The Dark World มหาสงครามออนไลน์กู้ปฐพี

9.7

เขียนโดย Jalando

วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.53 น.

  174 LV
  22 วิจารณ์
  141.78K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 01.31 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

104) คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก

เครดิตภาพจาก  https://wall.alphacoders.com
 
      หลังจากเหมยลี่พูดจบ เด็กหนุ่มหัวเขียวก็ขมวดคิ้วนิ่วหน้าเป็นเชิงไม่พอใจ แต่ไม่กล้ามีปากเสียง เพราะเข็ดขยาดเพลงเท้าที่หนักหน่วง ส่วนโจจี้ได้แต่ส่ายหัวไปมาด้วยความเบื่อหน่อย จากนั้นหนุ่มผมทองก็ขยับกายไปยังพื้นที่ว่าง ซึ่งอยู่ห่างจากแคมป์ประมาณ 10 เมตร 
 
“ เอ๊ะ หมอนั่นจะทำอะไร ” มาวินหรี่ตามองด้วยความสงสัย 
          
 
       โจจี้เดินมาถึงพื้นที่ว่าง เขาก็เหลือบมองไปรอบๆ เพื่อพิจารณาบางอย่างอยู่อึดใจ จากนั้นก็เอาเสาเหล็กที่ยาวประมาณฝ่ามือปักลงไปบนพื้นดิน
 
“ เอ๋.....มันทำอะไร หรือโลกนี้จะมีพิธีการปักเหล็กกันฝน ดูคล้ายการปักตะไคร้ที่บ้านเราเลย ” มาวินมองโจจี้ ท่าทางเหม่อลอย ในใจนึกเพ้อละเมอ
           
 
       พอโจจี้ปักเสาเหล็กอันแรกเสร็จ ก็เดินไปอีกมุม เพื่อทำการปักเสาเหล็กต้นที่สอง จากนั้นก็ไปฝั่งตรงกันข้าม เพื่อปักต้นที่สามและต้นที่สี่ตามลำดับ ถ้าสังเกตให้ดี จะพบว่าเขาได้ปักเสาเหล็กในระยะห่างที่ใกล้เคียงกัน เพื่อสร้างอาณาเขตเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่มีพื้นที่ประมาณ 30 ตารางเมตร 
 
“ เอ…..ดูท่าทางจะไม่ใช่พิธีปักตะไคร้แล้วล่ะมั้ง หรือจะเป็นมอญซ่อนผ้า เดี๋ยวก่อน โลกนี้จะมีการละเล่นแบบนั้นได้ยังไง ” มาวินมองตาม พร้อมเดาส่งเรื่อยเปื่อย
            
 
       โจจี้ไม่ได้อธิบายอะไร เขาเอาแต่ก้มหน้าก้มตาปรับแต่งบางอย่างที่โคนเสาเหล็ก จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองมาวินแวบหนึ่ง แล้วหลิ่วตาให้ 
 
“ เดี๋ยวนายคอยดูอานุภาพของเสาคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าให้ดี ” 
            
 
        หลังพูดจบ หนุ่มผมทองก็กดปุ่มเล็กๆที่กลางลำต้น ทันใดนั้นเอง ได้บังเกิดออร่าสีฟ้าอ่อนแผ่กระจายออกมาจากเสาเหล็กทั้ง 4  มันลอยสูงขึ้นมาบรรจบตรงกลางอาณาเขต อันดูคล้ายโดมขนาดใหญ่
 
“ โว้…นะ….นี่มัน……มีคลื่นน้ำทะเลกระจายออกมาจากเสาเหล็กประหลาด ถะ…แถมมันยังลอยขึ้นไปอยู่กลางอากาศอีก พวกเราหลบเร็ว มันกำลังล้อมแคมป์ไฟแล้ว ” มาวินแหกปากตะโกน พร้อมเตรียมเผ่นหนี ทว่าเหมยลี่ก็รู้แกว จึงรีบรุดเข้ามาล็อกคอ
 
“ ปล่อย……ปล่อยชั้น น้ำทะเลกำลังจะท่วมลงมาแล้ว เดี๋ยวพวกเราก็ตายกันพอดี ” มาวินโวยวายเสียงดัง พร้อมเหลือกตามองออร่าจางๆที่คล้ายเกลียวคลื่นของน้ำทะเล
 
“ หุบปากแล้วดูให้ดี มันใช่น้ำทะเลซะที่ไหนเล่า ไอ้ลิงปัญญาอ่อน ” เหมยลี่ออกแรงล็อกคอให้แน่นยิ่งขึ้น พร้อมตะคอกใส่หูจนสุดเสียง 
          
 
       มาวินรู้สึกสับสน ในเวลานี้ เขาไม่รู้ว่าควรจะกลัวเหมยลี่หรือกลัวออร่าประหลาด ถึงยังไง เด็กหนุ่มก็หนีไปไหนไม่พ้น เพราะถูกล็อคคอด้วยวงแขนที่แข็งแกร่ง จึงได้แต่หลับตาและนึกภาวนาอยู่ในใจ
 
“ ไม่นะ ชั้นไม่อยากจมน้ำตาย ” 
           
 
       มาวินหลับตาและเตรียมรับความทรมาน แต่จนแล้วจนรอด เด็กหนุ่มก็ยังไม่พบกับความรู้สึกดังกล่าว จึงนึกสงสัยและหรี่ตามอง
 
“ เอ๋…..ทำไมถึงไม่รู้สึกอึดอัด เราน่าจะจมน้ำอยู่ ” 
          
 
        ทันทีที่มาวินหรี่ตามอง สิ่งแรกที่ได้เห็นก็คือ…….แคมป์ไฟ มันดูปกติจนทำให้เด็กหนุ่มอุทานดัง 
 
“ เฮ้ย…..เมื่อกี้มันเหมือนว่า……คลื่นน้ำทะเลกำลังร่วงหล่นลงมาแบบสโลโมชั่นนี่นา ทำไมบริเวณแคมป์ไฟยังดูปกติ ” 
           
 
       ทั้งโจจี้และเหมยลี่ไม่ได้กล่าวคำใด พวกเขาเพียงอมยิ้มเล็กน้อย เด็กหนุ่มหัวเขียวจึงเป็นฝ่ายเหลียวมองไปรอบตัว เพื่อหาคำตอบซะเอง สิ่งที่ได้เห็น แทบทำให้ลืมหายใจ นั่นก็คือ……..ปรากฏกำแพงออร่าสีเกลียวคลื่นที่ล้อมรอบแคมป์ไฟทุกทิศทาง 
 
“ เฮ้ย เกลียวคลื่นกลายเป็นกำแพงล้อมเราไว้ทุกด้าน มันคลุมยาวไปจนถึงด้านบนจนดูคล้ายโดม นี่มันเกิดอะไรขึ้น ชั้นฝันอยู่รึเปล่า ” มาวินโวยดัง พร้อมทึ้งหัวตัวเอง ท่าทางคล้ายคนสติแตก 
 
“ ฮะๆ นายไม่ได้ฝัน ทุกสิ่งคือเรื่องจริง ออร่าดังกล่าวคือคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ทำหน้าที่คุ้มครองพวกเราจากทุกสิ่งที่พยายามล่วงล้ำเข้ามา ” โจจี้หัวเราะดัง พร้อมอธิบายยืดยาว โดยมีเหมยลี่ยืนมองอยู่ด้านหลัง 
 
“ คุ้มครองพวกเรา ” มาวินทวนคำ สีหน้างุนงง เขามองโจจี้และเหมยลี่สลับไปมา
 
“ ใช่แล้ว แต่นี้ต่อไปจะไม่มีสสารใดผ่านม่านคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้านี้เข้ามา ” โจจี้ยักคิ้วให้
 
“ จริงอะ ” มาวินถามซ้ำ เพื่อตอกย้ำให้แน่ใจ 
 
“ ถ้าไม่เชื่อ นายก็ลองแตะมันดูสิ ” คราวนี้เป็นฝ่ายเหมยลี่ที่เอ่ยปากบ้าง 
 
“ อืม…… ” 
       
 
       ด้วยความที่มาวินเป็นคนที่ไม่เชื่ออะไรง่ายๆ เขาจึงก้าวเข้าหากำแพงแม่เหล็กไฟฟ้า ท่าทางหวาดระแวงเล็กน้อย
          
 
       เมื่อเข้าไปใกล้ เด็กหนุ่มก็พบว่ากำแพงออร่านั้นดูคล้ายเกลียวคลื่นของน้ำทะเลอย่างไม่มีผิดเพี้ยน จนทำให้คนบ๊องๆอย่างเขาอดคิดไม่ได้ว่า….เจ้ากำแพงอันนี้จะเค็มมั้ยนะ 
           
 
       มาวินหยุดยืนอยู่หน้ากำแพงคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า พอพิจารณาอยู่อึดใจ เขาก็ได้ยินเสียงโจจี้ตะโกนหยอกเย้า 
 
“ เอ้า นายลองยื่นมือไปแตะมันดูสิ  ฮ่าๆ ” 
 
“ เฮื้อก…… ” มาวินกลืนน้ำลายลงคอหลายเฮือกใหญ่ จากนั้นก็ค่อยๆยื่นมือขวาไปแตะกำแพงออร่า จังหวะที่สัมผัสถูก ก็ปรากฏไฟฟ้าแล่บแปล๊บออกมา พร้อมแรงดีดที่รุนแรง
 
“ โอ๊ย อะ…..จึ้ย ” มาวินรีบชักมือกลับอย่างรวดเร็ว 
 
“ ไง เห็นมั้ยเล่า ที่นี้เชื่อรึยัง เมื่อกำแพงคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ากางออก มันจะขวางกั้นไม่ให้สสารใดๆผ่านมาได้ ” โจจี้กล่าวเบาๆ สีหน้าพอใจที่ได้เห็นมาวินเรียนรู้ด้วยตัวเอง 
 
“ เหอๆ…… ถึงตอนนี้ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแล้วล่ะ นี่ชั้นหลุดมาอยู่ที่ไหนเนี่ย มีแต่เรื่องมหัศจรรย์พันลึกทั้งนั้น ” มาวินบ่นพึมพำ
 
“ เฮ้ เดี๋ยวนะ ที่พูดว่า……หลุดมาอยู่ที่ไหน ฟังดูแปลกๆ มันเหมือนกับว่านายไม่ได้อยู่ในโลกนี้มาตั้งแต่แรก ” ความขี้สงสัยของโจจี้เริ่มกลับมาทำงาน คราวนี้ชายหนุ่มถามได้ถูกจุด เพราะยิงตรงไปที่ความลับของมาวินเข้าอย่างจัง
 
“ เอ่อ……อ่า…..อืม…… ” มาวินเริ่มติดอ่างอีกครั้ง เพราะเขาไม่รู้จะบ่ายเบี่ยงยังไง แน่นอนว่าเหมยลี่ที่ยืนอยู่ไม่ห่าง ก็ตั้งใจฟังอย่างเต็มที่ แม้ภายนอก เธอจะดูเฉยเมยอยู่ก็ตาม
           
 
        ขณะที่มาวินกำลังจนแต้ม เด็กหนุ่มก็รู้สึกแปลกๆ เขาจึงเริ่มไถ่ถาม 
 
“ เอ๋.....ชั้นรู้สึกว่าอากาศกลับมาเป็นปกติ ไม่หนาวเหมือนตอนแรก ” 
 
“ อ้อ….. ชั้นลืมบอกนาย นอกจากกำแพงคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจะกั้นอาณาเขตให้ปลอดภัยจากอะไรที่ย่องเข้ามา มันยังปรับอุณหภูมิที่อยู่ภายในให้พอดีกับร่างกายมนุษย์ พวกเราจึงหายหนาว เยี่ยมมั้ยล่ะ ” บางครั้ง การเลี่ยงบาลีได้ผล เพราะโจจี้เริ่มหันไปอธิบายสรรพคุณของวิเศษที่ตนเองภาคภูมิอีกครั้ง 
 
“ โห….. สุดยอดไปเลย นอกจากนี้ มันยังทำอะไรได้อีก นายช่วยอธิบายหน่อย ” มาวินแอบโล่งอก เขาดีใจที่สามารถเลี่ยงคำถามที่ไม่อยากตอบได้สำเร็จ
 
“ ฮะๆ มันยังทำโน่น นี่ นั่น โน้น…….. ” โจจี้อธิบายสรรพคุณไปเรื่อยตามแนวทางของคนชอบอวด แน่นอนว่ามาวินแทบไม่ได้รับฟังในสิ่งที่หนุ่มผมทองพูดเลย 
          
 
       แม้โจจี้จะหลงกลอย่างง่ายดายด้วยความขี้อวดของตนเอง (ซึ่งก็น่าอวด เพราะของมันเจ๋งจริงๆ) ทว่าเด็กสาวร่างสูงกลับไม่หลงประเด็น แต่ด้วยคุณลักษณะเฉพาะตัว เธอจึงกระทำเพียงแค่ยืนกอดอก แล้วจ้องมาที่มาวิน ดวงตาฉายแววเคลือบแคลงอย่างชัดเจน ซึ่งพอเด็กหนุ่มหัวเขียวเงยหน้าขึ้นสบตา เขาก็ผวาเฮือกใหญ่ด้วยความหวาดกลัว 
 
“ เอ๊ะ หรือยัยโย่งจะล่วงรู้ความจริงว่า…..เราไม่ได้มาจากบ้านนอกอย่างที่พวกนั้นเข้าใจ ”
 
 
สามารถติดตามงานเขียน  ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจ Jalando นักเขียนดารค์ไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ
https://www.facebook.com/Jalando.darksidewriter

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา