคยเป็นพ่อของแกบ้างไหม ชินระ"
"ถามตัวเองก่อนเถอะ"
ชินระไม่เคยสนิทกับพ่อ และจะไม่สนิทตลอดไป เขาสามารถทำลายได้ทุกอย่างถ้าเขาจะทำ
แต่ตอนนี้ไม่ใช่แบบนั้นแล้ว
เขามีบางอย่างที่ต้องรักษา ถ้าเกิดทำอะไรตามอารมณ์ของตัวเองอีกล่ะก็ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะสูญเสียมันไปเลยก็ได้
ตุ้บ!
"ไปงานนี้แทนฉัน"
บัตรเชิญงานเปิดตัวบริษัทใหม่ของมิยางิ กรุ๊ป
ชินระมองการ์ดบนโต๊ะอยู่เงียบๆ ก่อนจะหยิบมันขึ้นมาดู
"ได้ยินมาว่าหลานสาวห่างๆของมิยางิจะเข้ามาบริหารบริษัทด้วยตัวเอง แกควรจะไปสร้างสายสัมพันธ์เอาไว้ เพื่ออนาคตของแกเอง"
"เหอะ! กับเด็กที่เพิ่งจบม.ปลายเนี่ยนะ ไม่กลัวว่าผมจะฆ่าเธอทิ้งอีกรึไง"
ชินระพึมพำและมองบัตรเชิญไปพลางๆ
"หึ แต่ก็เอาเถอะ ช่วงนี้เป็นช่วงพักร้อน จะไปให้หน่อยก็แล้วกัน"
"แกกับลูกชายของหมอนางาเระสนิทกันมากสินะ"
กึก!
คำพูดของคนเป็นพ่อทำให้อารมณ์ที่สงบลงเริ่มตึงขึ้นมาอีกครั้ง
"ฉันขอเตือนแกว่าอย่าถลำลึกไปมากกว่านี้จะดีกว่า"
"อย่าคิดมายุ่งเรื่องส่วนตัวของผม ถ้ายังอยากให้ผมทำงานให้"
"ชินระ โลกของแกกับซางามิไม่เหมือนกัน ฉันเตือนแกเอาไว้ ก่อนที่แกจะเผลอเรอไปมากกว่านี้ หมอนางาเระเป็นเพื่อนสนิทของฉันกับแม่ของแก หล่อนต้องเลี้ยงลูกมาตามลำพัง หล่อนช่วยชีวิตแก รักแกเหมือนลูกตัวเอง ฉันไม่อยากให้หล่อนต้องมาเสียใจเรื่องลูกของหล่อน"
"แล้วพ่อ....เคยเสียใจเรื่องแม่กับน้องบ้างไหม"
ปึง!!!!
เสียงปิดประตูดังพอที่จะทำให้ห้องทั้งห้องสะเทือน อารมณ์คุกรุ่นที่เพิ่มปะทุขึ้นมายากนักจะดับมอดลงง่ายๆ จากคำพูดของคนเป็นพ่อที่ทั้งสะกิดใจและเตือนสติอันดื้อรั้นของเขา
ชินระขยี้หัวตัวเองแรงๆ ตอนนี้หากจะหาทางออกหรือนั่งคิดอะไรไปมากกว่านี้เขาคงทำไม่ได้หรอก นอกจากสบถพ่นลมหายใจออกมาระบายความหงุดหงิดว้าวุ่นในใจเท่านั้น
เวลาแบบนี้มีอย่างเดียวที่จะทำให้ชินระสงบลงได้ คือเปียโน
ติ๊ง....
บทเพลงกระท่อนกระแท่นถูกบรรเลงเล่นโดยคีย์สีดำเท่านั้น คำพูดของคนเป็นพ่อยังกระเด้งกระดอนอยู่ในหัว เขาเป็นคนลากซางะเข้ามาและกักขังเอาไว้โดยที่เขาเองก็ไม่ได้ตั้งใจ และตอนนี้มันก็ดูจะสายไปแล้วที่จะปล่อยคนๆนั้นไปง่ายๆ
"เฮ้อ...."
อารมณ์ที่คุกรุ่นเริ่มสงบลงและถูกปล่อยออกมาผ่านลมหายใจ ในห้องโล่งๆของเรือนชั้นในที่มีเพียงเปียโนตั้งอยู่ลำพัง คนเดียวที่นึกถึงตอนนี้ก็หนีไม่พ้นคนที่เคยนั่งแต่งเพลงด้วยกัน
เรื่องเล็กน้อยแต่กลับทำให้มองหน้ากันไม่ติด เห็นทีกลับไปคงต้องขอโทษสักหน่อย
แล้วชายหนุ่มก็ถอนหายใจอีครั้งก่อนจะปิดฝาครอบเปียโนลงและลุกเดินออกไปจากห้อง
 
งานเปิดตัวธุรกิจใหม่ในเครือมิยางิ สำหรับคนทั่วไปอาจจะเป็นงานหรูหราที่อยากมาร่วม แต่สำหรับชินระมันไม่ใช่ เพราะจุดประสงค์ที่เขาต้องมางานนนี้คือ เด็กสาวที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับเขาตอนนี้
"ได้ยินมาว่าพี่เล่นดนตรีเก่งมาก แล้วก็ยังร้องเพลงเพราะมากด้วย ฉันล่ะทึ่งจริงๆค่ะ"
เด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักสวมกิโมโนเกล้าผมปักปิ่น ดูน่ารักสมวัยเหมาะกับภาพลักษณ์กุลสตรีไม่มีที่ติ
"อาโอริเคยฟังเพลงที่พี่ร้องตอนงานคอนเสิร์ต เพราะมากเลยล่ะค่ะ"
"งั้นเหรอ ขอบใจนะ"
"พี่ชินระ"
อาโอริเอียงคอมองหน้าเขา ท่าทางน่ารักของเธอเป็นใครก็คงต้องใจละลาย แต่ไม่ใช่กับชินระ ไม่เลยแม้แต่น้อย
"ไม่สบายใจรึเปล่าคะ"
"เปล่านี่"
"ถ้าพี่ไม่ถือสาว่าอาโอริเป็นเด็กล่ะก็..."
"ฉันมองว่าเธอเป็นน้องสาวที่น่ารักมากคนหนึ่ง"
เป็นการตัดไฟตั้งแต่ต้นลมที่ดูจะโหดร้ายเย็นชา แต่เพราะชินระไม่ได้โผงผางและวางตัวสุภาพ เด็กสาวจึงได้แต่ยิ้มเจื่อนและหัวเราะออกมาด้วยท่าทางที่เหมือนจะบอกว่าเธอกำลังได้รับอิสระ
"คิก...พี่เป็นสุภาพบุรุษจริงๆค่ะ ถ้าใครได้พี่เป็นแฟนคงโชคดีไม่น้อยเลยนะคะ"
"หึ...ตอนนี้อาโอริอายุเท่าไหร่เหรอ"
"สิบเก้าจะยี่สิบเดือนหน้าแล้วค่ะ"
"เท่ากับน้องสาวของพี่เลยนะ"
"เอ๋? จริงเหรอคะ"
"ความลับนะ"
เด็กสาวใสซื่อ เธอไม่ได้มีพิษมีภัยเหมือนญาติผู้พี่ของเธอเลย เธอช่างโชคไม่ดีเอาซะเลย
และในระหว่างที่นั่งจิบน้ำชาในห้องรับรองส่วนตัว เสียงเปียโนที่บรรเลงเพลงคุ้นหูก็ทำให้ชินระชะงักไปทันที
"อ้อ วันนี้มีแขกรับเชิญพิเศษของพี่ชุนมาเล่นดนตรีเปิดงานให้ด้วยล่ะค่ะ"
"แขกพิเศษงั้นเหรอ"
"อื้ม พี่ชุนไปเชิญมาด้วยตัวเองเลยล่ะค่ะ เห็นแวบแรกก็รู้เลยว่าสวยมากๆ"
อาโอริยิ้มหน้าบานแต่กับชินระตอนนี้ไม่ได้ร่าเริงหรือเคลิบเคลิ้มไปกับเสียงดนตรีใดๆทั้งนั้น ชายหนุ่มลุกเดินเข้าไปในงานพร้อมเด็กสาวที่ควงแขนเขาเพื่อพยุงตัวไม่ให้ล้มยามเดิน การกระทำเชื่องช้าเข้ากับเสียงดนตรีทำให้เป็นที่จับตามองของคนในงาน และผู้คนได้หลีกทางให้จนกลายเป็นจุดเด่นอยู่กลางงาน ยิ่งไร้คนบดบังยิ่งมองเห็นกันได้ชัดเจน และคนที่กำลังบรรเลงเพลงอยู่บนเวทีนั้นก็ไม่ได้เหนือความคาดหมายของชินระเลย
ซางะสวมชุดสูทเข้ารูปสีขาว กำลังบรรเลงเพลงอยู่บนเวที ข้างๆคือมิยางิกำลังยืนพิงเปียโนจิบแชมเปญอย่างสายใจ มองดูแล้วเหมือนเพื่อนรักคนสนิทที่กำลังอยู่ในโลกส่วนตัวที่มีกันแค่สองคน ชินระเดินเข้าไปเรื่อยๆ และหยุดอยู่ตรงหน้าชิดขอบเวที ข้างๆคืออาโอริที่เกาะแขนเขาไม่ปล่อย
เพลงแสนซึ้งจบลงก่อนเสียงปรบมือเล็กๆจากเด็กสาวจะดังตามมา เรียกสายตาของคนบนเวทีให้มองมา และเหมือนซางะจะได้ตกใจเลยที่เจอชินระที่นี่ ทั้งคู่มองหน้ากันโดยไม่มีคำพูดใดๆออกมา
"สุดยอดเลยค่ะพี่"
มิยางิเดินอ้อมมายืนข้างซางะและกอดคอชายหนุ่มที่ยังเงียบอย่างสนิทสนม
"ว่ายังไงยายน้อง ถูกใจกับเซอร์ไพรส์ของพี่รึเปล่า"
"มากเลยล่ะค่ะ ว่าแต่คนนี้คือ..."
"อืม...จะบอกว่าอะไรดีนะ"
สายตามิยางิ ชุน มองซางะก่อนจะหันมามองชินระและยิ้มให้เหมือนจะสื่อว่าตัวเองเหนือกว่า
"แล้วนี่อะไรเนี่ย เกาะแขนซะแน่น กลัวใครจะแย่งไปรึไง"
อาโอริยังเกาะแขนชินระไม่ปล่อย ชินระเองก็ไม่ได้สนใจมันเท่าไหร่ เพราะตอนนี้สายตาของเขาจดจ่ออยู่กับแค่คนหน้าสวยตรงหน้า
สำหรับคนที่มาร่วมงานอาจมองว่าเป็นภาพเพื่อนสนิทที่คุยกันอย่างมีความสุข หารู้ไม่ว่าในใจของชินระตอนนี้มันไม่ต่างอะไรจากคลื่นในทะเลที่กำลังบ้าคลั่ง
ซางะอยู่กับมิยางิตลอดงาน ชินระไม่มีความกล้าแม้แต่จะเข้าไปแทรกกลาง ตลอดทั้งงานที่ได้แต่ลอบมองอยู่ไกลๆ
"พี่ชินระ"
"ฉันคงต้องกลับแล้ว"
"พี่ไม่เป็นไรนะคะ"
"ไม่เป็นไร"
"ฉันไปส่งพี่ที่รถนะคะ"
อาโอริเป็นเด็กน่ารัก ไร้เดียงสา ชินระทำร้ายเธอไม่ลงจริงๆ
ดวงตาสีเทาอ่อนสะท้อนภาพชายหนุ่มที่กำลังเดินออกไปจากงานพร้อมเด็กสาว ในมือยังถือแก้วเครื่องดื่มที่ไม่ได้พร่องลงเลยสักนิด
"เป็นห่วงเหรอ"
มิยางิสะกิดขึ้นมาอย่างรู้ทาง ถึงจะรู้สึกอึดอัดไม่ชอบใจยังไง แต่เพราะข้อตกลงที่ให้ไว้ ซางะได้แต่เงียบไม่โต้ตอบ
"อยากรู้เรื่องหมอนั่นมากขนาดนั้นไปทำไม"
"ไม่เกี่ยวกับคุณ"
"หึ งั้นเหรอ"
"ตามสัญญา"
"อย่าใจร้อนสิ ถึงยังไงตอนนี้เราก็มีเวลาถมเถ"
"ว่าไงนะ"
"ฉันเปิดห้องให้นายแล้ว ถ้าไงก็พักที่นี่สักคืนพรุ่งนี้ค่อยกลับก็แล้วกัน"
"ไม่จำเป็น"
"จำเป็นสิ อยากฟังเรื่องของหมอนั่นไม่ใช่เหรอ"
สุดท้ายซางะก็ต้องยอมขึ้นห้องพัก ไหนๆก็มาถึงที่นี่แล้วจะกลับไปทั้งที่ยังไม่รู้เรื่องอะไรเลยก็คงไม่เข้าท่าเท่าไหร่ คิดแล้วก็ยกเครื่องดื่มกระดกหมดแก้ว
แต่ไม่นานเท่าไหร่โลกก็เริ่มหมุน
ตุ้บ!
ซางะเซเข้าไปพิงไหล่ของคนที่ซ้อนอยู่ด้านหลัง
"เป็นอะไร"
มิยางิใช้ไหล่ตัวเองประคองซางะไว้และถือโอกาสวาดแขนขึ้นมาประคองอีก
"ฉันคงเหนื่อยไปหน่อย"
………………………
“จะให้ผมรอรับกลับไหมครับ”
“ไม่ต้อง”
“ทราบแล้วครับ”
ลูกน้องรับคำสั่งอย่างรู้งาน และขับรถออกไปอย่างเงียบๆ
ชินระถอนหายใจสะบัดสูทตัวนอกพาดบ่าและเดินกลับคอนโดที่พักตามลำพัง
ในใจยังคิดถึงซางะอย่างวางไม่ลง
“ฮ้า!!! น่ารำคาญจริงๆเล้ย”
คิดแล้วก็ยิ่งหงุดหงิด ขยี้หัวตัวเองเหมือนคนบ้าจนคนที่เดินผ่านสะดุ้งไปหลายคน
 
ตุบ!....
ร่างโปร่งบางถูกวางลงบนเตียงขนาดคิงไซส์ ในห้องสวีตที่เปิดเพียงไฟสลัวหล่อเลี้ยงบรรยากาศ
ซางะไม่เหลือแรงจะต้านใดๆ แค่ตาปรือปรอยมองสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าก็อ่อนล้าเต็มที
"เดี๋ยวถอดสูทให้"
"อย่ามายุ่ง"
ซางะพยายามปัดมือที่เข้ามา แต่ก็ถูกสกัดให้พ้นทางอย่างง่ายดาย
มิยางิกึ่งนอนกึ่งนั่งบนเตียงข้างกายเขา มือข้างหนึ่งปลดกระดุมสูทชั้นแรกและต่อด้วยกระดุมเชิ้ตทีละเม็ดๆจนเผยให้เห็นแผงอกที่มีริ้วกล้ามสวยงามของซางะ ปลายนิ้วกรีดกรายอย่างแช่มช้าจากด้านล่างเนื้อเข็มขัดขึ้นมาถึงเนินอก ไหปาร้า ปลายคาง ก่อนที่หยุดที่ริมฝีปากที่เผยอรับอากาศเข้าไปหายใจ
"นายก็เป็นซะแบบนี้ เพราะแบบนี้ไงถึงมีแต่คนจ้องจะเอาอยู่ตลอด"
"อึก!"
"ฉันเองก็ยอมรับว่าชอบนายมาก แต่ก็ไม่เข้าใจจริงๆว่าชินระมีอะไรดีนายถึงได้สนใจมันนัก หมอนั่นมันแค่คนเดนตายที่กลายเป็นบ้าเท่านั้น มีอะไรดีให้นายต้องสนใจกัน แต่ก็เอาเถอะ บางทีคืนนี้นายอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้ ใครจะไปรู้"
คนเดนตายเอย คนบ้าเอย ยิ่งฟังซางะยิ่งอารมณ์ขึ้น แต่อาการอ่อนเปลี้ยเพลียแรงมันไม่สามารถทำให้ชายหนุ่มขยับตัวได้เลย ร่างกายเริ่มหนักและรู้สึกเสียววูบวาบทุกครั้งที่ถูกสัมผัส
มิยางิโน้มตัวเข้ามาคร่อมทับเขาฝ่ามือหนาประคองใบหน้าซางะให้ผินไปรับริมฝีปากที่จู่โจมเข้ามาอย่างไร้ทางต้าน
ซางะพยายามเบือนหน้าหลบหนีแต่ก็ไม่อาจต้านทานแรงรั้งนั้นได้ ลิ้นร้ายรุกล้ำเข้ามาในโพรงปากเกี้ยวพาอย่างอ้อยอิ่ง ในขณะที่มือหนาลูบไล้ตามร่างกาย และเลื่อนลงต่ำมาถึงเข็มขัด
ยิ่งขัดขืนยิ่งถูกกดให้จมไม่มีทางหนีจากอ้อมกอดนี้ไปได้เลย ความรู้สึกแรกที่ผุดขึ้นมาในใจตอนนี้คือ
ขยะแขยง...
กึด!
"อึก!"
มิยางิถอนริมฝีปากออกอย่างไว แต่ก็ไม่วายที่เลือดจะไหลเปื้อนริมฝีปาก ซางะถุยน้ำลายทิ้งอย่างขอไปที ใช้แรงที่เหลือผลักมิยางิที่ไม่ทันตั้งตัวจนล้มหงายไปนอนข้างๆ
"อย่างนายเหรอจะทำให้ฉันเปลี่ยนใจ ฝันกลางวันจริงๆ"
"ว้าว ยังเหลือแรงอยู่เหรอเนี่ย"
ซางะใช้ศอกสองข้างยันกายลุกแต่ก็ถูกมิยางิคว้าเอาไว้ให้กลับไปนอนแผ่อีกรอบ และครั้งนี้อีกฝ่ายก็ขึ้นคร่อมทับซางะเอาไว้ทั้งตัว
"แบบนี้สิถึงจะสนุก"
"ชิ!"
"รังเกียจงั้นเหรอ เอาสิ แบบนี้แหละถึงจะมีรสชาติ"
สองแขนถูกตรึงติดที่นอน ก่อนที่ริมฝีปากร้ายที่ยังมีกลิ่นเลือดกลบจะเข้ามาประกบจูบซางะอีกครั้ง สองขายันที่นอนจนยับยู่ยี่ และเกร็งแน่นเมื่ออีกฝ่ายได้สัมผัสจุดกระสันผ่านเนื้อผ้าที่ยังห่อกาย
เสียงจูบจาบจ้วงหยาบโลนไร้ความปรานี แต่ซางะยังไม่ยอมอ่อนข้อและต่อต้านแข็งขืนเท่าที่เรี่ยวแรงจะมี
ตอนนี้คนๆเดียวที่เขานึกถึงก็คือ ชินระ
ชินระ...ตอนนี้คงจะอยู่กับเด็กสาวคนนั้น
ยิ่งนึกถึงเรี่ยวแรงก็ยิ่งหดหายไป และโอนอ่อนไปตามแรงรุกล้ำของคนด้านบน
แต่ก่อนที่ซางะจะยอมโอนอ่อนและตอบสนองรสจูบหยาบโลนของคนตรงหน้า เสียงเคาะประตูเรียกจากหน้าห้องก็ดังขึ้นมาสะกดการเคลื่อนไหวทุกอย่างภายในห้อง
ก๊อกๆๆ...
"พี่ชุน"
เสียงอาโอริดังมาพร้อมกับการเคาะประตูอีกหลายครั้ง
มิยางิสบถเบาๆเพราะถูกขัดใจแต่ก็หยุดการกระทำทุกอย่างและลุกออกไปจากซางะ
"อาโอริ มีอะไรรึเปล่า"
"อยู่ที่นี่จริงๆด้วย ฉันคิดว่าจะต้องกลับบ้านคนเดียวแล้วซะอีก"
"อะไรนะ"
มิยางิลุกขึ้นจัดแจงเสื้อผ้าของตัวเองก่อนจะเดินไปเปิดประตูพาตัวเองออกไปจากห้อง เสียงคุยกันดังแว่วๆไม่ได้ศัพท์ก่อนจะเงียบไป ถ้าเดาไม่ผิดมิยางิคงเดินออกไปกับน้องสาว เรื่องอะไรซางะจะอยู่รอให้เชือด ลุกขึ้นสะบัดความมึนงงออกจากหัว ทั้งมือทั้งแขนเช็ดปากไปมาจนรู้สึกเจ็บ จัดเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทางก่อนจะออกจากห้องไปอย่างเงียบที่สุด
ตอนนี้ดึกมากแล้ว รถไฟหยุดวิ่ง และแท็กซี่ก็มีน้อย ซางะเดินห่อตัวไปตามทางเดิน ผู้คนบางตามากแล้ว แต่สายตาหลายคู่ก็ยังมองเขาเพราะความสูงโดดเด่นและหน้าตาที่คุ้นเคย
สองขาที่จัดได้ว่ายาวก้าวไปข้างหน้าเท่าที่ตาพล่าเลือนจะเอื้ออำนวยส่องให้เห็นทาง ความมึนงงยังไม่ได้หายไปเสียทีเดียว จนต้องนั่งพักตรงม้านั่งริมทาง
ไฟริมทางมีแค่ดวงเดียวเล็กๆ ไม่ได้สว่างมากพอจะเห็นรายละเอียดนัก ซางะพิงพนักม้านั่งแหงนหน้ารับเอาอากาศเย็นๆยามดึก สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ตาสีเทาหม่นมองขึ้นไปบนฟ้าที่เห็นดาวแค่ไม่กี่ดวง อย่างน้อยคืนนี้ก็ไม่มีฝนตก และในระหว่างที่เหม่อมองดาวเบื้องหน้าก็ถูกบดบังด้วยร่างของใครบางคนที่จงใจเข้ามายืนขวาง
เพราะไฟดวงเล็กเกินกว่าจะมองเห็นรายละเอียด แต่ซางะก็จำได้ดีว่าใคร
"มาทำอะไรที่นี่"
"ฉันต้องถามนายมากกว่าไหม ซางามิ"
พรึ่บ!
ชินระถอดเสื้อคลุมสีดำของตัวเองมาคลุมให้ซางะแทนก่อนจะนั่งลงข้างๆ ทุกอย่างกลับมาเงียบลงอีกครั้ง ต่างฝ่ายต่างก็มีบางอย่างในใจแต่ก็ไม่กล้าจะพูดออกมา ปล่อยให้เวลาไหลผ่านไปนาทีแล้วนาทีเล่า และสุดท้ายชินระก็เป็นฝ่ายพูดออกมาเสียเอง
"ขอโทษ..."
"เรื่องอะไร"
"ฉันไม่ควรใส่อารมณ์กับนายแบบนั้น...ขอโทษนะ"
".......ลืมมันไปเถอะ"
ถึงจะพูดเหมือนไม่ใส่ใจแต่ในใจซางะกลับยิ้มเสียนี่
"แล้วทำไมนายไปอยู่กับมิยางิ"
"ฉัน....แค่อยากรู้เรื่องของนายให้มากกว่านี้"
"อะไรนะ"
"ช่างเถอะ...."
"ช่างเหรอ ในสายตาของนายจะช่างก็ได้แต่ฉันไม่! คนบ้าที่ไหนจะทนได้ที่เห็นคนรักตัวเองอยู่กับคนอื่นกันน่ะ ห๊ะ!"
"ก็ฉันอยากรู้เรื่องของนายบ้างมันผิดตรงไหนเล่า"
"เรื่องของฉัน ฉันก็ต้องรู้มากกว่าคนอื่นอยู่แล้ว อยากรู้ก็มาถามฉันสิ"
"ก็ยอมให้ถามไหมล่ะ"
ต่างฝ่ายต่างเสียงแข็งใส่กันมากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่ทุกอย่างจะเงียบสงัด
"เฮ้อ...ช่างเถอะ ต่อไปนายอยากรู้เรื่องอะไรก็แค่ถามฉันมาตรงๆก็พอ"
"........"
"ซางะ ฉัน..."
"ช่างเถอะ เอาไว้นายพร้อมเมื่อไหร่ ค่อยเล่าให้ฉันฟังก็แล้วกัน...มันคงจะอึดอัดน่าดูที่เป็นคนรักแต่ก็มีเรื่องที่บอกกันไม่ได้ แค่เรื่องเล็กน้อยก็ต้องมานั่งทะเลาะกัน สุดท้ายแล้วฉันกับนายจะเป็นแบบนี้ต่อไปก็ไม่มีอะไรเสียหายหรอก"
ซางะพูดเสร็จก็เผลอยกมือเช็ดปากตัวเองอีกรอบ และมันก็ผิดสังเกตจนชินระต้องยื่นมือเข้าผินหน้าเขากลับไปหา ริมฝีปากที่บวมเจ่อกับเสื้อผ้าที่ยับยู่ยี่ กระดุมหลุดหาย รอยแดงจางๆ ทำให้ชินระคิ้วขมวดเป็นปม
"ไอ้บ้านั่น...."
ชินระลุกขึ้นเต็มความสูงและดึงมือซางะให้ลุกตาม
"กลับ!"
"สองขาก้าวไวๆ มือข้างหนึ่งก็กึ่งดึงกึ่งลากอีกคนให้เดินตาม ในใจร้อนรุ่ม อัดแน่นไปด้วยอารมณ์หลากหลาย ตีกันปั่นป่วนแทบจะคุมไม่อยู่
 
ปัง!
เสียงปิดประตูห้องดังขึ้นก่อนที่เสียงร้องครางจะตามมาติดๆ
"เดี๋ยวก่อน อื้ม!!!!"
ร่างโปร่งบางถูกผลักให้หันหน้าเข้าหากำแพง ชุดสูทสีขาวถูกกระชากถอดทิ้งไปอย่างไม่ไยดี แถมถูกเขี่ยให้พ้นทางราวกับเชื้อโรค ซางะบิดเร้าหายใจไม่ทั่วท้องเพราะเสียวซ่านไปทุกจุดที่ถูกฝ่ามือหนาลูบไล้ปรนเปรออย่างไร้ความอ่อนโยน
"หยุดก่อน ทำบ้าอะไรเนี่ย"
"ก็ล้างรอยของไอ้บ้านั่นออกไปไง"
"นี่มันทางเดินนะ"
"แล้วไง บอกมา มันทำอะไรนายบ้าง"
"อ๊า!!!"
"ฉันจะล้างมันออกให้หมด"
ซางะรับแรงรุกล้ำจากคนตรงหน้าอย่างไร้ทางต้าน แต่ก็ไม่ได้ขัดขืนดิ้นรนให้ตัวเองหลุดพ้นไปไหนและยังตอบรับการรุกรานนั้นอย่างเต็มใจ ชินระกวาดต้อนทุกอย่างบนเรือนร่างโปร่งบางนั้นไม่เหลือที่ว่างให้ใคร สอดแทรกความคับแน่นเข้าไปทีเดียวและกระแทกเข้าไปในช่องทางอันคับแคบอย่างหยาบโลน
ปึก!
"อ๊ะ! เบาหน่อย อ๊า!!!"
เสียงร้องครางร้องขอให้เบาของคนเบื้องล่างไม่ได้ทำให้ชินระสงบลงเลย หนำซ้ำยังโหมแรงใส่ไม่ยั้ง เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังน่าอาย ร่างกายของคนเบื้องล่างสั่นโยกไปตามแรงพร้อมกับเสียงร้องครางที่ยิ่งได้ยินยิ่งกระตุ้นให้ใส่แรงไปไม่ยั้ง
"ฮ๊า!!!~~~~"
ร่างซางะถูกยกขึ้นจนลอยเหนือพื้น แผ่นหลังแนบกำแพงในขณะที่ช่องทางด้านหลังยังถูกรุกรานเน้นย้ำจุดกระสันพร้อมกับน้ำหล่อเลี้ยงไหลลื่นให้เกิดอารมณ์ดิบเถื่อน สองขาเกี่ยวกระหวัดเอวสอบนั้นเอาไว้ สองแขนโอบประคองกอดคอของอีกฝ่าย ในขณะที่ฝีปากยังคงแลกน้ำลายโต้ตอบกันอย่างดุเดือดแบบไม่มีใครยอมใคร
ชินระไม่ปล่อยให้ขาดช่วง ช้อนร่างของคนรักไว้เต็มมือและเดินเข้าห้องพร้อมกับจูบโต้ตอบปิดเสียงครางของอีกฝ่าย ทุกย่างก้าวที่เดินไปส่วนแข็งขืนที่สอดแทรกในช่องทางรักด้านหลังยิ่งเข้าลึกเน้นย้ำจุดกระสันให้คนรักถึงฝั่งและปลดปล่อยกามารมณ์ออกมาจนเลอะไปทั้งตัว
ร่างปวกเปียกโซมไปด้วยเหงื่อผสมกับราคะที่ไหลลื่น ถูกวางลงบนเตียงพร้อมกับการโถมซัดของพายุอารมณ์ลูกใหม่
"อ๊า!!!!"
ศีรษะงามทิ้งห้อยลงข้างเตียงในขณะที่ร่างกายส่วนล่างยังถูกรุกราน ครั้งแล้วครั้งเล่าที่เสร็จสมไป ร่างกายยิ่งถูกหล่อลื่น เข้าลึกกว่าครั้งก่อนๆยิ่งเกิดความต้องการมากขึ้นจนยากจะถอนตัว
ฝ่ามือลูบไล้เรือนร่างบอบบางนั้นไปพร้อมๆกับราคะที่เปื้อนเปรอะ ยิ่งทำให้เนื้อสัมผัสนั้นลื่นมือชวนให้ลิ้มลอง ลิ้นร้ายกวาดไล่ไปทั่วเรือนร่างและดูดดื่มตุ่มไตที่ชูชันทั้งสองข้างอย่างออกรสก่อนที่จะจบลงที่ริมฝีปากบวมเจ่อ ดูดดุนอย่างหิวกระหายกระตุ้นอารมณ์ขึ้นมาอีกครั้งแล้วครั้งเล่า สร้างความทรมานให้กับร่างกายที่รองรับอารมณ์เป็นอย่างมาก
"พอแล้ว ขอร้องล่ะ"
เสียงกระซิบแผ่วเบาหลังจากที่ถอนริมฝีปากจากกัน แต่แล้วเสียงร้องครางก็ดังขึ้นมาอีกรอบเมื่อร่างกายส่วนล่างยังมีท่อนเอ็นแข็งขืนสอดแทรกอยู่
"พะ พอเถอะ"
"ไม่"
"ทั้งคืนแล้วนะ"
ร่างกายที่รองรับอารมณ์ดิบเถื่อนมาครึ่งค่อนคืน แค่คนตรงหน้าขยับตัวนิดเดียวความเสียวซ่านมันก็เปลี่ยนเป็นความปวดร้าวแผ่ไปทั่วตัว
"อะ~"
"มาต่อกันเถอะ"
และบทรักเร่าร้อนก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง มันทั้งรุนแรงและป่าเถื่อนจนซางะทนไม่ไหวอีกต่อไป
“บอกให้พอไงเล่า!”
ปึก!
“อึก!”
ฝ่าเท้ายกขึ้นถีบกายแกร่งที่โถมตัวเข้ามาจนถอยร่นไปด้านหลัง ผลักไสทุกอย่างออกให้พ้นตัว
“แฮ่กๆๆ เป็นบ้าอะไรวะ!”
ซางาะบริภาษออกมาอย่างเหลืออด ร่างกายปวดแสบปวดร้อนไปทุกอณู
“ฉันไม่ใช่ที่ระบายอารมณ์ของนาย จำเอาไว้”
ร่างโปร่งยันกายลุกจากเตียงและคว้าเสื้อผ้ามาสวมก่อนจะเดินออกไปจากห้อง
ปึง!
เสียงปิดประตูดังขึ้นบอกให้รู้ก่อนที่ความเงียบเข้ามาแทนที่
ชินระถอนหายใจออกมาระบายอารมณ์ขุ่นๆที่ยังค้างอยู่ ยกมือลูบอกตรงที่โดนถีบก่อนจะล้มตัวลงนอนแผ่บนเตียงมองเพดานเงียบๆ
 
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
5.2 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
5.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
5.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา