Heart Project : ปริศนาความทรงจำ

10.0

เขียนโดย PnPn

วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2561 เวลา 23.40 น.

  17 ตอน
  0 วิจารณ์
  15.46K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 11 มกราคม พ.ศ. 2562 23.07 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

15) ตอนที่ 15

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ 15

                สายตาของอาร์มเมอร์แมงมุมจ้องมองดูฉันอย่างมีนัยยะบางอย่าง ไม่ใช่แค่สายตาของเธอคนนั้นรวมถึงอาร์มเมอร์อีก 6 ตัวที่เหลือจ้องมาที่ฉันเพียงคนเดียว ฉันเป็นเป้าหมาย

                ตอนนี้ฉันก็ตระหนักได้แล้วว่า “สินค้า”                ที่พวกมันพูดถึงก็คือฉัน อดีตนั่นของฉันมันกำลังกลับมาอีกครั้ง

                ฉันขยับตัวไปไหนไม่ได้มือของฉันสั่นไปหมดแล้ว ฉัน....ฉันต้องกลับไปเป็นแบบนั้นอีกครั้งหรอ

                มีมือของใครบางคนมาจับที่แขนของฉัน ความรู้สึกที่เหมือนทำให้สงบที่ฉันเคยได้สัมผัสมาก่อนจากตอนนั้น

                ฉันมองไปที่เจ้าของมือข้างนั้น เขาคือไวท์ คนที่เคยดึกฉันออกมาจากนรกนั่น

                “เอม ไม่เป็นอะไรนะ” ไวท์ถามฉัน

                “ม..ไม่เป็นไร” ฉันตอบแล้วก็จ้องไปที่ไวท์ ฉันรู้สึกสงบลงแต่ก็ในใจก็ยังรู้สึกหวั่นๆใจ

                “เอมพร้อมไหม” ไวท์ถามมาอีกครั้ง

                สถานการณ์ตอนนี้ตรงหน้าฉันมีพวกอาร์มเมอร์ 3 ตนอยู่ทางด้านสวนหลังบ้านที่ฉากหลังเป็นพื้นที่เปล่าไม่มีสิ่งปลูกสร้างใดๆ และมีฉัน ไวท์ นาเดียยืนประจันหน้าไว้

                อีกด้านคือหลังบ้านของไวท์กับหลังบ้านของนิสาที่โดนเจาะทะลุกำแพงออกมาโดยอาร์มเมอร์ 4 ตนซึ่งทางด้านนี้มีน้องภพ น้องนาว นิสา และพี่ริวยืนรับมืออยู่

               ถึงสถานการณ์ตอนนี้ฉันจะรู้สึกอุ่นใจขึ้นหลังจากไวท์มากระตุ้นสติที่เกือบหลุด แต่พอฉันหันกลับไปเห็นเหล่าลุงป้าที่นั่งจิบเครื่องดื่มและกินเค้กของหวานของปาร์ตี้ทั้งยังคุยกันอย่างสนุกสนานราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ทำให้ฉันแปลกใจจนลืมความรู้สึกกลัวไปช่วงขณะทันที

               เชื่อพวกท่านๆเลย อยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายขนาดนี้ยังจะไม่รู้สึกอะไรเลยนี่อะนะ

               เนื้อหาที่คุยกันยังเป็นการแซวลูกๆของพวกเขาอีก แต่ก็คงเป็นความหมายโดยนัยมั้งว่าอย่าให้มาโดนโต๊ะที่นั้งจนข้าวของกระจาย....หรอ???

               ตัดกลับมาที่สถานการณ์โดยรอบ

               ดูเหมือนว่าหลังจากพวกอาร์มเมอร์ขโมยอุปกรณ์จากศูนย์วิจัยไปคงจะเอาไปผลิตเพิ่ม ซึ่งสังเกตจากที่มือขวาของทุกตัวจะมีอุปกรณ์ดังกล่าวติดอยู่

               หลังจากเกิดเหตุการณ์พวกอาร์มเมอร์บุกศูนย์วิจัยฉันกับเพื่อนๆก็ได้ค้นคว้าความสามารถของอุปกรณ์นั้นเพิ่มเติมก็พบว่าอุปกรณ์นั้นสามารถเพิ่มพลังในส่วนของเวทมนตร์รวมถึงยังใช้กักเก็บเวทมนตร์ได้ จึงเป็นเหตุให้การโจมตีของฉันกับดรีมเมื่อตอนนั้นถูกดูดเข้าไปนั่นเอง (พลังของเอมคือสัตว์อัญเชิญโดยใช้พื้นฐานมาจากมานาก่อตัวเป็นสัตว์ต่างๆ)

               อาร์มเมอร์แมงมุนทำสัญญาณเพื่อสื่อให้อาร์เมอร์ 6 ตัวที่เหลือทำการโจมตี

              ฉันได้ถ่อยมาด้านหลังของไวท์กับนาเดียที่รับการโจมตีด้วยขวานขนาดใหญ่

              “นี่...ไม่ใช่ว่าฉันเชือดนายทิ้งไปแล้วไม่ใช่หรอ” นาเดียพูดขึ้นขณะใช้กำแพงแสงต้านขวานไว้

              ดูเหมือนว่าที่ขวานจะมีการเสริมเวทประเภทโจมตีทะลุทะลวงเอาไว้ สังเกตได้จากตัวขวานจะมีออร่าของเวทออกมา แต่ถึงอย่างนั้นขวานของอาร์มเมอร์เกราะทั้งสองก็ไม่สามารถทะลวงกำแพงแสงของไวท์และนาเดียมาได้

             ฉันมองอาร์มเมอร์เกราะฟาดขวานไปที่กำแพงแสงของไวท์และนาเดียย้ำๆแต่ก็ไม่เป็นผล ทำให้ฉันรู้สึกหายห่วงสองคนนี้แล้วฉันก็หันไปหานิสาเพื่อนสนิทของฉันดูเหมือนว่าเธอจะเจอคู่มือที่หนักเอาการเสียแล้ว

             อาร์มเมอร์ที่สู้กับนิสาคืออาร์เมอร์ชีตาร์รูปร่างไม่ใหญ่ไม่หนาแต่ก็ไม่บางจนเกินไปและมีความคล่องตัวสูง ดูเหมือนว่าอาร์มเมอร์ตัวนี้จะใช้เวทมนตร์บางอย่างได้

             นิสาเธอเปลี่ยนกำแพงแสงเป็นแท่งหนามคอยยิ่งอาร์มเมอร์คู่ต่อสู้ของเธอในระยะกลางแต่ดูเหมือนว่าจะไม่สามารถสู้ความเร็วของอาร์มเมอร์ตัวนี้ได้แม้กระทั่งฉันที่มองดูอยู่นี่เองเพราะการหลบของอาร์มเมอร์ตัวนั้นเหมือนกับย้ายตำแหน่งได้

            จะว่าไปตั้งแต่ป้าแมงมุมสั่งให้พวกอาร์มเมอร์ตัวอื่นโจมตี ฉันรู้สึกอะไรบางอย่างเหมือนว่าจะมีบางช่วงที่ทุกย่างรอบตัวเหมือนช้าลงชั่วขณะ จนได้มาเห็นการต่อสู้ของนิสากับอาร์มเมอร์ชีต้าร์...ทำไมไอตัวชีตาร์มันไม่ได้เร็วขึ้นเลยแต่กลับกันที่ตัวของฉันเองที่ช้าลง....รู้แล้ว

            ดังนั้นพลังที่อาร์มเมอร์ชีต้าร์น่าจะเป็นเวทมนตร์จำพวกทำให้สิ่งรอบตัวช้าลง

           “นิสา...ไอตัวนั้นน่าจะใช้เวทมนตร์ทำให้สิ่งรอบตัวช้าลง” ฉันตะโกนบอกนิสา

           อาร์มเมอร์ชีต้าถึงกับสะดุ้งขึ้นมาทันทีเป็นสัญญาณว่าสิ่งที่ฉันพูดดูท่าจะเป็นความจริง

           “ขอบใจนะเอม” นิสาตอบกลับมา “แบบนี้มันก็ง่ายนะสิ” นิสายิ้มออกมาในทันที

           อาร์มเมอร์ชีต้าร์ไม่รอช้ารีบพุ่งเข้าหานิสาหมายจบงานให้เร็วที่สุด....แต่....มันคงลืมไปว่านิสาคือผู้ใช้กำแพงแสง

            ฉันขออธิบายหน่อยแล้วกัน ในโลกใบนี้มีการใช้พลังอยู่หลายรูปแบบก็จริงแต่ถ้าเจาะลึกกันจริงๆพลังในแต่ละแบบมันจะมีลำดับขั้นของมันอยู่เป็นต้นว่า กำลังของคนปรกติเป็นลำดับต่ำที่สุด สูงขึ้นมาเป็นจำพวกพลังจิต สูงมาอีกคือพลังที่เกี่ยวข้องกับการใช้มานาเช่นจำพวกเวทมนตร์ หรือการใช้สัตว์อัญเชิญแบบฉัน และที่สูงกว่ามานาคือผู้ใช้กำแพงแสงแบบเดียวกับที่นิสาใช้ถึงว่าฉันจะไม่รู้ถึงเหตุผลของมันแต่ฉันรู้แค่ว่าพลังที่มีระดับต่ำกว่าจะไม่สามารถใช้ทำให้เกิดผลโดยตรงได้

            ดังนั้นเมื่ออีกฝ่ายใช้เวทมนตร์ทำให้บริเวณโดยรอบช้าลง นิสาก็แค่เอาเกราะแสงมาหุ้มร่างกายก็จะไม่รับผลการหน่วงเวลาของเวทมนตร์แล้ว

            อาร์มเมอร์ชีต้าร์สวนกลับไปด้วยแบ็คคิกที่เสริมด้วยเกราะแสงทำให้อาร์มเมอร์ชีต้าร์กระเด็นออกมาอย่างแรง

            ทางด้านไวท์กับนาเดียก็ยังคงรับมือกับอาร์มเมอร์เกราะอย่างสูสี ส่วนพี่ริว น้องภพ น้องนาวก็ต้านพวกอาร์มเมอร์เอาไว้อยู่เช่นกันดูเหมือนว่าพี่ริวจะใช้พลังประเภทการผนึกต่างๆแบบที่เป็นของถนัดประจำตระกูล ส่วนน้องภพจะใช้อาวุธประเภทดาบและรังการสนับสนุนการโจมตีระยะไกลด้วยเวทมนตร์ของน้องนาว-ช่างเป็นคู่ที่เขาขาอะไรเช่นนี้

           ตัดกลับมาที่อาร์มเมอร์ชีต้าที่โดนถีบไปอย่างเต็มแรงก็ยังลุกขึ้นมาพร้อมอาการตกใจอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็พยายามที่จะไม่ทำอะไรบู่มบ่ามออกมา

           “หึๆ ไม่คิดว่าจะเจอผู้ใช้ ‘โซล’ ในที่แบบนี้ รับมือยากจริงๆ” อาร์มเมอร์ชีต้าพูดขึ้นขณะกำลังลุกยืนขึ้น

            นิสาไม่ได้ตอบอะไรออกไป แต่สีหน้าของนิสาที่ฉันเห็นดูเหมือนว่าเธอจะกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่

          “ไม่คิดว่าฉันผู้นี้จะต้องใช้สิ่งนี้” อาร์มเมอร์ชีต้าพูดต่อพร้อมหยิบของบางอย่างที่มีลักษณะทรงกระบอกสั้นขนาดพอดีมือออกมา ดูเหมือนว่าพวกอาร์มเมอร์จะเอาของที่ขโมยไปผลิตเพิ่มขึ้นเพราะดูจากสีของอุปกรณ์นั้นไม่เหมือนกับที่อยู่ที่ศูนย์วิจัยเลย

           ฉันรู้สึกห่วงนิสาขึ้นมา

          “ด้วยสิ่งนี้จะสามารถยกระดับพลังของฉันขึ้นไปอีก เป็นพลังสำหรับครองโลก” อาร์มเมอร์ชีต้าเอาอุปกรณ์นั้นติดไปที่อกของตัวเอก “รู้ไหมแม้กระทั้งหัวหน้าของฉันยังไม่รู้เกี่ยวกับพลังนี้เลย ถ้าจะชนะฉันก็คงต้องเป็นพลังของพระเจ้าแล้วละ” อาร์มเมอร์ชีต้าหัวเราะเสียงดัง จากนั้นเขาก็กดปุ่มที่ด้านข้างของอุปกรณ์ที่ติดไว้บนอก

           ฉันรู้สึกเหมือนทุกอย่างหยุดนิ่ง.....ฉันขยับตัวไม่ได้.....และ....ฉันรู้สึกเศร้า...น้ำตาของฉันจะไหล...แต่มันก็ไม่ไหลออกมา....นั่นคือสิ่งสุดท้ายที่ฉันรับรู้......ทุกอย่างหยุดนิ่งไปหมดแล้ว

            เพียงเสี้ยวอึกใจ ฉันกลับมารับรู้บรรยากาศโดยรอบอีกครั้ง ทุอย่างเคลื่อนไหวต่อเนื่องอีกครั้ง แต่อาร์มเมอร์ชีต้าที่ยืนประจันหน้ากับนิสาก่อนการรับรู้จะหายไป ตอนนี้ได้ล้มตัวไปนอนอยู่แทบเท่าของนิสา

            อาร์มเมอร์ชีต้ากำลังพยายามลุกขึ้นเขาตะโกนบางอย่างออกมา

            “หนีไป!! ทุกคนหนีไป!! คนพวกนี้นะ........” อาร์มเมอร์ชีต้ายังไม่ทั้นพูดจบร่างการของเขาก็ถูกเผาด้วยเพลิงสีชมพูจากนั้นร่างของเขาก็กลายเป็นเถ้าถ่านจนไม่เหลือแม้แต่ซาก กลายเป็นผงฝุ่นสีดำเทาปลิวไปกับสายลม

            เอาตรงๆฉันไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน ถึงฉันจะเคยใช้กระทิงไฟเผาพวกแบบนี้บ่อยแต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นแบบนี้

            ตอนนี้พวกอาร์เมอร์ที่อยู่รอบๆถึงกับชะงักที่เห็นภาพอาร์มเมอร์ชีต้าถูกเผาแล้วกลายเป็นเถ้ารวมถึง พี่ริว น้องภพ น้องนาวก็ตะลึกเช่นกัน

           “มันเกิดบ้าอะไรขึ้น” ป้าแมงมุมที่ยืนดุอยู่ห่างพูดขึ้นมา

            แต่ไม่ทันที่ป้าแมงมุมจะได้ทำอะไรต่อ อาร์มเมอร์เกราะทั้งสองตัวก็กระเด้นออกมา

            ฉันมองไปที่อาร์มเมอร์เกราะสองตัวนั้นตัวที่สู้กับไวท์ ร่างกายของมันเหมือนมีของเหลวสีแดงเข้มไหลออกมาตามข้อต่อของร่างกาย ส่วนตัวที่สู้กับนาเดียกำลัง-ฉันอึ้ง-กำลังค่อยๆหายไป แต่...ภาพแบบนี้ฉันเหมือนเคยเห็นมาก่อน...จากที่ไหนนะ

             ป้าแมงมุมเห็นท่าไม่ดีเธอจึงสั่งให้ถอนกลับทันที เธอใช้อุปกรณ์แบบเดียวกับที่อาร์มเมอร์ชีต้าใช้ เธอกดไปที่ด้านข้างให้ทำงานแล้วโยนไปด้านหลังอุปกรณ์นั้นแตกออกแล้วกลายเป็นประตูมิติ พวกอาร์มเมอร์ที่สู้อยู่กับพี่ริว น้องภพ น้องนาวก็รีบกระโดดเข้าไปในประตูมิติเร็วมากเหมือนว่าถูกประตูนั่นดูดเข้าไป

            ฉันเห็นดังนั้นจึงอัญเชิญนกสายฟ้าให้พุ่งเข้าไปในประตูมิตินั่น ถึงระยะการใช้งานสัตว์อัญเชิญของฉันจะมีจำกัด แต่อย่างน้อยก่อนที่นกสายฟ้าจะหายไปหลังประตูมิติ ฉันก็สามารถระบุตำแหน่งของที่ที่พวกมันไปได้

แต่ว่า...เมื่อนกสายฟ้าของฉันไปถึงประตูมิติกลับถูกทำให้หายไปทันที.....มันเกิดอะไรขึ้น นกสายฟ้าของเราเข้าผ่านไปไม่ได้

           “หมายความว่าไงกัน” ฉันอุทานออกมา รวมถึงสีหน้าของทุกคนที่ดูเคร่งเครียดขึ้นกว่าเดิม

           หลังจากพวกอาร์มเมอร์หนีไปจนหมดแล้วทั้งหมดก็มารวมกันที่โต๊ะอาหาร แต่บรรยากาศก็ไม่ชวนให้อยากกินอาหารบนโต๊ะสักเท่าไรนัก

           “นี่ไวท์ มันเกิดอะไรขึ้นทำไมฉันถึงส่งนกสายฟ้าของฉันเข้าไปในประตูมิติไม่ได้” ฉันถามไวท์ขึ้นมาก่อน

           “ประตูนั่นมีพลังคัดกรองหรือเปล่า แบบว่าให้เข้าได้เฉพาะพวกของตนเอง” ไวท์ตอบกลับมา

           “ประตูมิตินั่น ไม่มีพลังคัดกรองหรอก” พี่ริวตอบ “ฉันตรวจสอบด้วยสิ่งนี้แล้ว หลังจากเห็นที่ตัวที่สู้กับน้องเกลมันทำบางอย่าง” พี่ริวยกอุปกรณ์รูปร่างแว่นตาซึ่งเป็นตัวเดียวกับที่ดรีมเคยเอามาอวดตอนฝึกซ้อม

           “ถ้าเช่นนั้นมันก็แปลได้ความหมายเดียว” นิสาพูดขึ้น

           “อะไรหรอนิสา มันคืออะไร” ฉันยังคงสงสัย

          “เอม ฉันเคยบอกเรื่องลำดับขั้นของพลังแล้วใช่ไหม” นิสาถามกลับ

          “ใช่แล้วๆ” ฉันพยักหน้าตอบ

          “พลังที่พวกมันใช้คือ ‘โซล’” นิสาตอบกลับ

           ชั่วอึกใจที่นิสาตอบกลับมาทำให้ทุกคนที่โต๊ะอาหารถึงกับสะดุ้ง

          “เป็นเรื่องใหญ่จนได้” น้องภพพูดขึ้น

          “แบบนี้ทางเราเองก็ต้องแจ้งเรื่องนี้ให้ศูนย์สั่งการทราบแล้วละ” น้องนาวพูดตาม

          “นั่นสินะทางนี้เองก็ต้องแจ้งให้พวกผู้ใหญ่ในตระกูลทราบเช่นกัน” พี่ริวพูด

          “แต่ยังไงตอนนี้เราก็ทราบจุดประสงค์ของพวกมันแล้ว” นาเดียพูดขึ้น “ถึงยังไงทางเราจะขอคุ้มกันสิ่งนั้นเอง คงไม่มีใครแย้งออกมานะ”

         “ถ้าระดับพวกของน้องเกลจะมาทำงานสำคัญแบบนี้ด้วยตนเอง ทางนี้ก็คงไม่ขัด” พี่ริวพูดขึ้น

        “ทางนี้ก็ไม่ขัดเช่นกัน รุ่นพี่ถึงกับลงมือเองเลย” น้องภพพูด

         ฉันเองหลักจากได้ฟังบทสนทนาเมื่อสักครู่ก็ทราบได้ว่าที่พูดกันหมายถึงตัวฉันเอง รวมถึงรู้ว่าพลังระดับโซลนั้นเหมือนว่าจะเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก

.     

         คืนวันนั้น ฉันนอนที่บ้านของนิสา ฉันยังคงนอนที่ชั้นล่างของเตียงสองชั้นในห้องนอนของนิสา ถึงฉันจะไม่ได้ร่วมต่อสู้แต่ฉันก็รู้สึกเหนื่อยทำให้ฉันหลับตั้งแต่ยังไม่สองทุ่ม

        และฉันก็หลับลงไปทันที

.

.

        “รู้ไหมแม้กระทั้งหัวหน้าของฉันยังไม่รู้เกี่ยวกับพลังนี้เลย ถ้าจะชนะฉันก็คงต้องเป็นพลังของพระเจ้าแล้วละ ฮ้าาาๆๆๆๆๆ” เสียงหัวเราะดังออกมาจากปากของอาร์มเมอร์ชีต้า 

         ฉันรู้สึกตัวขึ้นอีกครั้ง แต่ฉันขยับตัวไม่ได้ ฉันมองเห็นได้แค่ตรงหน้าเท่านั้น และสิ่งที่ฉันเห็นคือเหตุการณ์เมื่อตอนกลางวัน ถึงฉันจะรู้ว่าตอนที่อาร์มเมอร์ชีต้าใช้พลังร่วมกับอุปกรณ์ทำให้เกิดพลังการหยุดเวลาแต่นิสาก็ไม่เล่ารายละเอียดว่าเธอทำอะไรไปจนเอาชนะอาร์มเมอร์ชีต้า และทำให้อาร์มเมอร์ชีต้ากลายเป็นเถาได้ขนาดนั้น..แต่ตอนนี้ฉันกำลังจะรู้แล้ว

         สิ้นเสียงอาร์มเมอร์ชีต้าพูดทุกอย่างโดยรอบก็หยุดเคลื่อนไหวลง ใช่แล้วนี่คือพลังของการหยุดเวลา พลังสุดแข็งแกร่งทำให้ผู้ใช้เป็นดั่งพระเจ้าได้เลย

         “ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเธอจะได้ยินฉันหรือเปล่า” อาร์มเมอร์ชีต้าค่อยๆเดินเข้าไปหานิสาที่อยู่ในสภาวะแน่นิ่งยื่นมองไปทางด้านอาร์มเมอร์ชีต้า “นี่คือพลังของพระเจ้าไงล่ะ พลังที่ฉันตามหามาทั้งชีวิต”

         “อ่าาาา....ฉันรู้สึกได้เธอคงได้ยินสินะ” อาร์มเมอร์ชีต้าเข้าไปยืนที่ตรงหน้าของนิสา “ก็เธอเป็นผู้ใช้‘โซล’นิเนาะ”

         “งั้นฉันจะเล่าให้ฟังถึงเรื่องของฉัน” อาร์มเมอร์ชีต้าเดินวนรอบๆตัวนิสา “ฉันเคยเห็นนะสิ พระเจ้า เมื่อ 6 ปีก่อนตอนนั้นฉันไปอยู่ประเทศหนึ่งมาแต่ดันเกิดสงครามกลางเมืองขึ้น ฉันหนีตายเลยละ ตอนนั้นฉันโดนพวกกบฏล้อมไว้หมด ฉันสิ้นหวังมา ผู้คนล้มตายรอบๆตัวก็มีแต่ศพ แต่แล้วฉันก็เห็นเด็กสาวคนหนึ่งนั่งร้องไห้อยู่กับร่างของแฝดของเธอที่กำลังจะตาย รู้ฉันเห็นภาพตรงนั้นฉันรู้สึกเศร้ามาก ฉันภาวนาอยากให้สิ่งรอบๆมันหายไป ฉันภาวนา....ฉันภาวนา”

          อาร์มเมอร์ชีต้าเริ่มหยุดเดินแล้วยืนหันหน้าประจัญกับนิสา

         “รู้ไหมอะไรเกิดขึ้น อยู่ๆร่างกายเด็กคนนั้นก็มีแสงขึ้น ท้องนภาจากสภาพท้องฟ้าโปร่งก็มืดลงทันตาจากนั้นพวกกบฏโดนรอบก็เริ่มถูกไฟจากนรกแผดเผาทีละคน...ทีละคน จากนั้นฉันก็สลบไปพอตื่นขึ้นมาเด็กสาวสองคนนั้นก็หายไปแล้ว”

          “ฉันมาอ่านข่าวภายหลังเขาบอกว่ารัฐบาลได้เอาชนะกลุ่มกบฏได้ ฉันก็เอาเรื่องที่ฉันเห็นไปเล่าให้ใครฟังก็ไม่มีใครเชื่อ จนได้เจอกับหัวหน้าของที่นี่นั่นหละที่เชื่อฉัน และทำให้ฉันตามหาพลังที่มากขนาดนี้ จนมาได้พลังที่ฉันหวัง”

          “หยุดพล่ามได้รึยังชักจะเริ่มรำคาญแล้วนะ” เสียงของผู้หญิงที่ยืนประจันหน้าอาร์มเมอร์ชีต้าดังออกมา “ยืนท่าเดิมนานๆมันเมื่อยนะรู้ไหม”

          “เป็นไปไม่ได้!!! เธอไม่น่าจะขยับได้นิ” อาร์มเมอร์ชีต้าสะดุ้ง

          “นายก็บอกเองไม่ใช่หรอว่าทำอย่างไรถึงจะเอาชนะพลังของนายได้” นิสาพูดขึ้นมาพร้อมบิดเอวไปมา “เหมือนว่านายจะเป็นคนรู้เยอะนิ คงศึกษาเรื่องพวกนี้มาเยอะใช่ไหม”

          “เป็นไปไม่ได้ เธอไม่ใช่อย่างที่ฉันคิดใช่ไหม” อาร์มเมอร์ชีต้าถามนิสา

          “ลองใช่ SouL DeteCtioN ดูสิ นายใช้ได้ใช่ไหม” นิสาตอบ

          “ไม่จริง ระดับแบบนี้มัน.....” อาร์มเมอร์ชีต้าถูกนิ้วชี้ของนิสาแตะไว้ที่ปากของมันทำให้มันหยุดพูด

          “อย่าสปอยฉันเยอะสิ เพื่อนฉันเข้ารับรู้ได้น่ะ” นิสายิ้มและหันมาทางที่ฉันหยุดนิ่งอยู่ “ไงเอม..” นิสาทักทายฉัน

          เนื่องจากนิสาอยู่ใกล้อาร์มเมอร์ชีต้ามาก อาร์มเมอร์ชีต้ารีบใช้กรงเล็บหมายโจมตีนิสาทันที แต่ท่าทางอาร์มเมอร์ชีต้านั้นเหมือนกำลังกลัวอะไรบางอย่าง แต่นิสาก็สามารถหลบออกมาได้

          และตอนนั้นอาร์มเมอร์ชีต้ารู้สึกอะไรบางอย่าง....อาร์มเมอร์ชีต้ากำลังเศร้างั้นหรอ...ทำไมหละ แต่ฉันที่เป็นคนดูอยู่ก็รู้สึกเศร้าเช่นเดียวกัน

          “เริ่มรู้สึกแล้วหรอ เห้อออ” นิสาถอนหายใจ “ก็นะการใช้พลังที่เหนื่อระดับโซลทำให้ฉันต้องลดการควบคุมอัตลักษณ์ของฉันลง

          อาร์มเมอร์ชีต้าไม่รอช้ารีบโจมตีเข้าไปอีกครั้งแต่กลับถูกนิสารับกรงเล็บด้วยมือเปล่า กรงเล็บนั่นไม่สามารถเจาะทะลุมือของนิสาได้และถูกนิสาบีบกรงเล็บจนบิดเบี้ยวไปพร้มกับมือข้างนั้นของอาร์มเมอร์ชีต้า

          อาร์มเมอร์ชีต้ากรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดขณะที่นิสากำลังกำมือของอาร์มเมอร์ชีต้าแน่นขึ้นเรื่อยๆ

          “ตอนนี้มันต้องพูดอะไรดีน้าาาาาาา.....อ้อ รู้แล้ว ทำแบบการ์ตูนสมัยชาติที่แล้วที่เพื่อนขอฉันชอบยัดเยียดให้ฉันดู” นิสายื่นหน้าของเธอเข้าไปใกล้หน้าของอาร์มเมอร์ชีต้าที่กำลังเจ็บปวด “หึหึ เปล่าประโยชน์! เปล่าประโยชน์!! เปล่าประโยชน์!!! เปล่าประโยชน์!!!!!!!!” นิสาปล่อยมือของอาร์มเมอร์ชีต้า อาร์มเมอร์ชีต้าลงไปนั่งคุกเขาใช้มืออีกข้างกุมมือที่ถูกนิสาขยี้ไว้ด้วยความเจ็บปวด

          “ย...แย่แล้ว...แบบนี้แย่แน่ๆ ต้องเตือนให้พวกที่เหลือรู้แล้วว่าไม่ควรเอาพวกนี้เป็นเป้าหมาย...ไม่สิแค่คิดก็ผิดแล้ว” อาร์มเมอร์ชีต้าพูดออกมาอย่างตะกุกกะกัก และใช้มือข้างที่ยังใช้ได้เอื้อมไปที่หน้าออกหมายปลดสภาวะหยุดเวลาและส่งข้อความความน่ากลัวของกลุ่มคนที่องค์กรอาร์มเมอร์กำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ ในใจของเขาคงคิดอยู่อย่างเดียวคือต้องส่งข้อความไปให้ได้.......แต่ว่า.......

          “เพื่อนของฉันบอกไว้เสมอว่าจะใช้ท่าอะไรต้องมีชื่อทุกครั้ง และที่ฉันจะใช้ต่อจากนี้ก็คือ “เวลาจงหยุด THE WORLD” ” สิ้นสุดนิสาพูดร่างกายของอาร์มเมอร์ชีต้าก็หยุดนิ่งทันที

          “ตาฉันพูดยาวๆบ้างนะ” นิสาย่อตัวลงกระซิบข้างๆหน้าของอาร์มเมอร์ชีต้า “ฉันจำกัดพลังนี้ให้ใช้ได้แค่ 15 วินาทีเพราะถ้าเกินกว่านั้นมันจะเป็นเรื่องใหญ่ เอาตรงๆช็อตนี้ฉันก็อยากลองเอารถบดถนนมาทับนายซะตรงนี้” นิสายืนมองพื้นที่โดยรอบ แล้วกลับมาพูดข้างๆหน้าของอาร์มเมอร์ชีต้าต่อ “ก็อย่างที่เห็นมันจะเลอะเทอะเปล่าๆ ดังนั้นฉันจะใช้วิธีที่มันสะอาดกว่านี้”

         นิสายืนขึ้นแล้วแล้วยื่นมือไปให้อยู่เหนือหัวของอาร์มเมอร์ชีต้าเล็กน้อย

         “อ้อ...ฉันลืมเล่าอะไรบางอย่างไปเกี่ยวกับเรื่องฉันเมื่อ 6 ปีก่อน รู้ไหมตอนนั้นฉันกับแฝดฉันอยู่ประเทศหนึ่งมาแต่ดันเกิดสงครามกลางเมืองขึ้น ฉันกับแฝดหนีตายเลยละ ตอนนั้นฉันกับแฝดโดนพวกกบฏล้อมไว้หมด ฉันสิ้นหวังมา ผู้คนล้มตายรอบๆตัวก็มีแต่ศพ รวมถึงแฝดฉันก็โดนการโจมตีจากพวกนั้นจนอาการสาหัดมาก ฉันสิ้นหวัง ฉันร้องไห้ ฉันเศร้า ฉันภาวนา...ฉันภาวนา แล้วอยู่ๆปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้น ตอนนั้นพลังของฉันก็ตื่นขึ้นมา....มีแค่นี้แหละ”

         จากนั้นนิสาก็ปล่อยคลื่นกระแทกบางอย่างไปที่อาร์มเมอร์ชีต้าจนทำให้มันล้มไปนอนแทบเท่าของนิสา

         “ลาก่อนนะ....แล้วก็....เวลา...จงเดินต่อ..” สิ้นสุดคำพูดนิสา สิ่งที่เห็นก็เป็นแบบเดียวกับหลังจากที่ฉันกลับมารู้สึกเมื่อตอนกลางวันพร้อมภาพของอาร์มเมอร์ชีต้าที่ไม่สามารถส่งข้อความสำคัญไปให้พวกพ้องได้ถูกเปลวไฟสีชมพูแผดเผาจนเป็นเถ้าถ่านลอยแล้วไปกับสายลม....

          ฉันสะดุ้งตื่นขึ้นจากเสียงนาฬิกาปลุกในตอนเช้าวันที่ 31 ของเดือนสุดท้ายของปี

          ฉันลุกขึ้นนั่งและกำลังลุกจากเตียงไปเข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้า

          “ไง...อรุณสวัสดิ์ เอม” เสียงดังมาจากสาวผมสั้นใส่แว่นที่ยืนมองฉันอยู่

          “ฝันดีไหม...รับรู้หมดแล้วสินะ”

          นิสายิ้ม

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา