MAYA มายา

7.3

เขียนโดย โชฒิกากราณ์

วันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 เวลา 16.50 น.

  23 chapter
  0 วิจารณ์
  38.71K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 18.02 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

16) เกมที่ตามไม่ทันและการร้องขอ I

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

               เสียงเรียกซ้ำๆ เป็นผลให้รันลณีตื่นจากภวังค์ บุคคลที่นั่งตรงข้ามถอนหายใจออกมาก่อนจะมองไปยังข้าวในจานที่ยังเหลืออยู่เกือบเต็ม ส่งสัญญาณให้เธอรีบจัดการมันซะ รันลณีละสายตาออกจากโทรศัพท์ก่อนจะจัดการข้าวที่อยู่ในจานนั้น ทุกครั้งที่เธอว่างจากการทำงาน เพียงสิบนาทีหรือน้อยกว่านั้น มือบางจะต้องคว้าโทรศัพท์เพื่ออ่านนิยายปรัมปราที่ชื่อ ‘แม่มดแห่งกอร์กอน’ นั่นเสมอ หลังจากที่ค้นเจอหนังสืออิเล็กทรอนิกส์หน้าตาเหมือนอย่างที่เธอเคยมีบนเว็บไซต์หนึ่ง และเธอไม่ลังเลที่จะซื้อมันเก็บมาอ่าน

              “ให้ตายเถอะ ไม่ยักรู้ว่าน้องรันติดโทรศัพท์” โฉมฉายนั่งมองหญิงสาวที่กำลังจ้วงข้าวเข้าปากอย่างรีบร้อนเมื่อรู้ว่าเหลือเวลาพักอีกเพียงสิบนาที แต่สายตาก็ยังคงไม่ละจากโทรศัพท์นั่น

              “รันติดหนังสือค่ะ เรื่องนี้สนุกดีนะคะ” หญิงสาวยื่นโทรศัพท์ให้คนตรงหน้า โฉมฉายรับมาเปิดเลื่อนดู

              “เอ๋” โฉมฉายขมวดคิ้ว

              “เรื่องนี้โฉมเคยอ่านด้วยแหละค่ะ” ประโยคนั้นทำให้รันลณีตาโต

              “จริงหรอคะ”

              “ค่ะ ดูเหมือนในห้องพักโฉมก็เอาติดมาด้วย เดี๋ยวเราแวะไปเอาที่ห้องโฉมนะคะ น้องรันอ่านในนี้เสียสายตาแย่” โฉมฉายคืนสมาร์ตโฟนให้กับคนตรงหน้าที่กำลังยิ้มร่าอยู่ในตอนนี้

 

              ไม่นานหลังจากเสร็จจากงาน รันลณีก็ปรากฏตัวอยู่ที่หน้าห้องของจิตแพทย์สาว เวลาสิบนาทีที่เหลือเมื่อตอนเที่ยงวันหมดไปกับการจัดการอาหารของตัวเองและกลับเข้าปฏิบัติหน้าที่ จนไม่สามารถแยกตัวออกมาตามที่โฉมฉายบอกไว้ก่อนหน้านี้ได้ แทนคุณแยกไปที่ห้องของตัวเองในทันทีที่เสร็จจากงาน และเขาก็ทำตัวปรกติกับเธอเหมือนเช่นทุกวัน

              “น้องรันนั่งตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวโฉมจะไปค้นมาให้ น่าจะอยู่ด้านบน ต้องไปหาดูก่อน”

              “ให้รันช่วยหานะคะ”

              “แต่ข้างในรกนะ”

              “ไม่เป็นไรค่ะ รันช่วยหานะ” โฉมฉายพยักหน้าเชิงอนุญาต ก่อนจะดึงประตูเล็กๆ ให้ตกลงมา โฉมฉายปีนขึ้นไปก่อนตามด้วยรันลณี ห้องเก็บของมีขนาดค่อนข้างเล็ก แต่ของที่ต่างๆ ถูกวางไว้อย่างเป็นระเบียบทำให้ไม่ดูรก

              ชั้นวางหนังสือชั้นใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ริมกำแพงห้อง ทั้งชั้นถูกอัดไปด้วยหนังสือเล่มเล็กใหญ่ ข้างๆ กันนั้นยังมีหนังสือที่กองไว้สูงอีกสองสามกอง รันลณีเจอกับหนอนหนังสือตัวบึกเข้าแล้ว

              “ความรู้ใหม่”

              “หืม”

              “ก็รันเพิ่งรู้ว่าคุณโฉมชอบอ่านหนังสือขนาดนี้” โฉมฉายหัวเราะเสียงใส           

              “อยู่คนเดียว ถ้าเบื่อหรือว่างๆ ก็มีหนังสือนี่แหละคะ ช่วยชีวิตไม่ให้เหงาบ้าง”

              “คุณโฉมไม่คิดจะหาใครมาอยู่ข้างๆ แทนกองหนังสือพวกนี้บ้างหรอคะ” รันลณีพูดมองคนตรงหน้าที่นั่งคัดหนังสืออยู่อย่างไม่ได้สนใจความหมายในประโยค

              “อืม…” โฉมฉายยิ้มมุมปาก

               “ก็หาๆ อยู่เหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่า เขาจะอยากมาแทนหนังสือกองโตพวกนี้หรือเปล่า”

               “คุณโฉม คุณไม่บอกรันเลย” รันลณีจิ้มไปที่แขนคนที่ยิ้มกริ่มอย่างเอ็นดู ดีใจที่จะมีใครสักคนมาดูแลเธอบ้าง

               “โฉมไม่กล้าบอกใครหรอกค่ะ โฉมยังไม่แน่ใจว่าใครต่อใครจะอยู่ข้างๆ โฉม ในวันที่รู้ความจริง รู้เรื่องบ้าๆ นี่” เธอยิ้มบางซ่อนความรู้สึกที่หน่วงที่ผุดออกมานั้นให้อยู่ลึกที่สุด

              “คุณไม่จำเป็นต้องเผชิญหน้ากับเรื่องร้ายๆ ด้วยตัวคนเดียวนะคะ และไม่ใช่คุณคนเดียวที่ยืนอยู่จุดนั้น เราจะช่วยกันหลุดพ้นจากเรื่องบ้านี่ รันเชื่อ เขาคนนั้นจะต้องรักคุณ ที่คุณเป็นคุณ” รันลณีพูดสีหน้าจริงจัง คนตรงหน้าไม่พูดอะไรมีเพียงรอยยิ้มที่แต้มบนใบหน้านั้นที่มอบให้แทนคำตอบ รันลณีเปลี่ยนหัวข้อสนทนาให้เกี่ยวกับหนังสือที่ตั้งสูงอยู่นี่เพื่อเลี่ยงสถานการณ์ที่น่าหดหู่ และมันก็เป็นไปตามคาด บทสนทนาที่เรื่อยเปื่อยมาจนสุดทางเมื่อมือหยิบกระดาษม้วนใหญ่ที่อยู่ในกล่องข้างตัว เธอกางมันออกอย่างวิสาสะ ปรากฏภาพวาดที่ลงด้วยดินสอสีดำ ลายเส้นที่คุ้นตากับรูปที่เธอเคยเห็น

              ภาพปีศาจร้ายเมดูซ่า ถูกขีดเขียนออกมาอย่างประณีตและมีศิลปะ

              “สวยจัง” โฉมฉายละสายตาจากหนังสือถือไว้ในมือหันมองต้นเสียงนั่น

              “คุณวาดเองหรอคะ”

              “ไม่ใช่ของโฉมหรอกค่ะ มันเป็นของฝัน เธอได้เป็นของขวัญวันเกิดเมื่อสมัยเรียน” รันลณีเลื่อนมองมุมล่างของขอบกระดาษ มีลายเซ็นของผู้วาดอยู่ ดูเหมือนมันจะเป็นของขวัญจริงๆ

              “มันคงมีค่ามากสำหรับคุณ กับคุณฝัน”

              “ค่ะ ฝันเคยติดมันไว้ในห้องนอนด้วย มันคงติดมาตอนที่โฉมขนของ” โฉมฉายพูดอย่างไม่ได้ติดใจอะไร พลางเม้มปากอย่างน่ารักก่อนจะกลับไปสนใจกองหนังสือที่อยู่ตรงหน้าต่อ ขณะที่รันลณียังคงมองภาพนั้น ดูเหมือนมันจะดึงดูดเธอมากๆ ถ้าไม่ติดว่าเป็นของน้องสาวคนตรงหน้า เธอคงขอเอากลับบ้านไปแล้ว

              “อ๊ะ เจอแล้ว” โฉมฉายยื่นหนังสือเล่นโตให้กับรันลณี หญิงสาวยิ้มรับเมื่อพบสิ่งที่ตามหา เล่มนี้ดูใหม่กว่าเล่มที่เธอเคยมี อาจเป็นเพราะเจ้าของดูแลดีกว่า เธอพลิกเปิดหนังสือดูหน้าที่อ่านค้างไว้ขณะที่โฉมฉายขอตัวลงไปด้านล่างเพราะเสียงโทรศัพท์บวกกับเสียงเคาะประตูอย่างหนักๆ นั้นเรียกให้เธอลุกออกไป

 

              รันลณีมีความคิดที่ว่าจะขอยืมหนังสือเล่มอื่นๆ ของโฉมฉายไปด้วย เธอมีเรื่องที่สนใจอยู่สองสามเล่มหลังจากที่ได้อ่านปกหลังมัน

 

              กึก กึก…

 

              กึก กึก…

 

              กึก กึก…

 

              ความเยือกเย็นแผ่ซ่านในร่างกายของหญิงสาวอย่างรวดเร็ว เธอเกือบลืมหายใจเมื่อได้ยินเสียงที่ไม่อยากได้ยิน

 

 

              “รัน!!!” เสียงของโฉมฉายที่ตะโกนเรียกเธอ เป็นผลให้เธอลุกขึ้นทันที ละทิ้งทุกอย่างลงไปด้านล่างอย่างรวดเร็ว

 

              แทนคุณโผล่กอดเธอจนคนตัวเล็กเกือบหายใจไม่ออก รันลณีหวาดกลัวเกินกว่าจะมาดีใจกับการกระทำใดๆ ในตอนนี้

              “เธอรู้แล้ว เธอรู้มาตลอด”

              “คุณอัปสร…” แทนคุณก้มหน้าอย่างเจ็บปวด เดาไม่ยากว่าเกิดอะไรขึ้น

              “ออกไปก่อน ออกไปจากที่นี่ ขอร้องล่ะ” โฉมฉายพูดเบาก่อนจะลากทั้งสองออกไปจากห้องโดยไม่สนคำปฏิเสธของคนตัวโต

              “โฉมผมจะอยู่”

              “ออกไป”

 

              สิ้นเสียงที่เด็ดเดี่ยวนั้นประตูห้องก็ปิดลง แต่ก็ไม่ได้เป็นปรกติสำหรับรันลณีเมื่อรอบตัวมีแต่ความเงียบและความมืดเข้าปกคลุม เร็วกว่าความคิด ทั้งสองหล่นลงไปไปพร้อมกับความมืดคล้ายกับกำลังตกเหว รันลณีรู้สึกตัวเมื่อสัมผัสความชื่นที่คุ้นเคย

 

              ‘คุณต้องไม่กลับไปที่นั่น ถ้าเธอเจอคุณ เธอจะฆ่าคุณ’

เสียงของแทนคุณย้อนเข้ามาให้หัวอีกครั้ง นั่นหมายถึงเธออาจจะไม่ได้กลับขึ้นไปอีก

 

 

              “อย่าขี้โกงสิ” รันลณีพูดออกมาด้วยความรู้สึกแพ้อย่างราบคาบ ฉุดตัวเองให้ลุกขึ้นมองรอบกายที่เต็มไปด้วยความมืด แทนคุณ โฉมฉาย พวกเขาอยู่ที่ไหนกัน

              “ก็ไม่ยอมเดินเกมเอง ไม่ยอมเล่น ก็แพ้ไปสิ” เสียงแหบแห้งแล่นเข้าสู่ประสาทสัมผัส รันลณีหลับตาลงพร้อมสู้ ไม่ว่าจะกำลังสู้อยู่กับอะไรก็ตาม

              “ออกมาสิ อย่าหลบ อย่าเล่นทีเผลอ เพราะถ้าแกชนะมันก็จะได้มาอย่างไม่ใสสะอาด”

              “ก็ขอแค่ชนะ ใครจะสนว่าสะอาดหรือไม่สะอาด ใครจะเป็นคนตัดสิน ในเมื่อผู้ตัดสินยังเล่นไม่ซื่อ” เสียงแหบกังวานไปทั้งสถานที่ นับเป็นครั้งแรกที่รู้สึกถึงการมีตัวตน ไม่ได้มาเพื่อปั่นประสาทเหมือนครั้งก่อนๆ ครั้งนี้เต็มไปด้วยสงครามเย็นเช่นมนุษย์

              “แสงสว่างนั้น เห็นมันไหม ถ้าไปถึงก่อนเรา เราจะไว้ชีวิต” ไกลออกไปเกือบสุดทางเดินที่ชื้นแฉะ มีแสงสว่างส่องผ่านออกมา รันลณีเริ่มเดินกึ่งวิ่งในทันทีอีกคนออกปาก ทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องเดินตามเกมของมัน

              รันลณีใช้มือข้างหนึ่งลากไปตามกำแพงชื้นนั้นไปด้วย เสียงหัวเราะที่ตามหลังดังก้องอยู่ในหัวอย่างน่าขนลุก ห้องกรงขังที่ครั้งหนึ่งเคยเข้าใกล้ในตอนนี้ว่างเปล่า รันลณีเร่งฝีเท้าเมื่อมองเห็นแทนคุณยืนอยู่เบื้องหน้า แต่ไม่ว่าเธอจะวิ่งหรือเดินอย่างไรก็ไม่ถึงเป้าหมายสักที มีเพียงความเหนื่อยละล้าที่ได้รับ

              คนโง่เท่านั้นที่จะเดินตามเกมของผู้คิดเกม

 

              และเธอมันโง่

 

              “ใช่ โง่เง่า” รันลณีหยุดเดินพลางหายใจหอบ สติที่มีทำให้พบว่าตัวเองยังคงอยู่จุดเริ่มต้น

              “แกแพ้แล้ว” เสียงแหบแผดออกมาพร้อมกับเจ้าของร่างที่น่าขยะแขยง ใบหน้านั้นเลื่อนเข้ามาใกล้เกือบชิดกับใบหน้าของรันลณี รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยคราบเลือดนั้นถูกมอบให้แก่เธอ ดวงตาสีแดงก่ำข้างนั้นเล่นเอาคนตรงหน้าแทบหยุดหายใจ

              “แกต่างหากที่แพ้” เสียงแข็งที่สัมผัสถึงความกลัวนั้นถูกเปล่งออกมา

              “มองมาสิ ตาของแกไม่เคยมีแสงสว่าง แต่ฉันมีเพราะงั้น ฉันชนะ และแกแพ้แล้ว”

                        ก็แค่เล่นไปตามเกม ที่บิดเบี้ยว…

 

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา