Tear of Snow เทพนิยายทะลุมิติ

8.1

เขียนโดย zusuran

วันที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2560 เวลา 21.12 น.

  28 ตอน
  0 วิจารณ์
  23.89K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 เมษายน พ.ศ. 2562 13.53 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

26) ลาก่อน (THE END)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
ลาก่อน

ตูม!!!!
ร่างของจอมมารร่วงลงสู่พื้น ปีกสีดำถูกฟันขาดออกไปข้างหนึ่งด้วยดาบสีทองโซยะ กลางอกมีหอกสายฟ้าเสียบเข้าไปจนสุด
“แฮ่กๆๆ!!! บังอาจนัก!”
เทพธิดาสีเงินริคกะร่อนลงเหยียบพื้นดินครั้งแรก ศาสตราเทพทั้งสามยังล่องลอยอยู่รอบตัวพร้อมที่จะโจมตีตามคำบัญชา ดวงตาสีเงินมองร่างสะบักสะบอมที่เหลือเพียงปีกขาดรุ่งริ่งเพียงข้างเดียวด้วยความสังเวช
“พอเถอะ เจ้าแพ้แล้ว คัยรีว…..อึก!!!!”
พลั่ก!
จู่ๆร่างของเทพธิดาสีเงินก็กระตุกแรงและทรุดลงกับพื้น เหงื่อกาฬแตกซ่านเต็มใบหน้า ลมหายใจขาดช่วง
“หึ! เด็กน้อย เจ้าคิดว่าเจ้าจะคืนชีพได้สมบูรณ์ขนาดนั้นเชียวรึ หัวใจที่เจ้าแบ่งออกเป็นสองส่วน ตอนนรี้ทันอยู่ไหนแล้วล่ะ หรือจ้าสงสารนางเด็กสาวต่างโลกนั่น ถึงได้มอบหัวใจกลับคืนไป น่าสังเวชนัก เจ้าเองก็ไม่ได้ต่างไปจากข้านักหรอก! ริคกะ!”
“เช่นนั้น~ เราก็มาจบกันเสียตรงนี้เถอะ!”
“ย่อมได้!”
น้ำในทะเลสาบสีเงินถูกดูดขึ้นไปบนอากาศหลอมรวมกันเป็นลูกบอลที่อัดแน่นไปด้วยพลังที่ถูกดูดกลืนเข้าไปสะสม แอ่งน้ำเริ่มแห้งขอด ทำให้มองเห็นร่างของคนสองคนเริ่มโผล่ขึ้นมาให้เห็น
“ท่านซาคุโระ! ฟุยูกิ!”

ซาคุโระกำลังดำดิ่ง ทั้งเหน็บหนาว เจ็บปวด มองเห็นเพียงจุดเล็กที่อยู่ไกลเกินเอื้อม ไร้เสียง ไร้สัมผัส
“นี่เรา…อยู่ที่ไหน ไม่สิ….ตอนนี้ฉัน ตายแล้วนี่นา”
ตายแล้ว
“ซาคุโระ…”
เสียงเรียกฟังแล้วเจ็บปวดชอบกล ร้องเรียกชื่อซาคุโระซ้ำแล้วซ้ำเล่า หญิงสาวลืมตาโพลง ความหนาวเย็นเริ่มกัดกินร่างกายท่อนล่าง และเมื่อก้มมองก็เห็นว่ามันคือแม่น้ำที่สูงท่วมหัวเข่า เบื้องหน้ามองเห็นแสงริบหรี่ เสียงเรียกอันแสนเจ็บปวดก็ดังมาจากทางนั้นไม่ได้ขาด
สองขาเริ่มก้าวเดินทวนกระแสน้ำไปอย่างเชื่องช้า หลายครั้งหลายคราที่ต้องล้มลง สำลักน้ำเข้าไปหลายอึก แต่สุดท้ายซาคุโระก็ตะเกียกตะกายลุกขึ้นและเดินต่อ ยิ่งใกล้แสงนั้นเท่าไหร่ เสียงเรียกก็ยิ่งชัดเจนขึ้นเท่านั้น
“มาสิ มาหาข้า”
ซาคุโระเดินเข้าไป ใกล้เข้าไป จนกระทั่งเห็นก้อนหยากไย่สีดำก้อนหนึ่งที่ใหญ่พอจะให้คนเข้าไปนอนได้สบายๆ และเมื่อมองเข้าไปซาคุโระก็รีบถอยหลังทันที และเพราะเคลื่อนไหวในน้ำจึงทำให้หญิงสาวล้มก้นจ้ำเบ้าลงในน้ำอย่างเลี่ยงไม่ได้ ดวงตาสองข้างมองร่างที่ขดอยู่ในหยากไย่สีดำนั้นด้วยความหวาดกลัว จะไม่ให้หวาดกลัวได้ยังไง ในเมื่อคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือจอมมาร
“จะ จอมมาร คัยรีว ปะ!...เป็นไปได้ไง ทำไมมาอยู่ที่นี่ ในเมื่อ…!”
“นั่นไม่ใช่ข้า สาวน้อย” เสียงพูดดังออกมาจากร่างที่นอนอยู่ตรงนั้นไม่ผิดแน่
“ว่าไงนะ”
ใบหน้าทุกระเบียดนิ้วเป็นคัยรีวที่เธอเห็นก่อนหน้านั้นจริงๆ คัยรีวที่ถูกเรียกว่าจอมมาร ต่างกันตรงที่ชุดของหญิงสาวตรงหน้าเป็นสีขาวและดูสูงส่ง
“ทำไมเป็นแบบนี้ แล้วคัยรีวที่ฉันเคยเจอคือใคร”
“นั่นคือร่างกายของข้า เพราะจิตใจข้าอ่อนแอจึงถูกความมืดเข้าครอบงำ เจ้าช่วยข้าได้ สาวน้อย ทำลายสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเจ้าซะ แล้วเจ้าจะเห็นทางกลับ”
ซาคุโระพูดไม่ออก ขยับไม่ได้ ตาสองข้างได้แต่มองหญิงสูงศักดิ์ตรงหน้า เส้นผมของเธอยาวมากและเป็นสีฟ้าเหมือนน้ำทะเลในมหาสมุทร หญิงสาวนอนหลับตานิ่งแต่ยังพูดคุยกับซาคุโระได้ผ่านทางจิต ซาคุโระเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ร่างกายกลับขยับไปก่อนที่สมองจะสั่งการ
ปึด!
สองมือดึงหยากไย่สีดำจนขาดไปเส้นหนึ่ง สองเส้น สามเส้น และดึงไปเรื่อยๆจนเหลือเส้นสุดท้าย เหลือเพียงร่างหญิงดูสูงศักดิ์ที่นอนอยู่ตรงกลาง และเมื่อยื่นมือเข้าไปแตะต้องเพียงแค่ปลายเส้นผม ร่างนั้นก็ค่อยๆสลายทีละน้อย ทีละน้อย กลายเป็นละอองน้ำ จากส่วนขาขึ้นมาจนถึงอกและค่อยๆลามขึ้นมาถึงคอ
“อะ! อะไร! ฉะ ฉันไม่ได้ทำอะไรนะ”
ซาคุโระละล่ำละลักทำอะไรไม่ถูก
“ขอบใจนะ….”
เสียงกระซิบแว่วผ่านหูไปพร้อมกับละอองน้ำเย็นๆที่แตะแก้ม สักพักแสงสีขาวก็สาดเข้ามาจนต้องยกมือขึ้นป้องดวงตา ซาคุโระหรี่ตามองเส้นทางที่เหมือนปากถ้ำ มันคือทางออกที่อยู่ใกล้แค่ไม่กี่ก้าว สองขาเริ่มก้าวเดินทวนกระแสน้ำอีกครั้ง ร่างกายที่ถูกแสงสีขาวอาบชโลมรู้สึกอุ่นเหมือนอยู่ในอ้อมกอดของใครบางคน
“อุ่นจัง…”
“ตื่นแล้วก็ลืมตาได้แล้ว ยายผู้หญิงบ้า”
เสียงแบบนี้ สรรพนามแบบนี้ซาคุโระไม่เคยลืม และเมื่อลืมตามองเต็มสองตา ก็เป็นอย่างที่คิดเอาไว้จริงๆ
“ฉันมีชื่อ ตาบ้าโฮโนโอะ”
ใบหน้าคมเข้มสีแทน ดวงตาสีน้ำทะเล เส้นผมสีดำรุงรัง จะให้ตายกี่รอบซาคุโระก็ไม่ลืมเด็ดขาด
“ฮะ! ฮะๆๆ ฉันยังไม่ตายเหรอเนี่ย”
หัวเราะแห้งๆแก้เขิน แต่ดูท่าอีกฝ่ายจะไม่ขำด้วย สองแขนแกร่งรั้งร่างของเธอเข้าไปกอดแน่นเข้า แน่นเสียจนหายใจไม่ออก
“ฉันหายใจไม่ออก”
“เงียบน่ะ”
“เหะ?”
“เงียบๆ ให้ข้ากอดเจ้านานๆหน่อยเถอะ”
รู้สึกไปเองรึเปล่าว่าเสียงนั้นสั่นเหมือนคนจะร้องไห้ ซาคุโระยกมือขึ้นลูบลำแขนนั้นเบาๆ อยากเห็นว่าสภาพตอนนี้เป็นยังไง จอมมารถูกกำจัดไปรึยังนะ แต่ตอนที่เดินวนอยู่ในถ้ำมืดนั้นซาคุโระก็ได้ปล่อยดวงจิตของคันรีวไปแล้วนี่นา
“แล้วคนอื่นๆล่ะ โฮโนโอะ มิราอิกับฟุยูกิอยู่ที่ไหน”
“ปลอดภัยดี มีแต่เจ้าคนเดียวที่ตื่นสาย เกือบไม่ทันเห็นของดีแล้วไหมล่ะ”
“ของดี? อะไรเหรอ”
โฮโนโอะคลายอ้อมกอดให้ซาคุโระนั่งเอง และสิ่งแรกที่สะท้อนเข้ามาในดวงตาสีส้มแสดของหญิงสาวก็ถึงกับทำให้เธออึ้งไปนานหลายนาที
ดินแดนที่เคยมืดดำตอนนี้เต็มไปด้วยสีสันและอากาศที่ปลอดโปร่ง เสียงคร่ำครวญของสิ่งอัปมงคลถูกแทนที่ด้วยเสียงร้องของสัตว์ตัวเล็กตัวน้อย ซากปรักพังตอนนี้ไม่มีให้เห็น มีแต่ปราสาทสีเงินที่ตั้งตระหง่าน เส้นทางกว้างขวางประดับด้วยซุ้มประตูสูงเสียดเมฆทอดยาวลงไปสู่เมืองที่อยู่ด้านล่าง
“สะ สุดยอดเลย ฉันไม่ได้ฝันไปเหรอเนี่ย”
เพียะ!
ฝ่ามือกร้านตบแก้มเธอพอเบาะๆ
“เจ้าไม่ได้ฝัน”
“บอกกันดีๆก็ได้มั้ง”
“อย่าเพิ่งโกรธ ของดีที่ข้าอยากให้เจ้าเห็นกำลังจะมาแล้ว”
“อะไร”
“ดูนั่นสิ”
แสงสีทองกำลังลามเลียยอดเขาขึ้นมาเรื่อยๆ มันสว่างจนแสบตาแต่ซาคุโระก็ยังมองจนเห็นเจ้าวงกลมสีส้มโผล่พ้นขึ้นมาจากยอดเขา
“สวยจัง”
“ใช่ สวยเหมือนดวงตาของเจ้า”
ซาคุโระหน้าร้อนเห่อ ก้มหน้าลงต่ำไม่รู้จะต่ำยังไง แต่ความเขินอายก็ถูกทำลายลงเมื่อเห็นมือของตัวเองกำลังโปร่งใสยามต้องแสงอาทิตย์
“ถึงเวลาแล้วสินะ”
“อื้ม”
เสียงตอบสั้นๆจากชายหนุ่มสั้นๆ นั่นสินะ คงจะถึงเวลาที่ซาคุโระต้องกลับไปยังโลกของตัวเองแล้ว ในเมื่อทุกอย่างกลับมาสงบสุขแล้ว คนต่างโลกอย่างเธอก็คงต้องไปจาก
“นายจะไปส่งฉันใช่ไหม”
“อื้ม”
โฮโนโอะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เบือนหน้าออกไปรับแสงแดดอ่อน ก่อนหันกลับมาพร้อมกับยื่นมือมาตรงหน้าเธอ
“มาเถอะ….ข้าจะเดินไปกับเจ้า จนสุดทาง”
ซาคุโระยื่นมือออกไปจับมือสีแทนตรงหน้า เขาฉุดให้เธอลุกขึ้นและพาเธอค่อยๆก้าวไปอย่างช้าๆ ไม่เร่งรีบ มือของเขาจับมือเธอแน่น ร่างกายซาคุโระเริ่มซีดจางเมื่อต้องแสงอาทิตย์ เขามองเธอพร้อมกับรอยยิ้ม เหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น ซาคุโระยิ้มตอบและพยายามมองใบหน้านั้นให้ได้มากที่สุด สายลมพัดเอาใบไม้ผ่านร่างกายซาคุโระไป เหมือนจะบอกว่าเธอกำลังเดินมาสุดทางแล้ว แต่ถึงร่างกายเธอจะโปร่งแสงเลือนราง โฮโนโอะก็ยังจับมือเธอเอาไว้ไม่ปล่อย ซาคุโระรู้สึกเหมือนในมือข้างหนึ่งกำอะไรอยู่ตั้งแต่ตื่น พอคลายออกมาก็ถึงได้รู้ว่ามันคือเส้นผมสีฟ้า เส้นผมของคัยรีวคงจะติดมือมา ซาคุโระมองใบหน้าชายหนุ่มข้างกายสลับกับเส้นผมในกำมือ มันยาวพอที่จะคล้องคอเขาได้รึเปล่านะ
“โฮโนโอะ”
“หืม”
สองมือยกบรรจงพาดเส้นผมสีฟ้ารอบคอชายหนุ่ม
“อะไรรึ”
“เส้นผมของแม่นายไง ถึงมันจะแทนอาภรณ์สวรรค์ไม่ได้ก็เถอะ แต่ฉันอยากให้นายเก็บไว้”
“เอามาได้ยังไง”
“ความลับ”
“ซาคุโระ…”
“เก็บเอาไว้ให้ดีล่ะ” ซาคุโระยิ้มร่า
“ขอบใจนะ…ข้าดีใจที่พบกับเจ้า”
“ฝากบอกลามิราอิกับฟุยูกิด้วยนะ ฉันจะคิดถึงพวกนายสามคนพี่น้องให้มากๆเลย”
“หลับตาสิ”
“เอ๊ะ?”
“หลับตาเถอะ ซาคุโระ”
ซาคุโระทำตามที่ชายหนุ่มบอก หากแต่การหลับตาครั้งนี้มันยากเย็นนัก หัวใจแกว่งไกวเหมือนลูกตุ้มนาฬิกา เจ้าน้ำใสๆรึก็รื้นขึ้นมาค้ำเปลือกตาเอาไว้
แปะ
เมื่อรู้ว่าซาคุโระไม่สามารถหลับตาได้ ฝ่ามือสีแทนก็ยื่นมาลูบเปลือกตาของเธอลงช้าๆ ร่างของหญิงสาวค่อยๆจางหายไปช้าๆจนเหลือเพียงอากาศและหยดน้ำตาร่วงลงบนพื้นหยดหนึ่ง
“ลาก่อน….ท่านซาคุโระ”
มือสีแทนนิ่งค้างอยู่กลางอากาศ ดวงตาสีฟ้าถูกหล่อเลี้ยงด้วยน้ำใสๆที่รื้นขึ้นมาปริ่มขอบตา สายลมพัดใบไม้จากป่าเบื้องล่างขึ้นสู่ท้องฟ้าเบื้องบน หยอกล้อกันราวกับมีชีวิต

ติ๋ง….
หยดน้ำเย็นยะเยือกหนึ่งหยดตกกระทบใบหน้าของหญิงสาวที่สะดุ้งลืมตาขึ้นมา
“นี่ฉัน เผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่”
ซาคุโระดีดตัวลุกเช็ดน้ำเย็นๆออกจากแก้มก่อนจะรีบคลานเข้าไปซ้นตัวอยู่ในผ้าห่ม ความหนาวเย็นของห้องใต้หลังคาหนักหนากว่าพื้นบ้านด้านล่างที่มีเตาทำความร้อน แต่ซาคุโระก็ยังชอบที่จะหมกตัวอยู่ที่นี่กับหนังสือเล่มโปรด เหมือนเพิ่งตื่นขึ้นมาจากความฝันเสมือนจริง ทั้งความตื่นเต้น ความเสียใจ ความเจ็บปวด และยิ่งตอนสุดท้ายเหมือนจะเป็นความฝันที่หวานชื่นจนหน้าแดง ฝันว่าได้จูงมือกับเจ้าชายผิวเข้มเดินไปด้วยกัน ฝ่ามืออุ่นๆของเขาเข้ามาลูบเปลือกตาเธอเบาๆ แล้วจู่ๆทุกอย่างก็มลายไปต่อหน้า
แหมะ…
“อะ เอ๊ะ? อะไร นี่เราเป็นอะไรไปเนี่ย”
ซาคุโระยกแขนเสื้อเช็ดหน้าสองสามที น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าเอ่อล้นออกมา เช็ดเท่าไหร่ก็ยิ่งไหลออกมาเรื่อยๆ
พั่บๆๆๆ…..
หน้ากระดาษจากหนังสือเก่าคร่ำคร่าเปิดออกทีละหน้าทั้งที่ในนี้ไม่มีลมพัด ก่อนที่มันจะหยุดที่หน้าสุดท้าย ภาพวาดใบหน้าชายหนุ่มคุ้นตา กำลังยื่นมือออกมาข้างหน้า ดวงตานั้นถูกแต่งแต้มด้วยหยาดน้ำตา หากแต่บนใบหน้ายังมีรอยยิ้มจางๆประดับอยู่จนไม่รู้ว่าเขากำลังเศร้าหรือดีใจ
“โฮโนโอะ…”
ภาพเรื่องราวทุกอย่างในความฝันกำลังปะติดปะต่อกันจนเป็นเรื่องราว ไหลลื่นไปตั้งแต่ต้นจนจบ คำพูดทุกคำค่อยๆชัดขึ้นในสมอง จนถึงประโยคสุดท้าย
…มาเถอะ….ข้าจะไปเดินไปกับเจ้า จนสุดทาง…
….หลับตาสิ
หลับตาเถอะ….ซาคุโระ….
แปะ!....
คราวนี้หยาดน้ำตาได้ร่วงลงบนหนังสือกลายเป็นรอยน้ำวงใหญ่บนใบหน้าชายหนุ่มในภาพวาด ริมฝีปากบางเม้มแน่น ยิ่งสะกดกลั้นเอาไว้เท่าไหร่ น้ำตามันก็ยิ่งไหลพร่างพรูออกมามากเท่านั้น
“โฮะ โฮโนะ..โอะ~”
ไม่ใช่ความฝัน ทุกอย่างเกิดขึ้นจริงๆ และมันก็เจ็บปวดมากเกินกว่าจะสะกดเสียงร้องไห้เอาไว้ได้อีกแล้ว
“ฮือออออออออออออออออ!!!!!!!!!!~~”
ซาคุโระไม่ได้สนใจความหนาวเหน็บรอบกาย กอดหนังสือเก่าๆจวนจะขาดเล่มเดิมหมอบลงกับพื้นปล่อยน้ำตาไหลออกมาพร้อมกับเสียงสะอื้นจนตัวโยน ไม่รู้ว่าตัวเองร้องไห้ออกมาดังแค่ไหน นานเท่าไหร่ ตอนนี้อยากแค่อยากปล่อยอารมณ์อัดอั้นทั้งหมดออกมา
เรื่องราวในหนังสือเล่มนี้ถูกเขียนจนจบแล้ว ไม่เหลือหน้าว่างให้เขียนได้อีก

สามวันต่อมา…
“ซาคุโระจัง เก็บของเสร็จรึยังลูก รถมารอแล้วนะ”
เสียงคุณยายเรียกมาจากด้านล่างของตัวบ้าน ซาคุโระบรรจงวางหนังสือเล่มเก่าๆพร้อมกับกรอบรูปใส่กระเป๋า รูดซิบปิดเรียบร้อยและสะพายขึ้นบ่า วันนี้ต้องกลับบ้านที่โตเกียวแล้ว
“งั้น หนูไปนะคะ”
“เดินทางปลอดภัยนะหลานรัก เอาไว้มาเที่ยวใหม่นะลูก”
“ค่ะ”
“ซาคุโระจัง”
“คะ?”
แปะ…
มือเหี่ยวย่นยื่นมาลูบปานดอกไม้บนใบหน้าของหญิงสาวเบาๆ
“ดอกไม้แดงดอกนี้สวยจังเลยนะ”
สีแดง ใช่ ซาคุโระเพิ่งจะสังเกตเห็นว่ามันเปลี่ยนจากสีม่วงเป็นสีแดงอมส้ม แถมยังดอกใหญ่ขึ้นเหมือนกับกำลังเบ่งบาน ดูเป็นดอกไม้มากกว่าตอนแรกที่เป็นเพียงจุดสีม่วงบิดเบี้ยว
“ค่ะ หนูชอบมันมากเลย รับรองจะไม่เอาออกแน่นอนค่ะ”
เมื่อก่อนการมีปานบนใบหน้าทำให้ซาคุโระมีปมด้อย ไม่มั่นใจ แต่ตอนนี้ไม่แล้ว เส้นผมทุกเส้นถูกรวบขึ้นไปทัดหูเผยให้เห็นใบหน้าขาวดุจหิมะที่มีดอกไม้สีแดงกำลังเบ่งบานอยู่ และจะเบ่งบานตลอดไป

จบ
_____________________________

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7.3 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา