Laurel ภาค เสียงเพรียกหาจากดินแดนที่ถูกลืม

8.0

เขียนโดย zusuran

วันที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2560 เวลา 21.15 น.

  13 ตอน
  4 วิจารณ์
  8,092 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 20 มีนาคม พ.ศ. 2565 13.21 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

6) นิทานปรัมปรา

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
ตุ้บ!
“อั่ก!!!”
เซเลียม้วนตัวกลางอากาศและร่อนตัวลงสู่พื้นอย่างทุลักทุเล เพราะถูกโจมตีทีเผลอทำให้การทรงตัวไม่ได้สวยงามเท่าไหร่นัก เมื่อเท้าแตะถึงพื้นมันก็ไม่มั่นคงและทำให้เด็กสาวต้องคุกเข่าใช้มือสองข้างค้ำยันอยู่ในท่าคลาน
“อย่าประมาทคู่ต่อสู้สิ”
ฟึ่บ!
ไรเกอร์ไม่ให้โอกาสเซเลียได้ตั้งตัวและพุ่งเข้าจู่โจมแบบไม่ฟังเสียงผู้ใด ความเร็วที่คนธรรมดาก็มองไม่ทันมาพร้อมกับไอสังหารที่บาดอากาศจนเกิดเสียงร้องโหยหวน
ฟึ่บ!
เคร้ง!!!
ดาบสีดำสกัดกั้นการโจมตีของไรเกอร์ก่อนที่จะถึงตัวเซเลียในระยะแค่คืบ
“โห”
“เล่นทีเผลอเขาเรียกว่าสกปรกไหม อาจารย์”
“คีระ…แค่กๆๆ”
“ไหวไหม”
“ไหว”
เซเลียกุมท้องที่ถูกอัดกระแทกและยันกายลุกอย่างทุลักทุเล
“ในสนามรบห้ามประมาทนะเด็กๆ!!”
เสียงไรเกอร์หนักแน่นพอๆกับหมัดหนักๆที่หอบเอาพายุเข้ามาอัดกระแทกร่างของลูกศิษย์จนกระเด็นไปคนละทาง
ตุ้บ!
“เล่นทีเผลอเหรอ”
“ในสนามรบถ้าเผลอเมื่อไหร่นั่นคือความตายไงล่ะ”
“ชิ ท่าทางเอาจริงสินะ”
“เข้ามา”
เซเลียมองการต่อสู้ของคีระกับไรเกอร์อยู่วงนอก ตอนนี้เธอยังไม่มีอาวุธหรือวิธีที่จะเอาชนะครูหนุ่มได้เลย แต่จะให้มองดูอยู่อย่างนี้มันก็ดูจะแปลกๆไปสักหน่อย
ทำไงดี ทำไงดี
และในช่วงเวลาที่กำลังใช้ความคิดอยู่นั้น คีระก็ถูกไรเกอร์อัดจนกระเด็นตีลังกาไปหลายเมตร
ตู้มมมมม!!!!
“เอาล่ะ จะเอายังไง สาวน้อย มาจบเกมกันเถอะ”
ไรเกอร์ย่างสามขุมเข้ามาหาเซเลีย ออร่ารอบตัวครูหนุ่มไม่ใช่เรื่องโกหก แรงกดดันที่ทำให้เซเลียหายใจติดขัด ถ้าไม่ทำอะไรสักอย่าง เธอคงจะถูกครูอัดเละเป็นโจ๊กแน่ๆ
เซเลีย เจ้าไร้เวทมนตร์ แต่กำลังของเจ้านั้นมหาศาล จงใช้มันให้เป็นประโยชน์…..
เสียงของลุงน็อกซ์ดังก้องขึ้นมาในหัว
จริงสินะ เธอไม่ได้สิ้นไร้พลังขนาดนั้น ไม่อย่างนั้นโรงเรียนคงไม่เลือกเธอให้เข้าเรียนที่นี่
ในเมื่อเธอสามารถจัดการกำราบสัตว์เทพอย่างอาราโกได้ และทำไมจะจัดการกับไรเกอร์ไม่ได้
เซเลียยืนอยู่ที่เดิมและรอไรเกอร์เดินเข้ามาใกล้ และ….
ฟึ่บ!
“หือ?”
“จับได้แล้ว ครู”
วืดดดดด!!!!
“โอ๊ะ!!!”
ตึงงงงงงง!!!!!
แผ่นดินสะเทือนเหมือนธรณีแยกออกจากกันเพราะแรงกระแทกจากร่างสูงใหญ่ที่ถูกทุ่มลงบนพื้น
เศษดิน กิ่งไม้ลอยขึ้นเหนือพื้นดินก่อนจะกระจายออกไปคนละทางรอบบริเวณที่ยุบลงเป็นหลุมกว้าง
เซเลียทุ่มไรเกอร์สุดแรงจนแผ่นยุบลงเป็นหลุม แต่มันไม่ได้ง่ายเลยที่จะล็อกคอครูหนุ่มให้อยู่หมัด
“อุ๊บส์! เกือบไปๆ”
ไรเกอร์พลิกตัวกลับและดีดตัวออกห่างจากระยะประชิดอย่างรวดเร็ว
“ท่าทางจะประมาทไปหน่อยแล้วสิ ลืมไปว่าพวกเธอไม่ใช่คนธรรมดา”
มือหนาปัดเศษดินออกจากเสื้อผ้าพอลวกๆ ก่อนที่สายตาคมกริบคู่เดิมจะจ้องมาที่เซเลียอย่างเจาะจง
“เอาละนะ…”
ฟึ่บ!
พริบตาเดียวร่างของครูหนุ่มก็หายไปสายตาของเซเลีย ก่อนที่เด็กสาวจะถูกอัดกลางลำตัวกระเด็นขึ้นกลางอากาศ
ผลั๊วะ!!!
“อึ่ก!!!”
แรงอัดทำเอาอวัยวะภายในปั่นป่วน และเพราะตั้งการ์ดไม่ทัน เซเลียจึงโดนเข้าอย่างจังและร่วงลงพื้นแบบไม่มีสิ่งใดรองรับ
ตู้มมมม!!!
เศษดินและกิ่งไม่แตกกระจายออกไปคนละทิศละทางจากการหล่นกระแทกสุดแรงของหญิงสาว
“โชคดีไม่ได้มีเสมอไปหรอกนะ ว่าไหม”
ไรเกอร์เดินเข้ามาคว้าคอเสื้อเซเลียและหิ้วร่างสะบักสะบอมขึ้นจนเท้าสองข้างลอยเหนือพื้นดิน
“ทางที่ดี ยอมแพ้ซะ”
“ฝันไปเถอะ”
“หึ ดื้อด้านเสียจริง”
แล้วร่างของเซเลียกูถูกโยนขึ้นกลางอากาศก่อนที่จะร่วงลงมาตามแรงโน้มถ่วงและสิ่งที่รออยู่ก็คือหมัดทรงพลังของไรเกอร์ที่รอจะสวนกลับ
กลายเป็นเป้านิ่งอย่างไร้ทางต้านแบบนี้ ซี่โครงคงจะหักหลายท่อน
“ชิ!”
เซเลียหลับตาและกำลังยอมรับแรงอัดที่จะเข้ามาในอีกไม่ช้า แต่ทว่า
ฟึ่บ!
ร่างเล็กถูกเบนทิศทางออกไปจากการโจมตีแบบเส้นยาแดงผ่าแปด
“คีระ!”
คีระพาเธอร่อนลงบนพื้นอย่างทุลักทุเล ดูจากสภาพแล้วเขาเองก็ถูกไรเกอร์เล่นงานหนักไม่ต่างกัน
ชายหนุ่มใช้ดาบค้ำยันประคองตัวเองให้นั่งคุกเข่าข้างหนึ่งก็แทบจะเต็มกลืนแล้ว
“ไหวไหม”
คราวนี้เป็นเซเลียที่ถามกลับบ้าง
“แฮ่กๆๆๆ…..คิดว่าไงล่ะ”
คีระตอบส่งๆ สายตาจดจ้องมองไปที่ครูผู้ฝึกสอน
“เล่นซะจนกระดูกฉันหักไปหลายท่อนเลย”
“แกร่งอะไรอย่างนี้ เราจะแพ้เหรอ”
“เรื่องสิ!”
คีระไม่ยอมถอยง่ายๆแน่ๆ และไรเกอร์ก็ไม่ได้ใจดีจะปล่อยเขาทั้งคู่ไปเหมือนกัน
“อยู่นี่นะ”
“อะ อื้ม”
“จะทำตัวเป็นพระเอกขี่ม้าขาวก็ไม่ช่วยอะไรหรอกนะ”
ไรเกอร์ยังไร้อาวุธในมือ แต่ออร่ารอบตัวกลับคมยิ่งกว่าดาบ และกดดันจนเซเลียต้านไม่ไหว
คีระใช้ดาบค้ำยันตัวลุกขึ้นยืนก็เต็มทน ไม่ทันได้ตั้งหลักไรเกอร์ก็หายไปจากระดับสายตา ก่อนจะโผล่เข้ามาด้านหลังเซเลีย
ฟึ่บ!
“ช่องโหว่เต็มไปหมด”
“เฮือกกกก!!!”
เปรี้ยง!!!!
หมัดเหล็กของไรเกอร์ปะทะเข้ากับดาบสีดำของคีระที่ปักพื้นตั้งฉากอยู่ตรงหน้าเซเลียไม่ถึงคืบ
“โห…ความรู้สึกเร็วใช้ได้นี่นา”
“เล่นทีเผลอแบบนี้เลยเหรอ ไม่ขี้โกงไปหน่อยรึไง”
“ในสนามรบไม่ใช่การประลองนะองค์ชาย ศัตรูไม่ได้เลือกวิธีการหรอกนะ”
“เจ้าครูบ้านี่”
คีระสบถออกมาและสะบัดดาบสกัดการโจมตีของไรเกอร์ แต่ดูเหมือนว่าครูหนุ่มยิ่งโจมตีเข้าแรงขึ้นเรื่อยๆ  และมีหลายครั้งที่ตั้งท่าจะเข้าประชิดตัวเซเลีย แต่คีระสกัดเอาไว้ได้ทุกทาง 
“โห น่าสนใจทีเดียวว่าไหม”
“อะไรของมัน”
“คีระ พูดอย่างนั้นกับครูไม่ดีนะ”
“เงียบน่ะเซเลีย เธอคิดว่ามันจะเห็นเราเป็นลูกศิษย์เหรอ-……”
ผลั๊วะ!!!!!
ในชั่วพริบตาที่เผลอไผล คีระก็ถูกพลังหมัดของไรเกอร์อัดเข้าจนกระเด็นพร้อมกับดาบที่หลุดมือไปอยู่ในมือของไรเกอร์แทน
ชึบ!
“รุกฆาต”
“ชิส์!”
“เอาล่ะ ทีนี้ก็ถึงตาเธอแล้ว เซเลีย”
เมื่อถูกหมายหัวเซเลียก็ตั้งการ์ดเตรียมรับมือ ไรเกอร์ควงดาบที่หนักยิ่งกว่าเหล็กสิบตันของคีระด้วยมือข้างเดียว ก่อนที่จะเงื้อขึ้นเหนือหัวและฟันลงมาที่เซเลียแบบไม่ยั้งมือ
เคร้ง!
คมดาบปะทะเข้ากับกำไลสีทองบนข้อมือของคีระที่เข้ามารับแทนหญิงสาว
เปรี๊ยะ!
กำไลทองเนื้อดีเกิดรอยร้าวและแตกละเอียดร่วงกราวลงสู่พื้นพร้อมกับหยดเลือดสีแดงจากข้อมือชายหนุ่ม
“คีระ!”
“สัตว์รับใช้ผู้ซื่อสัตย์จะปกป้องเจ้านายแม้ตัวต้องตายตก น่าชื่นชมจริงๆ”
“พูดเรื่องอะไร”
ไรเกอร์เผยรอยยิ้มเหมือนผู้ใหญ่ที่มองเด็กตัวเล็กๆ สะบัดดาบไปด้านหลัง ให้มันปักไว้กับต้นโอ๊คด้านหลังอย่างจงใจ สร้างความแปลกใจให้ลูกศิษย์ทั้งสอง
ครูหนุ่มหยิบบุหรี่ขึ้นมาคาบและใช้นิ้วชี้จุดไฟ สูดควันเข้าปอด เงยหน้าและปล่อยควันสีเทาออกมาทางปาก
“เหมือนกันจังเลยนะ พวกเธอสองคน”
“เอ๊ะ? อะไรเหรอคะ ครู”
“ไปกันเถอะเซ ฉันไม่อยากอยู่ใกล้เจ้าครูบ้านี่”
คีระลุกขึ้นคว้ามือหญิงสาวไว้ข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างยื่นไปข้างหน้าเรียกดาบที่เสียบอยู่บนต้นโอ๊คกลับมาถือและเก็บมันไว้ในมิติตัวเอง แต่ก่อนที่เซเลียจะถูกคีระลากออกไปจากลานหญ้า หญิงสาวก็ถูกกระชากจนหลุดมือคีระและเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของไรเกอร์
พรึ่บ!”
“เซเลีย!”
“ใจเย็นไว้องค์ชาย ฉันไม่ทำอะไรศิษย์รักตัวเองหรอกน่า”
“ศิษย์รักเหรอ อย่ามาตลกหน่อยเลย! เมื่อกี้ยังกะจะฆ่าเราให้ตายอยู่เลยนี่!”
“ทำไมล่ะ การต่อสู้ต้องมีบาดแผลเป็นธรรมดา ไม่แปลกเหรอถ้าเซเลียไม่มีบาดแผลกลับไปยืนยันว่าเธอได้เข้าร่วมการฝึกเลยน่ะ”
“ว่าไงนะ”
“ท่านอยู่กับเธอไม่ได้ตลอดหรอกนะ ลอร์ดคีระ เนลสัน อัลเดอร์แมร์ เพราะทุกชีวิตบนดาวดวงนี้เป็นประชาชนของท่านทั้งนั้น”
“คุณรู้ว่าคีระเป็น…..”
“ฉันรู้เรื่องทุกอย่างของลูกศิษย์ผู้น่ารักของฉันเสมอ เอาล่ะ ทีนี้ก็ถึงตาเธอจริงๆแล้วองค์หญิง จะให้เธอเป็นแผลที่ไหนดีนะ หืม…..ถ้าเกิดเธอเสียตาไปสักข้างคงจะดูดีไม่น้อยเลยว่าไหม”
ไรเกอร์พูดเสียงเย็น
“ว่าไงนะ”
“เอาล่ะ จะเลือกตาซ้ายหรือขวาดี”
“คะ….ครู…. นี่ล้อเล่นใช่ไหมคะ”
เซเลียใจหายวาบ แต่ก็ยังทำใจดีสู้เสือ
“หึๆๆ…”
เสียงหัวเราะของพญามาร รึเปล่านะ เซเลียรู้สึกเหมือนตัวเองจะเป็นอัมพาตขึ้นมากะทันหันยังไงไม่รู้ เจ็บใจรึก็เปล่า กลัวรึก็ไม่ใช่อีกนั่นแหละ แต่มีบางอย่างขาดหายไป
“ปล่อยเธอ”
“หืม….”
คีระที่นิ่งจนน่ากลัว พูดอออกมาอย่างไร้อารมณ์ แต่ไรเกอร์ยังทำท่าจะควักลูกตาของเซเลีย แต่เพียงชั่วพริบตาเดียวมือข้างนั้นก็ได้อันตธานหายไป
“อั่ก!”
ไรเกอร์ปล่อยเซเลียเป็นอิสระและใช้มือข้างที่เหลือกุมแขนอีกข้างที่ตอนนี้เลือดไหลออกเป็นทางพร้อมกับมือที่หายไป
กรรรร!!!!
ตรงหน้าครูหนุ่มตอนนี้คือสัตว์ร้าย ดวงตาสีเหลืองทองในปากของมันยังคาบมือของเขาเอาไว้ก่อนที่มันจะเหวี่ยงทิ้งอย่างไม่ไยดี
อินทรี ไม่สิ กริฟฟอนต่างหาก สัตว์เทพเจ้าที่ควรจะเป็นแค่นิทานปรัมปราแต่ตอนนี้มันกลับมาปรากฏตัวต่อหน้าเขา
“คีระ….”
พรึ่บ!
จากร่างของสัตว์ร้ายได้กลับกลายมาเป็นเด็กหนุ่มผมแดงที่นั่งคุกเข่าหายใจหนักๆด้วยความเหน็ดเหนื่อยกั้น กลางระหว่างเซเลียกับไรเกอร์
ดวงตาแข็งกร้าวแต่แฝงไปด้วยความเหนื่อยล้าตวัดมองเซเลียนิ่งๆ ก่อนจะหลบลี้สายตานั้นและใช้แขนเสื้อ เช็ดเลือดที่ปากอย่างส่งๆ ก่อนที่ร่างนั้นจะล้มลงและหมดสติไป
“คีระ!”
ไรเกอร์ถอนหายใจไม่แยแสความเจ็บปวดใดๆ เดินเข้ามาเก็บแขนที่ขาดกลับไปอย่างง่ายๆ
“เฮ้อ ก็ว่าอยู่แล้วว่ามันต้องเป็นอย่างนี้”
“ครู นี่มันหมายความว่ายังไงคะ”
“เทพเจ้าในร่างของสรรพสัตว์ แม้จะเกิดใหม่ในร่างของมนุษย์ สุดท้ายแล้วจิตใจและสายเลือดของต้นตระกูลก็ยังฝังรากลึกและซื่อสัตย์ต่อผู้เป็นนายเสมอ”
“พูดเรื่องอะไรน่ะ”
“อยากฟังนิทานหน่อยไหมล่ะ”
ไรเกอร์พูดพร้อมกับนั่งลงบนโขดหินใกล้ๆ เหมือนเขาจะไม่ทุกข์ไม่ร้อนกับบาดแผลสาหัสสากรรจ์ของตัวเองเลยแม้แต่น้อย
“ครูคะ ไปห้องพยาบาลก่อนเถอะค่ะ”
เซเลียหน้าซีดเผือดมองแขนครูหนุ่มตรงหน้า ใจหนึ่งก็อยากเข้าไปห้ามเลือดให้ครูแต่อีกใจหนึ่งก็เป็นห่วง เพื่อนสนิทที่นอนนิ่งหมดสติอยู่ในอ้อมแขน
ไรเกอร์เห็นท่าทางอยู่ไม่สุขแบบนั้นก็โบกมือหยอยๆ 
“น่าๆ อย่าสนใจเลย ครูไม่ตายง่ายๆหรอก”
“แต่ว่า…”
“จิตใจอ่อนโยนมันเป็นเรื่องที่ดีนะเซเลีย แต่รู้ไหมว่ามันสามารถฆ่าเธอได้เช่นกัน”
“ครูพูดเรื่องอะไรคะ”
เซเลียยังงงกับคำพูดที่หาทางกระจ่างไม่เจอ ในขณะที่ไรเกอร์มองเธอนิ่งๆเหมือนกับว่าเขาไม่ได้กำลัง มองเซเลียที่อยู่ตรงหน้า
“…..สงครามระหว่างเทพกับปีศาจในอดีตทำให้ธิดาเพียงองค์เดียวของเทพเซลอนหายสาบสูญไปพร้อมกับสัตว์เทพเจ้าผู้เป็นทั้งเพื่อนร่วมรบและสหายรักของนาง ในสนามรบที่ไม่เคยสงบไม่มีใครรู้ว่านางถูกปีศาจลักพาตัวหรือว่าตายตกไปแล้ว”
“นั่นมันก็แค่เรื่องเล่า หนูก็ได้ยินลุงน็อกซ์เล่าให้ฟังบ่อยๆ”
“อ่า….งั้นเหรอ ไม่สนุกเลยละสิ”
“ไม่เลย” เซเลียตอบแบบซื่อๆ 
ก็มันไม่สนุกจริงๆจะให้ตอบว่าไงล่ะ ไรเกอร์ยังคงนิ่งและมองเซเลียเหมือนจะไม่ได้มอง ก่อนจะพูดออกมา อีกประโยค
“ปีศาจที่ถูกกล่าวหาว่าลักพาตัวตนนั้นคือ กริฟฟินดอร์ และเจ้าหญิงองค์นั้นก็มีนามว่า เซเลีย”
“เอ๊ะ?”
มาถึงตรงนี้เซเลียถึงกับชะงักและหันมองคีระที่ยังไม่รู้สึกตัว จะบอกว่าคีระคือปีศาจที่ลักพาตัวองค์หญิงของเทพเซลอนมาเหรอ
“หมายความว่ายังไงกันคะ”
“ไม่รู้สินะ”
“หา?”
จู่ๆไรเกอร์ก็ทำหน้าเหลอหลาและลุกเดินออกไปเฉยๆ เซเลียไม่ใช่คนเก็บความสงสัยไว้ได้นานนัก หญิงสาว วิ่งไปกระชากคอเสื้อครูหนุ่มจากด้านหลังจนร่างตรงหน้าหงายเงิบไปตามแรง
พรืด!!!
“เดี๋ยวก่อนสิคะครู พูดให้หนูฟังให้จบสิ!”
“อ่อก!!! จะฆ่ากันรึไง ปล่อย!”
“ถ้าครูสัญญาว่าจะเล่าให้หนูฟังหนูจะปล่อยครูก็ได้”
“ฉันไม่มีอะไรจะเล่าทั้งนั้นแหละ มันก็แค่นิทานที่เขาพูดกันเท่านั้นเอง”
“ครูโกหก!”
“อ่อก! เซเลีย ครูหายใจไม่ออก~”
“อะไร? อ้าว เซเลีย ชนะครูไรเกอร์ได้เหรอเนี่ย สุดยอดเลย”
“โห เล่นจนแขนขาดเลยแน่ะ”
“นี่พวกเธอ ช่วยครูด้วย …อ่อก!”
และแล้วก็จบด้วยดี เซเลียถูกเพื่อนจับแยกออกไปก่อนที่เธอจะรัดคอครูจนตายคามือ ส่วนคีระก็ได้รับบาดเจ็บกระดูกหักหลายท่อนและยังสลบไม่ได้สติ ทั้งเซเลียและไรเกอร์ก็ไม่พูดอะไรเกี่ยวกับเขาเลยแม้จะถูกแอนนาถามแล้วถามอีกก็ตาม
 “ยังไม่นอนอีกเหรอเซเลีย คิดจะเฝ้าตานั่นไปทั้งคืนรึไง”
ไรรีย์สวมชุดนอนกระโปรงสีขาวเหมือนคุณหนูยืนกอดหมอนอยู่หน้าประตู
“อืม เธอไปนอนเถอะ”
“จะดีเหรอ เธอเองก็ใช้แรงไปไม่น้อยเลยนะ”
“ไม่เป็นไร”
“ตามใจ”
ไรรีย์เดินออกไป เซเลียจึงรีบไปปิดประตูและลงกลอนเพื่อกันไม่ให้ใครเข้ามาได้อีก
เพราะอะไรน่ะเหรอ
“อืม….”
“คีระ”
“เซเลีย ฉันคอแห้งจังเลย”
“อืม”
เซเลียรับรู้ถึงความกระหายนั้นดี ถ้าคีระบอกว่าคอแห้งคนอื่นคงจะหยิบน้ำให้เขาสักแก้ว แต่ว่า จริงแล้วเขาไม่ได้กระหายน้ำ หากแต่เป็นอย่างอื่นที่ข้นมากกว่าน้ำ ใช่…มันคือเลือด
เซเลียถกแขนเสื้อตัวเองขึ้นก่อนจะหยิบมีดที่ซ่อนเอาไว้ออกมากรีดลงบนแขนตัวเองอย่างหน้าตาเฉย
ของเหลวสีขาวค่อยๆรินไหลลงแก้วเปล่าที่รองรับ หยดแล้วหยดเล่า ผ่านไปไม่นานนักมันก็เต็มพร้อมกับกลิ่นหอมหวานที่อบอวลไปทั้งห้องแทนที่จะเป็นกลิ่นคาว
“เอ้า ดื่มซะ”
เซเลียยื่นแก้วนั้นให้คีระที่ชันตัวลุกนั่ง ชายหนุ่มรับแก้วนั้นมาก่อนจะวางมันลงบนโต๊ะตามเดิมและอีกข้างยัง กระชับแขนเซเลียเอาไว้
“ทำไมเหรอ”
เซเลียเอียงคอสงสัย แต่คีระก็ยังเงียบและก้มลงละเลียดปากแผลบนแขนเธอช้าๆ ลิ้นสากลากไล้ไปบนปาก แผลเหมือนยาชั้นดีที่เยียวยาบาดแผลจนหายสนิทไม่เหลือแม้แต่รอยขีดข่วน 
“นี่…คีระ”
“อะไร”
“นายน่ะ….ไม่สิ”
“….”
“เราสองคน….เป็นตัวอะไรกันแน่นะ”
จะเป็นเหมือนตัวละครในนิยายที่ไรเกอร์เล่ามารึเปล่า ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง พวกเราจะทำยังไงดี……
คีระมองใบหน้าสลดของหญิงสาวไม่นานก็ออกแรงดึงเธอเข้ามาสวมกอดเอาไว้
“จะเป็นอะไรก็ช่างฉันไม่ปล่อยให้ใครทำร้ายเธอได้เด็ดขาด ไม่ว่าจะไปไหนเธอต้องพาฉันไปด้วย เราจะอยู่ด้วยกันไม่ว่าจะในฐานะอะไรก็ตาม…. สาบาน”
“สาบาน”
“ดีมาก”
ปกป้องกันและกัน และคงอยู่เพื่อกันและกัน…
วงแขนแกร่งกอดกระชับร่างเย็นเยียบจนเริ่มมีไออุ่น ของเหลวสีขาวในแก้วไวน์ใสสะท้อนกับแสงจันทร์ที่ส่องทะลุกระจกลงมาเกิดเป็นประกายคล้ายกับผลึกแก้ว หากแต่จะมีกี่คนที่รู้ว่าที่แท้แล้วมันคืออะไร
หลังจากที่ปล่อยให้คีระพักผ่อนเซเลียก็เดินกลับห้องตัวเอง ดึกดื่นเที่ยงคืนแล้ว หากแต่ไม่ได้มีแค่เธอที่ยังตื่นอยู่
“จาเลน”
 
 
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา