ปาฏิหาริย์รักข้ามพิภพ

-

เขียนโดย Richa

วันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 เวลา 10.03 น.

  14 ตอน
  0 วิจารณ์
  12.18K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 10.09 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

13) ทางรอดของธาร

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

อสรพิษสีดำนิลขนาดใหญ่ยักษ์ เลื้อยไปมาตามพื้นดินอย่างช้า ๆ และเหนื่อยอ่อน ท่อนหางโบกสะบัดไปมาจนพื้นโดยรอบเตียนไปอย่างขรุขระ ศีรษะของเขาหงายพาดลงกับพื้นดินในลักษณะตะแคงข้าง นัยน์ตาเบิกโตนั้นเริ่มหรี่ลงอย่างยอมแพ้

“ธาร นายจะทิ้งพี่ไปดื้อ ๆ แบบนี้ไม่ได้นะ” หญิงสาวพยายามจะเข้าไปสัมผัสศีรษะและร่างกายของน้องชาย แต่เธอไม่สามารถสัมผัสเขาได้เลย ด้วยร่างกายของเขาซึ่งมีทั้งเกล็ดตามตัวและความร้อนที่แผ่ซ่านไปตามผิวหนังมันร้อนเกินกว่าอุณหูภูมิที่มือของมนุษย์จะเอื้อมไปสัมผัสได้ ทุกครั้งที่หญิงสาวเอื้อมมือเข้าไปสัมผัสร่างกายของน้องชาย เธอจะพบว่ามือของเธอได้ร้อนผ่าวเหมือนกำลังเอื้อมมือเข้าสู่เตาเผาที่กำลังร้อนระอุ แม้เธอจะพยายามครั้งแล้วครั้งเล่า เธอก็ไม่สามารถเข้าไปสัมผัสร่างกายของน้องชายเธอได้เลย 

“ฉันเหลือน้องชายอยู่แค่คนเดียว คนเดียวในครอบครัวที่ยังเหลืออยู่ ฉันยอมเสียเขาไปไม่ได้” น้ำยังคงสะอื้นไห้อย่างน่าเวทนา มือทั้งสองของเธอยังคงพยายามจะเข้าไปสัมผัสร่างกายของน้องชาย แม้อนันดาจะพยายามจะดึงมือเธอไว้แต่เธอก็ไม่ละความพยายามที่จะเข้าไปสัมผัสและแตะต้อง ตลอดเวลาที่ผ่านมาน้องชายและเธอต่างไม่เคยรับรู้ว่าสายสัมพันธ์ของทั้งคู่ลึกซึ้งมากน้อยแค่ไหน จนนาทีสุดท้ายของชีวิต เธอถึงได้รับรู้ว่าเธอรักและเสียใจมากมายแค่ไหนที่ต้องสูญเสียคนสุดท้ายในครอบครัวของเธอไป 

“ผมเสียใจด้วย” เสียงกระซิบอันอ่อนโยนของชายหนุ่มดังมากระทบโสตประสาทของหญิงสาวอย่างแผ่วเบา มืออันอ่อนนุ่มได้ส่งไออุ่นลงมาบนไหล่ของเธอเหมือนสิ่งนั้นแทนคำปลอบใจทั้งหมดที่เขามี 

“อย่ามาแตะเนื้อต้องตัวฉัน” หญิงสาวปัดมือของเขาออกไปจากไหลของเธออย่างแรง “เพราะคุณคนเดียว คุณเข้ามาห้ามฉัน! ไม่ให้ฉันลงไปช่วยน้อง ฉันไม่เหลือใครอีกแล้ว” หญิงสาวร่ำไห้อย่างคร่ำครวญ มือทั้งสองข้างของเธอวางลงบนพื้นดินที่ร้อนระอุ มันคือบริเวณที่ใกล้ที่สุดที่เธอสามารถสัมผัสได้ ธารในร่างของพญานาคยังคงหายใจอยู่ เพียงแต่เป็นเสียงลมหายใจที่แผ่วเบา และรวยริน พร้อมจะขาดรอนลงไปได้ทุกเมื่อ ถ้าเพียงแค่เขาตัดใจที่ต่อสู้และดิ้นรนกับความเจ็บปวด 

“มนุษย์ตัวกระจ้อยร่อยอย่างคุณ สู้พวกมันไม่ได้หรอก ธารโดนรุมเล่นงานทั้งครุฑและนาค” อนันดาพยายามจะชี้แจง 

“พวกนาคใจร้าย ครุฑใจดำ” หญิงสาวอุทานออกมาอย่างโกรธเคือง ตอนนี้นัยน์ตาของเธอแดงก่ำด้วยความโกรธแค้น หากแม้เพียงเธอจะมีฤทธิ์เดชเหนือธรรมชาติเธอจะไม่ลังเลเลยที่จัดการเหล่านาคและครุฑตนนั้นให้สูญสลายไปจากตำนาน แต่เธอเป็นเพียงแค่หญิงมนุษย์ธรรมดา ไร้สิ่งอิทธิฤทธิ์และปาฏิหาริย์ใด ๆ 

“ธารทำผิดกฎบาดาล เขาไม่ควรแปลงกายต่อหน้ามนุษย์ ในเมื่อเขาทำผิดถ้าเขาไม่ขัดขืนยอมลงไปรับทัณฑ์บนดี ๆ ก็คงไม่โดนจับกุมอย่างทารุณ และธารยังมีศัตรูเก่าคอยจ้องเล่นงานอีก” อนาคินพยายามจะชี้แจงแต่ด้วยน้ำเสียงเย็นชามันกลับทำให้ความโกรธของหญิงสาวรุนแรงเพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณ 

“นั่นมันเป็นความผิดของพวกคุณ! เพราะพวกคุณสองคนไปบังคับขู่เข็ญพ่อให้สาปธารให้กลายเป็นนาคชั้นต่ำ แล้วก็คุณ” หญิงสาวหันหน้าไปทางอนันดาด้วยแววตาโกรธเคือง “ถ้าคุณไม่ขึ้นมาแล้วต่อสู้กับธาร ธารคงไม่แปลงกาย” น้ำตาไหลรินออกมาจากเบ้าตาของหญิงสาวอย่างเจ็บปวด 

“ธารเขาทำร้ายคุณ!!! ผมทนไม่ได้ ” อนันดาพูดออกมาอย่างกล้ำกลืน 

“สะใจคุณแล้วใช่มั้ย ตอนนี้น้องชายของฉันกำลังจะตาย สาแก่ใจแล้วใช่มั้ย” แววตาของหญิงสาวเต็มไปด้วยน้ำตาและความชิงชัง ในเวลานี้เธอกลายเป็นคนอันธพาลและไร้ซึ่งเหตุผล 

“ผมไม่คิดจะเล่นงานเขาถึงตาย ผมแค่ต้องการสั่งสอนเขา เขาจะได้ไม่กล้าทำร้ายคุณอีก” อนันดายังคงตอบด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน เขาเหมือนน้ำเย็นที่ลอยลูบไล้ยามเธอปะทุเป็นเปลวไฟอันร้อนแรง 

เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ดังมาจากอนาคิน “เกลียดแววตาแบบนี้จริง ๆ อารมณ์ผู้หญิงน่ากลัวนักเชียว” เสียงนี้ดังก้องไปกระทบโสตประสาทของหญิงสาว แต่เธอไม่สนใจไยดีอะไรอีกแล้ว 

“เมื่อไหร่ที่ธารสิ้นใจ นาทีนั้นก็คงเป็นนาทีสุดท้ายของชีวิตฉันเช่นเดียวกัน” น้ำโพล่งออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและชัดเจน น้ำตายังคงไหลรินลงมาเป็นทางลงมาอาบแก้มทั้งสองข้างของเธอ 

“ไม่นะ ... พ่อและแม่ของคุณต้องเสียใจมากแน่ ๆ คุณคือ .. คนสุดท้าย .. สายเลือดสุดท้ายที่เหลืออยู่ของพวกเขา” อนันดาพูดออกมาอย่างไม่ค่อยเต็มปากเต็มคำนัก เขารู้ความลับอะไรบางอย่างและเขายังคงต้องปกปิดมันเอาไว้ 

“แต่ฉันไม่เหลือใครอีกแล้ว”   

“เหลือซิ คุณยังเหลือน้ามะปราง ยังเหลือคนที่คุณยังไม่รู้จักตัวตนของเขา และก็ยังเหลือผม ผมจะคอยปกป้องและดูแลคุณตลอดไปตราบจนชั่วชีวิตของคุณ” อนันดายืนยัน 

“งั้นคุณคงปกป้องฉันได้อีกเพียงไม่นาน เพราะชีวิตของฉันกำลังจะสิ้นสุดลง” ความโศกเศร้ายังคงถาโถมเข้ามาเหมือนสายน้ำในฤดูน้ำหลาก มันกระหน่ำเข้ามาจนยากที่หญิงสาวจะต้านทานไว้ได้ 

“งั้นคงมีวิธีเดียว ...” อนาคินกำลังเสนอความคิด 

“อย่า ... ได้แม้แต่จะคิด ถ้าพวกคุณทั้งสองคนลบความทรงจำของฉันอีกแม้แต่ครั้งเดียว ฉันจะขอสาบานว่าฉันจะขอลืมพวกคุณไปจากจิตใต้สำนึกตลอดกาล ฉันขอตั้งจิตอธิฐานจะไม่ขอพบเจอพวกคุณอีกแม้แต่ภพชาติเดียว” 

“เฮ้อ” อนาคินถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ตกลง ไม่ทำก็ไม่ทำ”   

แม้อนาคินจะเป็นชายที่เจ้าเล่ห์และขี้รำคาญ แต่เขามิได้รำคาญหญิงสาวที่ชื่อ “น้ำ” เลยแม้แต่นิดเดียวหรือบางทีเขาอาจจะรำคาญแต่ก็มีความอดทนกับเธอมากพอ นั่นเพราะเขาและเธอมีอดีตชาติร่วมกันมาก่อน เขายอมจำนนต่อเธอในแทบจะในทุกภพทุกชาติ 

“ตอนนี้จิตวิญญาณของธารกำลังจะถูกนำสู่เมืองบาดาลเพื่อทำการจองจำ” อนันดาพูดขึ้นมาอย่างแผ่วเบา 

“จองจำ ?” หญิงสาวทวนคำอย่างสงสัย 

“ใช่ ธาร ทำผิดที่แปลงกายต่อหน้ามนุษย์แล้วก็ขัดขืนการจับกุม แต่ก็พอจะมีวิธีช่วยเหลือธารได้บ้าง” อนันดาพูดปลอบใจ 

“อย่า .. อย่า อย่าทำแบบนั้นเชียว” อนาคินห้ามปราม 

“บอกมา แล้วฉันจะยกโทษให้คุณ” น้ำหันไปจ้องมองที่ใบหน้าอนันดา แววตาของเธอดูจริงจังจนกลายเป็นหญิงงามที่น่ากลัวมากกว่าความงามที่ไร้เดียงสาอย่างที่เธอเคยมี 

“คุณต้องนำร่างกายของธารไปแช่น้ำจากแม่น้ำโขงเป็นเวลา 2-3 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย ในทุก ๆ 7 วัน เพื่อรักษาร่างกายของธารไว้ จนกว่า ...” เสียงของเขาขาดหายไป 

“จนกว่าอะไร” น้ำเร่งรัดถามอย่างร้อนรน 

“จนกว่าวิญญาณของธารจะถูกปลดปล่อย ซึ่งนั่นก็อาจจะต้องใช้เวลานานหลายร้อยปี หรืออาจจะถึงพันปี กว่าจะถึงวันนั้นคุณคงเกิดแล้วตาย ตายแล้วเกิดไปหลายภพหลายชาติแล้ว” อนันดาชี้แจง 

“ยกเว้นไว้แต่ว่า ..” อนาคินแทรกขึ้นมา 

“แต่ว่าอะไร ?” หญิงสาวหันไปจ้องมองยังใบหน้าของอนาคินบ้าง เธอไม่ชอบสีหน้าและแววตาคู่นี้ของเขานัก เพียงแต่นาทีนี้เธอต้องการคำตอบ ในทุกความเป็นไปได้ 

“ยกเว้นไว้แต่ว่า คุณจะยอมเป็นนาคีหรือนาคผู้หญิงนะ คุณก็จะมีอายุยาวนานพอที่จะอยู่พบเจอน้องชายของคุณอีก” อนาคินตอบอย่างยียวน 

“ไร้สาระ อย่าไปฟังอนาคินพูด” อนันดาแย้ง “นายจะไปไหนก็รีบไสหัวไปซะ พื้นที่ตรงนี้ไม่ต้องการนายหรือคำแนะนำบ้า ๆ จากนาย” 

“ฉันจะกลายร่างเป็นนาคได้เหรอ” หญิงสาวเอ่ยถาม 

“ไม่ได้/ได้ซิ” อนันดา/อนาคินตอบพร้อมกัน 

“เดี๋ยวนะ ตกลงได้หรือไม่ได้” หญิงสาวเอ่ยถามย้ำ 

“ไม่ได้/ได้” อนันดาและอนาคินตอบพร้อมกันอีกครั้ง 

หญิงสาวจ้องมองสองพี่น้องผู้มีตาสีเขียวอย่างไม่ไว้วางใจ อนันดาจ้องมองไปยังพี่ชายด้วยแววตาขึงขังและจริงจังจนอนาคินผู้เป็นพี่ชายต้องเมินหน้าหนีไปอย่างไม่ต้องการมีเรื่องกับน้องชาย 

“ไม่ได้ก็คือไม่ได้” อนันดาย้ำ 

“ไม่ได้ก็ไม่ได้...ตามนั้น” อนาคินตอบ 

“ฉันคงไม่มีความหวังที่จะพบเจอกับธารอีกต่อไปแล้วใช่มั้ย” หญิงสาวจ้องมองไปยังใบหน้าที่แผ่ราบอยู่กับพื้นอย่างอ่อนแรงของธาร ศีรษะของอสรพิษขนาดใหญ่ยักษ์ยังคงมีประกายเพลิงอย่างร้อนแรง 

“ก็ยังพอมีนะ ต้องทำให้ธารจองจำสั้นขึ้น หรือพูดให้เข้าใจง่าย ๆ คือต้องช่วยธารแหกคุก นอกเสียจากว่าจะไม่ได้อยู่ในคุกแล้ว” อนาคินพูดขึ้นอย่างมีเงื่อนงำ มันยังคงมีความลึกลับซับซ้อนอีกหลายอย่างที่หญิงสาวยังไม่ได้รับรู้ 

“คุก? ที่ไหน?” น้ำหันไปจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาและยียวนของอนาคินอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก 

“เมืองใต้บาดาล เมืองแห่งนาคราช” อนาคินตอบ 

“ผมจะหาวิธีช่วยธารออกมาให้ได้ แต่คุณต้องรักษาร่างกายของธารเอาไว้ เมื่อได้วิญญาณของเขามา เราก็จะอัญเชิญเขาสู่ร่าง แล้วให้เขาแปลงกายเป็นมนุษย์ หนีไปให้ไกลที่สุด” อนันดาเสนอความคิด 

“การแหกคุกบาดาลไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ก็ยังพอมีหนทาง แต่ถ้าธารไม่ได้อยู่ในคุกแต่อยู่ใน ... มันจะยากเกินที่เราจะตามหาได้นะ อย่าเพิ่งรับปากส่งเดชซิน้องชาย”อนาคินแย้งอย่างไม่เห็นด้วย 

“จะยังไงเราก็จะต้องตามหาดวงวิญญาณของธารให้เจอ ถ้านายไม่อยากช่วย ก็อย่ามาขัดขวาง” อนันดาย้ำอย่างหนักแน่น จนอีกครั้งที่อนาคินยอมแพ้ให้น้องชาย 

“ตามนั้น” อนาคินได้แต่เลิกคิ้วขึ้นพร้อมยักไหล่อย่างทำอะไรไม่ได้ 

“แล้วฉันจะนำร่างพญานาคของธารลงไปแช่น้ำโขงได้อย่างไร ร่างกายของธารมีขนาดใหญ่มหึมาแบบนี้ ต้องใช้ผู้ชายร่างกายแข็งแรงกำยำเกือบ 20 คนช่วยกันแบก อีกอย่างร่างกายของธารก็ร้อนระอุยังกับพุ่งออกมาจากภูเขาไฟแบบนี้ ใครจะไปสัมผัสร่างกายของเขาได้” หญิงสาวจ้องมองไปที่ร่างกายพญานาคของธารอย่างครุ่นคิด เธอมองไม่เห็นทางออกว่าใครจะสามารถลากร่างอันมหึมานี่ลงสู่แม่น้ำโขงได้ และถ้าทำได้ก็คงเป็นข่าวครึกโครมใหญ่โตแน่ 

“คนคงแบกไม่ได้ ถึงแบกได้ก็ต้องเป็นข่าวใหญ่แน่ ๆ แตกตื่นกันทั้งโลก ยอดไลท์ ยอดแชร์ คงพุ่งกระฉูดทั่วโซเซียลเน็ตเวิร์กแน่ ๆ” อนาคินพูดออกมาอย่างยียวน 

“งั้นจะต้องทำยังไงถึงจะนำร่างของธารลงไปแช่น้ำได้” หญิงสาวเห็นด้วยกับความคิดของอนาคินเพราะนั่นมันก็คือสิ่งที่เธอเป็นกังวล 

“ผมจะแบกธารขึ้นไปในห้อง แล้วแช่เขาไว้ในอ่าง คุณเพียงแค่ให้คนที่ไว้ใจมากที่สุดมาตักน้ำจากแม่น้ำโขงเพื่อนำไปแช่ร่างกายของเขา ไม่ต้องแบกเขาลงมา” 

“แต่เราสองคนเข้าไปในเกราะป้องกันไม่ได้นะ” อนาคินแย้งมาด้วยรอยยิ้มยียวนเช่นเดิม 

“คุณต้องอนุญาตให้ผมเข้าไป ผมต้องนำร่างกายของธารไปซ่อนไว้ก่อนที่จะมีใครเห็น” อนันดาพูด 

“เดี๋ยว ... ช้าก่อน คนเดียวแบกเข้าไปไม่ได้นะ ต้องใช้สองคน” อนาคินพูดขึ้นมาบ้าง 

“ได้ซิ ผมจะลดขนาดร่างของธารเหลือเพียงขนาดเท่างูจงอางยาวสัก 2 เมตร แค่นี้ก็แบกไปง่าย ๆ” อนันดาพูดเสริม พลางหันไปขยิบตาให้พี่ชายอย่างรู้ทัน 

“แต่ .. ผมก็ควรได้สิทธิ์เข้าไปในนั้นด้วยนะ” อนาคินเอ่ยขึ้น 

“ไม่ได้ นายไม่ควรได้สิทธิ์นั้น เกราะป้องกันมีไว้เพื่อคุ้มครองคนในบ้านให้รอดพ้นจากอำนาจของอมนุษย์ทุกชนิด ฉะนั้นไม่ควรได้สิทธิ์นี้” อนันดาเสนอความคิด 

 “เช่นนั้นให้เจ้าของเป็นคนตัดสินใจดีกว่ามั้ย ว่าควรให้เข้าไปได้กี่คน” อนาคินหันไปส่งยิ้มให้หญิงสาว 

“ฉันอนุญาตให้อนันดาเข้าไปได้ แค่คนเดียวเท่านั้น” เสียงที่หนักแน่นดังมากจากริมฝีปากอวบอิ่มของหญิงสาว เธอไม่ลังเลที่ตัดสินใจเด็ดขาดเช่นนี้เพราะเธอไม่ชอบพอนายอนาคินเป็นทุนเดิมอยู่ก่อนแล้ว 

“แต่ ... ผมเป็นคนพาคุณไปตามหาธาร เรียกความสนใจจากครุฑจนได้ตัวธารคืนมานะ” อนาคินอ้างความดีความชอบ 

“และนั่น ... คุณก็นำภัยมาสู่ตัวฉัน ฉันเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาไม่ควรที่จะเห็นครุฑ คุณรู้ได้ยังไงว่าฉันมองเห็น?” หญิงสาวหันไปถามอนาคินอย่างไม่ไว้วางใจ 

“เพราะคุณไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา คุณเคยเป็นมนุษย์ครึ่งนาค มนุษย์ครึ่งนาคที่ไม่เคยรู้ชาติกำเนิดตัวเอง และไม่ได้เข้าพิธีเลือก มีอะไรอีกหลายอย่างเกี่ยวกับตัวคุณที่คุณเองยังไม่รู้” อนันดาตอบแทนพี่ชาย 

“แต่พวกคุณรู้?”   

“รู้ เพราะผมเดินทางตามคุณมาจาก ...” อนันดาตอบ 

“ตามมาจากไหน?” น้ำเอ่ยถาม 

“เมื่อถึงเวลาที่คุณควรรู้ คุณจะได้รู้ทุกอย่าง ตอนนี้ให้ผมเอาร่างของธารไปซ่อนก่อนเถอะ เดี๋ยวใครเดินผ่านเข้ามาเห็นเข้าจะแตกตื่นกัน” อนันดาปฏิเสธที่จะตอบคำถามของหญิงสาว เขาวางมือทาบลงบนศีรษะของธารอย่างไม่รู้สึกถึงความร้อนที่แผ่ซ่าน 

แสงสีเขียวพุ่งออกมาจากมือของอนันดาจนสว่างจ้า หญิงสาวไม่อาจจะจ้องมองสิ่งนั้นได้ด้วยตาเปล่าอีกต่อไป เธอต้องรีบหลับตาและเมินหน้าหนีอย่างรวดเร็วตามสัญชาตญาณของมนุษย์เพื่อป้องกันสายตาไม่ให้มืดบอด พอเธอลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ธารก็ไม่ได้อยู่ในร่างกายใหญ่ยักษ์ของพญานาคแต่เขาเลื้อยไปมาในร่างกายของงูจงอางที่มีความยาวเพียงแค่ 2 เมตรเท่านั้นเอง อนันดาช้อนร่างของธารขึ้นอย่างง่ายดาย ตอนนี้ธารในร่างงูจงอางพาดอยู่บนบ่าและไหล่ของเขา ใบหน้าอ่อนเยาว์นั้นส่งรอยยิ้มมาให้เธอ 

“กล่าวคำอนุญาตให้ผมเข้าไปซิ พนมมือขึ้นตั้งจิตอธิษฐาน บอกชื่อ สกุล ของตน ยืนยันตัวตนว่าเป็นเจ้าของบ้านที่มีตัวตน และอนุญาตให้ผม นาคราชนามว่า อนันดา เข้าไปภายในได้” อนันดาย้ำเตือน 

หญิงสาวพนมมือขึ้นพร้อมหลับตาตั้งจิตอธิษฐานตามที่ชายหนุ่มบอก “ฉันชื่อ ชลธิดา เศรวตธารารินทร์ เป็นเจ้าของบ้านผู้มีตัวตน ขออนุญาตให้นาคราชหนุ่มนามว่าอนันดาเข้าไปภายในบริเวณบ้านได้” สิ้นสุดคำอธิษฐาน อนันดาเดินก้าวข้ามเกราะป้องกันไปอย่างง่ายดาย

อนาคินพยายามจะวิ่งตามน้องชายเข้าไปแต่ก็ถูกดีดออกมาอย่างรุนแรงจนตัวลอยออกไป หญิงสาวไม่ได้หันไปมองว่าร่างกายมนุษย์จำแลงของอนาคินนั้นได้กลิ้งหลุน ๆ ไปตามพื้นจากแรงถีบส่งของเวทมนต์ เธอเดินตามอนันดาเข้าไปข้างใน ทิ้งอนาคินไว้เบื้องหลังให้จ้องมองตามไปอย่างเสียดาย 

“คุณและพี่ชายคืออสรพิษที่พุ่งเข้าเล่นงาน 'นกยักษ์' พร้อมกัน ฉันจำแววตาสีเขียวเป็นประกายเพลิงของพวกคุณได้ แล้วอีกหนึ่งอสรพิษ แววตาสีเขียวแต่ลำตัวสีดำนิล ที่โผล่เข้ามาเล่นงานในตอนแรกคือใคร?” หญิงสาวเอ่ยถามขณะที่เธอเดินเคียงข้างคู่มากับเขา 

“พญานาคอีกตนหนึ่งที่เขาไม่พร้อมจะให้คุณและธารรู้ว่าเขาคือใคร” อนันดาตอบ 

“ทำไมเขาต้องปิดบัง ในเมื่อเขาคอยปกป้องฉัน ปกป้องธาร เขาคือมิตร ไม่ใช่ศัตรู”   

“ผมบอกไม่ได้ ... มันคือความลับอันยิ่งใหญ่ระหว่างคุณกับเขาคนนั้น เมื่อถึงเวลาอันควรคุณจะได้รู้ทุกอย่างด้วยตัวของคุณเอง” อนันดาตอบขณะที่ยังก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างเชื่องช้า นี่คงเป็นการก้าวเดินที่ช้าที่สุดสำหรับเขา และเขาก็ดูมีความสุขที่ได้ก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ โดยมีเธอเคียงข้างไม่ห่างกายเช่นนี้ 

“พญานาคทุกตนนี่ชอบความลึกลับกันหมดเลยใช่มั้ย” หญิงสาวบ่นพึมพำไปตามประสาคนไม่ได้รับคำตอบ ส่วนชายหนุ่มนั้นได้แต่ยิ้มละไม เขายังคงก้าวเดินต่อไปอย่างช้า ๆ เหมือนอยากให้เส้นทางจากท้ายรีสอร์ทที่เดินมาด้วยกันไปยังบ้านพักของหญิงสาวมันยาวไกลออกไปจนต้องใช้เวลาเดินทางอีกนับร้อยปี 

“นี่มันยังเช้าอยู่เลย แล้ววันนี้ก็ไม่มีหมอกด้วย คุณไม่ได้มาพร้อมกับสายหมอกยามพลบค่ำเหมือนเช่นทุกครั้ง” หญิงสาวรำพึงรำพันขณะที่กำลังเดินเคียงข้างกับชายหนุ่มไปยังบ้านพักส่วนตัวของเธอและครอบครัว 

“ผมจะมาหรือจะไป เมื่อไหร่ก็ได้ ตอนนี้ผมไม่จำเป็นต้องปิดบังอำพรางอะไรอีกแล้ว ในเมื่อคุณรู้แล้วว่าผมคือใคร ที่ผ่านมาคุณไม่เคยรู้และผมก็ไม่ต้องการให้คุณเห็นว่าผมมองดูคุณอยู่ จึงได้สร้างไอหมอกขึ้นมาเพื่อปิดบังร่างกายของผมเอาไว้ ไม่ให้คุณหรือใครมองเห็น” 

“ถ้ามนุษย์เห็นพญานาค ก็จะเป็นเหมือนนายบ้าและนายใบ้ใช่มั้ย หรือไม่ก็เป็นเหมือนธาร แล้วฉันล่ะ จะเจออะไร?” หญิงสาวเอ่ยถามอย่างหยั่งเชิง 

“เจอปาฏิหาริย์” เสียงทุ้มกังวานดังขึ้นมาจากรูปร่างสูงใหญ่กำยำ ใบหน้าคมเข้ม ปากกระจับ คิ้วดกดำ จมูกโด่งเป็นสันปลายจมูกงองุ้มเป็นรูปหยดน้ำ นัยน์ตาคู่นั้นแหลมคมดุจนัยน์ตาของเหยี่ยว 

“ครูวายุ” หญิงสาวอุทานขึ้นอย่างตกใจ 

“ถอยไป! นี่ไม่ใช่ธุระของท่าน” เสียงของอนันดาพูดอย่างขึงขังและจริงจัง 

“เอาร่างกายที่ไร้วิญญาณของลูกศิษย์ของเราคืนมาก่อน แล้วเราถึงจะยอมถอย” เสียงก้องกังวานของครูวายุดังขึ้นอย่างทรงพลัง 

“อย่านะ .. อย่าให้ร่างของธารไป ครูวายุคนนี้เป็นใครก็ไม่รู้ ไว้ใจได้รึเปล่า หรือเขาจะเป็นครุฑตนนั้น ตัวที่จิกท้องธาร” หญิงสาวตั้งข้อสงสัยและกระซิบเบา ๆ ที่ข้างหูของชายหนุ่ม เธอมั่นใจว่าเสียงกระซิบนั้นได้ยินกันเพียงแค่เธอกับเขาเท่านั้น 

“น้ำ ครูไม่ใช่ศัตรูของเธอ และครูก็กำลังจะช่วย” ครูวายุหันมามองหญิงสาวด้วยแววตาที่มีทั้งความอ่อนโยนและเยือกเย็นจนเธอไม่อาจจะแน่ใจว่านี่คือสายตาของมิตรหรือศัตรู 

“ครูได้ยินที่น้ำพูด? มิน่าตอนที่น้ำกับธารคุยกัน ธารถึงได้เปิดน้ำให้เสียงน้ำจากก๊อกช่วยกลบเสียงคุยของพวกเรา” หญิงสาวโพล่งออกมา 

“ทำแบบนั้นได้ผลเฉพาะพวกใส่เครื่องดักฟัง แต่ครูไม่ได้ใส่เครื่องดักฟัง ครูฟังจากจิตและความคิดของเธอ มันไม่มีตัวแปรอะไรมาตัดทอนให้ครูรับรู้” ครูวายุตอบ 

“ครูทำได้ยังไง? ครูเป็นใคร? หรือครูเป็นอมนุษย์?” 

“แล้วเธอล่ะ เป็นใคร? รู้จักตัวตนของตัวเองรึเปล่า? หรือไม่เคยมีใครบอกให้รู้” ครูวายุจ้องมองไปที่อนันดาอย่างรู้ทัน “นาคราชหนุ่มตนนี้คงไม่ได้บอกเธอซิ ว่าการจะช่วยธารได้นั้น เธอต้องลงไปยังเมืองบาดาลด้วยตัวเองเพื่อพบกับท่านพญานาคราชผู้ปกครองนครบาดาล ขอแลกสมบัติอันล้ำค่าของเธอกับชีวิตของธาร” 

“สมบัติล้ำค่า? มันคืออะไร น้ำยอมแลกได้ทุกอย่าง ถ้ามันแลกกับชีวิตของธาร” 

“เราจะไม่มีวันยอมให้น้ำลงไป ยังเมืองบาดาลเด็ดขาด มันอันตรายเกินไป ตอนนี้น้ำเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาเท่านั้น” น้ำเสียงของอนันดายังคงหนักแน่นและจริงจัง 

“ให้น้ำเป็นคนตัดสินใจเองดีกว่า มันคือวิธีเดียวที่จะช่วยธารได้” ครูวายุยืนยันมาด้วยน้ำเสียงดุดันและจริงจังเช่นกัน 

“เราหาวิธีช่วยธารได้แล้ว” อนันดาตอบโต้ 

“วิธีของท่านคือหลอกให้น้ำแช่ร่างกายของธารไว้ชั่วนิจนิรันดร์ สืบทอดไปจนรุ่นลูก หลาน เหลน เพราะท่านตามหาจิตวิญญาณของธารไม่เจอ แต่ถ้าทำสำเร็จธารก็จะต้องหนีไปจนสุดขอบโลกเหมือนเช่นที่ตัวท่าน พี่ชาย และเพื่อนของท่านเคยทำ แต่สุดท้ายก็ต้องถูกจับมาจองจำอีกครั้งอยู่ดี” ครูวายุตอบอย่างรู้ทัน 

“แต่วิธีของท่าน มันคือการส่งน้ำไปสู่ความตาย! เรายอมไม่ได้” อนันดาตวาด 

“ท่านอ่านความคิดคนได้ แต่ท่านมองไม่เห็นอนาคตของคน ท่านอนันดา” ครูวายุทักท้วง 

“แล้วตัวท่านล่ะ มองเห็นอนาคตตัวเองบ้างมั้ย ร่างกายนี้ท่านก็ยืมเขาใช้ เพราะไม่อาจจะแปลงกายได้เช่นเดียวกับ ...” อนันดาหยุดชะงักไปอย่างรู้ตัว “ช่างน่าละอายนัก”   

“นี่คุณกับครูวายุพูดเรื่องอะไรกัน” หญิงสาวมองหน้าครูวายุและอนันดาสลับกันไปมา 

“ที่นั่น เธอจะรู้คำตอบของหลายคำถามที่ยังค้างคาใจ คำตอบของหลาย ๆ สิ่ง สมบัติล้ำค่านั้น มันจะต้องถูกตามหาและครอบครอง มันคือเครื่องมือที่จะต่อรองชีวิตของธารได้ แม้มันต้องแลกด้วยความเสี่ยงกับการต้องสูญเสียเธอ แต่มันคือสิ่งที่เธอต้องทำ” ครูวายุย้ำเตือน 

“น้ำ น้ำ น้ำ พวกเรากลับมาแล้ว เย้” เสียงเจี๊ยวจ๊าวของเพื่อน ๆ ดังก้องมากับสายลม พร้อมกับใบหน้าที่คุ้นเคยก็ปรากฏขึ้นพร้อมกัน 

อนันดาและครูวายุจ้องมองไปที่ฟ้า ฝน และไผ่ เพื่อนสนิทกลุ่มเดียวที่หญิงสาวคบหามาตั้งแต่ยังวัยเยาว์ สายตาของอนันดานั้นเป็นประกายสีเขียวเจิดจ้า ส่วนครูวายุก็เดินตรงเข้าที่ทั้งสามคน ก่อนที่หญิงสาวจะอ้าปากพูดหรือร้องเตือนอะไรออกไปภาพที่เธอเห็นอยู่ตรงหน้าคือ เพื่อนทั้งสามคนนิ่งสนิทเหมือนร่างกายของทั้งสามถูกสาปให้กลายเป็นหิน!!!

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา