Cobweb of love รักนี้พิชิตใจเธอ ver.2

7.0

เขียนโดย Blue_Bird

วันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2560 เวลา 12.32 น.

  6 ตอน
  0 วิจารณ์
  6,332 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2560 16.25 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) คัดเลือกนางแบบ?

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

Shot me out of the sky

You're my kryptonite

You keep making me weak

Yeah, frozen and can't breathe

(เพลงของวง one direction ชื่อเพลง one thing)

ฉันเดินเข้ามาในมหาลัยตอนเช้าก็เจอกับเพลงโปรดจนเกลียด ทำไมเป็นเพลงที่โปรดจนเกลียดน่ะหรอ เพราะตอนมัธยมศึกษาปีที่4ฉันเคยได้ยินวงของอีตาดรัมเล่นในงานโรงเรียนน่ะสิ วงของหมอนี่เป็นวงที่ตั้งกับลูกพี่ลูกน้อง และวงของหมอนี่ก็ตียาวจนมาถึงมหาวิทยาลัยตอนนี้ ตอนแรกฉันได้ยินวงหมอนี่เล่นก็ชอบ พอฉันสารภาพรักเท่านั้นแหละฉันเกลียดเลย จะไปโทษเขาก็ไม่ได้ ต้องโทษฉันเองที่ไม่ดูแลตัวเองให้ดี ตอนนี้ฉันดูแลตัวเองดีมากๆไม่เป็นซอมบี้เหมือนเมื่อสองวันก่อนหรือสมัยเรียนมัธยมแล้ว ฉันกลับมาเฉิดฉายอีกครั้ง (หรอ) วันนี้ฉันตั้งใจจะไปหาอีตาดรัมที่ตึกคณะ ฉันเดินอย่างเฉิดฉายดุจนางร้ายในเรื่องซินเดอเรลา แต่ในใจลึกๆแล้วฉันต้องทำใจอยู่ประมาณสองชั่วโมง กว่าจะพาตัวเองมายืนอยู่ในจุดๆนี้ ฉันเดินเข้าไปในตึกผู้ชายมากหน้าหลายตาหันมามองฉัน แล้วไงล่ะใครสนวันนี้ฉันมัดผมแกละต่ำๆสองข้างเหมือนกับแจ๋วแม่บ้าน ฉันขึ้นลิฟท์ไปชั้น4ที่อีตาดรัมเรียน เห็นฉันไม่ค่อยสนใจเรื่องที่คนอื่นพูดแต่เรื่องแบบนี้ฉันหาข้อมูลมาดี ทั้งในโซเชียลและการไปแอบฟังคนอื่นคุยกัน พอลิฟท์เปิดออกฉันก็เดินออกจากลิฟท์ทันที และก็แทบจะในทันทีที่ฉันหน้าแตก

“เฮ้ย ดาวมหาลัยมาทำอะไรที่ตึกคณะวิศวะ”เสียงผู้ชายคนแรกพูดถึงแม้จะทำท่าเหมือนกระซิบแต่ฉันนะยินนะยะ

“ไม่รู้ดิ มาหาเพื่อนมั้ง”บทสนทนาจบลงแค่นั้นแล้วทั้งสองก็เดินเข้าลิฟท์ที่ฉันพึ่งเดินออกมา

เพล้ง~

ไม่ใช่เสียงแก้วแตกที่ไหน หน้าฉันเนี่ยแหละแตก แตกแบบไม่เหลือชิ้นดี ไม่เหลือซากนอกจากเศษหน้าของฉันที่ค่อยๆร่วงตกลงบนพื้น ฉันแทบจะก้มหน้ามองหาเศษหน้าของตัวเองที่มันพึ่งแตกกระจายแทบไม่ทัน

“อ่าวเธอที่ทำงานกับดรัมนี่”แล้วจู่ๆก็มีผู้ชายใส่กางเกงนักศึกษากับเสื้อชอปสีดำของคณะวิศวะเดินเข้ามาหาฉัน เป็นผู้ชายหน้าหวานแต่หล่อมาก~ เจาะหูข้างละ5รู ตรงติ่งหูข้างขวาใส่ต่างหูรูปไม้กางเขนกลับหัว ส่วนที่เหลือใส่ห่วงสีเงิน ผมสีชอคโกแลตดูๆแล้วน่าจะเป็นลูกครึ่งลาติน สูง180น่าจะได้ ผิวน้ำผึ้งเหมือนชาวเอเชีย เพื่อนของอีตาดรัมหรอ ทำไมหมอนั่นมีเพื่อนหล่อขนาดนี้~

“นายรู้จักหมอนั่นด้วยหรอ”ฉันถามพร้อมกับเงยหน้ามองเขา ต้องขอบอกว่าเงยหน้ามองนี่พวกผู้ชายจะสูงไปไหนเนี่ย~

“ใช่ ก็เป็นลุกพี่ลูกน้องกันนี่”เขาพูดนิ่งๆพร้อมกับมองหน้าฉัน เดี๋ยวนะเขาพึ่งบอกว่าเขาเป็นลูกพี่ลูกน้องกับหมอนั่นหรอ งั้นเขาก็ต้องชื่อคีบอร์ดน่ะสิ เท่าที่ฉันรู้จัก(สืบ)หมอนั่นมาเขามีลูกพี่ลูกน้องสองคนเป็นผู้ชายหนึ่งคนกับผู้หญิงอีกหนึ่งคน

“นายชื่อคีบอร์ดใช่ไหม หมอนั่นไปไหนแล้วล่ะ”ฉันพยายามตีสนิทเพื่อกลบเกลื่อนความหน้าแตกของฉันเมื่อสักครู่~

“ฉันชื่อกีตาร์”เขาพูดด้วยท่าทางนิ่งๆ ฉันก็นิ่งเหมือนกัน ไม่ใช่นิ่งเพราะแบบเย็นชานะ แต่นิ่งเพราะคำตอบของเขา

เพล้ง~

และเป็นรอบที่สองของวัน ที่หน้าฉันแตก เดี๋ยวนะก็กีตาร์เป็นผู้หญิงไม่ใช่หรอ~

“ฉันไม่ได้อยากเป็นผู้หญิงตั้งแต่แรกหรอกนะ”เขาไม่ใช่สิ เธอพูดก่อนจะถอนหายใจแล้วทำท่าจะเดินไปกดลิฟท์

“เดี๋ยวก่อนสิ เธอกีตาร์ใช่ไหม ดรัมไปไหนหรอ”ฉันถามเสียงดังแต่ก็ต้องรีบหุบปากลงเมื่อมีผู้ชายสามคนกับผู้หญิงอีกสองคนเดินมา และเริ่มมองฉันด้วยแววตาสงสัย

“หืม หมอนั่นไม่ได้บอกเธอหรอว่าจะไปหาที่ตึกคณะของเธอ”เธอพูดด้วยแววตาเย็นชาและเสียงนิ่งๆ นี่เธอคนนี้มีความรู้สึกอะไรกับเขาบ้างไหมเนี่ย พอเธอเห็นว่าฉันไม่พูดอะไรเธอก็กดลิฟท์ และเมื่อฉันรู้ตัวอีกทีก็พบว่าฉันกำลังจะโดนทิ้งให้อยู่ตึกคณะวิศวะคนเดียว ฉันจึงถลาเข้าไปในลิฟท์พร้อมกับกีตาร์ พอฉันออกจากลิฟท์ได้ฉันก็รีบตรงไปยังตึกคณะของฉัน

                ฉันเดินขึ้นมายังห้องคณะแต่ไม่เห็นจะได้ยินเสียงพูดคุยกันเลย ไม่เหมือนวันอื่นๆเลยสักนิด ฉันเดินเข้าไปในห้องดุจซินเดเรลล่าที่กำลังเดินไปเต้นรำกับเจ้าชาย แต่พอเห็นว่าใครอยู่ในห้องฉันก็อยากจะเป็นเจ้าหญิงหงส์ขาวจริงๆ จะได้บินหนีออกไปให้ไกล แต่ฉันจะบินไปไม่ได้สิก็ฉันตั้งใจเอาไว้แล้วนี่ว่าจะต้องจีบหมอนี่ให้ได้~

“ไง”ฉันทักทายอีตาดรัมด้วยน้ำเสียงอันสดใสราวกับว่าฉันคือเจ้าหญิงบาร์บี้ ที่เจอเจ้าชายในฝัน

“วันนี้คุณแปลกๆนะ ไปทานอะไรผิดสำแดงมาหรือเปล่า”เขาทักฉันด้วยหน้าตางงๆพร้อมกับเดินเข้ามาเดินวนรอบฉันหนึ่งรอบราวกับฉันเป็นอนุสาวรีย์ที่อยู่ตามวงเวียน

“ก็ ฉันคิดว่านายช่วยงานฉันได้เยอะมากๆเลย ฉันก็ควรจะพูดกับนายดีๆใช่ไหมล่ะ”ฉันปั้นยิ้มที่แสนจริงใจไปให้เขา เขาเลิกคิ้วขึ้นข้างนึงแล้วก็หัวเราะในลำคอ ฉันพูดผิดตรงไหนไม่ทราบ~

“คุณนี่เป็นคุณนายตื่นสายหรอ ถึงได้มาช้าขนาดนี้”เขาพูดพร้อมกับก้มตัวให้หน้าเขากับฉันเสมอกันและใบหน้าเขาห่างกับหน้าฉันไม่ถึง10เซนติเมตร เขายืนแบบนั้นพร้อมกับเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงนักศึกษาสีดำ ฉันสัมผัสได้ถึงลมหายใจกลิ่นมินท์ของเขา มันทำให้รู้สึกว่าหน้าของฉันมันกำลังร้อน ฉันจึงถอยให้ห่างจากเขาหนึ่งก้าว พอฉันถอยออกมาเขาจึงยืดตัวขึ้น ความจริงฉันไม่ได้มาช้านะฉันมาถึงมหาวิทยาลัยตั้งแต่แปดโมงแล้ว ตอนี้ก็พึ่งจะแปดโมงครึ่งนี่ไม่ถือว่าสายสักหน่อยตาบ้า~ ถ้าไม่ติดว่าฉันไปผิดตึกระหว่างไปหาตัวนายนะฉันไม่มาสายแน่นอน!

“ฉันว่าฉันก็มาเช้านะ แต่แปลกจังทำไมคนอื่นยังไม่มากันอีก”ฉันพยายามไม่ต่อปากต่อคำกับเขา การที่เราจะจีบใครสักคนเราต้องพูดดีและทำดีกับเขา ฉันอ่านในคู่มือการจีบผู้ชายในบล็อกมา

“คุณนี่เหมือนไก่เลยนะครับ”เขาพูดพร้อมกับยิ้มให้ฉันแถมยักคิ้วให้หนึ่งที เขานี่มันกวนประสาทตัวพ่อชัดๆ~ ว่าแต่อะไรคือฉันเหมือนไก่?

“ไก่?”ฉันถามเขาอย่างงงๆ แล้วฉันเหมือนไก่ตรงไหน ฉันว่าวันนี้ฉันก็ไม่ได้มัดจุกมาให้มันเหมือนหงอนไก่นี่นา วันนี้ฉันมัดผมสองข้างเหมือนแจ๋วที่คอยทำงานเป็นแม่บ้าน

“ครับ”เขาตอบสั้นๆแล้วก็ยิ้ม แล้วไอ้ไก่ของเขานี่มันคืออาราย~

Mary had a little lamb, little lamb, little lamb, Mary had a little lamb, It’s  fleece was white as snow~¯

ก่อนที่ฉันจะถามอะไรหมอนี่ต่อโทรศัพท์ก็ดังขึ้น แล้วทำไมเขาต้องแอบยิ้มด้วยเล่า นี่เป็นเพลงโปรดของฉันเลยนะ เพลง Marry had a little lamb ว่าแต่ใครโทรมา พอมองชื่อที่ขึ้นบนหน้าจอมันก็ทำเอาฉันแปลกใจ

“มีอะไรหรอวิคกี้”ฉันถามพร้อมกับมองหน้าอีตาดรัมที่ตอนนี้เขากำลังทำหน้าจริงจัง

“นี่เมื่อไหร่เธอจะมาเนี่ย รีบมาเลยนะตอนนี้เขาเลือกตัวนางแบบกันจะเสร็จแล้วเนี่ย ถ้าเธอมาช้าเดี๋ยวก็อดได้คนสวยๆหรอก”วิคกี้พูดด้วยเสียงร้อนรนและมีเสียงแทรกเข้ามาว่า ฉันเลือกคนนี้ก่อนนะ โอเคฉันควรรีบไป

“ว่าแต่....”

ตรู๊ด~ ตรู๊ด~ ตรู๊ด~

ฉันยังไม่ทันถามสถานที่อะไรเลย วิคกี้ก็ชิงตัดสายฉันไปซะก่อน เอิ่ม~ แล้วฉันจะรู้ไหมเนี่ยว่าฉันควรไปที่ไหน~

“นี่คุณได้ฟังที่คณะบดีพูดจริงหรือเปล่าครับเนี่ย”จู่ๆอีตาดรัมก็พูดขึ้นราวกับรู้ความคิดของฉัน เขาอ่านสีหน้าฉันออกหรือเขาอ่านความคิดฉันออกกันแน่เนี่ย หรือว่าเขาจะเป็น ดรัมญาณทิพย์~ สมองฉันไปดาวพลูโตแล้วเย้~ ฉันว่าฉันควรพักผ่อนสมองบ้างแล้วล่ะไม่งั้นสมองฉันมันจะต้องบินออกนอกจักรวาลแน่ๆ

“ฉันฟังหรอกน่า”ฉันพูดพร้อมกับสะบัดหน้าหนี แต่ว่ามันคงแรงเกินไปจนคอฉันดัง กร๊อบ ถามว่ารู้สึกยังไงบอกได้เลยว่าเจ็บ แต่ตอนนี้ฉันต้องเก๊กว่าไม่เป็นไร ฉันสบายดี~(หรอ?) แต่ว่าจะให้หันข้างคุยกับเขามันคงไม่ดีเท่าไหร่เพราะในคู่มือจีบผู้ชายบอกว่าเวลาคุยกับเขาเราควรให้ความสำคัญกับเขา ฉันจึงต้องหันหน้าไปหาเขาอย่างช่วยไม่ได้ ฉันต้องจีบเขาให้ได้เพื่ออนาคตอันสดใสในรั้วมหาลัย~

“ถ้างั้นคุณต้องรู้สินะครับว่าอยู่ที่ไหน”ดรัมถามฉันพร้อมกับยักคิ้วข้างขวาให้ฉันหนึ่งครั้ง เขาดูเท่ห์จังเลย~(ประชด) เขาต้องการกวนประสาทฉันมากกว่า แต่จะว่าไปฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามหาลัยที่ไหน เพราะฉันไม่เคยสนใจเลย แต่ตอนนี้ฉันคงต้องสนใจแล้วล่ะ

“คุณไม่ได้ฟังจริงๆสินะ”อีตาบ้าดรัมพูดพร้อมกับถอนหายใจ จะถอนหายใจทำไมไม่ทราบ!

“งั้นก็ช่วยไม่ได้ ผมจะไปกับคุณเองก็แล้วกัน”หมอนี่พูดจบเขาก็จับมือฉันลากออกมาทันที นี่กล้าดียังไงมาจับมือฉันน่ะหะ! แต่จะว่าไปทำไมมือเขาใหญ่กว่าฉันขนาดนี้ ตัวเขาเองก็รู้สึกว่าจะใหญ่ขึ้นด้วย นี่ฉันเป็นอะไร~ ทำไมฉันไม่ขัดขืนหมอนี่เลยล่ะ~ แล้วเพราะอะไรฉันถึงได้รู้สึกดีที่หมอนี่จับมือฉันกันเล่า~ และแล้วในที่สุดฉันก็ถูกหมอนี่พามาที่รถBMWสีน้ำเงินเข้มแสนบาดตาของเขา

“คุณเข้าไปนั่งสิ”เขาเปิดประตูให้ฉันพร้อมกับผายมือเชิญฉันเข้าไปนั่งข้างคนขับ ฉันเข้าไปนั่งตามคำเชิญของเขาอย่างว่าง่าย นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับฉันเนี่ย~ ปกติฉันไม่ทำตามใครง่ายๆนี่นา ทำไมฉันทำตามหมอนี่ง่ายๆได้ยังไงกัน~ เขาขึ้นรถฝั่งคนขับก่อนจะสตาร์ทรถแล้วขับออกไป เขาเป็นคนขับรถนิ่มมากๆไม่กระชากเหมือนคนอื่นขับเลย ฉันมองออกไปนอกหน้าต่างที่ตอนนี้มีเมฆครึ้มๆราวกับฝนจะตก บรรยากาศตอนนี้มันดีมากๆเลย ลมคงจะเย็นมากแน่ๆนานแค่ไหนแล้วนะที่ฉันไม่เคยได้รับลมธรรมชาติกับบรรยากาศแบบนี้ จู่ๆกระจกก็เลื่อนลงจนสุดแถมความเร็วของรถยังช้าลงด้วย ฉันหันหน้าไปมองคนเปิดกระจกให้ เขายิ้มให้ฉันพร้อมกับเอามือลูบหัวฉันเบาๆหนึ่งครั้ง ทำไมหัวใจฉันถึงเต้นแปลกๆนะ ฉันเลิกสนใจเขาแล้วหันหน้าออกไปรับลม ลมเย็นๆปะทะใบหน้าของฉันมันทำให้ฉันรู้สึกดีมากๆ

“คุณนี่เหมือนปอมเมอเรเนียนเลย”จู่ๆคนที่เงียบไปตั้งนานก็พูดขึ้นมาทำลายความเงียบในรถและทำลายบรรยากาศที่ฉันกำลังดื่มด่ำอย่างมีความสุขด้วยการบอกฉันว่าฉันเหมือนน้องหมา!

“นายว่าไงนะ”ฉันหันไปเหวี่ยงใส่เขาพร้อมกับจ้องหน้าเขา

“ผมบอกว่าคุณเหมือน ปอมเมอเรเนียน คุณได้ยินไม่ชัดหรอ”เขาถามฉันเหมือนว่าฉันเป็นคนหูตึง อีตานี่ฉันล่ะอยากจับเขามาเขย่าจนเขาหมดสติจริงๆ

“นี่นายว่าฉันเหมือนน้องหมาหรอ”ฉันขึ้นเสียงใส่เขา เขากล้าดียังไงว่ามาฉัน~

“นั่นคุณพูดเองนะ”เขาพูดจบก็หัวเราะในลำคอ หนอยแน่ะอีตาบ้าฉันไม่น่าคิดจะมาจีบคนแบบเขาเลยจริงๆ

“ที่ผมบอกว่าคุณเหมือนปอมเมอเรเนียนผมหมายถึงคุณดูน่ารักต่างหาก”เขาพูดพร้อมกับลูบหัวฉัน นี่มันเหมือนตบหัวแล้วลูบหลังไม่ใช่หรอ~

“เรื่องเมื่อ...”จู่ๆเขาก็หยุดพูดไปแล้วก็ถอนหายใจ อะไรของเขาอีกเนี่ยหลายครั้งแล้วนะ

“มีอะไรนายก็พูดๆมาให้จบเลยดีกว่า”ฉันพูดพร้อมกับจ้องหน้าอย่างจริงจัง

“ถึงแล้วครับ”เขาพูดจบก็จอดรถแล้วลงรถมาเปิดประตูให้ฉัน

“ฉัน...”

“ตายแล้ว กว่าจะมาได้นะแบเญ่รีบๆเลยเธอ”ฉันยังไม่ทันได้ต่อว่าอีตาดรัมเลย ฉันโดนวิคกี้ลากออกมาก่อน แล้วพาฉันไปที่ไหนก็ไม่รู้ แล้วนี่มหาวิทยาลัยอะไรฉันก็ไม่รู้

“นี่เธอมาช้ามาก ฉันกำลังจะออกไปตามเธออยู่พอดีเลย”วิคกี้บอกกับฉันระหว่างทาง ซึ่งด้วยความที่วิคกี้ร่างเป็นชายใจเป็นหญิง ฉันจึงต้องสับขาให้ทันการก้าวเดินของเธอ มันลำบากมากๆเมื่อฉันต้องใส่ส้นตึกแล้วเดินให้ทัน

                เธอพาฉันมาที่ห้องประชุมของทางมหาวิทยาลัย(ที่ฉันก็ไม่รู้ชื่อ) มีเวทีที่ยกพื้นสูงระดับเอว ดูๆแล้วก็เหมือนห้องบอลลูมยังไงยังงั้นเลย ตอนนี้มีผู้หญิงมากมายอยู่ในห้องนั้น ซึ่งเป็นคนที่ฉันไม่รู้จักเลยสักคนเดียว

“เอาล่ะเธอก็ลองเลือกนางแบบดูแล้วกัน ถ้าถูกใจคนไหนก็จดชื่อแล้วก็เบอร์โทรศัพท์ไว้ด้วย”วิคกี้บอกพร้อมกับเดินเข้าไปหากลุ่มผู้หญิง10คนที่เธอ(น่าจะ)เป็นคนเลือกไว้ ฉันมองๆดูแล้วก็ไม่รู้เลยว่าจะเลือกใครดี ฉันกวาดสายตามองไปรอบๆกลุ่มผู้หญิงที่อยู่ในห้อง ก็เผอิญไปเจอผู้หญิงคนหนึ่งใส่แว่นตาพร้อมกับท่าทางเกร็งๆ ผิวขาวๆของเธอกับหุ่นที่ดูอวบๆ ตัวก็ต่ำกว่าฉันไม่มากกำลังยืนอยู่ที่มุมหนึ่งของห้อง

“ฉันขอชื่อกับเบอร์โทรศัพท์ด้วย”ฉันเดินเข้าไปหาเธอพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อบันทึกชื่อและเบอร์โทรศัพท์ของเธอ เธอสวยกว่าฉันตอนอยู่มัธยมซะอีก

“เอ๋?”เธอทำหน้างงๆ พร้อมกับมองไปรอบๆตัวเอง พอเห็นท่าทางแบบนั้นแล้วฉันก็อดขำกับท่าทีของเธอไม่ได้ เธอจะมองทำไมกันนะก็ตรงที่เธอยืนมีแค่เธอคนเดียว

“เธอนั่นแหละ ฉันอยากให้เธอมาเป็นนางแบบให้ฉันหน่อย”ฉันบอกจุดประสงค์พร้อมกับจ้องหน้าเธอเป็นเชิงกดดัน ในเมื่อฉันเลือกแล้วฉันก็จะเอามาเป็นนางแบบให้ได้

“ตะ แต่ว่าฉันไม่สวยนะแถมอ้วนด้วย”เธอตอบพร้อมกับก้มหน้างุด ฉันล่ะอยากโพลงออกไปเหลือเกินว่าเธอสวยกว่าฉันตอนฉันอยู่มัธยมอีก~

“หืม แต่ฉันว่าเธอสวยนะยังไงซะฉันก็จะเลือกเธอ เอาชื่อกับเบอร์มาด้วย”ฉันยื่นโทรศัพท์ไปให้เธอ เธอทำหน้าลังเล จะลังเลทำไมเนี่ย ฉันยังไม่ออกแบบชุดไม่เสร็จเลยนะ ฮือ~

“คุณไม่ได้ขี้เหร่หรอกครับ มั่นใจในตัวเองหน่อยครับ”จู่ๆอีตาดรัมก็เดินมาข้างฉันพร้อมกับพูดให้กำลังใจนางแบบที่ฉันหมายตาเอาไว้ นายทำได้ดีมาก~

“ใช่เลย บันทึกเบอร์โทรศัพท์กับชื่อของเธอด้วยนะ”ฉันส่งยิ้มละมุนไปให้เธอ ในที่สุดก็ได้มาคนนึงแล้วเย้~ เหลืออีกตั้ง10แน่ะ

“นี่ค่ะ”เมื่อเธอบันทึกอะไรเสร็จ เธอก็ยื่นโทรศัพท์ส่งมาให้ฉัน ฉันเริ่มกวาดตามองหาคนอื่นๆ และแล้วฉันก็ได้นางแบบครบ10คนจนได้ เหนื่อยใช่เล่นเลยล่ะนะกว่าจะครบ เพราะบางคนก็พูดยากมากๆ ขาดความมั่นใจในตัวเองกันสุดๆ

“นี่เธอแน่ใจหรอว่าจะเอาแบบนี้”วิคกี้เดินเข้ามาถามฉัน ทำไมเธอถึงถามน่ะหรอ เพราะนางแบบของฉันส่วนใหญ่สูงไม่เกิน160สักคน แถมบางคนก็ดูอวบๆด้วย ทำไมล่ะก็ฉันมองเห็นความสวยของพวกเธอแบบที่ใครไม่เห็นไงล่ะ ให้คริสตัลแต่งหน้าให้นิดหน่อยก็สวยกันแล้ว~

“แน่นอนสิ แบบนี้แหละดีแล้ว”ฉันตอบอย่างภูมิใจ เพราะถ้าเป็นผู้หญิงสมัยก่อนจะแต่งงานทั้งที่อายุยังน้อย และนางแบบของฉันจะต้องดูเด็กน่ารัก หรือไม่ก็จะต้องดูอวบอิ่มให้สมกับเป็นลูกขุนนาง ลูกขุนนางจะผอมแห้งไม่ได้ ในความคิดของฉัน เมื่อฉันตามล่านางแบบได้ครบ ก็ถึงเวลาที่ฉันจะกลับมหาวิทยาลัยของฉันแล้ว รวมถึงนางแบบของฉันทุกคนด้วย โดยจะมีรถตู้คอยรับส่งนางแบบทุกคนที่ถูกเลือก ฉันกับอีตาดรัมมาถึงมหาลัยก็เจอไชน์กับคริสตัลยืนรอยู่หน้าตึกคณะ

“เป็นไงบ้างไปเลือกตัวนางแบบ”คริสตัลถามอย่างตื่นเต้น คริสตัลดูตื่นเต้นแต่ฉันสิเหนื่อยใจ เพราะแต่ละคนที่ฉันเลือกนี่มันความมั่นใจในตัวเองกันอย่างล้นเหลือ(ล้นจนเหลือน้อย)

“นั่นสิๆ จะเป็นแบบไหนกันนะ~”ไชน์ก็ถามอย่างกระตือรือร้น เมื่อจบคำถามของไชน์ก็มีรถตู้มาจอดหน้าตึกเรียนของคณะฉัน7คัน นางแบบของแต่ละคนเดินลงมาอย่างเฉิดฉาย แต่รถตู้คันสุดท้ายนางแบบกลับเดินลงมาแบบก้มหน้าก้มตา แล้วก็มาหยุดยืนอยู่ข้างหลังฉัน เอิ่มไว้หน้าฉันบ้างก็ได้นะพวกเธอ~

“นี่อย่าบอกนะว่าเป็นนางแบบของเธอ”คริสตัลพูดด้วยน้ำเสียงชวนขนหัวลุก จนนางแบบของฉันทุกคนจากที่ก้มหน้าอยู่แล้วเหมือนกับตัวหดเล็กลง นี่คือการแกล้งน้องใหม่ในแบบฉบับของคริสตัล

“ว้าว ฉันขอแต่งหน้าให้พวกเขาได้ไหม”คริสตัลพูดพร้อมกับรอยยิ้มอันสดใส สดใสจนนางแบบของฉันคลายกังวลเลยทีเดียว

“ได้สิ แล้วแต่เธอเลย ขอแค่แต่งออกมาให้เข้ากับธีมงานก็พอแล้ว”พอฉันพูดจบคริสก็พยักหน้าแรงๆสองสามทีก่อนจะเดินเข้าไปกลางวงนางแบบ แล้วกอดคอนางแบบสองคน

“นี่ๆไปข้างในตึกกันดีกว่านะ ฉันจะช่วยแต่งหน้าให้พวกเธอสวยๆเอง อยากให้ถึงวันงานเร็วๆแล้วสิ”คริสตัลพูดอย่างอารมณ์ดี

“ถ้างานมาถึงเร็ว ฉันว่าเราคงตัดชุดกันไม่ทันแน่ๆ นี่ก็เหลืออีกแค่สี่อาทิตย์เอง เราจะตัดกันทันไหมนะ”ไชน์พูดพร้อมถอนหายใจ นั่นสินะฉันยังออกแบบไม่ถึงไหนเลยนี่นาให้ตายเถอะ ฉันเดินขึ้นไปที่ห้องตัดเย็บ ทุกคนรอยู่ด้านในแล้ว และคริสตัลก็ดูสนุกสนานกับการแต่งหน้าให้นางแบบของฉัน

“นี่ๆ คนนี้สวยหรือเปล่า”คริสตัลถามฉันพร้อมกับลุกมาลากฉันเข้าไปดูผลงานของเธอเอง แน่นอนว่าเธอแต่งออกมาได้สวยและเป็นธรรมชาติมากๆ

“โหใช้ได้เลยนี่ครับ”จู่ๆคนที่เงียบอยู่นานจนฉันลืมเขาไปแล้วก็พูดขึ้นข้างๆหูฉัน ฉันจึงหันหน้าไปมองและเจอกับแก้มเนียนใสของเขา เอิ่ม~ มันใกล้ไปแล้วล่ะฉันเขยิบออกมาให้ห่างจากเขา แต่ฉันยังคงมองหน้าเขาอยู่ และเขาก็หันมายิ้มให้ฉันพร้อมกับหัวเราะในลำคอ มันสนุกมากหรือไงนะที่เขาแกล้งฉันเนี่ย~

“ใช่ไหมล่ะ~”คริสตัลพูดอย่างอารมณ์ดีเหมือนกับเด็กน้อยได้ของเล่นชิ้นโปรด

“เอาล่ะฉันว่าได้เวลาวัดตัวนางแบบแล้วล่ะ”ไชน์พูดพร้อมกับเดินไปหยิบสายวัด เธอนี่รู้งานดีจัง~

“งั้นเดี๋ยวฉันคอยจดให้ก็แล้วกัน”คริสตัลเสนอตัวอย่างกระตือรือร้น

“งั้นฉันจะช่วยวัดอีกคนจะได้เสร็จเร็วๆ”ฉันเดินไปหยิบสายวัดอีกเส้นนึงมา เราแบ่งนางแบบเป็นสองกลุ่ม กลุ่มละ5คนแล้วช่วยกันวัด

“งั้นผมจะคอยจดช่วยคุณก็แล้วกัน”อีตาดรัมบอกพร้อมกับเดินไปหยิบสมุดและปากกาออกมาจากกระเป๋าของเขามาคอยจดขนาดของนางแบบตามที่ฉันวัด พอเราวัดขนาดตัวนางแบบเสร็จ นางแบบของฉันก็พากันกลับมหาวิทยาลัย ส่วนฉันกับดรัม คริสตัล และ ไชน์อยู่ช่วยกันออกแบบเสื้อผ้าจนถึงเย็นจนครบ นี่ก็ถึงเวลาที่พวกเราจะต้องแยกย้ายกันกลับบ้านแล้วล่ะ

“เจอกันพรุ่งนี้นะ”คริสตัลบอกพร้อมกับโบกมือบ้ายบาย

“ฉันมีนัดต่อ เจอกันพรุ่งนี้”แล้วไชน์ก็เดินออกไปอีกคน เหลือฉันกับตาบ้ามือกลองสองคน

“ไปทานข้าวกันไหมครับ พรุ่งนี้”ดรัมถามฉันที่กำลังเก็บของ พอฉันเก็บของเสร็จฉันก็หันหน้าจะไปตอบเขา ก็เจอกับใบหน้าหล่อๆแก้มเขาเนียนใสมากๆ แล้วหัวใจฉันเป็นอะไรหรอถึงได้เต้นผิดจังหวะแบบนี้~

“คือ ถ้าฉันตัดชุดแรกเสร็จทันน่ะนะ”ฉันตอบเขาพร้อมกับเอนตัวหนี เขาก็เอนตัวเข้าหาฉันเรื่อยๆ

“ว่าแล้วว่าน้องแบเญ่ยังไม่กลับ”และแล้วก็มีเสียงสวรรค์มาช่วยไว้ ไม่ใช่ใครที่ไหนพี่โจซิสสุดหล่อนั่นเอง แต่ว่าอีตาดรัมก็อารมณ์เปลี่ยนทันที จากเมื่อกี้ที่เขายังร่าเริงตอนนี้กลับเย็นชาไปเฉยๆ

“ใช่ค่ะ แต่กำลังจะกลับแล้ว”ฉันตอบพี่โจซิส พร้อมกับลุกขึ้นยืน

“ผมขอตัว”ดรัมเดินออกไปแล้วแต่ทำไมหัวใจฉันมันรู้สึกหนักๆยังไงก็ไม่รู้สิ

“ให้พี่ไปส่งที่รถนะครับ”พี่โจซิสพูดพร้อมกับส่งยิ้มละมุนมาให้ฉัน ซึ่งฉันเองก็พยักหน้า

“ส่งกระเป๋ามาครับเดี๋ยวพี่ช่วยถือ”พี่โจซิสยื่นมือมาตรงหน้าฉัน ฉันจึงส่งให้พี่เขาอย่างว่าง่าย พอถึงที่รถฉันก็บอกลาพี่โจซิสแล้วก็ขับรถกลับบ้าน พรุ่งนี้ยังมีงานใหญ่รออยู่ และวันนี้แผนการจะจีบอีตามือกลองกังไม่เป็นท่า ฮือ~

___________________________________________________________________________

ไม่ได้ลงนานมากๆพึ่งแต่งจบอ่านะ ตอนที่5เข้าไปแล้วแง้วๆ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา