Demon สัตว์อสูรจอมราชันย์

-

เขียนโดย Dinnsor

วันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 16.50 น.

  15 ตอน
  0 วิจารณ์
  13.01K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 มกราคม พ.ศ. 2562 16.55 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

7) บทที่ 7 Demon : ปีศาจ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก

บทที่ 7


 


Demon : ปีศาจ


 


Athur : คนทำความดี...ต้องป่าวประกาศด้วยเหรอว่าได้ทำน่ะ? แล้วคนเลวล่ะ?


 


“อาเธอร์”


 


ชายหนุ่มเจ้าของชื่อซึ่งกำลังยุ่งอยู่กับการความสะอาดห้องเรียนหันหน้ามาหาตามเสียงเรียก


 


"อะไรเหรอ บัด"


 


"ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายน่ะวันนี้ นายช่วยเอาซองบริจาคนี่ไปส่งที่วัดให้หน่อยได้มั้ย...ฉันเขียนแผนที่ไว้ให้แล้ว" บัดดี้ยัดเยียดซองใส่เงินสีขาวให้แก่อาเธอร์แล้วรีบวิ่งออกจากห้องไปทั้งที่ยังถือไม้กวาดอยู่ในมือ


 


"เฮ้ย! บัด นายลืมกระเป๋าน่ะ แล้วก็เอาไม้กวาดมาเก็บก่อนด้วย" อาเธอร์ตะโกนไล่หลังเพื่อนร่วมเวรทำความสะอาดประจำวันที่บอกเขาว่าไม่ค่อยสบาย แต่ก็ยังคงวิ่งกลับมาเอากระเป๋า แล้วก็วิ่งออกจากห้องไปได้อย่างรวดเร็วโดยเอาไม้กวาดติดมือไปด้วย


 


อาเธอร์มองยังซองสีขาวสะอาด ซึ่งภายในเต็มไปด้วยเงินที่รวบรวมมาจากเพื่อนในห้อง แล้วมองเศษกระดาษซึ่งน่าจะเป็นแผนที่...อะไรมันจะเหมาะเจาะปานนั้น เขียนแผนที่ไว้ละเอียดขนาดนี้เชียวเหรอ หึหึ ชายหนุ่มยิ้มพร้อมกับส่ายหน้าเป็นเชิงรู้ทันเล่ห์กลของเพื่อนตัวแสบ


 


"วัดจิตสงบ" อาเธอร์พูดพึมพำ


 


…………………………………………………………


 


พระอาทิตย์สีส้มดวงกลมโต ซึ่งบัดนี้กำลังจะได้พักผ่อนหลังจากการทำงานในตอนกลางวัน ผลัดเวรกับดวงจันทร์ที่กำลังปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า บ่งบอกได้ว่าตอนนี้เป็นเวลาใกล้ค่ำแล้ว และเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่นาตาลีกำลังพบกับบางสิ่งในสวนสาธารณะ


 


อาเธอร์เป็นเด็กฉลาดถึงแม้ว่าเขาจะไม่ค่อยตั้งใจเรียนหนังสือสักเท่าไรแต่เขาก็ไม่เคยสอบตก กิจกรรมยามว่างของเขานั้นคือการนั่งเล่นเกม ผมสีน้ำตาลเข้มกับใบหน้าที่ได้รับการจัดสรรมาอย่างดีโดยธรรมชาติที่ทำให้ดูหล่อเข้ม บวกกับความเป็นคนมีอารมณ์ขัน...และขี้เก๊ก ทำให้มีสาวๆ ไม่น้อยที่คอยมองเขาอยู่ห่างๆ


 


แต่อาเธอร์กลับไม่ได้สนใจสาวๆ เหล่านั้น เขาเฝ้าคิดแต่ว่าตนเองนั้นไม่ได้เกิดมามีชีวิตเพื่อรอความตายเพียงอย่างเดียว...แล้วเขาเกิดมาเพื่ออะไร?


 


ใครจะรู้บ้างว่าคนเราเกิดมาเพื่ออะไร อาเธอร์เองก็กำลังค้นหาคำตอบนั้นอยู่


 


จะมีใครรู้บ้าง?


 


พรึบ! – แสงสว่างจากหลอดไฟข้างถนนสว่างขึ้นทำให้อาเธอร์ต้องหยุดเดิน แต่ความจริงแล้วเขาไม่ได้หยุดเพราะแสงจากหลอดไฟ แต่เป็นเพราะเขามาถึงแล้ว ที่นี่...วัดจิตสงบ


 


…………………………………………………………


 


"ไม่น่าเชื่อ" ฟิลิป อุทานขึ้นอย่างตื่นตระหนก และก้าวถอยหลังตามสัญชาติญาณไปหลายก้าว


 


มัน ที่ทำให้เขาต้องก้าวถอยไปหลายก้าวนั้น กำลังพุ่งทะลุขึ้นมาจากบ่อทราย ท่ามกลางเด็กเล็กที่พากันร้องไห้หวาดกลัวกับสิ่งมีชีวิตรูปร่างประหลาดขนาดใหญ่โตพอๆ กับช้างที่โตเต็มวัยสองตัวซ้อนทับกัน


 


นาตาลีรู้สึกถึงคลื่นแห่งความน่ารังเกียจที่แผ่ออกมาจากตัวของมันได้ในทันที มันทำให้เธอรู้สึกคลื่นไส้ รู้สึกสะอิดสะเอียน ยิ่งเมื่อเธอได้มองผิวหนังดำเลื่อมเป็นประกายของมัน


 


ดวงตาสีเหลืองวาวนับหมื่นนับพันดวงผุดออกมาจากผิวหนังลำตัวที่ดำเลื่อม ก่อนจะกลอกตาไปมายังเหล่าเด็กน้อยที่ยืนสั่นด้วยความหวาดกลัว สัตว์ประหลาดยักษ์ขยับเท้าทั้งสองข้างเดินเข้าไปหาพวกเด็กๆ ซึ่งพากันหวีดร้องวิ่งเข้าหาพ่อแม่ของตนเอง


 


ปิ๊ป ปิ๊ป ปิ๊ป ปิ๊ป


ขณะที่เด็กคนหนึ่งกำลังจะวิ่งเข้าไปหาพ่อของเขา ทันใดนั้นก็มีบางสิ่งบางอย่างพุ่งทะลุผิวหนังของสัตว์ประหลาดยักษ์มารัดตัวเด็กคนนั้นไว้ น้ำเมือกสีเหลืองไหลทะลักจากปากแผลที่ถูกงวงแทงทะลุออกมา


 


"บ้ากันไปใหญ่แล้ว นี่มันอะไรกันเนี่ย!"


 


ฟิลิปวิ่งเข้าไปพร้อมกับเหนี่ยวไกเตรียมยิงกระสุนออกจากรังเพลิง หวังช่วยเด็กคนนั้นไว้


 


"อย่า อย่ายิงนะ!!!" นาตาลีตะโกนห้าม เพราะเธอรู้สึกได้ เธอรู้สึกถึงปฏิกิริยาบางอย่างภายในตัวของมัน


 


แต่ช้าไปแล้ว กระสุนจากปืนพกของตำรวจหนุ่มพุ่งเข้าทะลวงผิวหนังของสิ่งมีชีวิตประหลาดไป...น้ำเมือกสีเหลืองข้นพุ่งกระฉูดออกจากปากแผล พร้อมๆ กับ งวง อีกหลายเส้นที่พุ่งออกจากแผลเข้ามารัดชายหนุ่มไว้


 


"ฟิลิป!"


 


นาตาลีร้องตะโกนสุดเสียง ในเวลานี้ผู้หญิงอย่างเธอจะทำอะไรได้บ้างเล่า...เธอหวังให้มีใครสักคนมาช่วยเธอ


 


...ใครสักคน


 


งวงจากสิ่งมีชีวิตรูปร่างประหลาด พุ่งเข้าไปรัดผู้ที่อยู่ภายในบริเวณขอบเขตรัศมีรอบตัวมัน เด็กที่ถูกรัดคนแรกคล้ายกับร้องไห้จนหมดสติไปแล้ว งวงเส้นที่รัดเด็กคนนั้นไว้ตวัดขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งร่างของเด็กน้อยให้ลอยขึ้นไปตกเหนือส่วนที่สูงที่สุดของมัน และค่อยๆ ถูกดูดกลืนหายเข้าไปในนั้น!!!


 


"ฟ ฟิลิป!!"


 


นาตาลีมองไปทางตำรวจหนุ่มที่ยังพยายามดิ้นรนจากงวงทั้งสามเส้นของมันแต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ผล เธอรีบวิ่งเข้าไปช่วยแกะงวงที่พันอยู่ที่ขาขวาของเขาก่อน แต่มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยเพราะว่างวงที่ยึดพันตัวฟิลิปไว้นั้นทั้งลื่น และแน่น


 


เสียงกรีดร้องจากเหล่าผู้ปกครองที่เห็นลูกๆ ของตัวเองถูกดูดกลืนเข้าไปใน มัน สร้างความร้อนรุ่มให้แก่ฟิลิปจนทำให้เขาตัดสินใจทำอะไรบ้าๆ แล้ว


 


ปรี้ดดด


เสียงพุ่งกระฉูดของน้ำเมือกสีเหลืองข้นดังขึ้น เมื่อฟิลิปตัดสินใจกัดลงบนงวง จนเนื้อและน้ำเมือกหลุดติดปากเขามาเป็นชิ้นๆ


 


ได้ผล!...งวง เส้นนั้นของมันคลายตัวออกจากแขนซ้ายของเขาอย่างรวดเร็ว!!!


 


แต่เหตุการณ์กลับไม่เป็นดั่งคาด เมื่อมีงวงเส้นที่เล็กกว่าพุ่งออกจากปากแผลมารัดแขนซ้ายของเขาไว้ดังเดิม อีกทั้งงวงเล็กๆ เส้นที่เหลือยังพุ่งไปรัดแขน และขาทั้งสองข้างของนาตาลี!!


 


เธอถูกตรึงไว้กลางอากาศและถูกยกสูงขึ้นเรื่อยๆ มันรัดแน่นเสียจนน้ำตาเริ่มไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว นาตาลีมองเห็นภาพของคนมากมายที่ถูกมันดูดกลืนเข้าไปในร่างล้วนแต่เป็นคนที่หมดสติแล้วทั้งนั้น งวงของสัตว์ประหลาดยักษ์ตวัดขึ้นลงอย่างมีจังหวะ ราวกับกำลังเริงระบำให้ผู้คนที่มองดูรับรู้ถึงท่วงทำนองแห่งความสิ้นหวัง!


 


"นาตาลี! คุณอย่าเพิ่งหลับไปนะ ตั้งสติไว้!"


 


ฟิลิปเองก็มองออกเช่นกันว่าคนที่ถูกมันดูดกลืนเข้าไปนั้นล้วนไร้ซึ่งปฏิกิริยาโต้ตอบจากแรงบีบรัดทั้งสิ้น และนั่นก็หมายความว่าพวกเขาอาจจะสลบ


 


หรือตายไปแล้วก็ได้!


 


"ชั้นจะทนไม่ไหวแล้ว"


 


นาตาลีพูดพลางหอบหายใจ การบีบรัดของงวงรุนแรงมากขึ้นจนเรี่ยวแรงที่เหลืออยู่ของเธอเริ่มหมดลง...ร่างของนาตาลีถูกงวงดึงไปสูงขึ้นเรื่อยๆ ฟิลิปที่อยู่ข้างล่างเริ่มร้อนใจแทน แต่เขาก็ไม่สามารถช่วยเหลือเธอได้แม้แต่น้อยนิด


 


ปิ๊ป ปิ๊ป ปิ๊ป ปิ๊ป ปิ๊ป ปิ๊ป!


 


เสียงสัญญาณบางอย่างดังขึ้น พร้อมกับการมองเห็นของนาตาลีที่ค่อยๆ พร่ามัวลง


…………………………………………………………


 


วัดจิตสงบ...ป้ายที่ติดไว้เหนือประตูเขียนไว้อย่างนั้น การเข้าวัดในตอนกลางคืนไม่ใช่วิสัยของอาเธอร์เลย และการเข้าวัดในตอนกลางวันก็ไม่ใช่นิสัยของเขาเช่นกัน


 


อาเธอร์ไม่ต้องเปิดประตูวัดก็สามารถเดินเข้าไปได้เพราะวัดหลังนี้ถูกออกแบบให้ประตูใหญ่ไม่มีบานประตู สภาพความเก่าแก่ที่พอจะสังเกตได้จากความทรุดโทรม และแสงไฟนีออนริมถนนช่วยสร้างบรรยากาศความวิเวกวังเวงให้เพิ่มมากขึ้น


 


วัดเล็กๆ แห่งนี้จะมีอะไรกันนะ


 


เขามองหาที่ซึ่งมีแสงไฟก่อน เพราะเมื่อมีแสงไฟ ก็น่าจะมีคนอยู่


 


เขามองเห็นแล้ว แสงไฟที่ส่องลอดออกจากหน้าต่างกุฏิไม้ด้านหลังวัด อาเธอร์ไม่ลังเลใจเลยที่จะเดินเข้าไปหา เพื่อจะได้จบภารกิจที่ไม่ได้เต็มใจรับมาจากเพื่อนตัวแสบเสียที แต่ขณะที่เขากำลังจะเดินขึ้นบันได เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นภายในหัว


 


"ไม่ต้องขึ้นมาหรอก...เอาซองนั้นวางไว้ตรงบันไดนั่นล่ะ"


 


อาเธอร์ ตกใจสะดุ้งสุดตัว เมื่อหันมองไปรอบๆ ก็พบแต่ความมืดเท่านั้น ในใจก็นึกกลัวว่าคงได้เจอกับสิ่งที่ไม่พึงประสงค์เข้าแล้ว


 


"กลัวเพราะไม่รู้ และเพราะไม่รู้จึงกลัว ไม่ใช่เสียงผีที่ไหนหรอกเสียงของเราเอง" น้ำเสียงที่เขาได้ยินเปี่ยมไปด้วยความเมตตา อาเธอร์รู้สึกได้แต่ก็ยังกลัวอยู่ดี


 


"วางซองไว้แล้วก็รีบกลับบ้านไปได้แล้ว กลับบ้านมืดค่ำคนเดียวมันอันตรายนะเจ้าหนุ่ม"


 


อาเธอร์รีบวางซองขาวไว้แล้ววิ่งออกมาจากวัดด้วยความเร็วสุดชีวิต


 


"ไม่ต้องรีบวิ่งหรอกนะ เดี๋ยวจะล้มเอา...อย่าประมาทเชียวล่ะ เจ้าหนุ่ม" เสียงนั้นยังคงดังก้องอยู่ในหัวของเขาแม้จะวิ่งออกจากวัดมาได้ไกลมากแล้วก็ตาม


 


…………………………………………………………


 


"ครับ...ยังไม่กลับบ้านเหรอครับ...ทราบแล้วครับ....ผมจะลองโทรถามเพื่อนๆ คนอื่นดูครับ....ครับ" เสียงสัญญาณการวางสายจากอีกฝ่ายดังขึ้น เขารีบกดหมายเลขโทรศัพท์ต่อไปทันที


 


"จูดี้…นาตาลี ไปหาเธอที่บ้านรึเปล่า...งั้นเหรอ อืม ขอบใจนะ"


 


อาเธอร์ จอนส์ตันกดปุ่มวางสาย และโยนโทรศัพท์มือถือลงไปบนเตียงพร้อมกับเอนตัวลงนอน...หลายวันมานี้ เขาและเพื่อนๆ ได้พบกับหลากหลายเรื่องราวที่ยังไม่สามารถเข้าใจได้ หลังจากนั้นเพื่อนในกลุ่มของเขาก็เริ่มหายตัวไปทีละคน เริ่มจากคนแรกเพื่อนสนิทของเขา แพทริก แล คนถัดมา...นาตาลี


 


…………………………………………………………


 


"เรื่องทั้งหมดมันเริ่มต้นที่การย้ายเข้ามาเรียนของนักเรียนใหม่..."


 


"แล้วก็คืนวันนั้นในอาคารร้าง..."


 


ชายหนุ่มขีดเขียนแผนผังความคิดลงในสมุดพกของเขา ไล่เรียงลำดับเหตุการณ์เรื่องราวทั้งหมด


 


"อาท นายทำอะไรอยู่น่ะ" แค่ได้ยินเสียงก็รู้ว่าคนถามเป็นใคร เขาไม่จำเป็นต้องตอบคำถามถ้าเธอจะตั้งใจสังเกตสักนิด


 


"วันนี้แนทไม่มาโรงเรียนเหรอ...แพทริกก็อีกคน" จูดี้พูด


 


"เมื่อวานนี้ ตอนเย็นระหว่างเลิกเรียน ถึงช่วงที่ฉันกลับบ้านไป...พึมพำ....พึมพำ " อาเธอร์ยังคงขีดเขียนแผนผังความคิดของเขาต่อไป


 


“โรงพยาบาลร้างนี่ทำไมฐานตึกถึงได้เป็นสามเหลี่ยมนะ...” อาเธอร์โยงเส้นไปมาในกระดาษสมุด


 


"นี่อาร์ทฉันยังรู้สึกไม่ค่อยสบายอยู่เลยล่ะ ถ้ารู้ว่าวันนี้สองคนนั่นไม่มาโรงเรียนนะ ฉันอยู่บ้านต่ออีกวันดีกว่า"


 


จูดี้ยังคงบ่นให้อาเธอร์ฟังอยู่


 


"ในช่วงนั้นน่าจะมีคนเห็นเหตุการณ์บ้างนะ...พึมพำ...พึมพำ...ใช่แล้ว...ไม่ใช่ๆ จะด่วนสรุปไปอย่างนั้นไม่ได้...พึมพำ"


 


"แย่จริงๆ สองคนนั้น ชั้นโทรเข้ามือถือก็ไม่มีใครรับสายสักคนเลย" จูดี้ยังคงบ่นให้อาเธอร์ฟังอยู่


 


"อาเธอร์ ชั้นว่าชั้นเห็นนาตาลีไปทางสวนสาธารณะหลังโรงเรียนเลิกนะ"


 


อาเธอร์หันความสนใจไปจากสมุดพกของเขาทันที และมันก็ทำให้ความสนใจของเขาเพิ่มมากขึ้นไปอีกเมื่อเห็นหน้าคนพูด


 


“เมื่อวานตอนเย็นน่ะ ชั้นเห็นนาตาลีครั้งสุดท้ายที่สวนสาธารณะ”


 


"นายแน่ใจนะบัดดี้"


 


"ไม่ได้ตาฝาดแน่นอน ไม่เชื่อก็ลองถามริวดูสิ"


 


ริวยะ สุซากุ ซึ่งโผล่มายืนอยู่ข้างๆ บัดดี้เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ พยักหน้ายืนยันด้วยสีหน้าจริงจัง


 


อาเธอร์วาดแผนผังความคิด วงสุดท้ายขึ้นมา...สวนสาธารณะยิ้มแฉ่ง


 


to be continued.........

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา