รสสวาทเจ้าสาวป้ายแดง (สนพ.โรแมนติค)

10.0

เขียนโดย คิมปัด

วันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 เวลา 21.42 น.

  5 ตอน
  1 วิจารณ์
  7,151 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 20.58 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) ค่หมาย...วายร้าย

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทที่ 3

คู่หมาย…วายร้าย

 

“โอ๊ย คุณอา…ตะคริวกินขา” เมลินีส่งเสียงร้องด้วยสีหน้าเหยเก หน้านวลค่อยๆจมหายไปจากผิวน้ำ ทำให้คนที่ยืนเท้าสะเอวทำหน้าสะใจอยู่บนฝั่งชักจะกังวล

“เม…อย่าแกล้งอาแบบนี้นะ”

ไม่มีเสียงตอบรับจากหล่อนอีกต่อไป ชายหนุ่มหน้าซีดลงเรื่อยๆก่อนจะตัดสินใจถอดรองเท้าบู๊ทแล้วกระโจนลงน้ำโดยไม่ลังเล

ตูม !

“เม…อยู่ไหน บอกอามาสิ”

เขาว่ายน้ำไปตรงจุดที่หล่อนจมลงไปแต่ไม่เจอร่องรอย หันซ้ายหันขวาก็พบแต่ความเงียบงัน มือหนาตีน้ำอย่างแรง พร้อมตะโกนก้องอย่างบ้าคลั่ง

“เม…อย่าล้อเล่นแบบนี้นะ” แม้ปากจะว่าล้อเล่น ทว่าในใจเขากลับวิตกไม่น้อย หากหล่อนเป็นอะไรไป เขาจะไม่มีวันให้อภัยตัวเองตลอดชีวิต

“เม…” ชายหนุ่มบดกรามแน่น ค้นหาหล่อนในน้ำต่อไปโดยไม่สนใจต่อความเหน็ดเหนื่อยของตัวเองเลยแม้แต่น้อย จนกระทั่ง….

มีคนมากอดเขาจากทางด้านหลัง และเสียงหวานที่เอ่ยกระซิบ

“เป็นห่วงเมขนาดนี้เชียวเหรอคะคุณอา”

ภัตติพงษ์ตัวแข็งทื่อ แกะมือเรียวออกจากเอวแล้วหันไปมองหล่อนด้วยสายตาวาวโรจน์

“เธอแกล้งอาจริงๆด้วยสินะ !”

“ก็คุณอาอยากแกล้งเมก่อนนี่คะ” หล่อนทำปากยื่น ดวงตาวิบวับอย่างอารมณ์ดี แค่ได้เห็นว่าเขาเป็นห่วงหล่อนมาก หล่อนก็มีความสุขแล้วจริงๆ

“เธอ…” ชายหนุ่มพูดไม่ออก สายตาหลุบลงมองหน้าอกอวบที่เห็นเด่นชัดเพราะเสื้อเปียกน้ำ ให้ตายเถอะ…นี่น่ะหรือเด็กกะโปโลในวันวาน ตอนนี้เป็นสาวสะพรั่งเต็มตัวและยวนใจชายได้มากถึงเพียงนี้เชียวหรือ ?

เสื้อสายเดี่ยวสีดำ ตัดกับผิวขาวนวลละมุน ยิ่งเสื้อเปียกแนบชิด ทำให้มองเห็นรูปร่างของปทุมคู่เด่นชัดขึ้น

“คุณอา…คุณอาชอบผู้หญิงหรือผู้ชายคะ” หล่อนแนบฝ่ามือที่แผงอกกว้าง ช้อนตาขึ้นมองเขาอย่างรอคอยคำตอบ ริมฝีปากเผยอค้างนิดๆจนเห็นไรฟันสีขาวที่เรียงตัวเป็นระเบียบ

นี่ล่ะ…แผนการของหล่อน ถึงจะนับถือกันเป็นอาหลาน แต่ก็ต่างสายเลือดกัน ถ้าต้องมาเห็นผู้หญิงเกือบโป๊ต่อหน้าต่อตา และคำถามล่อแหลมแบบนี้ เป็นใครก็ต้องติดกับดัก…

“ชอบผู้หญิง…” เขาตอบเสียงแผ่ว จับจ้องมองเรียวปากอิ่มเย้ายวนไม่วางตา อาจเป็นมนต์เสน่ห์ของทุ่งกว้างและความเย็นฉ่ำของสายน้ำที่ทำให้เขาเผลอไผล… ค่อยๆก้มหน้าต่ำลงทีละน้อย ซึ่งหล่อนก็แหงนเงยหน้า หลับตาพริ้มเตรียมรับจูบด้วยใจไหวระทึก

นี่จะเป็นจูบครั้งแรกของหล่อน…ตั้งแต่เด็กจนโตเป็นสาว คนแรกที่เข้ามาในหัวใจหล่อนได้มีเพียงคุณอาบาสที่แสนดีคนนี้เท่านั้น…และไม่เคยมีใครมาแทนที่เขาได้เลย

ทว่ายังไม่ทันที่ริมฝีปากจะสัมผัสกัน ภัตติพงษ์ก็ดึงใบหน้าตัวเองกลับ และเมื่อหล่อนลืมตาขึ้นมาก็เห็นเขากำลังมองหล่อนด้วยแววตาดุดัน

“คะ คุณอา…” หญิงสาวเสียงตะกุกตะกัก ตัวชาวาบเมื่อโดนเขาตะคอกใส่

“เธอมันดื้อด้าน ! ไม่ว่าจะการแต่งตัวหรือนิสัย เหมือนเด็กแก่แดดไม่มีผิด คิดจะมายั่วคนงานของอาเหรอไง ความจริงเธอไม่น่ามาอยู่กับอาตั้งแต่แรกแล้วด้วยซ้ำ !” พูดจบก็ผลุนผลันขึ้นจากสระไปด้วยอารมณ์คุกรุ่น ขณะที่เมลินีนิ่งงัน ตากลมสลดวูบ…

หล่อนผิดนักหรือที่อยากอยู่ใกล้เขา

แต่คนอย่างหล่อนถือคติเสมอว่า‘สิ่งที่เป็นอุปสรรคที่จะขัดขวางไม่ให้เราประสบความสำเร็จก็คือการยอมแพ้และท้อถอย’

คิดได้ดังนั้นแล้ว ร่างบางก็ขึ้นฝั่ง เดินตามชายหนุ่มไปสักพักเขาก็หันมามองหล่อน แล้วถอนหายใจยาว

“เดินเร็วๆหน่อย ไม่ไกลจากที่นี่มีกระท่อมที่สร้างไว้ใช้พักผ่อนระหว่างทำงาน พอจะมีเสื้อผ้าแห้งๆอยู่หลายชุด”

“ก็เมเหนื่อยนี่คะ ไม่มีแรงจะเดินเร็วๆหรอก” หล่อนทำปากยื่น “ถ้าจะให้ดี คุณอาช่วยอุ้ม…”

ยังพูดไม่ทันจบ เขาก็ชิงตัดบทเสียก่อน “ขาก็ไม่ง่อยสักหน่อย เดินเองสิ เดินเร็วๆด้วย”

หญิงสาวอ้าปากค้าง กระพริบตาปริบๆ ครั้นจะแย้งก็ไม่ทันเสียแล้วเพราะเขาเดินดุ่มตรงไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ทำให้หล่อนต้องวิ่งตามอย่างเสียมิได้

ไม่นานนัก ทั้งคู่ก็มาถึงกระท่อมหลังน้อยซึ่งสร้างจากไม้ ใต้ถุนยกสูง หลังคามุงด้วยหญ้าคาแห้งๆพอกันแดดหลบฝนได้บ้าง

ใต้ถุนมีจักรยานสีดำคันหนึ่งจอดอยู่ ด้านข้างกระท่อมคือต้นงิ้วสูงใหญ่ซึ่งกำลังออกดอกสีแดงสะพรั่ง มีมากมายนับร้อยดอกที่โปรยปรายร่วงหล่นสู่ผืนธรณีที่แห้งผาก ส่งผลให้บริเวณนั้นเกลื่อนไปด้วยสีสันแดงสด กลิ่นหอมอ่อนๆของดอกไม้ป่าโชยมาแตะจมูกเป็นระยะ

มองไปเบื้องหน้าคือความเวิ้งว้างสุดสายตาที่ชวนให้ใจรู้สึกสงบลงได้อย่างน่าประหลาด

นี่สินะ…มนต์เสน่ห์ของชนบท เงียบสงบ อากาศบริสุทธิ์ ร่มเย็น ไม่ต้องใช้ชีวิตด้วยความเร่งรีบ เต็มไปด้วยการแข่งขัน และมลภาวะเป็นพิษอย่างเมืองหลวง

หล่อนชักจะหลงรักที่นี่ซะแล้วสิ…แต่เหนือสิ่งอื่นใดก็คือเจ้าของไร่คนนี้นี่แหละที่หล่อนมีใจปฏิพัทธ์ด้วย

หญิงสาวอมยิ้มแก้มตุ่ย ขยับเดินแนบชิด กระแซะตัวเข้าหาเขาอย่างออดอ้อน แล้วเอ่ยเสียงหวาน “คุณอาขา…โกรธเหรอคะ”

เขายังคงเงียบ ซ้ำยังย่ำเท้าขึ้นกระท่อมโดยไม่ตอบหล่อนสักคำ ร้อนถึงร่างบางต้องรีบวิ่งตามแล้วพูดเสียงดัง

“เมยอมรับค่ะว่าเมผิด แต่คุณอาก็พูดแรงเกินไป มากล่าวหาว่าเมจงใจจะยั่วคนงาน คุณอาพูดออกมาได้ยังไงกัน”

คราวนี้ภัตติพงษ์หันขวับมาเผชิญหน้ากับหล่อน แล้วพูดเสียงเข้ม “จะให้อาคิดยังไง ในเมื่อรูปการณ์มันเป็นแบบนั้น ส่วนใหญ่คนงานในไร่มีแต่ผู้ชาย มีผู้หญิงแค่ไม่กี่คน แล้วเธอยังแต่งตัวชะเวิ๊บชะว๊าบแบบนี้อีก”

“โธ่… ไม่ได้คิดจะยั่วคนงานเลย ก็คิดว่าคุณอาจะชอบแบบนี้นี่นา” พอรู้ตัวว่าเผลอพูดความในใจออกไป หล่อนก็รีบใช้มือปิดปากตัวเอง ตากลมเหลือบมองหน้าคมที่เคร่งขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่เสียงทุ้มจะว๊ากลั่น

“อาไม่รู้หรอกนะว่าเธอคิดจะล้อเล่นอะไรกับอา แต่ขอบอกไว้ก่อนเลยว่า…อาไม่คิดจะชอบเด็กน้อยอย่างเธอหรอก รู้ไว้ซะด้วย ความรู้สึกที่อามีต่อเธอ มันก็เหมือนอากับหลานทั่วๆไป ไม่ได้พิเศษมากไปกว่านั้น”

คำพูดตรงไปตรงมาของชายหนุ่ม ส่งผลให้หล่อนนิ่งงัน หน้าหวานเผือดสีราวกับไม่มีเลือดมาหล่อเลี้ยง ปากอิ่มสั่นระริก หัวใจที่เคยเต้นเป็นจังหวะปกติ มายามนี้กลับผ่อนช้าลง…จนแทบไม่รู้สึกถึงแรงเต้นของมัน

“คะ…คุณอา” เสียงใสแทบไม่หลุดพ้นจากลำคอ และก็ดูเหมือนเขาจะเริ่มรู้สึกตัวว่าพูดแรงเกินไป จึงเอื้อมมือมาโยกศีรษะทุยสวยเบาๆ เอ่ยกระเซ้าว่า

“แต่อารู้ว่าเราไม่ได้ชอบอาแบบหนุ่มสาว อาก็พูดไปอย่างนั้นแหละ จริงไหมหลานรัก”

เมลินีปัดมือหนาออก ดวงตากลมโต แม้จะมีหยาดน้ำฉาบเคลือบ ทว่าก็แฝงความเด็ดเดี่ยวไว้อย่างเห็นได้ชัด

“แล้วถ้าเมจะบอกว่าเมชอบคุณอาจริงๆ อยากให้คุณอามองเมเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ไม่ใช่แค่หลานล่ะคะ คุณอาจะว่ายังไง”

ชายหนุ่มอึ้ง สักพักก็สะบัดหน้าไปทางอื่น “ถ้าเป็นแบบนั้นก็ตัดใจซะ เพราะมันเป็นไปไม่ได้”

“เพราะคุณอาชอบผู้ชายด้วยกันใช่ไหมล่ะคะ” หล่อนสวนทันควัน และคราวนี้เขาก็หันกลับมามองหน้าหล่อนด้วยแววตาแข็งกร้าว

“เลิกยุ่งกับเรื่องส่วนตัวของอาซะที”

“ถ้าคุณอาไม่ได้เป็นเกย์ เมก็ยังมีหวัง”

“เลิกหวังซะ” เขาบอกเสียงห้าว

“ทำไมเมจะต้องเลิกหวัง ในเมื่อเมกับคุณอาก็เป็นคู่หมั้นกัน” หล่อนงัดไม้เด็ดออกมาใช้ ขณะที่เขาเงยหน้าหัวเราะ

“หมั้นงั้นเหรอ ? มันก็แค่คำพูดลอยๆของผู้ใหญ่ ไม่มีหลักฐานสักหน่อยว่าเราผูกพันทางใจกันแล้วจริงๆ”

“หลักฐานที่ว่าคืออะไรคะ”

“แหวนไง ไหนล่ะ…มีแหวนยืนยันไหมว่าเราหมั้นกันแล้ว” เขาถามเสียงหยัน เล่นเอาหญิงสาวหน้าเสีย…แม้ว่าอรจิราจะจับให้หล่อนและเขาหมั้นหมายกัน แต่ก็เป็นเพียงลมปาก หล่อนไม่เคยได้ยินคำว่ารักจากปากเขา ไม่เคยได้รับแหวน ไม่เคยได้ดอกไม้สักดอก และไม่เคยถูกเขามองว่าเป็นผู้หญิงคนหนึ่งเลยสักครั้ง

เพราะในสายตาของเขาแล้ว…หล่อนยังคงเป็นเด็กหญิงเมลินีตัวเล็กๆคนเดิมกระมัง

“อ้าว เงียบ… ไม่รู้จะเถียงยังไงล่ะสิ” ชายหนุ่มใช้นิ้วโป้งเกี่ยวขอบกระเป๋ากางเกงยีนแล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้หล่อนราวจะตอกย้ำ “ถ้าไม่มีแหวน มีแค่คำพูดลอยๆของผู้ใหญ่ งั้นก็เท่ากับว่าเราเป็นเพียงแค่คู่หมาย ไม่ใช่คู่หมั้น”

“ไม่เป็นไรค่ะ” หล่อนเชิดหน้ากลับ แล้วฉีกยิ้มจนเห็นฟันขาวเรียงกันเป็นระเบียบ “วันนี้คู่หมาย วันหน้าคู่หมั้น ส่วนอนาคตคือคู่สามีภรรยา มันต้องเป็นไปตามลำดับขั้นตอน เมเข้าใจดี”

พอได้ยินคำว่า‘สามีภรรยา’ ภัตติพงษ์ก็แทบจะหน้าทิ่มทันที โหนกแก้มเป็นสีชมพูระเรื่อ เมื่อทำเสียงดุ

“อย่ามาเล่นลิ้นกับอา”

“เมพูดจริงค่ะ ตั้งแต่เล็กจนโต เมชื่นชมคุณอามาโดยตลอด คุณอาเป็นทั้งพี่ เป็นทั้งเพื่อน เป็นทั้งครู เป็นทุกอย่างของเม เมรอจนเรียนจบ รอจนโตพอที่จะมาหาคุณอาได้ เพราะฉะนั้นเมไม่มีวันเลิกล้มความตั้งใจแน่นอนค่ะ” หล่อนพูดอย่างเด็ดขาด ตากลมเป็นประกายวิบวับ ขณะที่ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะหลุบตาลงมองอกอวบที่พุ่งดันตัวเสื้อสายเดี่ยวออกมา…มองแล้วก็ลอบกลืนน้ำลายเบาๆ ก่อนจะหันหน้าไปทางอื่น

“หวังว่าเธอจะรีบกลับกรุงเทพไวๆนะ อามีงานต้องทำ คงไม่ว่างดูแลเด็กอย่างเราหรอก”

“ก็บอกแล้วไงคะว่าเมไม่ใช่เด็ก”

“เด็กก็คือเด็กนั่นแหละน่า อย่าเถียง !” ชายหนุ่มหันมาตวาดลั่น ก่อนผงะเมื่อหล่อนแอ่นอก แล้วถามว่า

“นี่ไงคะ หลักฐานที่ว่าเมไม่ใช่เด็กแล้ว”

“พอเลย” เขาพูดลอดไรฟัน ก้อนเนื้อตรงอกข้างซ้ายเต้นโครมๆ หน้าแดงขึ้นเรื่อยๆ “เลิกเล่นอะไรแบบนี้สักทีเถอะ ไปเปลี่ยนชุดซะ ในห้องมีชุดของอาหลายชุดเหมือนกัน ทนๆใส่ไปก่อนล่ะกันนะ”

“เมแค่จะบอกว่าเมไม่คิดจะเปลี่ยนใจแน่ๆ และคนอย่างเม ถ้าต้องการอะไรก็ต้องได้ ไม่เว้นแม้แต่หัวใจคุณอา หวังว่าจะเข้าใจนะคะ”

“แล้วถ้าอาจะบอกว่าเธอไม่มีวันทำสำเร็จล่ะ” เขาถามหยั่งเชิง ตาคู่คมหรี่ลงมองคนตัวเล็กที่ยืนเท้าสะเอวอย่างหมั่นไส้

“ถ้าเมทำไม่สำเร็จภายใน 60 วัน  เมยินดีกลับกรุงเทพค่ะ”

“ดี” เขาเน้นเสียงหนัก “ถ้างั้นเธอก็เตรียมเก็บของกลับกรุงเทพในอีกสองเดือนข้างหน้าได้เลย”

“อย่าเพิ่งด่วนสรุปสิคะคุณอา” หล่อนยักคิ้ว เหยียดยิ้มเจ้าเล่ห์ “ถ้าเมทำให้คุณอารักได้ คุณอาจะให้อะไรล่ะคะ”

ภัตติพงษ์ส่ายหน้าช้าๆ พลางถอนหายใจเฮือก แล้วพูดว่า “อาคิดว่าคงไม่มีวันที่เธอจะชนะอาหรอก แต่ก็อยากรู้ว่าสิ่งที่เธออยากได้คืออะไร”

“สิ่งที่เมต้องการจากคุณอาก็คือ…” หล่อนเว้นจังหวะการพูดระยะหนึ่ง แล้วจึงเสริมต่ออีกว่า “ทะเบียนสมรสค่ะ”

ชายหนุ่มกระพริบตาอย่างคาดไม่ถึงว่าจะได้ยินหล่อนร้องขอแบบนั้น แต่ครั้นมองหน้าสวยสักพักก็กระตุกยิ้มอย่างมั่นใจ…เขามองว่าหล่อนเป็นเพียงหลานคนหนึ่งมาโดยตลอด ตอนเขาเรียนอยู่มัธยมปลาย หล่อนยังไม่ขึ้นชั้นอนุบาลด้วยซ้ำ ดังนั้นไม่มีวันที่เขาจะรักหล่อนแบบแฟนเป็นอันขาด

เกมส์เดิมพันครั้งนี้…คนที่จะเป็นฝ่ายชนะก็คือเขาอย่างแน่นอน !

“ก็ได้ ตกลงตามนั้น” เขาพยักหน้ารับ และหล่อนก็กระโดดตัวลอยอย่างดีใจ

“ขอบคุณนะคะคุณอา คุณอาน่ารักที่สุดเลย” หล่อนผวาเข้ากอดเขาอย่างเริงร่า เล่นเอาหน้าคมเริ่มแดงอีกครั้ง ก่อนจะรีบดันตัวหล่อนให้ถอยออกห่าง

หญิงสาวยิ้มกว้าง แล้วพาตัวเองเข้าไปในห้องเพื่อเปลี่ยนชุด โดยไม่ลืมที่จะปิดประตูไว้ด้วย ขณะที่ภัตติพงษ์ยืนเท้าสะเอวมองบานประตูนิ่งนานแล้วส่ายหน้าไปมา

เขารู้จักเมลินีมานาน… หล่อนเป็นเด็กช่างอ้อน คุยเก่ง ร่าเริง เป็นที่รักใคร่ของทุกคน

อาจเป็นเพราะในอดีตหล่อนเคยเป็นเด็กที่พ่อแท้ๆไม่ต้องการ หนำซ้ำคนเป็นแม่ยังมาตายตั้งแต่หล่อนอายุได้เพียง 3 ขวบ ทำให้มนสิชาและเขมปัจน์ซึ่งเป็นพ่อแม่บุญธรรมรักและตามใจเมลินีทุกอย่าง จนหล่อนกลายเป็นผู้หญิงเอาแต่ใจ ไม่ว่าต้องการอะไรก็ต้องเอาให้ได้ดั่งใจ

รวมทั้งตัวเขาด้วย…หล่อนไม่ได้รักเขาจริงๆ เพียงแค่อยากเอาชนะเท่านั้น นิสัยยังคงเป็นเด็กเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงเลยจริงๆ

ภัตติพงษ์ตบต้นคอตัวเองเบาๆแล้วถอนหายใจยาวอีกครั้ง ในเมื่อรู้แน่ชัดว่าหล่อนอยากเอาชนะ เขาก็จะไม่มีวันยอมแพ้หล่อนแน่ๆ

เพราะเขามั่นใจว่าตัวเองใจแข็งมากพอ…

ความคิดหยุดชะงักลงเพียงเท่านั้นเมื่อได้ยินเสียงหล่อนร้องลั่น ชายหนุ่มก็รีบกระโดดถีบบานประตูเต็มแรงด้วยความตกใจ

“กรี๊ดดดด”

โครม ! (เสียงถีบประตู)

“มีอะไร เกิดอะไรขึ้น” เขาถามร้อนรน ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นร่างบางอยู่ในชุดชั้นในตัวจิ๋วเพียงสองชิ้นที่ปกปิดของสงวนไว้อย่างหมิ่นเหม่เท่านั้น

หล่อนเอามือปิดตา ปากก็ตะโกนไม่หยุดจนเขาแสบหูไปหมด “กรี๊ด…”

“มีอะไร” เขาถามด้วยใจที่เต้นโครมคราม ขาแทบอ่อนยวบ แต่ก็ยังไม่วายปั้นหน้าขึงขัง แม้ว่าใจจะระทวยไปตั้งแต่เห็นหล่อนอยู่ในชุดชั้นในวาบหวิวแล้วก็ตาม

“มะ แมง แมงมุมค่ะ” หล่อนบอกด้วยเสียงระล่ำระลัก ไหล่บางสั่นระริก มือยังคงปิดหน้าไว้ไม่ยอมเอาออก

“แค่แมงมุม ทำเป็นตื่นเต้นไปได้ อาว่าเธอน่ากลัวกว่าแมงมุมอีกนะ”

เท่านั้นแหละ หล่อนก็เลิกปิดหน้าแล้วมองเขาตาเขียว “คุณอาพูดแบบนี้หมายความว่าไงคะ”

“หมายความตามที่พูดนั่นแหละ” เขาเชิดหน้าตอบ แล้วกวาดตามองหาเจ้าแมงมุมที่ว่า จนไปเจอมันเกาะอยู่ตรงราวผ้า เลยจัดการจับมันโยนทิ้งทางหน้าต่างแล้วเดินผลุนผลันออกนอกห้องไป โดยไม่ลืมที่จะกำชับเสียงเฉียบ

“รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าซะ ต่อให้เธอโป๊ทั้งตัว อาก็ไม่คิดอะไรด้วยหรอกนะเด็กน้อย”

หญิงสาวหน้าแดงก่ำ เม้มปากแน่น…อายก็อายที่ต้องมาใส่ชุดชั้นในให้เขาเห็น แต่ความอายมันถูกกลบด้วยความโกรธ…โกรธที่เขากล้าดูถูกว่าหล่อนไร้เสน่ห์ซ้ำยังเป็นเด็กอยู่บ่อยครั้ง

หลังจากผลัดเปลี่ยนชุดเสร็จแล้ว หล่อนก็ออกจากห้อง พบว่าเขายืนรออยู่ก่อนแล้ว ดวงตาคู่คมกวาดตามองร่างระหงทั่วทั้งตัวอย่างสำรวจ

หล่อนเป็นคนตัวเล็ก ใส่แค่เสื้อเชิ้ตของเขาตัวเดียวก็ยาวถึงเข่าโดยที่ไม่จำเป็นต้องสวมกางเกงเลย ดูๆไปแล้วก็น่ารักไม่น้อย

“คุณอาก็ไปเปลี่ยนชุดได้แล้วค่ะ ต่อให้คุณอาถึกมากแค่ไหน แต่ถ้าอยู่ในชุดเปียกนานๆเดี๋ยวก็ไม่สบายกันพอดี”

“อืม…” เขารับคำ แต่ยังไม่ทันจะเดินเข้าห้อง เสียงเอะอะโวยวายก็ทำให้สองขาของชายหนุ่มตรึงอยู่ที่เดิม ขณะที่เมลินียื่นหน้าออกไปดูว่าผู้คนตื่นเต้นอะไรกัน

และท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันเซ็งแซ่นั้น ก็มีอยู่ประโยคหนึ่งที่หล่อนได้ยินชัดเจน

“ใครวะที่ฆ่าไอ้สม ดูสิเลือดท่วมตัวเลย ไอ้ฆาตกรนี่จิตใจมันเหมือนไม่ใช่คน โอย…เห็นแล้วจะอ้วกเลย น่าสงสารคนตายว่ะ !!”

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา