บุรุษวิปริต สตรีวิปลาส

7.3

เขียนโดย DontAddMe

วันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 เวลา 10.03 น.

  9 บท
  0 วิจารณ์
  9,321 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 17.24 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

6) บุตรีดยุกนั้นขี้หงุดหงิด

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก

บทเรียนที่ ๖    บุตรีดยุกนั้นขี้หงุดหงิด
 
 
 
 
นางหงุดหงิดนัก
 
 
นางหงุดหงิดนัก
 
 
นางหงุดหงิดนัก
 
 
 
 
บุตรีดยุกนั้นขี้หงุดหงิด
 
 
ไ่ม่ว่าผู้ใดในปราสาทของท่านดยุกล้วนเห็นตรงกัน
 
 
ไม่ว่านางจะเดินไปที่ใด ผู้คนทั้งหลายล้วนกระจัดกระจายหลบหนีโดนพลัน หาไม่แล้วนางจะหาเรื่องจับผิด เพื่อนำความหงุดหงิดของตนมาอาละวาดใส่ ตั้งแต่เด็กเก็บมูลม้ายันท่านพาราดินล้วนกลายเป็นเครื่องรองรับอารมณ์ของนางโดยไม่แบ่งแยก 
 
 
ครั้งหนึ่งนางไม่พอใจรสชาติซุป นางถึงกับสั่งทหารให้จับหัวหน้าพ่อครัวไปทรมานในคุกใต้ดิน
 
 
ครั้งหนึ่งทหารหนุ่มบังเอิญเหยียบชายกระโปงนาง นางถึงกับสั่งให้เขาถูกจับผูกข้อเท้าแล้วใช้ม้าลากตัวถลอกไปกับพื้น
 
 
และเหตุการณ์ครั้งอื่นๆอีกที่ทำให้ชื่อเสียงด้านความอำมหิตของนางกระฉ่อนไปทั่วดินแดน คาดว่าเหล่าขุนนางคงเกรงนางย่ิงกว่าท่านดยุกเป็นไหนๆ
 
 
บุตรีของดยุกนั้นขี้หงุดหงิด
 
 
 
 
แต่นางหาได้เป็นเช่นนั้นมาตั้งแต่ต้น
 
 
 
 
ในยามเยาว์วัยนั้น ท่านมาร์ชิโอเนสตัวน้อยเป็นเด็กหญิงที่ชอบการย้ิมแย้มเป็นชีวิตจิตใจ ไม่ว่านางจะวิ่งเล่นเท้าเปล่ากลางทุ่งหญ้าหรือกระโดดเปลือยตัวลงเล่นบ่อโคลน รอยยิ้มของนางเป็นสิ่งเดียวที่ไม่เคยจางหาย...ต่างจากเสื้อผ้าของนางที่เหล่าแม่บ้านต้องช่วยกันรุมขยี้จนผ้าสีกลายเป็นผ้าขาว
 
 
ความสดใสของนางทำให้ท่านดยุกหัวใจพองโตนัก เสียงหัวเราะของนางช่วยให้ท่านหลงลืมความเหงาหงอยจากการเสียท่านดัชเชสไป บางทีท่านหญิงคนน้อยคงรู้ นางจึงไม่ยอมคลายย้ิมแม้ยามหกล้มเข่าถลอก ท่านดยุกและเหล่าเมดต่างวิ่งแจ่่นมารุมประคบประหงม แต่นางกลับเพียงหัวเราะและกล่าวว่า
 
 
“โถ่ป๊ะป๋าล่ะก็ หนูไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ แผลแค่น้ีแค่เป่าก็หายแล้ว” เด็กหญิงน้อยพูดให้ท่านพ่อผู้วิตกจริตจนเกินเหตุคลายกังวล พลางใช้ปากเป่าลมใส่บาดแผลตน
 
 
“โอม~เพี้ยง! เพี้ยง! เพี้ยง!”
 
[ฟู่!]
 
 
การรักษาแผลหลอกเด็กกลับทำให้แผลยาวสมานตัวได้จริงๆ!
 
 
คืนนั้นท่านดยุกถึงกับเปิดปราสาทจัดงานฉลองให้บุตรีมีพรสวรรค์ด้านเวทมนตร์ ขุนนางในดุกค์ด่อมต่างต้องวิ่งแจ้นขึ้นม้าเร็วมาร่วมงานเพื่อมาฟังคุณพ่อเห่อลูกสาวคุยโวโอ้อวดลูกบังเกิดเกล้าจนขึ้นวันใหม่
 
 
โดยไม่รู้เลยว่าวันนั้นจะเป็นวันสุดท้ายที่ท่านจะได้ยินเสียงหัวเราะของลูกสาวตน...
 
 
 
 
สัญญาณแรกที่ทุกคนสัมผัสได้คือการที่คุณหนูไม่ออกมาวิ่งเล่นรอบปารสาทตั้งแต่ไก่โห่เช่นที่เคยทุกเชื่อวัน แต่ทุกคนเพียงคิดว่านางเพียงเหนื่อยอ่อนจากการเต้นรำอยู่ค่อนคืนจนเหนื่ออ่อน
 
 
แต่จนมื้อเช้าผ่านพ้นไปยามสายใกล้เที่ยง ท่านหญิงน้อยกลับยังไม่โผล่หน้าออกมาจากห้องนอน ท่านดยุกจึงต้องส่งเมดไปตรวจดู
 
 
ทันทีที่เมดเคาะประตูเปิดเข้าห้อง นางถึงกับทำถาดอาหารที่ถือมาร่วงเมื่อเห็นคุณหนูผู้แจ่มใสเป็นปรกติกลับมองหน้านางด้วยสายตากินเลือดกินเนื้อ เมดสาวผู้เลิกลั่นก้มขออภัยนายหญิงน้อยก่อนย่อตัวเก็บเศษจานและอาหารบนพื้น
 
 
“ปิดประตูแล้วออกไป!” เสียงเด็กหญิงสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ
 
 
“อิฉันขออภัยเจ้าค่ะคุณหนู เดี๋ยวฉันเก็บจานแตกเสร็จแล้วจะไปยกถาดใหม่มาใ-”
 
 
 
 
 
“กูบอกให้มึงปิดประตูแล้วออกไป!!!”
 
 
 
 
 
เสียงตวาดของเด็กหญิงดังก้องทั้งชั้นปราสาท เมดสาวหน้าซีดขาวก่อนรีบปิดประตูลั่นและรีบไปเล่าสถาณการณ์ให้นายใหญ่ฟังทั้งน้ำตานองหน้า
 
 
ทันทีที่ท่านดยุกได้ฟังเรื่อง ท่านรีบสละงานในมือไปหาลูกคนเดียวของตนในทันที ที่หน้าประตูมีเหล่าหญิงรับใช้และองครักษ์รุมออกันมากมาย กระซิบกระซาบคาดเดาว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกับท่านมาชิโอเนสผู้ยิ้มแย้มเป็นนิสัย ที่ทำให้เหมือนนางเปลี่ยนเป็นคนละคน 
 
 
เมื่อท่านดยุกมาถึงท่านรีบสั่งไล่คนงานทั้งหมดออกจากบริเวณก่อนเปิดประตูเข้าห้องของลูกสาวอย่างแผ่วเบา
 
 
บนเตียงใหญ่กลางห้องมีร่างเล็กของเด็กสาวนอนดิ้นทุรนทุรายอยู่อย่างเจ็บปวด นางใช้มือเล็กๆทั้งสองข้างบีบคลึงกระหม่อมตนคล้ายต้องการบีบให้มันแหลกเละคามือไป
 
 
 
 
นับตั้งแต่วันที่ท่านมาชิโอเนสล้มป่วยลง กระหม่อมของเด็กหญิงปวดตุบๆไม่มีหยุด บางวันน้อยบางวันมากต่างกันไป แต่ไม่มีวันไหนที่ความเจ็บปวดจะจางหายไป
 
 
ท่านดยุกใช้อำนาจในมือรวบรวมหมอ นักปรุงยา และผู้ใช้เวทรักษาจากทั่วอาณาจักรมาหาทางรักษาอาการของลูกสาว แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่สามารถหาใครมาช่วยได้ ไม่มีใครหาได้กระทั่งสาเหตุความเจ็บปวดของท่านหญิงคนสำคัญ
 
 
ท่านดยุกผู้สูญเสียภรรยาที่รักยิ่งไปแล้ว ยังต้องทนมองบุตรสาวเจ็บปวดโดยที่ตนช่วยอะไรมิได้ อำนาจชี้เป็นชี้ตายคนนับแสน กลับไร้ประโยชน์เมื่อมันทำไม่ได้กระทั้งบรรเทาความทุกข์ของลูกสาว ทุกๆวันเด็กหญิงจะร้องไห้ปวดศรีษะ และทุกๆวันท่านดยุกจะทรุดโทรมลง หากปล่อยไว้ท่านดยุกคงได้จากไปก่อนแน่
 
 
แต่แล้ววันหนึ่งปาฏิหาริย์กลับบังเกิด
 
 
 
 
“โถ่ป๊ะป๋าล่ะก็ หนูไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ ปวดแค่น้ีแค่เป่าก็หายแล้ว”
 
 
“โอม~เพี้ยง! เพี้ยง! เพี้ยง!” 
 
 
 
 
 
นั่นคือคำโกหกแรกในชีวิตนี้ของนาง
 
 
 
 
***
 
 
 
 
นางหงุดหงิดนัก
 
 
นางหงุดหงิดนัก
 
 
นางหงุดหงิดนัก
 
 
 
 
ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มีแต่เรื่องน่าหงุดหงิดเต็มไปหมด
 
 
ท่านพ่อของนางเป็นดยุกที่มีจิตใจอารี เมตตาช่วยเหลือคนทุกข์ยากโดยไม่เดียจฉันท์ ทำให้ชื่อเสียงของท่านเป็นที่ยกย่องจากทั้งอาณาจักร และเป็นที่รักของปวงชนทั้งหลายในดินแดนที่ปกครอง
 
 
แต่ความอ่อนโยนของท่านทำให้เหล่าขุนนางน่าตายผู้ถือตัวมองว่าอ่อนแอ
 
 
น้ำซุปผสมยาพิษ หรือนักฆ่าที่ปลอมตัวเป็นทหารวัยละอ่อนมิอาจคลาดสายตานางได้ 
 
 
หากนางสามารถระลึกชาติได้เร็วกว่านี้แม้เพียงนิด...บางทีท่านแม่ของนางอาจได้อยู่เป็นเพื่อนคู่ชีวิตบิดา...ปลอบโยนท่านเมื่อนางไม่สามารถ...
 
 
แต่บัดนี้ท่านเหลือเพียงนาง นางจึงมิอาจตัดสบาย ท้ิงท่านไปได้ลงคอ
 
 
แม้ต้องอดกลั้นทนความเจ็บปวดทีี่รุมเร้าทุกวินาทีก็ต้องทำ
 
 
ขมับทั้งสองข้างของนางที่ปวดไม่หยุดนับตั้งแต่นางได้ความทรงจำจากชาติก่อนกลับมา ในยามกลางวันที่แสงอาทิตย์อุ่นส่องตัดฟ้า นางยังสามารถเก็บอาการไม่ให้แสดงผ่านสีหน้าและเดินเหินได้สะดวกอยู่ แต่ในยามราตรีที่สายลมหนาวพัดผ่านนั้น ความเจ็บปวดกลับเท่าทวีคูณแม้นางปิดตายบานหน้าต่างและผิงข้างกองไฟ...มันก็ไม่คลายความหนาวเหน็บที่เกาะกินสมองนางไปได้
 
 
ไม่มีคืนไหนที่นางไม่กรีดร้องโดยไร้เสียง และไม่มีคืนไหนที่นางไม่หลั่งน้ำตาจนเหนื่อยอ่อนและสลบไป
 
 
นางจึงพยายามดั้นหาวิธีรักษา หรือกระทั้งบรรเทาความเจ็บแม้น้อยนิดก็ยังดี
 
 
ท่านมาชิโอเนสใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในห้องสมุดใหญ่ปิดม่านหนาทึบ นางจะยอมออกมายามรับประทานอาหารกับท่านดยุกเท่านั้น และตลอดโถงทางเดินที่นางเดินผ่านต้องปิดประตูหน้าต่างแน่นหนา ห้ามสายลมเล็ดลอดเข้าเป็นอันขาดหากเหล่าข้ารับใช้ไม่อยากทนรับสายตาฉีกท้ึงเนื้อของคุณหญิงน้อยที่หมายหัวพวกเขาทุกคนที่อยู่ที่น่ัน
 
 
เด็กสาวผู้ชื่นชอบการว่ิงเล่นในทุ่งกว้างให้สายลมตีผ่านหน้ากลับกลายเป็นตรงข้าม สร้างความฉงงให้ผู้อาศัยในปราสาทยิ่งนัก แม้แต่ใบหน้าที่เคยยิ้มแย้มของนางกลับกลายเป็นบึ้งตึงตลอดเวลา เพียงการฝืนย้ิมให้บิดาในบางครั้งก็ยังยากนัก
 
 
ความเจ็บปวดแปรเป็นอารมณ์ฉุนเฉียวที่สามารถระเบิดใส่คนรอบข้างทุกเมื่อ ทำให้ทุกคนต่างตีตัวออกห่าง มีเพียงท่านดยุกเท่านั้นที่ไม่ละความหวังที่จะเห็นลูกสาวผู้น่ารักของตนกลับเป็นเหมือนเก่า เขาจึงเสาะหาของขวัญมากมายมาให้นางในทุกโอกาส หวังว่าจะมีสิ่งใดที่ทำให้นางกลับมาหัวเราะอีกครั้ง 
 
 
แต่ไม่ว่าจะเป็นของเล่นหรือเสื้อผ้าแบบใด ล้วนกลายเป็นเศษขยะทุกครั้งที่ท่านหญิงระเบิดอารมณ์
 
 
มีเพียงหินมณีและทองคำเท่านั้นที่นางมักนำมาลูปไล้หรือประคบศรีษะ ไม่รู้เพราะเหตุใดนางถึงรู้สึกถึงความอบอุ่นจากมันที่ช่วยกันลมหนาวให้โหดร้ายน้อยลง บางทีมันอาจพลังเวทที่มันสั่งสมเอาไว้ หรือบางทีอาจมาจากความร้อนใต้พิภพที่กดทับหล่อหลอมมันขึ้นก็เป็นได้
 
 
หากนางขุดดินแล้วฝังหัวลงไป นางจะะปวดหัวน้อยลงไหม? เพราะไม่ว่านางจะพยายามเพียงไร ทุกอย่างถึงเพียงทางตัน
 
 
นางศึกษาการแพทย์จนเชี่ยวชาญ แต่ไม่มีศาสตร์แขนงใดที่ช่วยนางได้...
 
 
นางศึกษาการปรุงยาจนเชี่ยวชาญ แต่ไม่มียาตัวใดที่ช่วยนางได้...
 
 
นางศึกษาเวทมนตร์จนเชี่ยวชาญ แต่ไม่มีมนตราบทใดที่ช่วยนางได้...
 
 
นางอ่าน, นางค้นคว้า, นางทดลอง, นางฝึกฝน, นางทำทุกส่ิงสุดความสามารถ
 
 
มันช่างไร้ค่า
 
 
หากนางบั่นศรีษะท้ิงไป มันจะปวดน้อยลงไหม...
 
 
ส่ิงเดียวที่นางพอจะทำได้คือการรวบรวมกองสมบัติมาไว้รอบกาย ไอร้อนแผ่วเบาที่มันแผ่ออกมาพอช่วยบรรเทาความเหน็บหนาวที่เกาะกินอยู่ภายในกระโหลกของนางได้บ้าง
 
 
นางเชื่อว่า หากซักวันนางรวบรวมทองคำกับอัญมณีทั้งหลายได้มากพอ นางอาจหายขาดก็เป็นได้ 
 
 
 
 
แม้นางจะรู้ว่ามันเป็นเพียงการหลอกตนเองก็ตาม
 
 
 
 
นางหงุดหงิดนัก
 
 
นางหงุดหงิดนัก
 
 

 
 
 
 
 
 
นางเจ็บปวดนัก
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา