มาร่วมเดินทางไปกับฉันในโลกที่ไม่ธรรมดา

-

วันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2561 เวลา 10.45 น.

  11 ตอน
  1 วิจารณ์
  10.56K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 08.11 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) จุดเริ่มต้นในครั้งสุดท้าย1

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

''ฉันจะรอคุณอยู่ที่นี่ ที่ๆเราได้มาพบกัน''  

 

 

''ผมจะรีบกลับมา กลับมาหาคุณคนที่ผมรัก''  

 

 

 

          ผมนั้งดูละครช่วงเย็นอย่างอารมณ์ดีที่โซฟา ผมทำหน้าเคลิบเคลิ้มไปกับความน่ารักของนักแสดงสาวในจอทีวี ''ฮิโติมิจัง  ฮิโตมิจังงงง'' ผมรู้สึกหลงรักนักแสดงคนนี้ตั้งแต่ตอนที่ผมได้เจอกับเธอบนรถไฟ 

 

 

          ''โชอิจิ มาช่วยแม่ยกอาหารไปที่โต๊ะทีสิ'' 

 

 

          ''คร๊าบบบ คร๊าบบบบ'' 

 

 

 

          ''ให้ตายสิพี่โชอิจิ แม่เรียกแล้วยังห่วงละครอีกน่ะ'' 

 

 

 

          ''นายนั้นแหล่ะ เอาแต่นั้งอ่านหนังสือทำเป็นเก๊กว่าไม่ว่าง'' 

 

          ''เอาละๆ ทั้งสองคนก็มาช่วยแม่ทีสิ จะกินไหมข้าวเย็นนะ'' 

 

 

 

 

          แม่เรียกผมกับเคนตะให้มาจัดโต๊ะอาหาร วันนี้พี่เคนจะพาคุณคุรุมิมาทานข้าวที่บ้าน เมื่อพี่เคนกับคุณคุรุมิมาถึง พวกเขาสองคนก็เดินพากันเข้ามาที่ครัว 

 

 

 

          ''โอโห กลิ่มหอมจังเลยค่ะคุณป้าา'' 

 

 

          แม่ผมได้ยินเสียงของคุณคุรุมิก็หันไปหา

 

 

          ''สวัดดีจ้ะคุรุมิจังแหมๆเรียกว่าแม่สิจ๊ะๆ'' 

 

 

           คุณคุรุมิยิ้มอย่างอารมณ์ดีแล้วคุยกับแม่จุกจิกๆตามภาษาสาวๆ 

 

 

          ''โชอิจิ นายคิดได้หรือยัง ว่าอยากจะทำงานอะไรที่ไม่ใช่ช่วยแม่ขายผัก'' 

 

          ''เป็นคำถามที่ตอบยากจังแฮ่ะ''

 

 

 

 

          ''เอาล่ะเด็กๆ มาทานข้าวเย็นกันได้แล้วน่ะ''

 

          แล้วพวกเราก็มานั้งทานข้าวด้วยกันอย่างสนุก โดยมี แม่ ผม เคนตะ พี่เคน แล้วก็คุณคุรุมิคนสวยของเหล่าชายชาวญี่ปุ่น แต่อีกไม่นานก็จะกลายเป็นคนสวยของพี่เคนเพียงคนเดียว มันน่าอิจฉาชะมัดถึงจะเป็นพี่ชายแท้ๆก็เถอะ 

 

 

          หลังจากที่ผมกินข้าวเสร็จ ผมก็มานั้งหลังบ้านที่มีสวนเพาะปลูกผัก 

 

 

          ''มานั้งอยู่ตรงนี้เองเหรอ'' 

 

 

          พี่เคนเดินเข้ามา ซักพักเคนตะก็มานั้งข้างๆผม โดยที่พี่เคนนั้งลงพิงเสาที่ห่างจากผมอยู่นิดหน่อย

 

 

          ''เมื่อก่อนตอนนายเด็กๆก็เคยบอกว่าอยากเป็นเหมือนพ่อ จำได้ไหม''

 

          พี่เคนเล่าให้ฟังว่าเมื่อก่อนตอนผมเด็กๆเคยบอกว่าผมอยากเป็นอย่างพ่อ พ่อผมทำงานบริษัทตำแหน่งหัวหน้า จากเรื่องราวทั้งหมดทั้งมวลที่ได้ฟัง ผมจำไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว ผมเคยเห็นพ่อในอัลบั้มรูปคีรอบครัว แต่ผมกับจำไม่ได้เลยว่าเคยเจอคนๆนี้ซักครั้งเดียว 

 

 

 

          ''เมื่อก่อนนายตอนเด็กๆเคยบอกว่าอยากทำงานบริษัทแบบพ่อ นายที่เอาแต่ขี่หลังฉัน แล้วชอบพูดเรื่องนั้นอยู่เรื่อย'

 

 

          พอผมได้ยินแบบนั้นผมก็รู้สึกสนใจแล้วส่งเสียงออกมาเบาๆว่า 

 

 

          ''งั้นเหรอ'' 

 

 

          ''นายเคยเป็นคนที่สนุกสนาน ยิ่งเวลาที่ได้อยู่กับพ่อนะ'' 

 

 

          พี่เคนยิ้มและเอ่ยขึ้นมาอีกว่า 

 

 

          ''นายมักจะชอบขอให้พ่ออุ้มอยู่เรื่อย และชอบหัวเราะอย่างชอบใจ ตั้งแต่ที่ฉันมีนายเป็นน้อง ครอบครัวก็สนุกขึ้นมามากเลยล''นายก็ด้วยน่ะเคนตะ'' 

 

 

          เคนตะที่ได้ยินแบบนั้นก็ปิดหนังสือที่อ่านอยู่แล้วก็ทำท่าตั้งใจฟังมากขึ้น 

 

 

          ''ไม่นานพ่อก็ต้องไปช่วยงานที่ต่างประเทศ ตั้งแต่ตอนนั้นพ่อก็จะได้กลับบ้านปีล่ะสองสามครั้ง นานๆทีจะส่งจดหมายมาหาพวกเรา'' 

          จากที่พี่เคนเล่ามา ไม่นานพ่อก็จากไปโดยไม่รู้สาเหตุว่าเสียชีวิตด้วยอะไร เพราะพ่อได้หายสาบสูญไปโดยไม่เหลือแม้แต่ร่องลอยมากว่ายี่สิบห้าปี พี่เคนพยายามทำทุกอย่างเท่าที่ตัวเองจะสามารถทำได้ แต่ก็ไม่ได้มีความคืบหน้าอะไรที่เกี่ยวกับพ่อเลย 

 

 

          วันต่อมาช่วงบ่าย ผมมานอนเล่นอยู่ใต้ต้นไม้ที่สวนหลังหมู่บ้าน

 

 

          ''เอะคุ้นๆ'' 

 

 

          มีคนปั่นจักรยานผ่านมาแถวนี้ แล้วเขาก็ขับจักรยานมาใกล้ๆตรงรั้วไม้ 

 

 

          ''อ่าวโชอิจิ แหม่ นอนสบายอารมณ์เชียวน่ะ'' 

 

 

          เจ้าของเสียงที่อารมณ์ดีคนนั้นก็คือพี่ยามทาเคชิ 

 

 

          ''ไงกำลังคิดอะไรอยู่ละพ่อหมุ่นสายโสด'' 

 

 

          พี่ยามพูดแบบนั้นแล้วเข้ามาหาผมที่กำลังนอนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ 

 

 

          ''กำลังคิดว่าจะเอายังไงกับอนาคตของตัวเอง'

 

 

          ''ไอที่ว่าจะเอายังไงเนี่ย หมายถึงเรื่องความรักหรือเปล่า'' 

 

 

          ''ไม่ใช่ๆ เรื่องจะช่วยแม่ทำงานต่อหรือจะตามหาความฝันของตัวเอง'' 

 

 

          พอพี่ยามได้ยินแบบนั้นก็ทำหน้าว่าเข้าใจ 

 

 

          ''ฉันเมื่อสมัยก่อน ก็เคยคิดว่าจะเอายังไงกับอนาคตของตัวเองดีเหมือนกัน ฉันเอาแต่นั้งคิดโดยที่ไม่ทำอะไรเลยได้แต่หาสถานที่เหมาะๆอยู่ไปวันๆ'' 

 

 

          พี่ยามยิ้มแล้วก็เล่าต่อว่า 

 

 

          ''จนแม่ฉันมาพูดกับฉัน ถ้าเราไม่ทำให้ตัวเองดีขึ้นมาก่อน เราก็จะไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องการอะไร มัวแต่ทำตัวเหงาหงอยอยู่แบบนี้สู้ไปหาอะไรสนุกๆทำดีกว่า'' 

 

 

          พอผมได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกว่าอยากจพูดอะไรขึ้นมา แต่พี่ยามพูดขึ้นมาก่อน 

 

 

          ''นายคิดว่า นายทำอะไรแล้วมันสนุกที่สุดละ'

 

 

          พอพี่ยามถามแบบนั้นผมก็พูดขึ้นมาว่า 

 

 

          ''ส่งผัก'' 

 

          ''แล้วถ้าจะให้มันสนุกขึ้นไปอีกละ'' 

 

          พอผมกำลังจะพูด พี่ยามก็พูดขึ้นมาก่อนว่า 

 

 

          ''อะไรที่มันไม่ดีอย่าไปทำเชียวนาาา ยกตัวอย่าง การที่ทำอะไรก็ได้ที่ทำให้ตัวเราแล้วก็คนอื่นมีความสุข อะไรทำนองนี้แหล่ะทำได้เลย'' 

 

 

          พี่ยามเอ่ยด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม พอผมได้ฟังสิ่งที่พี่ยามบอกผมก็ลุกขึ้นมานั้งพลางมองหน้าพี่ยามแล้วพี่ยามก็เดินไปขี้จักรยาน

 

 

          ''สู้ๆละ พ่อหนุ่มสายโสดดดดดดด'' 

 

 

          แล้วก็ขับจักรยานออกไปโดยหัวเราะออกมาสามจังหว่ะว่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า 

 

 

          ถ้าจะให้พูดถึงความฝัน ตอนนี้ผมไม่มีมันอยู่ในสมองเลย ก็โลกนี้มันก็น่าเบื่อ อยากเจออะไรที่มันไม่ธรรมดาจัง

 

 

 

 

''(ที่โลกนั้นหน่ะ มีเวทมนต์ มีปีศาจมากมาย แล้วก็มีมังกรด้วยน่ะ)'' 

 

 

          หืมม อยู่ๆก็ได้ยินคำพูดของ ยูอิ 

             แล้วทันใดนั้นจู่ๆทัศนวิสัยของผมก็ค่อยๆกลายเป็นสีขาว ผมเริ่มมองไม่เห็นสิ่งต่างๆรอบๆตัว ผมรู้สึกว่าตัวเองยังมีเรี่ยวแรงปกติแต่กับไม่สามารถขยับได้ มีอะไรกำลังเกิดขึ้นกับผม ผมรู้สึกถึงความเย็นและชาตามร่างกาย ไม่น่ะ! อย่ามาล้อเล่นกันอย่างนี้สิ! แล้วทุกสิ่งทุกอย่างในตาและความรู้สึกของผมก็หายไป.... … 

 

 

 

          ''(จงลืมตาขึ้นมา พ่อหนุ่มเอ่ย)''

 

            หืมม...ใคร....ใครกัน...ใครบอกให้ผมลืมตา ผมรู้สึกเหมือนกับตัวเองมาอยู่ที่ไหนซักแห่ง ''ก็อยากจะลืม...แต่มันลืมไม่ได้!!'' ผมพยายามลืมตาอย่างสุดความสามารถ แต่แค่ลืมตาผมกลับทำไม่ได้ ผมพยายามลุกขึ้น แต่ร่างกายมันไม่ตอบสนอง แล้วจู่ๆผมก็ลุกขึ้นมาอย่างแรงพลางหายใจหอบ ผมรู้สึกเหนื่อยเหมือนกับพึ่งจมน้ำ 

 

          จากนั้นก็มีคนเข้ามากอดผม

 

 

          ''โชอิจิ!!!''

 

 

           ผมได้แต่งุนงง ผมรู้สึกตกใจ

 

 

          ''ม แม่เหรอ...'' 

 

 

 

          ''โชอิจิลูกแม่!!'' 

 

 

          พอผมพยายามมองดูรอบๆมีคนอยู่ไม่มาก นอกจากแม่ที่กอดผม ก็มีคุณลุงข้างบ้าน เอ๋... พี่ยาม พี่ยามยืนมองผมโดยมีน้ำตาซึม คนที่ใส่ชุดสีขาวนี่หมอเหรอ คนสวยๆคนนั้นก็นางพยาบาลสิน่ะ ผมพยายามมองดูรอบๆ ผมกำลังอยู่ในห้องของโรงพยาบาลสิน่ะ 

 

 

          ''ผ..ผม เป็นอะไรไปเหรอ'' 

 

 

          คุณหมอที่ยืนดูอาการผมอยู่ก็เข้ามาหาผมแล้วพูดว่า 

 

 

 

 

 

          ''ไม่เป็นอะไรแล้วละ เหดียวค่อยไปตรวจดูอาการกับผมอีกทีน่ะ ตอนนี้ก็นอนพักไปก่อน'' แล้วคุณหมอกับนางพยาบาลสุดสวยก็เดินออกไป 

 

 

 

          

 

 

 

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา