[Lips's Blood Series] Charm Blood

8.0

เขียนโดย SunSpot

วันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2560 เวลา 14.35 น.

  7 chapter
  7 วิจารณ์
  7,783 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 17.22 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) 재원Charm Blood 5

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

재원Charm Blood  5

 

ตำนานแวมไพร์มีมานานนับพันปีเรียกว่าอยู่คู่กับประวัติศาสตร์ของมนุษย์ก็ได้ ไม่ว่าจะในตำราเล่มไหนที่มีบันทึกเกี่ยวกับแวมไพร์มักจะบันทึกไว้ว่า แวมไพร์นั้นได้มีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างหน้าตาให้คล้ายกับมนุษย์เพื่อที่จะแฝงตัวเข้ามาใช้ชีวิตร่วมกับมนุษย์ได้อย่างไม่มีปัญหาเมื่อ ทั้งยังปรับรูปแบบชีวิตของพวกเขาออกมาใช้ชีวิตในตอนกลางวัน มีภูมิต้านทานสำหรับแดดที่จะแผดเผาร่างของพวกเขา นอกจากนี้พวกเขาก็ยังมีร่างที่แท้จริงของตนเองซ่อนอยู่…..ซึ่งร่างที่แท้จริงนั้นแม้เพียงมองผ่านแค่หางตาก็สามารถทำให้รู้ได้ว่าพวกเขานั้นไม่เหมือนเดิม และเหตุผลหลักที่ทำให้เหล่าแวมไพร์เปลี่ยนร่างหนึ่งในนั้นก็คือ……..

 

เลือด…….

เลือด…….

เลือด……

 

ใช่สิ่งนั้นแหละที่ทำให้ฉันสติขาดทันที เมื่อผู้หญิงคนนั้นมีเลือดออกมากขึ้นเรื่อย ตอนนี้ตัวฉันสั่นไปหมด แน่นอนฉันรู้ว่ามันกำลังจะเกิดอะไรขึ้น แต่ตอนนี้ฉันหยุดมันไม่ได้…….หยุดไม่ได้จริงๆ

 

ตึกๆๆ

 

ฉันค่อยๆเดินเข้าไปหาผู้หญิงคนนั้นอย่างช้า ปกติฉันก็ไม่ดูดเลือดจากเพศเดียวกันหรอกนะมันรู้สึกน่ารังเกียจ แต่ตอนนี้ดูเหมือนร่างกายฉันจะไม่ปกติแล้ว ฉันทนต่อความอยากนี้ไม่ไหวแล้ว

 

สวบ หมับ!!

 

          “คุณจะไปไหนน่ะ คุณคิมแจวอน“ อยู่ๆก็มีคนเข้ามากอดฉันจากด้านหลัง อะไรเนี่ยน่ารำคาญชะมัด เกะกะ

          “ปล่อยฉัน อย่ามายุ่ง!! “ ฉันหันไปแยกเขี้ยวใส่คนด้านหลัง ตอนนี้ฉันไม่สนแล้วว่าจะเป็นใคร ฉันต้องได้ดื่มเลือดนั่น!!

          “นะ…นี่คุณ……ไม่ได้นะคุณจะทำแบบนี้ไม่ได้ นี่มันอยู่ในระหว่างโปรโมตนะ“

          “ออกไปให้ห่างฉัน ถ้ายังอยากมีชีวิตอยู่ นี่คือคำเตือน“

            “ผมไม่สนอะไรทั้งนั้น มากับผมเดี๋ยวนี้“

            “ปล่อยฉัน!!! “

 

@ห้องแต่งตัว

 

            “นี่คุณเป็นบ้าอะไร คิดจะทำอะไรกับผู้หญิงคนนั้น“ ไอ้บ้าที่ลากฉันออกมาจากเวทีพูด

            “ฉันเตือนแล้วนะว่าอย่ามายุ่ง!!!! “

            “ก็เอาสิจะทำอะไรผม ทำเลยสิ“

            “อย่ามาท้าฉัน!! “

 

ผลัก โครม!!

 

            “โอ้ย!“

            “เกิดอะไรขึ้น!!!…..คิมแจวอนนี่แก……“ เจ๊ยองอึนทำหน้าตาตื่นวิ่งเข้ามา ก่อนชะงักไป

            “ฉันบอกแล้วไงว่าอย่ามายุ่งกับฉันถ้ายังอยากมีชีวิตอยู่ต่อ“ ฉันพูดพร้อมกับเดินเข้าไปใกล้ผู้ชายคนนั้น

            “จะไม่ให้ยุ่งได้ยังไงก็ผมเป็นผู้จัดการคุณนะ“ เขายันตัวลุกขึ้นจากพื้น

            “พูดบ้าอะไร อย่ามะ….“

 

พรึ่บ

พูดยังไม่ทันจบฉันก็รู้สึกเหมือนโลกทั้งใบดับวูบลง…..แต่ยังได้ยินเสียงแว่วก่อนที่จะไม่รู้สึกตัวอีกเลย

            “คุณๆๆ ทำใจดีไว้“ นั่นแหละสิ่งสุดท้ายที่ฉันได้ยิน

 

@คอนโด

 

          “อืม….“ ฉันค่อยๆขยัยตัว ทำไมรู้สึกปวดหัวขนาดนี้นะ ฉันมาอยู่ที่คอนโดได้ยังไง จำได้ว่ามีคอนเสิร์ตแล้ว…..ทำไม

          “ตื่นสักทีนะ“ อยู่ๆก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น ฉันจึงหันไปทางต้นตอของเสียงนั้น

          “คุณ….เป็นใคร“ ฉันถามออกไป ทำไมถึงได้มึนหัวขนาดนี้นะ

        

           “เหอะ น่าประทับใจจังเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงเธอก็ลืมผมแล้วเหรอ“ เขาพูดพร้อมเดินเข้ามาใกล้ ทำให้ฉันเห็นใบหน้าของเขาชัดขึ้น

          “ นาย…..มินคังซู?? “

          “จำได้แล้วสินะ แล้วนี่รู้สึกดีขึ้นรึยัง??“ เขาค่อยๆทิ้งตัวนั่งลงบนที่นอนของฉัน

          “นายมาทำอะไรที่นี่ งานของนายเริ่มพรุ่งนี้นี่“ ฉันพูดออกไปอย่างสงสัย

          “ก็นี่มันวันทำงานของผมไง แหกตาดูนาฬิกาบ้าง“ เขามองหน้าฉันอย่างไม่พอใจพร้อมหันหน้าไปทางนาฬิกาที่ติดอยู่ที่ผนังห้องฉัน หืมสิบโมงเช้าเหรอเนี่ย เกิดอะไรขึ้นทำไมมจำอะไรไม่ได้เลยแหะ

      

          “แล้วใครอนุญาติให้นายเข้ามาในห้องฉันไม่ทราบ“

          “ก็พี่ยองอึนไง จบนะแล้วนี่รู้สึกไม่สบายตรงไหนอีกรึเปล่า“ เขาพูดพร้อมมองมาที่ฉัน

          “ไม่เป็น…..ปากนายไปโดนอะไรมา “ ฉันถามด้วยความตกใจ ไม่ใช่เพราะฉันเป็นห่วงอะไรหมอนี่หรอกนะ แต่รอยที่ปากเขามันเหมือนถูกแวมไพร์ดูดเลือดมาและยังไม่โดนลบแผลออกไป แน่นอนว่าถ้าแผลยังไม่ถูกลบนั่นหมายความว่าความทรงจำก็จะไม่ถูกลบไปเช่นกัน

        

            “………..“

          “บอกฉันมาเดี๋ยวนี้ เกิดอะไรขึ้นเมื่อวานนี้“

          “เธอก็แค่หมดสติไปขณะขึ้นคอนเสิร์ตอยู่ แล้วเมื่อวานผมก็ไปดูคอนสิร์ตเธอเลยพาเธอกลับมาที่คอนโด ก็เท่านั้นแหละ“ เขามองฉันด้วยสายตาที่สั่นไหวเล็กน้อย

          “ฉันรู้ว่ามันไม่ได้มีแค่นั้น ฉันไม่เป็นคนที่จะเป็นอะไรง่ายๆแบบนั้น ยกเว้น แล้วสรุปมันเกิดอะไรขึ้นกับนาย“ ฉันถามออกไป เท่าที่ฉันนึกได้ฉันก็พอจะโยงเรื่องได้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา แน่นอนว่ารอยที่ปากเขามันต้องมาจากฉันอย่างแน่นอน

        

          “ไม่มีอะไรหรอกน่า อย่ามาถามนู่นนี้เยอะแยะสิ“

          “นาย…..รู้แล้วใช่ไหมว่าฉันเป็นอะไร“

          “………..“

          “ตอบฉันมาเดี๋ยวนี้ นายรู้แล้วใช่ไหมว่าฉันเป็นอะไร“

          “อืม….“ เขาตอบกลับมาสั้นๆ

          “ไม่กลัวฉันรึไง ถึงยังเสนอหน้ามาอยู่ตรงนี้อีกเนี่ย“ ฉันถามออกไป ฉันไม่เคยเจอคนแบบหมอนี่มาก่อนเลย ทำไมหมอนี่ถึงไม่ได้ดูกลัวหรือตกใจอะไรเลยล่ะ

        

            “ก็มีบ้างอ่ะ แต่ผมเป็นผู้จัดการเธอนะผมมีสิทธิที่จะรู้ และผมรับมันได้“ เขาตอบออกมาด้วยสีหน้าที่จริงจัง

          “แล้วตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ยที่นายเลิกพูดกับฉันด้วยภาษาทางการ ฉันแก่กว่านายเยอะนะบอกเลย“ ฉันบอกออกไปอย่างขัดหูนิดหน่อย อายุก็น้อยกว่าฉันสนิทก็ไม่ใช่ทำไมถึงมาพูดหยาบคายอย่างนี้นะ(***ที่เกาหลีคนที่ไม่สนิทกันจะพูดกันด้วยภาษาทางการ เพื่อเป็นการให้เกรียติฝ่ายตรงข้าม****)

         

           “ทำไม อีกหน่อยเดี๋ยวก็สนิทกันไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย“ เขายักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะเดินสำรวจห้องฉัน

          “แล้วนี่วันนี้ฉันไม่มีตารางงานรึไง“ ฉันถามออกไปเมื่อรู้สึกว่าสติอยู่ครบเรียบร้อยแล้ว และเพื่อไม่ให้เขาเดินสำรวจห้องของฉันมากกว่านี้เพราะในห้องของฉันก็มีสิ่งที่ไม่ควรให้ใครเห็นน่ะสิ

          “ยกเลิกไปหมดแล้ว อ่อแล้วก็พี่ยองอึนกำลังไปเคลียกับตารางที่เหลือทั้งหมดของเดือนนี้ เพราะต้องจัดใหม่ทั้งหมด เขาเลยให้ผมมาอยู่กับคุณ ทั้ง-วัน“

        

            “หะ!! ทั้งวันนายจะบ้าเหรอ ฉันดีขึ้นแล้วกลับบ้านนายไปได้แล้วไป“

          “จะให้ผมกลับบ้านทั้งที่สภาพปากเหมือนมีคนมาเจาะปากอย่างนี้อ่ะนะ“ เขาพูดพร้อมชี้ปากตัวเอง เออจริงสิฉันควรจะลบความทรงจำเขาไปด้วยเลยว่าฉันเป็นใคร

          “แล้วถ้าไม่หายนายจะอยู่ที่นี่ตลอดเลยรึไง?? “ ฉันถามเขาออกไป บ้ารึเปล่าหาข้ออ้างอะไรเห่ยชะมัด ใส่ผ้าปิดปากแล้วเดินออกไปก็จบล่ะ ทำมาอ้างเหอะ!!“มานี่สิ“ ฉันเรียกเขาให้กลับมานั่งที่เตียงอีกครั้งเพื่อมาลบรอยแผล ไม่งั้นหมอนี่ก็คงอ้างเรื่องแผลไม่ยอมกลับไปอีก

         

           “จะทำอะไร“ เขาพูดพร้อมทำหน้าระแวงแต่ก็เดินมานั่งแต่โดยดี

          “ก็จะลบรอยนั่นให้ไง“

          “ยังไงล่ะ?? “ เขาทำหน้าสงสัยสุดๆ จนทำให้ฉันรู้สึกอดขำไม่ได้

          “หึหึ นายคิดว่าฉันเป็นใคร ฉันสร้างรอยได้ฉันก็ต้องลบรอยนั่นได้สิ“ ฉันพูดพร้อมจ้องหน้าเขา ดูเหมือนประโยคเมื่อกี้จะทำให้เขาหน้าแดงขึ้นมานิดหน่อยแต่ก็แค่นิดหน่อยเท่านั้นแหละ

          “นั่นสินะผมก็ลืมนึกไปถึงเรื่องนั้น แล้วมันต้องทำยังไงล่ะ“

          “หึ…….นายน่ะแค่อยู่เฉยๆก็พอ :) “

 

                                                                      โปรดติดตามตอนต่อไป

 -----------------------------------------------------------------

SUNSPOT TALK

จบกันไปแล้วเด้อสำหรับตอนที่5 ถ้าชอบก็อย่าลืมคอมเม้นท์ให้กำลังใจไรท์ด้วยน้า รักนักอ่านทุกคนเลยนักอ่านเงาก็ด้วย จุ๊บบ

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา