ยามเมื่อสายลมกรีดร้อง!

-

เขียนโดย GCodename

วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2561 เวลา 20.29 น.

  16 บท
  5 วิจารณ์
  14.80K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 11 เมษายน พ.ศ. 2561 15.25 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

7) บท6 อันตรายที่มาเยือน ความมืด กลิ่นเลือด ความตาย

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
บท6  อันตรายที่มาเยือน  ความมืด  กลิ่นเลือด  ความตาย
 
 
 
 
              โชคยังเข้าข้างเมื่อชินกรลองเดินสำรวจทั่วบริเวณที่ตนเองตกลงมาแล้วเจอกระเป๋าเป้กับปืนลูกซองของตน    ฟ้ามืดลงเกือบจะสนิท    ชินกรมองหาหนทางที่ตนเองจะได้เจอกับพรรคพวกเริ่มแรกเขาลองตะโกนเรียกชื่อลุงคำกับสรดูแต่ก็เงียบไร้วีแวว   ชินกรเลยคิดลองหนทางใหม่คือเดินไปตามทางเพื่อค้นหาทางด่านที่ตนเองมา   แต่ยิ่งลองเดินก็ยิ่งรู้สึกหลงไปทุกทีจนในที่สุดชายหนุ่มก็หยุดเดินแล้วตัดสินใจย้อนกลับมายังบริเวณที่ตนเองตกลงมา
              “ถ้าคิดไม่ผิดฝั่งลุงคำกับสรน่าจะตามหาเราเช่นกัน เรารออยู่บริเวณนี้น่าจะดีกว่า”
              ชินกรลองมองไปที่รอบตัวท้องฟ้ามืดสนิทจนในป่ามองไปเห็นอะไร เขาต้องขอบคุณในความไม่ประมาทของแม่เขาที่เตรียมไฟแช็คกับไฟฉายไว้ในเป้ด้วย     ชายหนุ่มใช้ไฟฉายหาเศษไม้มารวมกันพร้อมกับใช้ไฟแช็คจุดก่อเป็นกองไฟขึ้นมา    ค่อยยังชั่วที่ตอนนี้รอบตัวเริ่มมีความสว่างจากกองไฟชินกรยังค้นดูภายในเป้ว่ายังมีอะไรที่พอใช้ประโยชน์ได้ก็เห็นมีห่อแหนมสองห่อที่เขายังไม่ได้ทานเมื่อตอนกลางวันยังพอเป็นเสบียงให้ผ่านพ้นคืนนี้ไปได้อยู่กับน้ำที่ใส่กระบอกมาเหลืออยู่ประมาณครึ่งหนึ่ง    ชายหนุ่มรู้สึกเจ็บที่ศีรษะอยู่เขาใช้มือคลำไปจับดูพบว่ามันปูดนูนขึ้น ยังดีที่ไม่แตกและความทรงจำเขาไม่หายไปรอบสองชินกรบอกกับตัวเองในใจ 
              เขาแหงนหน้ามองท้องฟ้าเห็นดาวบนนั้นส่องสกาวไปทั่วผืนฟ้าราวกับอัญมณียามค่ำคืน       ในใจก็คิดว่าแม่ของเขาจะต้องห่วงแบบสุดชีวิตแน่นอนถ้ารู้ว่าเขานั้นประสบอุบัติเหตุจนพลัดหลงกับกลุ่มลุงคำ     พร้อมกับหวังว่ากองไฟที่เขาก่อขึ้นมานี้จะช่วยดึงดูดสายตาทำให้ลุงคำกับสรหาเขาได้เร็วขึ้น      ชินกรหยิบแหนมขึ้นมาทานห่อหนึ่งเพื่อบรรเทาอาการหิวของกระเพาะพรางมองไปรอบตัวของผืนป่าที่เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติอย่างหนึ่งขึ้นมา
              “แปลกแฮะ ทำไมป่ามันดูเงียบขนาดนี้?”
              ความเงียบที่ชินกรสัมผัสในขณะนี้มันคือความเงียบที่ไร้เสียงจักจั่น ไร้เสียงนก ลิง ค่าง หรือแม้แต่เสียงลมพัดจนต้นไม้เสียดสี       มันเงียบจนแม้แต่เขายังรู้สึกว่ามันดูผิดวิสัยของป่า!  ลมไม่มีกระดิกใบไม้รอบตัวไม่เคลื่อนไหวสำหรับเขานี่มันไม่ใช่เหตุการณ์ปกติเลยสักนิด     สติ สติ สติ ชินกรท่องกับตนเอง     ทันในดนั้นเสียงหัวเราะเย็นๆก็ดังขึ้นรอบๆตัวของชายหนุ่ม เสียงที่ได้ยินเป็นเสียงผู้หญิงดังซ้ายทีขวาทีระบุตำแหน่งไม่ได้ชินกรรีบกำพระเครื่องที่ห้อยคอของตนพร้อมตั้งจิตอธิษฐาน
              “ถ้าเป็นสิ่งไม่ดีที่จะเข้ามาทำร้ายลูกช้างขอให้สิ่งเหล่านั้นอย่ามากระทำอันตรายกับลูกได้และช่วยคุ้มครองลูกให้พ้นภัย แลสามารถกลับถึงบ้านได้โดยปลอดภัยด้วยเทอญ”
              สิ้นคำอธิษฐานเสียงหัวเราะเหล่านั้นก็เงียบเสียงไป    ชินกรรู้สึกค่อยยังชั่วขึ้นเขามองไปรอบตัวอย่างหวั่นเกรงและภาวนาให้ลุงคำกับสรมาพบเขาโดยเร็ว
 
 
              ชินกรยกนาฬิกาขึ้นดูพบว่าขณะนี้เกือบจะสามทุ่มแล้ว       เขากำปืนลูกซองแน่นพร้อมรู้สึกง่วงนอนเพราะเวลาปกติในตอนนี้เขาต้องนอนหลับอยู่ในมุ้งกับแม่ของเขาไปแล้ว       แต่ด้วยบรรยากาศของป่าบวกกับความมืดรอบด้านที่ชินกรยอมรับว่าตนเองกลัวความมืดเหล่านั้น       ทั้งสิงสาราสัตว์ที่ไม่รู้ว่าจะพรวดพราดออกมาเมื่อใดในระหว่างที่เดินทางมาเมื่อตอนกลางวันลุงคำได้บอกเล่าไว้ว่าป่าที่เขาเข้ามาล่าสัตว์นั้นอุดมสมบูรณ์มากมีสัตว์ป่าค่อนข้างเยอะ        เมื่อหลายเดือนที่แล้วลุงคำยังพบรอยเท้าของเสือโคร่งอยู่บริเวณโป่งดินในแถบภูเขาลูกนี้เลย   นอกจากนี้ชายหนุ่มก็ยังไม่รู้สีกวางใจในเรื่องของความลี้ลับที่ได้พบเจอเมื่อตอนหัวค่ำถ้าโสตประสาทการรับฟังเขาไม่หลอนเสียเองขณะนี้ ชินกรก็ยังได้ยินเสียงฝีเท้าที่เดินอยู่รอบๆในความมืดรอบตัวอยู่ตลอดเวลา
              ชินกรมองจ้องไปในกองไฟที่ชายหนุ่มต้องคอยเติมกิ่งไม้แห้งน้อยใหญ่ที่พอจะหาได้ในบริเวณนั้นเพื่อไม่ให้มอดส่องแสงและควันอยู่ตลอดเวลา  พร้อมกันในหัวก็นึกถึงคำพูดเตือนของสาวปริศนาที่บอกกับเขาไว้
              “เชื่อฉัน อย่าไปล่าสัตว์ในวันพรุ่งนี้”
              ใช่ ทุกอย่างเป็นไปอย่างคำเตือนที่เธอบอกว่าเขาไม่ควรจะเข้าป่ามาเลย    ชินกรคิดถึงทั้งคำพูดและใบหน้าของสาวปริศนาคนนั้นที่ชายหนุ่มรู้สึกผูกพันจับใจอย่างบอกไม่ถูก    แต่แล้วจู่ๆชินกรก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาเขากุมมือทั้งสองไปที่ศีรษะอย่างเจ็บปวดทว่าอาการนี้เกิดขึ้นเพียงชั่วครู่แล้วก็หายไป          ชินกรรู้สึกไม่ดีเลยเพราะตนเองได้รับการกระทบกระเทือนที่ศีรษะจากอุบัติเหตุรถชนเมื่อเดือนก่อน    แล้วในตอนนี้เพิ่งจะมาประสบอุบัติเหตุซ้ำด้วยการชนกับต้นไม้อีก ไม่รู้ว่าไปซ้ำกับรอยช้ำในสมองจุดเดิมหรือไม่      หลังจากนั้นไม่นานที่หายปวดศีรษะชินกรรู้สึกง่วงขึ้นมากจนตาแทบจะปิด      เขาจึงเร่งไฟในกองให้โหมแรงขึ้นก่อนที่จะพาตัวเองนอนลงโดยหนุนกระเป๋าเป้แทนหมอนวางปืนลูกซองไว้ข้างกายแล้วก็งีบหลับไป
 
 
              เวลาผ่านเนิ่นนานเท่าไรไม่อาจจะรู้ได้แต่ชินกรลืมตาตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงกระซิบที่คุ้นเคยดังขึ้นที่หูของเขา
              “ตื่นเร็วๆ รีบตื่นเร็วๆ”
              ชินกรลืมตาอย่างยากเย็นพยายามผงกหัวขึ้นมองรอบกายเพื่อดูว่าใครกันที่ปลุกเขา? แต่ก็ไม่พบเจออะไรนอกจากป่าที่มืดทึบ  กองไฟ  ปืนลูกซองที่อยู่ข้างกาย    ชายหนุ่มนอนลงไปเพื่อตั้งใจจะหลับต่อแต่หูของเขาที่ไวพอจะได้ยินเสียงความผิดปกติบางอย่างที่เกิดขึ้น     เขาได้ยินเสียงฝีเท้าที่เหยียบใบไม้ของป่าดังกร็อบแกร็บกำลังเดินตรงเข้ามาหาเขาเสียงฝีเท้านั้นดูหนักและก้าวอย่างช้าๆราวกับกลัวเขาจะได้ยิน
              ชินกรลุกขึ้นนั่งอีกครั้งพร้อมกับหยิบปืนลูกซองและกระเป๋าเป้เขามองไปรอบตัวเห็นต้นไม้ต้นหนึ่งที่อยู่ใกล้ จึงวิ่งไปหลบหลังต้นไม้เพื่อแอบดูเพราะไม่รู้ว่าเจ้าของเสียงฝีเท้านั้นคืออะไรหรือใครกัน?
 
 
              ผ่านไปร่วมสิบนาทีเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้บริเวณที่แสงไฟจากกองไฟจะส่องถึงในเงามืดของป่าตรงข้ามกับที่ชินกรเฝ้ามอง   เขามองเห็นตาคู่หนึ่งเรืองแสงเป็นสีเลือด ชายหนุ่มดีใจแทบจะกระโดดคิดว่าลุงคำหรือสรมาพบเขาจนได้
              “ลุงคำ,สร ผมอยู่ตรงนี้!”
              ทันทีที่ได้ยินเสียงร่างนั้นรีบเดินเข้ามาใกล้ แววตาเรืองแสงสีเลือดค่อยชัดเจนขึ้นพร้อมกับเสียงเตือนอันตรายของชินกรเริ่มตระหนัก    เมื่อผู้ที่เดินออกมายืนตรงแสงไฟจากกองเพลิงคือร่างใหญ่โตของอริผู้ซึ่งคิดร้ายกับเขามาตลอดไอย่างไอ้ชมนั่นเอง!
              ไอ้ชมยืนมองจ้องชินกรด้วยแววตาที่อาฆาตในมือของมันถือมีดสปาต้าที่เขาเคยเห็นมาแล้วเมื่อสองวันก่อน พรางยิ้มเยาะราวกับสัตว์ร้ายที่พบเหยื่อของมัน
              “ไงไอ้เพื่อนเก่า ในที่สุดมึงกับกูก็ได้เจอกันตัวต่อตัวเสียทีนะ”
              ไอ้ชมพูดพร้อมกับก้าวเดินเข้ามาหาชินกรแต่มันก็ชะงักเมื่อเห็นชายหนุ่มที่หลบหลังต้นไม้เล็งปืนลูกซองมาทางมัน
              “แกมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? แล้วลุงคำกับไอ้สรไปไหน?”
              “หึ  กูก็ตามมึงมาน่ะสิ  รอจังหวะที่มึงอยู่คนเดียวมานานแล้วจนเห็นมึงตกกลิ้งเป็นลูกหมา   กูก็เลยยอมลงทุนไต่เนินใกล้กับที่มึงตกลงมาจนมาเจอแสงจากกองไฟนี่แหละ  ส่วนไอ้สองตัวนั่นคงกำลังหาทางเดินอ้อมเพื่อมาหามึงอยู่”
              ชินกรรู้สึกทะแม่งในคำพูดของไอ้ชมยังไงไม่รู้  แต่ยังไงก็ตามเขาไม่มีเวลาที่จะวิเคราะห์อะไรในตอนนี้ทั้งนั้นเพราะแววตา   อากัปกิริยารวมทั้งมีดสปาต้าในมือของไอ้ชมบอกชัดเจนว่าถ้ามันยังอยู่คือต้องเป็นเขาที่ตายแน่นอน
              “แกอย่าเข้ามานะไอ้ชม การยิงคนตายเพราะป้องกันตัวมันไม่ผิดกฎหมายนะเว้ย ถ้ามึงเข้ามาใกล้ฉันยิงแน่นอน!”
              ไอ้ชมลังเลแต่มันก็ยังฝืนยิ้มเหี้ยมอยู่
              “ก็เอาซี่ กูไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว ตั้งแต่หวาน,พ่อกูแม่กู รวมทั้งไอ้ดำไอ้เขียวต้องตายก็เพราะมึง!”
              ชินกรคิ้วขมวดพร้อมกับทบทวนคำพูดของไอ้ชม
              “แกพูดเรื่องอะไรไอ้ชม? ฉันไปเกี่ยวอะไรกับการตายพ่อ,แม่แล้วลูกสมุนของแกมันตายไปตอนไหนในเมื่อฉันยังเห็นมันอยู่กับแกเมื่อวันก่อนอยู่เลย”
              “พวกมันตายเมื่อคืนก่อนไง  กูไม่น่าปล่อยมึงให้หนีไปได้เลย ไม่งั้น...”
              ถ้าตาของชินกรไม่ฝาดไปเขาเห็นน้ำตาของไอ้ชมที่ไหลรินออกมา  ขณะที่ในสมองของเขากำลังลำดับเรื่องราว
              “เอาล่ะ ฉันจะบอกกับแกไว้ตรงนี้เลยนะว่าที่แกพูดมาทั้งหมด ทั้งไอ้ดำไอ้เขียวหรือพ่อแม่แกคืออะไรฉันไม่รู้เรื่อง! ฉันความจำเสื่อมเลยมารักษาตัวที่บ้าน ไม่เข้าใจในสิ่งที่แกพูดเลยสักนิด”
              ไอ้ชมหรี่ตามองมาที่ชินกร
              “ความจำเสื่อมหึๆๆๆๆๆ ให้ตายสิ!   ทำไมกูไม่เชื่อตอนคนมาบอกนะ  กูยังคิดเลยว่ามึงมันตอแหล!”
              “ฉันไม่ได้ตอแหลฉันจำไม่ได้จริงๆ ฉันไม่เข้าใจที่แกพูดว่าฉันไปเกี่ยวกับการตายของพ่อแม่แกกับสมุนแกได้ยังไง? อีกอย่างเรื่องหวานฉันก็เพิ่งรู้ตอนมาถึงแล้วฉันเสียที่ทำอะไรแย่ๆกับเธอจนต้อง...”
              เหมือนสะกิดแผลในใจบางอย่างให้เจ็บแปลบอีกครั้ง  ไอ้ชมมองชินกรด้วยสายตาจงเกลียดจงชังยิ่งกว่าเดิม
              “ไหนมึงบอกว่าความจำมึงเสื่อมไง? แล้วทำไมมึงจำหวานได้?”
              “สรมันเล่าให้ฉันฟังต่างหาก ฉันยังแทบไม่เชื่อตัวเองว่าฉันเคยทำอะไรเลวๆแบบนั้นกับผู้หญิงคนหนึ่งได้”
              “แล้วไอ้สรมันได้บอกมึงหรือเปล่าว่ามึงเป็นคนฆ่าหวาน!”
              ชินกรทำหน้าตื่นตระหนกเพราะสิ่งที่ได้ฟังอยู่มันตรงกันข้ามกับสิ่งที่สรบอกเขา
              “หึๆ ทำหน้าโง่อย่างนั้นมันไม่ได้บอกอย่างที่กูสินะ  มึงไม่ได้แย่ไอ้กรแต่คนอย่างมึงมันชั่วโดนสันดานเลย!”
              ชินกรสับสนไปหมดในตอนนี้จนเผลอหลบสายตาของไอ้ชมซึ่งมันรอโอกาสนี้อยู่  ไอ้ชมพรวดเข้ามาถึงตัวของชายหนุ่มพร้อมกับคว้าไปที่ปากกระบอกปืนลูกซองแล้วบิดแหงนขึ้นฟ้า
              เปรี๊ยง!
              ชินกรทำปืนลั่นด้วยอารามตกใจ ลูกกระสุนเพียงนัดเดียวของปืนลูกซองที่ใช้ต่อรองชีวิตเขาจนมาถึงตอนนี้ได้มลายหายไปต่อหน้าเพราะความไม่มีสติเพียงชั่วครู่   ไอ้ชมใช้แรงที่เหนือกว่าแย่งปืนลูกซองจากเขาอย่างง่ายดายแล้วเงื้อมีดสปาต้าฟันไปที่เขาโดยหมายไปที่ศีรษะ
              ฉัวะ!
              ชินกรหลบได้อย่างฉิวเฉียดจนมีดสปาต้าของไอ้ชมไปปักเข้ากับต้นไม้ที่ชายหนุ่มหลบอยู่จนติดในเนื้อไม้   เขาใช้โอกาสนั้นเตะเข้าไปที่ชายโครงของไอ้ชมจนตัวงอแล้วเผ่นวิ่งเข้าป่าที่มืดมิดทันที   เขาได้ยินเสียงคำรามอาฆาตแค้นของไอ้ชมดังตามหลังเมื่อหันไปมองบัดนี้มันสามารถดึงมีดสปาต้าออกมาพร้อมกับวิ่งไล่กรวดเขาราวกับเสือหมายขย้ำเหยื่อ!  ชินกรเร่งฝีเท้าเพื่อหนีจากความตายที่กระชั้นตัวเขามาในทุกขณะ
              “ช่วยด้วย!”
              ชินกรส่งเสียงร้องที่ไม่รู้ว่าจะขอความช่วยเหลือใครได้เหมือนกัน    เขาวิ่งไปอย่างเดาทางของป่าไม่ถูกในขณะที่เสียงหัวเราะเย็นๆดังรอบตัวจากภายในป่าที่เคยได้ยินเมื่อตอนหัวค่ำก็ดังขึ้นอีกครั้ง    แต่คราวนี้เขากลับไม่กลัวมันเท่ากับความตายที่กำลังไล่หลังมาอย่างกระชั้นชิดเขามาเรื่อยๆ
              ชายหนุ่มวิ่งมาไกลแค่ไหนไม่รู้แต่ที่รู้คือกำลังขาเขาเริ่มจะอ่อนแรงขณะที่เสียงวิ่งตามหลังพร้อมคำรามอย่างโกรธแค้นเข้ามาใกล้ทุกที    อีกไม่นานเขาต้องถูกไล่กวดทันแน่นอนแล้วก็เป็นไปตามคาดของชินกรเมื่อสุดท้ายเขาเกิดสะดุดกับขอนไม้จนล้มลงกับพื้นป่า พร้อมกับที่ไอ้ชมก็ถึงตัวเขาพอดี
              ผัวะ!
              ไอ้ชมเตะเข้าที่ท้องของเขาจนจุกเหมือนเอาคืนที่โดนเตะชายโครงไป     ชินกรแหงนหน้าดูมันอย่างหมดทางสู้ได้เห็นแววตาเรืองแสงสีแดงเลือดคู่นั้นจ้องมองมาอย่างสะใจที่กำลังจะมอบความตายให้กับอริอย่างเขา      ไอ้ชมกระชากตัวของชินกรที่ป้อแป้เนื่องจากความเหนื่อยที่วิ่งหนีกับยังจุกที่ท้องอยู่
              “ไหนๆมึงก็จะตายละ กูมีอะไรให้มึงดู”
              พูดจบมันโยนชินกรลงพื้นป่าราวกับโยนขยะชิ้นใหญ่ลงพื้น   ชินกรรู้สึกเจ็บไปทั้งร่างเมื่อเงยหน้าขึ้นมองมันเขาก็เห็นภาพที่ไม่น่าเชื่อตรงหน้า    ภาพที่ปรากฏอยู่ในโสตจักษุของชินกรในตอนนี้คือร่างของไอ้ชมที่ยืนอยู่ในเงามืดของป่าแววตาเรืองแสงสีเลือดดูคล้ายกับภูตผีในยามค่ำคืน     ทว่าสิ่งที่ทำให้ชินกรรู้สึกขนหัวตั้งคือเหล่าบรรดาต้นไม้รอบตัวของเขานั้นต่างหากที่ถ้าสายตาเขาไม่หลอนจนเกินไป       เขาเห็นต้นไม้เหล่านั้นมีสภาพคล้ายกับผู้หญิงที่เปลือยร่างแล้วบิดตัวเองให้บิดเบี้ยวเสมือนต้นไม้ในป่าพร้อมกับหัวเราะเขาด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกอย่างน่ากลัว!
              “เป็นยังไงเหมือนฝันร้ายไหม?”
              ไอ้ชมถามเขากลับด้วยเสียงเหี้ยมขณะที่ชินกรพยายามปรับสติเพราะในตอนนี้เขาแยกไม่ออกเหมือนกันว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคือฝันร้ายหรือความจริงกันแน่?    ไอ้ชมก้าวเท้าเข้ามาหาชินกรมือที่ถือมีดสปาต้าทำหน้าที่ชี้ไปรอบๆยังต้นไม้ที่มีรูปร่างไม่ต่างจากภูตจากอเวจีที่ชวนหลอกหลอน
               “นี่คือความเลวที่สุดของมึงไอ้กร  นี่คือสิ่งที่มึงทำกับหมู่บ้านนี้แล้วมึงต้องชดใช้มันให้กับกู!”
              ไอ้ชมเดินพรวดมาหยุดตรงหน้าชินกรท่ามกลางเสียงหัวเราะที่เย็นยะเยือกจากต้นไม้ที่เหมือนปิศาจอยู่รอบๆ  มันเงื้อมีดสปาต้าในมือขึ้น      ชินกรมองดูภาพตรงหน้าพร้อมกับคิดว่านี่คือวาระสุดท้ายของตัวเขา   ความคิดมากมายประดังเข้ามาเต็มในหัวไปหมดรวมไปถึงแม่ที่ตอนนี้คงจะห่วงเขาและคงจะยิ่งเสียใจถ้าเกิดรู้ว่าเขาได้ตายอย่างอนาถที่บนเขาแห่งนี้     ชินกรหลับตาลงยอมรับชะตากรรมสุดท้ายในชีวิตทว่ากลับเป็นเสียงโวยวายของไอ้ชมที่ทำให้เขาลืมตาขึ้นมามองว่ามันเกิดอะไรขึ้น?
              ไอ้ชมมีสีหน้าหวาดกลัวตาจ้องมองไปที่เหนือหัวของชินกรพร้อมกับรีบถอยห่างจากตัวเขา    ขณะที่เหล่าต้นไม้ปิศาจเปลี่ยนจากเสียงหัวเราะเป็นเสียงกรีดร้องแหลมก้องไปทั่วทั้งบริเวณนั้น    ชินกรแหงนคอมองแม้จะเป็นความมืดและอยู่ในภาพที่กลับหัวแต่เขาก็จำได้ว่าสิ่งที่ยืนอยู่ข้างหลังไม่ห่างจากศีรษะของเขาคือเงาดำร่างสูงชะรูดลักษณะผมยาวกระเซอะกระเซิง   แขนขาเรียวยาวผิดลักษณะมนุษย์   ที่สำคัญเสียงชวนสยองที่ชินกรเคยได้ยินและวิ่งหนีมาแล้ว
              แผล่บ!     แผล่บ!     แผล่บ!
              ร่างอสุรกายนั้นก้าวข้ามผ่านชินกรที่นอนอยู่เขาได้กลิ่นที่เหม็นรุนแรงคล้ายซากศพผสมกลิ่นเลือดผ่านไปกับเงาดำที่น่าสะพรึงนั้น    มือที่เรียวยาวของมันตบต้นไม้ปิศาจต้นหนึ่งที่อยู่ใกล้จนแหลกคามือแล้วก็ตวัดมือตบอีกต้นที่ขวางทางระหว่างมันกับไอ้ชม      ไอ้ชมวิ่งตาลีตาเหลือกแต่ก็ก้าวไม่พ้นเงามัจจุราชเมื่ออสุรกายนั้นคว้าตัวมันขึ้นมาพร้อมกับเหวี่ยงมันจนกระแทกกับพื้นอย่างจังจนดังลั่นไปทั่วบริเวณ
              ภาพสุดท้ายก่อนที่สติสัมปชัญญะของชินกรจะหมดไปคือภาพของอสุรกายตนนั้นนั่งลงพร้อมกับควักเครื่องในของไอ้ชมออกมากินอย่างหิวกระหาย กลิ่นเลือดและความตายคาวคุ้งพร้อมกับเสียงชวนสยองที่ไม่มีวันลืม!
              แผล่บ!     แผล่บ!     แผล่บ!
 
 
              “เธอตื่นเถอะ เธอๆ”
              ชินกรได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังก้องขึ้น   เขาค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นเห็นสาวปริศนาที่เคยช่วยเขาและก็เตือนเรื่องการมาล่าสัตว์กำลังปลุกเขาด้วยสายตาที่ดูเหมือนจะร้องไห้       แต่พอเห็นเขาลืมตาตื่นขึ้นมาหญิงสาวก็ยิ้มขึ้นด้วยท่าทางดีใจ  ชายหนุ่มเอามือจับไปที่ศีรษะเพราะเขารู้สึกปวดเหลือเกินพลันนึกถึงเรื่องสยองที่เกิดขึ้นก่อนจะหมดสติได้ขึ้นมา
              “มันไปแล้วล่ะเธอไม่ต้องกลัวนะ”
              ราวกับอ่านใจเขาได้สาวปริศนาบอกมาก่อนที่ชินกรจะถามใดๆ เขามองไปรอบตัวไม่เห็นต้นไม้ปิศาจเหล่านั้นป่าทั้งป่ากลายเป็นปกติ    เมื่อมองไปทางทิศที่จำได้ว่าไอ้ชมนอนตายอยู่หญิงสาวก็ปิดตาเขา
              “เธออย่าดูเลย ภาพมันไม่น่าดูหรอก”
              “เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?  แล้วไอ้ตัวที่ฉันเห็นมันไหนแล้ว?  มันทำอะไรเธอหรือเปล่า?”
              ชินกรถามขึ้นมาแม้จะยังปวดศีรษะแต่ความกลัวและเป็นห่วงหญิงสาวก็ทะลักจนเกินจะอัดอั้นไว้ได้  สาวปริศนาเอามือลูบศีรษะปลอบขวัญชายหนุ่ม
              “เจ้าตัวนั้นมันไปแล้ว  ฉันแอบดูเธออยู่นานและมันก็ไม่เห็นฉัน  ฉันเลยไม่เป็นอะไร”
             “งั้นก็ดีแล้ว  แต่เธอยังไม่ได้บอกกับฉันเลยว่าเธอมาอยู่กลางป่านี้ได้ยังไง?”
              ชินกรพูดพรางกุมศีรษะเพราะทนไม่ไหวกับอาการปวดหัวที่เกิดขึ้น   หญิงสาวลุกขึ้นแล้วมานั่งตรงด้านหลังพร้อมกับใช้มือทั้งสองข้างจับไปที่ขมับของชินกรแล้วลงมือนวดอย่างแผ่วเบา     ชายหนุ่มจากที่ปวดศีรษะอยู่รู้สึกค่อยๆคลายความคิดอะไรหลายๆอย่างก็ผุดขึ้นมาราวกับตาน้ำ
              “นั่นมันตัวอะไรกันแน่ที่ฆ่าไอ้ชม?”
              ชินกรเปรยขึ้นมา สาวปริศนาเอ่ยขึ้นเบาๆ
              “เธออยากรู้จริงเหรอว่านั่นคืออะไร?”
               ชินกรแหงนหน้ามองหญิงสาวที่กำลังนวดขมับ ดวงตาของเขาจริงจัง “ใช่”
              “ที่เธอเห็นเป็นอสุรกายที่มีอายุมานานจนเธอมิอาจจะคาดถึง เป็นอสุรกายที่ทรงอำนาจมาตั้งแต่บรรพกาล”
              “อสุรกายที่ทรงอำนาจมาตั้งแต่บรรพกาล......แล้วมาอยู่ที่หมู่บ้านนี้ได้ยังไง?”
              “มันอยู่ที่หมู่บ้านนี้มาตั้งนานแล้ว  ก่อนเธอเกิดเสียอีกเพียงแต่มันจะไม่ออกมาเพ่นพ่านยกเว้นจะมีคนเรียกออกมา”
              “เธอกำลังจะบอกว่านี่เป็นอสุรกายที่มีคนเลี้ยงอย่างนั้นเหรอ? แล้วใครที่จะเลี้ยงอสุรกายแบบนี้ได้?”
              “ฉันขอไม่บอก เพราะมันเกินคำถามที่เธอถามฉัน”
              ชินกรแหงนหน้ามองสาวปริศนาซึ่งบัดนี้เธอหลบตาเขาไปเสีย  เขาพยายามจะถามเพื่อให้รู้คำตอบแต่ก็ละไว้เพราะเขาดูออกว่าท่าทางของเธอคงปิดปากเงียบไม่บอกเขาในตอนนี้เด็ดขาด   เกิดความเงียบขึ้นระหว่างทั้งคู่ความคิดหนึ่งแล่นเข้ามาในหัวชินกร
              “เธอไม่ใช่คนใช่ไหม?”
              หญิงสาวหยุดนวดขมับ  ชินกรได้ยินเสียงเธอสั่นระรัว
              “ทำไมเธอคิดอย่างนั้นล่ะ?”
              “ฉันหลงอยู่กลางป่าแม้แต่ตอนนี้ลุงคำกับไอ้สรยังหาฉันไม่พบเลย      ส่วนไอ้ชมมันแค้นฉันอยู่แล้วมันเลยลองเสี่ยงไต่ตามเนินมืดๆเพื่อหาฉันแต่เธอไม่ใช่    เธอมักจะปรากฏตัวถ้าพูดตรงๆคือผิดที่แต่ถูกเวลาตลอดเพื่อช่วยฉัน    มันไม่มีวี่แววอะไรเลยที่สาวน้อยอย่างเธอจะมาตามฉันได้ถูกที่ถูกเวลาแบบนี้”
              สาวปริศนาเงียบไป ชายหนุ่มรับรู้ได้แรงสั่นน้อยๆที่เกิดขึ้นที่มือที่จับขมับเขาอยู่
              “เธอ.......คือหวานหรือเปล่า?”
              ชินกรถามขึ้นมาด้วยความหวั่นใจ   ถ้าย้อนไปก่อนที่จะมาหมู่บ้านแห่งนี้ชินกรไม่มีความเชื่อเรื่องภูตผีวิญญาณใดๆแต่เหตุการณ์เป็นตายที่เกิดขึ้นในค่ำคืนนี้     ทำให้เขาต้องเชื่อพร้อมกับทบทวนความเชื่อในสามัญพื้นฐานในบัดดลโดยเฉพาะกับสาวปริศนาคนนี้ที่เขารู้สึกคุ้นเคยเหลือเกิน  จากคำบอกเล่าของสร(ถ้าไอ้ชมโกหกเรื่องที่ว่าเขาฆ่าหวาน)เธอคนนี้น่าจะเป็นผู้หญิงที่เขาน่าจะผูกพันอย่างหวานนั่นเอง 
              สาวปริศนาเปลี่ยนจากนวดขมับเป็นสวมกอดที่คอของชินกรจากด้านหลังโดยเธอเอาหน้าผากชนเข้าที่ท้ายทอยของเขาแล้วกระซิบ
              “เวลานี้เธอควรจะปลอดภัยเสียก่อน ทางด้านซ้ายมือของเธอตรงไปราวสิบนาทีเธอจะเจอทางด่านแล้วให้เดินย้อนไปทางขวา     เธอจะพบกับลานกว้างติดผาที่เธอกินข้าวชมวิวเมื่อตอนกลางวัน   เธอจุดไฟแล้วรอลุงคำอยู่ที่นั่นเขาจะหาเธอพบในคืนนี้เอง”
              พูดจบเธอคลายวงแขนออกชินกรหันหลังเพื่อจะพูดกับเธอให้รู้เรื่องแต่เมื่อหันมาเธอก็หายไปเสียแล้ว   ชายหนุ่มถอนใจเพราะถ้าเธอเป็นหวานจริงเขามีเรื่องจะพูดกับเธอตั้งมากมาย
 
 
              ชินกรลองเดินมาตามทางที่เธอบอกเขาใช้ไฟฉายที่อยู่ในกระเป๋าเป้ฉายส่องทางเดินของป่าที่มืดสนิท     ระหว่างเดินผ่านต้นไม้ต่างๆเขาหวั่นใจว่าจะเห็นต้นไม้เป็นรูปร่างน่ากลัวอย่างที่พบเจอ      ชายหนุ่มเร่งฝีเท้าของตนจนพ้นป่าแล้วเจอกับทางด่านตามที่เธอบอกมา     เมื่อเลี้ยวขวาไปตามทางเขาก็เจอกับบริเวณเวิ้งผาที่เขาได้มาทานอาหารกลางวันที่นี่  ชินกรโล่งใจที่ในที่สุดก็หลุดจากป่าได้    เขาเดินไปที่เวิ้งผาที่สามารถมองเห็นหมู่บ้านบ้านวังสาได้ขณะที่ฟ้ามืดแต่ยังเห็นดาวที่เต็มท้องฟ้าสวยงาม      ชายหนุ่มนั่งลงบนขอนไม้พร้อมวางกระเป๋าเป้เขารู้สึกสบายใจที่อยู่ในที่โล่งไม่ติดอยู่กลางป่าที่มืดทึบ      แล้วถ้าเป็นไปตามที่สาวปริศนาได้บอกมาลุงคำกับสรจะหาเขาเจอที่นี่        ชินกรแหงนฟ้ามองดาวที่ทอแสงระยิบระยับก่อนจะค่อยไล่ระดับสายตาลงไปที่หมู่บ้านบ้านวังสา     เห็นความมืดที่ปกคลุมหมู่บ้านโดยบ้านส่วนใหญ่ปิดไฟภายในบ้านกันหมดแล้ว     ชายหนุ่มไล่สายตาไปทางที่บ้านของนางภาแม่ของเขาเพื่อดูว่าได้ปิดไฟหลับหรือยังคงเปิดไฟเพื่อรอคอยการกลับไปของเขาอยู่  แต่แล้วชินกรก็พบกับความผิดปกติบางอย่างตรงบริเวณบ้านของเขา
              สิ่งที่ชินกรเห็นผ่านสายตาคือบริเวณหน้าบ้านของเขานั้นมีดวงไฟสีเขียวนับไม่ถ้วนลอยอยู่    ดวงไฟเหล่านั้นชายหนุ่มจำได้ว่าเคยเห็นมาแล้วครั้งหนึ่งโดยดวงไฟเหล่านั้นลอยรวมกลุ่มกันอยู่ชั่วครู่        ก่อนจะกระจายออกไปรอบหมู่บ้านบ้านวังสา  พร้อมกันนั้นชินกรเห็นรถขนาดใหญ่น่าจะเป็นรถหกล้อขับเข้ามาในหมู่บ้านแล้วดวงไฟสีเขียวที่กระจายอยู่ก็มารวมตัวที่รถหกล้อคันนั้นทันที!      ระหว่างที่มองอยู่นั้นจู่ๆอาการปวดศีรษะก็กำเริบมาอีกรอบคราวนี้ชายหนุ่มรู้สึกปวดรวดร้าวจนเกินบรรยาย        อาการปวดศีรษะหนักจนตาเริ่มพร่ามัว ก่อนที่จะหมดสติไปอีกครั้งเขาได้ยินเสียงฝีเท้าและเสียงตะโกนโหวกเหวกของลุงคำก่อนที่จะสลบไป
             

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา