Love in demon : รักวุ่นๆของเด็กหนุ่มกับ(เหล่า)ปีศา

8.0

เขียนโดย Blueheadphone

วันที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2561 เวลา 21.19 น.

  13 ตอน
  3 วิจารณ์
  11.15K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 11 เมษายน พ.ศ. 2561 21.25 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) การผจญภัยครั้งที่ 3

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
          “นี่นายจะไปไหนกันแน่?”
          “ตามมาเหอะน่าไอ้พวกนั้นมันไม่เคยโกหกฉันหรอก”
          “แล้วอีกไกลแค่ไหนล่ะ?”
          “ไม่ไกลหรอก”
          “พูดแบบนี้มาหลายรอบแล้วนะ”
          “อดทนหน่อยน่า”
          ระหว่างการเดินทางเข้าไปในป่าลึกที่ไม่มีใครกล้าเข้ามาทำให้เหล่ากิ่งก้านใบของต้นไม้ใหญ่แผ่ขยายไปทั่วจนสามารถกรองแสงแดดจากดวงอาทิตย์ได้เกือบทั้งหมดทั้งสองก็ยังคงถกเถียงกันเรื่องระยะทางเช่นเดียวกับตอนก้าวเข้ามา
          ด้วยความมืดรอบด้านทำให้เบ็คกาลอสจำเป็นต้องใช้เวทย์ไฟของตนสร้างคบเพลิงและวางสัญลักษณ์เรืองแสงกันหลงไว้ตามจุดต่างๆ คนผมฟ้าใช้มีดเดินป่าในมือตัดพวกกิ่งไม้เล็กใหญ่เพื่อเปิดทางให้ตนและคู่หูคนใหม่มาตามทางเรื่อยมาจนกระทั่งเขาก็พบเข้ากับจุดหมายของตนเอง
          กระท่อมไม้หลังขนาดกลางถูกสร้างไว้กลางป่าลึกต้องห้ามเพื่อป้องกันการถูกรบกวนจากหลายๆสิ่งรวมไปถึงความเงียบสงบอันจะหาได้ยากหากอยู่ใกล้ความเจริญ แม้มันจะดูเก่าแก่เจียนจะถล่มลงมาได้ทุกเวลาแต่กลับรู้สึกว่ามีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ภายในโดยไม่หวาดกลัวเรื่องนั้นเลยแม้แต่น้อย
          ‘ร้านขายข้อมูลทั่วราชอาณาจักร’ วูดวูฟอ่านชื่อร้านบนป้ายเก่าๆนั้นแล้วเกาศีรษะดังแกรกๆ ร้านขายข้อมูลกลางป่าลึกขนาดนี้ใครจะมาซื้อข้อมูลกันเล่า!?
          “ยินดีต้อนรับครับ”
          เสียงของเจ้าของร้านดังขึ้นทักทายลูกค้าของตนในขณะที่เขากำลังตรวจสอบวัตถุบนโต๊ะไม้สัก ชายผมม่วงเงยหน้าขึ้นมาแล้วก็ต้องเผลอแลบลิ้นสองแฉกของตนเมื่อเห็นเด็กหนุ่มตรงหน้าเขากำลังส่งยิ้มให้
          “เซอร์เพ็น”คนผมฟ้าเอ่ยชื่อของพ่อค้าผู้เลื่องชื่อในหมู่ปีศาจ
          “คุณเบ็ค”อีกฝ่ายก็เรียกชื่อของลูกค้าเช่นกัน
          “รู้จักกันด้วยงั้นเหรอ?”
          “เพื่อนร่วมงานสมัยเป็นนักล่าใหม่ๆ”เบ็คกาลอสตอบ “ฉันมีบางเรื่องจะขอให้ช่วยหาของให้หน่อย”
          “ของจำพวกไหนครับ? อาวุธ หนังสือ ของตกแต่งหรืออะไร?”
          เด็กหนุ่มผมฟ้าไม่ตอบแต่ปลดสร้อยคอของตนแล้ววางไว้บนโต๊ะตัวนั้น เซอร์เพ็นใช้หางด้านหลังซึ่งเป็นหัวงูของตนคาบมันมาวางไว้ในมือแล้วมองพิจารณา
          “ของแท้แน่นอน...อายุไม่น่าต่ำกว่าหนึ่งพันปี”เขาพูด “ส่วนนั่นก็อายุพอๆกัน ต้องของจริงแน่นอน”
          “รู้ได้ยังไง?”ชายผมดำถามในขณะมือจับต่างหูของตน
          “งูน่ะมีประสาทสัมผัสไวนะเมื่อแลบลิ้น”เซอร์เพ็นบอกแล้วแลบลิ้นของตนเอง “ผมสามารถทราบอายุ กลิ่น ความร้อนและการเคลื่อนไหวของสิ่งต่างๆได้ด้วยสัมผัสของผม”
          “เป็นความสามารถที่วิเศษจนน่าอิจฉาแต่ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อให้นายอวดอ้างมัน”เบ็คกาลอสว่า “ตอนปีศาจบุกมาที่หมู่บ้านที่ฉันเพิ่งไปทำงานมันพูดชื่อของคาเอม แสดงว่านายสองคนมีข้อมูลเรื่องนี้”
          “แน่นอนครับคุณเบ็ค”อสรพิษหนุ่มเลียริมฝีปากตน “ไม่มีอะไรสามารถหนีหู ตา จมูกและลิ้นของพวกเราไปได้”
          ชายผมม่วงลุกขึ้นแล้วกวักมือให้ลูกค้าทั้งสองตามมา เขาเดินนำเข้าไปในตัวร้านแล้วพาไปด้านหน้าประตูลับที่มีพวกงูเลื้อยไปมาเพื่อป้องกันผู้บุกรุก เซอร์เพ็นแค่แลบลิ้นของตนงูพวกนั้นก็ค่อยๆเลื้อยออกไป แต่ด้วยความไม่ถูกกับสัตว์เลื้อยคลานทำให้วูดวูฟเผลออุทานด้วยความตกใจออกมาหลายต่อหลายครั้ง
          บันไดแคบๆนำทางลงไปยังชั้นใด้ดินขนาดใหญ่ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเก็บรวบรวมหลายสิ่งหลายอย่างไว้ด้านใน มีทั้งตู้กระจกโชว์วัตถุโบราณจากหลากหลายที่บนทวีปนี้และชั้นหนังสือซึ่งมีตั้งแต่หนังสือเก่าแก่อายุกว่าสามร้อยปีมาจนถึงหนังสือของผู้ชายเล่มล่าสุดซึ่งนั่นเป็นของคาเอมมิใช่ของเซอร์เพ็น...ถึงแม้จะแอบอ่านสักนิดก็เถอะ
          “เชิญนั่งครับ”
          เซอร์เพ็นบอกให้ทั้งสองนั่งลงบนเก้าอี้ไม้สลักลวดลายอย่างสวยงามก่อนจะนั่งลงด้านตรงข้าม ส่วนเขาก็นั่งลงในด้านตรงข้ามซึ่งฉากด้านหลังนั้นเป็นตู้กระจกโชว์เหล่าสัตว์มีพิษหายากที่มีหลากหลายชนิดตามความต้องการของผู้ต้องการ
          หางงูเลื่อนไปคว้าแผ่นกระดาษซึ่งถูกม้วนมาวางบนโต๊ะแล้วคลี่มันออกก็พบกับแผนที่วาดมือของใครสักคน นิ้วเรียวยาวชี้ไปยังจุดเขตแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้ที่สุด ‘ซีแลนด์’ ดินแดนแห่งสายน้ำและท้องทะเล
          “ข้อมูลล่าสุดของผมเมื่อ 5 ปีก่อนนครใต้น้ำทางตอนเหนือคือผู้ครอบครองกำไลข้อมือน้ำเงิน ‘แรนทัธ’ ก่อนที่จะถูก 1 ใน 7 ตัววิปลาสยูเรนัสฉายา ‘คมดาบมฤตยู’ บุกไปทำลายทำให้แรนทัธหายสาปสูญ”อสรพิษหนุ่มบอก แล้วชี้ไปยังอีกเขตหนึ่ง “‘เขตแซนด์แลนด์’ ข่าวถูกประกาศออกมาว่ามีการค้นพบอัญมณีโบราณอายุกว่า 1300 ปี ก่อนที่ทีมสำรวจจะถูกพัดหายไปกับพายุทรายยักษ์”
          “จะรู้ได้ยังไงว่านายพูดความจริง?”วูดวูฟถาม “เรื่องแบบนี้มันไม่น่าใช่เรื่องที่จะมีใครบอกต่อกันได้”
          “นายคงเป็นคนที่มาใช้บริการของเราครั้งแรกสินะ?”
          เสียงปริศนาดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของชายผมทองที่ไม่สามารถมีใครสัมผัสได้ถึงการมีตัวตนอยู่ของเขายกเว้นเซอร์เพ็น ชายคนโผล่อยู่ด้านหลังของเบ็คกาลอสก่อนจะสวมกอดเด็กหนุ่มในทันที มิหนำซ้ำยังจุมพิตไปที่แก้มข้างซ้ายของเขาอีกต่างหาก
          “เลิกทักทายกันแบบนี้สักทีคาเอม”เจ้าตัวว่าแล้วเช็ดแก้มของตนเอง “ไม่ใช่เด็กวัยรุ่นกันแล้วนะพวกเราน่ะ”
          “ครับๆคุณเบ็คกาลอส”คาเอมหัวเราะ “แล้วนี่ใครล่ะเนี่ย? ปีศาจของนายรึยังไงเบ็ค?”
          “ไม่...เอ่อ...ว่าไงดีล่ะ? คู่หูมั้ง!?”
          “เห?”กิ้งก่าหนุ่มลากเสียงยาว “ไม่ยักกะรู้ว่านอกจากพวกเราแล้วนายยังมีเพื่อนร่วมงานอีก”
          “ไม่เห็นมีข้อมูลพวกนี้อยู่ในสมองของพวกเราเลยนะ”เซอร์เพ็นเสริม “แต่คุณสมบัติก็น่าจะได้ คุณวูดวูฟ โอเวลอายุ 25 ปี ตำแหน่งทหารส่วนพระองค์ของราชาไลท์เรย์”
          “รู้เรื่องของฉันได้ยังไง!?”คนถูกเรียกชื่อถามเสียงดัง
          “เฮ้ๆ! อยู่ในร้านพวกเราก็ต้องใช้กฎของพวกเรา! ข้อแรกอย่าตะโกนใส่พ่อค้า!”คาเอมตะโกนกลับ “ถ้าอยากได้ข้อมูลที่ต้องการก็ต้องห้ามแสดงมารยาทไม่เหมาะสมกับพวกเรา!”
          “แต่ฉันก็เป็นลูกค้านะ!”
          “ลูกค้าระดับนายฉันไม่เห็นต้องสนใจเลย!”
          “ทั้งคู่หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ! ฉันมาที่นี่เพื่อถามไถ่ไม่ใช่มาให้ทะเลาะกัน”
          คำสั่งของเบ็คกาลอสได้ผลกับทั้งสองฝ่าย วูดวูฟยอมสงบปากสงบคำส่วนคาเอมก็ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ข้างเพื่อนซี้ของตน ชายผมม่วงหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะบอกข่าวต่อไปคือ อาเมอร์แลนด์ ว่ากันว่ามีการค้นพบโบราณสถานแห่งใหม่และมีคนพูดถึงเครื่องประดับเรืองแสงด้านในแต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปเนื่องจากมีกลไกของกับดักมากมายถูกซ่อนไว้
          ส่วนอัญมณีอีกชิ้นไม่มีใครเคยพูดถึง คาดว่ามันน่าจะถูกซ่อนไว้ที่ใดที่หนึ่ง เบ็คกาลอสพยักหน้าเป็นการเข้าใจกับคำพูดของพ่อค้าทั้งสองคนก่อนจะวางเงินจำนวนหนึ่งเป็นค่าแลกเปลี่ยนกับเรื่องราวซึ่งถูกบอกเรามา แล้วเมื่อกำลังจะลุกออกไปก็ถูกเลือกให้หยุดไว้ซะก่อน
          “ผมมีของให้ด้วยครับคุณเบ็คกาลอส”
          เจ้าของชื่อเอียงคอด้วยความสงสัยเมื่อเพื่อนของเขาพูดแบบนั้น พ่อค้าคนนั้นเดินไปยังตู้เก็บของก่อนจะเปิดออกแล้วลากกล่องสมบัติขนาดกลางออกมาไว้ด้านนอกก่อนจะดึกให้เปิดออก เขาเอื้อมมือลงไปคว้าวัตถุรูปร่างประหลาดคล้ายกับพานแก้วขนาดเล็กที่มีไว้วางอะไรสักอย่างออกมาเพื่อยื่นให้กับเขา
          “ผมได้มาจากคนขายของเก่า”
          “แล้วยังไงต่อ?”
          “เราไม่แน่ใจว่ามันจะใช้ได้เหมือนที่ไอ้หมอนั่นโม้ไว้รึเปล่า”คาเอมแย่งพูด “มันบอกว่าไอ้เจ้านี่สามารถค้นหาวัตถุชนิดใกล้เคียงกันได้แค่วางมันไว้ด้านบน”
          “มีของแบบนี้อยู่ในโลกด้วยเหรอ?”
          “ลองเอาไปใช้ดูเผื่อมันมีประโยชน์นะครับ”อสรพิษหนุ่มแลบลิ้น “ยังเก็บไว้อีกอย่างงั้นเหรอครับกระเป๋านั่นน่ะ”
          เด็กหนุ่มผมฟ้าก้มมองกระเป๋าไม้ของตนเองก่อนจะลูบมันอย่างอ่อนโยนพลางส่งยิ้มให้กับเจ้าของเก่าของมัน
          “แน่นอนอยู่แล้ว...ก็มันเป็นของสำคัญที่พวกนายให้มานี่”เบ็คกาลอสหัวเราะเบาๆต่างจากทั้งสองคนที่ก้มหน้าหนี “ไปล่ะนะ ไว้เจอกันอีกครั้ง”
          “เดี๋ยวครับ!”เซอร์เพ็นทัก “ลองใช้เจ้านี่ดู”
          “มันคืออะไร?”วูดวูฟเอ่ยถามกับวัตถุทรงกลมขนาดกลางที่มีน้ำสีขุ่นอยู่ด้านใน
          “มันคือน้ำเคลื่อนย้าย”คนผมทองตอบ “วิธีใช้คือปามันลงพื้นพร้อมกับนึกที่ที่พวกนายอยากไป มันจะพาไปที่นั่น…แต่ขอร้องช่วยอย่ามาปาลงที่นี่เพราะกลิ่นควันตอนมันระเบิดนี่โครตจะเหม็น”
          “ขอบคุณนะ”คนผมฟ้ากล่าว “ไปล่ะ”
          “โชคดี/แล้วเจอกันใหม่ครับ”
          เบ็คกาลอสเดินนำขึ้นไปทางด้านบนของร้านตามมาติดๆด้วยชายผมดำแต่เขากลับรู้สึกมาตั้งแต่นั่งคุยธุระกันว่าสายตาของปีศาจทั้งสองตนที่มองมาทางเขาราวกับว่าพร้อมจะกระโดดเข้ามาฉีกเขาเป็นชิ้นๆได้ทุกเมื่อ ยิ่งโดยเฉพาะเวลาส่งของให้กันนี่ยิ่งเห็นได้ชัด
          เขาดึงแขนของคนเตี้ยกว่าเอาไว้เพื่อจะพูดอะไรบางอย่างกับคู่หุของตน หลังจากที่เปิดประตูร้านออกมาแล้วเดินห่างออกมาเป็นระยะทางหนึ่ง
          “มีอะไร?”คนถูกดึงถาม
          “นายรู้รึเปล่าว่าสองคนนั้นรู้สึกยังไงกับนาย?”
          “อะไรงั้นเหรอ?”เบ็คกาลอสเอียงคอ
          “ก็...”วูดวูฟเกาศีรษะ “รู้สึกเกินมากกว่าคำว่า ‘เพื่อน’ มั้ง?”
          “นายจะบอกว่าสองคนนั้นชอบฉันสินะ?”
          “นั่นแหละ!”
          คนผมฟ้าทำหน้าตกใจแล้วเปลี่ยนเป็นหน้านิ่วคิ้วขมวดเหมือนกับกำลังคิดอะไรอยู่ในสมองก่อนที่จะก้มหน้าลงไปมองพื้น ดวงตาสีดำมองอีกฝ่ายอยู่สักพักแล้วค่อยๆยื่นมือของตนเข้าไปใกล้ ทันใดนั้นเบ็คกาลอสก็เงยหน้าขึ้นมาแล้วหัวเราะเสียงดังสร้างความตกใจให้กับวูดวูฟและสัตว์ป่าโดยรอบ
          “ฮ่าๆ!!!”เด็กหนุ่มเช็ดน้ำตาของตนออก “เรื่องแบบนี้ใครๆก็ดูออกไหมเนี่ย ฮ่าๆ”
          “…”คนผมดำเงียบ “แล้วจะถามว่าอะไรทำไม?”
          “ก็แค่หลอกถามไง”เจ้าตัวว่าทั้งทั้งที่ยังคงหัวเราะอยู่ “สองคนนั้นเคยบอกฉันมานานแล้วล่ะ ตั้งแต่สมัยทำงานด้วยกันใหม่ๆแล้ว เฮ้ๆ ฉันเองก็ไม่ได้บื้อที่จะไม่รู้อะไรแบบนี้หรอกนะ”
          “แล้วตอนนั้นนายคบกันแบบเป็นอะไรกันรึเปล่า”
          “ก็เพื่อนไง”เบ็คกาลอสยักไหล่ “ไม่มีอะไรมากเกินคำว่าเพื่อน…หยุดถามได้แล้ว กลับไปที่หมู่บ้านกันจะได้เตรียมตัวเดินทางไปซีแลนด์”
          “ไม่ๆฉันมีความคิดที่ดีกว่า”วูดวูฟเสนอ “รู้จักตึกศูนย์กลางของไลท์แลนด์ใช่ไหม?...ดีรู้จักสินะ ไปเจอกันที่นั่น”
          พูดจบโดยยังไม่ได้ฟังคำตอบหรือคำถามของอีกฝั่งเลยแม้แต่น้อย วัตถุในมือก็ถูกปาลงกับพื้นแล้วกลุ่มควันสีเขียวแก่ลอยออกมาคลุมร่างของผู้ใช้เอาไว้ก่อนจะพาเขาไปยังเขตไลท์แลนด์ เด็กหนุ่มผมฟ้าใช้มือตบศีรษะของตนเองแล้วพึมพำคนเดียวก่อนจะต้องจำใจทำตามที่วูดวูฟบอกด้วยการไปยังสถานที่นัดหมาย
          ด้วยความสามารถของสายตาอันแม่นยำของคาเอมซึ่งมองทั้งสองคนจากหน้าต่างของร้านค้าก็หันมาทำสัญญาณมือให้ดำเนินแผนการขั้นต่อไปในทันที เซอร์เพ็นเลียริมฝีปากของตนเองแล้วท่องมนต์ใส่ลูกแก้วสื่อสารตรงหน้าเพื่อติดต่อไปยังลูกค้ารายใหญ่ของเขาคนหนึ่ง
          “เป็นไปตามที่ฉันบอกไว้ใช่รึเปล่า?”ชายในชุดคลุมเอ่ยถามเมื่อเกิดภาพในลูกแก้วนั้น
          “ครับ เราแนะนำเขาให้ไปซีแลนด์เป็นที่เรียบร้อย”คนผมม่วงว่าแล้วลูบคางหางงูของตนเอง “แล้วยังไงต่อครับ?”
          “ก็รอแค่เวลาให้พวกมันค้นหาอัญมณีให้ครบทั้ง 7 ชิ้นแล้วค่อยติดต่อฉันมาอีกที”
          “เฮ้ๆพี่ชายงานนี้มันใหญ่มากเลยนะสำหรับพวกเรา”คาเอมเดินเข้ามาพูด “การที่นายจ้างเราให้หลอกเบ็คได้นี่มันยากนะ ดังนั้นค่าตอบแทนคงต้องสูงหน่อยล่ะ”
          “หึๆ...”เขาหัวเราะ “ฉันให้เพิ่ม 5 เท่าเลยก็แล้วกัน ตกลงไหม?”
          “ค่อยฟังขึ้นหน่อย”
          “แล้วได้ให้ของที่ฉันให้พวกนายไปรึเปล่า?”
          “เรื่องนั้นแน่นอนอยู่แล้วล่ะ”
          อีกฝ่ายแสยะยิ้มอย่าชั่วร้ายแล้วหัวเราะแต่ก่อนที่ภาพจะในลูกแก้วนั้นจะหายไปก็ถูกเซอร์เพ็นทักถามคำถามที่เขายังคงหาคำตอบไม่ได้ในสมอง
          “ถ้าหากคุณอยากจะรวบรวมมันให้ครบทั้ง 7 ชิ้นได้ทำไมคุณไม่ทำมันเอง? ปีศาจระดับคุณไม่ใช่เรื่องยากอะไรมากมายหรอก”
          “ฉันมีข้อจำกัดบางเรื่องอยู่นะ”
          “ข้อจำกัดอะไรของคุณ?”
          “ฉันจ้างพวกแกมาทำงานไม่ใช่ให้มาถาม!!!”
          เสียงตะโกนของคนในลูกแก้วทำให้ทั้งสองคนสะดุ้งโหยงตามมาด้วยจิตสังหารอันรุนแรงซึ่งไม่มีทางที่มันจะส่งผ่านลูกแก้วสื่อสารนี่มาได้ หากแต่นี่มันคือพลังงานที่ถูกถ่ายทอดออกมาได้อย่างเต็มที่จนสามารถสัมผัสได้แม้จะอยู่ห่างกันเป็นระยะทางยาวก็ตาม
          “ขอโทษทีละกัน”เขาบอกแล้วหัวเราะ “ฉันมีงานต้องทำสักหน่อย แค่นี้แหละแล้วจะติดต่อกลับมาใหม่...อย่าทำให้เสียเรื่องล่ะไม่อย่างนั้นฉันจะเล่นพวกแกให้ยับ”
          “เข้าใจแล้วครับท่านเดรน…”
          ทั้งสองตนพูดพร้อมกับแล้วคำนับเป็นการเคารพอีกฝ่ายก่อนที่ภาพในลูกแก้วนั้นจะหายไป นั่นสร้างความโล่งใจเป็นอย่างมากให้พวกเขา เซอร์เพ็นหันไปเปิดคอมพิวเตอร์แล้วเปิดระบบระบุพิกัดของเบ็คกาลอสซึ่งคาเอมเป็นคนแอบติดไว้ตอนที่ทักทายเด็กหนุ่ม
          ชายผมม่วงเอียงคอเมื่อเห็นว่าจุดระบุบนหน้าจอนั้นไม่ได้อยู่ที่ซีแลนด์อย่างที่เขาแนะนำ แต่ที่ที่เขาอยู่คือไลท์แลนด์ซึ่งที่นั่นไม่เคยมีข่าวเกี่ยวกับการที่มีอะไรหรือใครเคยครอบครองอัญมณีมาก่อนแล้วเขาจะไปทำไมกันนะ?
          “ปล่อยไว้แบบนี้จะเป็นอะไรไหมนะ?”
          “บางทีเขาคงจะแค่แวะไปทำธุระบางอย่างก็ได้”
          “แต่ว่า...ท่านเดรนบอกให้เขาไปซีแลนด์ก่อน”เซอร์เพ็นบอกคำสั่งของปีศาจตนนั้นที่เคยให้ไว้
          “ไม่เห็นจะจำเป็น”คาเอมยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ “ไปที่ไหนก่อนก็ได้ครบอยู่ดีนั่นแหละถ้าหากเขาฝ่าอุปสรรคไปได้ นายน่ะคิดมากไปทำงานส่วนของนายไป ฉันจะออกไปสืบเรื่องอื่นๆสักหน่อย”
          “นี่เคม”คนนั่งอยู่บนเก้าอี้เรียกชื่อของเพื่อน “สิ่งที่เราทำมันถูกรึเปล่า?”
          “…”
          “เราเคยบอกไว้ไม่ใช่งั้นเหรอว่าคุณเบ็คต้องการอะไรเราจะหามาให้...แต่นี่เรากำลังผิดสัญญาที่เคยบอกไว้”
          “ไม่ผิดหรอกน่า...เราก็กำลังทำให้เขาอยู่นี่ไง...ทุกๆอย่างที่เราทำเขาจะเข้าใจ”
          “ก็ขอให้มันเป็นไปตามแผนของเราก็แล้วกัน”
          ละทิ้งความสนใจจากสิ่งที่ทั้งสองกำลังคุยกันมาทางเบ็คกาลอสกับวูดวูฟกันบ้าง พวกเขาถูกส่งตัวผ่านช่องว่างมิติระดับกลางมายังเขตไลท์แลนด์ในเมืองหลวงซึ่งมีชื่อว่า ‘โฮลี่’ ในสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินสักสถานีหนึ่งของที่นั่น
          สิ่งแรกซึ่งรู้สึกได้เลยคือการคลื่นไส้จนอยากจะอาเจียน โดยนั่นเป็นผลมากจากกลิ่นอันแสนจะเหม็นของลูกแก้วเคลื่อนที่ เบ็คกาลอสต้องรีบเปิดน้ำก๊อกมาล้างหน้าของตนในทันทีเพื่อล้างกลิ่นออกไปจากจมูกของตน ทางด้านวูดวูฟเองก็ทำแบบเดียวกัน
          “กลิ่นบัดซบมาก”เด็กหนุ่มสบถด้วยถ้อยคำหยาบคายแล้วเงยหน้าขึ้นมามองกระจกเงาแล้วต้องสะดุ้ง “เหวอ!”
          “อะไร!?”
          เบ็คกาลอสเงียบไม่ตอบอะไร แม้จะเพียงแค่ช่วงเวลาอันแสนจะสั้นในไม่กี่วินาที ภาพสะท้อนในกระจกเงานั้นดูไม่ใช่เขาเลยแม้แต่น้อย และยิ่งมั่นใจเข้าไปใหญ่เมื่อคนที่ยืนอยู่ด้านตรงข้ามมีเส้นผมสีแดง โครงหน้าที่ดูไม่ใช่เด็กอายุ 18 บวกกับดวงตาสีเขียวอันหม่นหมองนั่นด้วย
          “มะ...ไม่มีอะไร”คนผมฟ้าหันไปบอกแล้ววูดวูฟก็ดันเชื่อซะด้วย!
          “ขอเวลาสักแปปนึง”ชายผมดำว่าแล้วหยิบโทรศัพท์ของตนขึ้นมาดูอะไรสักอย่าง “ใกล้ได้เวลาเลิกประชุมของเขาแล้ว เรารีบไปกันเถอะ”
          “เดี๋ยวๆเราจะต้องรีบไปไหนและไปหาใคร!?”คนถูกลากโวยวาย
          “ไปหาพ่อของฉัน ราชาไลท์เรย์ผู้ปกครองอาณาจักรแห่งแสง!”
          “เอาจริงดิ...”
          555 กลับมาแล้วนะขอรับ ขออภัยจริงๆเนื่องด้วยภารกิจหลายๆอย่างทำให้ห่างหายไปนาน แต่กลับมาแล้วจ้า
          ปล.อย่าลืมเม้นเป็นกำลังใจด้วยนะจุ๊บๆ
          Blueheadphone

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา