The Dark World มหาสงครามออนไลน์กู้ปฐพี

9.7

เขียนโดย Jalando

วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.53 น.

  174 LV
  22 วิจารณ์
  141.43K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 01.31 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

118) ท่านอาจารย์เฒ่า

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

เครดิตภาพจาก  https://wallpaperaccess.com

 

       โอคุยาสุรู้สึกแสบตามาก ดวงตาเรียวยาวปิดสนิท เวลาต่อมา ซามูไรหนุ่มก็พยายามปรับสภาพด้วยการกะพริบตาถี่รัว

 

“ โอ้.....แสงสว่างนั้นคืออะไร แล้วน้องหญิงทำแบบนั้นได้ยังไง ” โอคุยาสุสะบัดศีรษะไปมา พร้อมพึมพำเบาๆ

 

“ สิ่งนี้เรียกว่า.....เวทมนตร์ มันเป็นคาถาที่ใช้เคลื่อนย้ายคนหรือสิ่งของจำนวนมากไปยังสถานที่ๆเราต้องการ ” อากิเนะตอบเรียบๆ

 

“ งั้นก็แปลว่า….” โอคุยาสุขยี้ตา เพื่อขับไล่ความขุ่นมัวออกไป

 

“ใช่แล้ว อากิเนะพาทุกคนมาที่โรงฝึกอาวุธด้วยคาถานี้ ” อากิเนะเฉลย

 

“ บ้าน่า โรงฝึกอาวุธนั้นอยู่ห่างจากจุดที่เราอยู่ตั้งหลายสิบกิโลเมตรเลยนะ เป็นไปไม่ได้ ” โอคุยาสุเริ่มโวย

 

“ ลองลืมตามองสิ พี่โอคุยาสุ ” อากิเนะแนะนำ น้ำเสียงดูเบื่อหน่าย

          

 

       โอคุยาสุลืมตามอง ภาพแรกที่เห็นก็คือโรงเรือนขนาดใหญ่ที่กว้างประมาณครึ่งสนามฟุตบอล พื้นยกสูงทำด้วยไม้ขัดมัน ผนังเป็นปูนที่ทาสีขาวสะอาดตา บริเวณหลังคาปูกระเบื้องตลอดแนว รูปลักษณ์ของอาคารนี้ดูคล้ายวัดญี่ปุ่นอย่างไม่มีผิดเพี้ยน

         

 

       พวกเขาหยุดยืนอยู่หน้าประตูใหญ่ ซึ่งตั้งอยู่ตรงกึ่งกลางของอาคารหลัก เบื้องหน้าปรากฏกายของชายสูงวัยคนหนึ่ง เขากำลังยืนเอามือไขว้หลัง ท่วงท่าดูสุขุม

 

“ ท่านอาจารย์ ” โอคุยาสุขนานนามของชายสูงวัย

       

 

       ชายสูงวัยผู้นี้น่าจะมีอายุประมาณ 60 กว่า ใบหน้ายาว ดวงตาแน่วนิ่ง หนวดเคราสีขาวยาวจรดหน้าอก เส้นผมสีเดียวกันก็ยาวสลวยถึงกลางแผ่นหลัง ร่างกายสูงเพรียวถูกปกคลุมด้วยชุดยูกาตะสีขาวสะอาดตาจนดูคล้ายแกนดัลฟ์ในเรื่องลอร์ด ออฟ เดอะ ริง

 

“ ท่านปู่คะ ได้โปรดช่วยเด็กหนุ่มผู้นี้ด้วยเถอะค่ะ ” อากิเนะอ้อนวอนชายชรา ผู้น่าจะเป็นปู่ของเธอ

         

 

        ชายชราผู้สุขุมเหลือบมองเด็กหนุ่มผมเขียวที่นอนคว่ำหน้าอยู่กับพื้นแวบหนึ่ง จากนั้นก็หันไปสั่งลูกศิษย์หนุ่ม

 

“ โอคุยาสุ เจ้าจงแบกเด็กหนุ่มผู้นี้ไปที่ห้องพัก ”

         

 

       ไม่ทราบว่าเป็นเพราะน้ำเสียงที่ดูทรงพลังหรือเพราะโอคุยาสุอยากฝากตัวเป็นหลานเขย ซามูไรหนุ่มจึงทำตามคำสั่งในทันที โดยไม่อิดเอื้อนแต่ประการใด ทั้งที่ใจจริง เขาไม่อยากทำแบบนี้ ด้วยไม่ชอบคนที่มาจากโลกภายนอกเอามากๆ มิหนำซ้ำ ทั่วร่างกายของผู้มาเยือนยังเต็มไปด้วยคราบเลือด เหงื่อไคลและกลิ่นดินหญ้า อันเป็นสิ่งที่หนุ่มเจ้าสำอางนึกรังเกียจ

        

 

        หลังจากโอคุยาสุแบกร่างของเด็กหนุ่มหัวเขียวตามคำสั่ง อากิเนะก็หันไปพูดกับท่านปู่

 

“ ท่านปู่รีบตามไปรักษาเถอะ อาการของเขาดูสาหัสไม่ใช่น้อย ”

        

 

       ชายชราพยักหน้ารับคำ จากนั้นก็เดินตามไปที่ห้องพัก เพื่อทำการรักษาเด็กหนุ่มปริศนา

 

………………………

        

        ห้องพักนั้นมีขนาดกะทัดรัด พื้นปูด้วยเสื่อสาน เครื่องเรือนทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะไม้แบบพับได้ ตู้ไม้และเครื่องชงชา ล้วนออกไปในทรงญี่ปุ่น ทว่าจุดที่น่าสนใจๆ กลับไม่ใช่ข้าวของ แต่เป็นร่างเล็กบางของเด็กหนุ่มปริศนาที่นอนเหยียดยาวอยู่บนฟูกนุ่มกลางห้อง

          

 

        มวลหมู่สมาชิกที่เหลือประกอบไปด้วยอาจารย์เฒ่า อากิเนะและโอคุยาสุ ทั้งสามมองไปยังเด็กหนุ่ม จึงพบกับใบหน้าอ่อนเยาว์และเปลือกตาที่ปิดสนิท ทำให้ดูคล้ายเด็กน้อยที่กำลังหลับ ทว่าทุกคนรู้อยู่แก่ใจว่าผู้มาเยือนไม่ได้เข้าสู่นิทรารมย์ แต่กำลังเดินทางสู่เงื้อมมือของมัจจุราช

         

 

        ชายชราจ้องมองเด็กหนุ่มหัวเขียวด้วยอาการพินิจ เขาจับชีพจรของอาคันตุกะ บางครั้งก็เอาหลังมืออังหน้าผากและแตะตัว เพื่อตรวจดูอุณหภูมิของร่างกาย

 

“ อาการเป็นยังไงมั่ง เขาจะรอดมั้ย ท่านปู่ ” อากิเนะเอ่ยถาม ท่าทางร้อนรน

 

“ อืม........จากการตรวจสอบ เด็กหนุ่มคนนี้น่าจะพลัดตกจากภูเขาสูง ตามร่างกายถูกหินกระแทกอย่างรุนแรงจนเกิดบาดแผลฉกรรจ์อยู่หลายจุด นับว่าเหลือเชื่อมากที่เขายังรอดชีวิต สรุปแล้ว ถ้าผ่านพ้นสามวันอันตรายไปได้ ก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร ” ชายชราตอบเรียบๆ

 

“ งั้นก็แปลว่า…..เขามีโอกาสรอด ใช่มั้ยคะ ” อากิเนะยิ้มกว้าง เธอดูมีความหวัง

 

“ ใช่ ข้าจะปรุงยารักษาอาการบาดเจ็บภายในให้ อากิเนะจัดการทำแผลและดามกระดูกที่หัก เราจะรักษาเขาเป็นอย่างดี ส่วนจะรอดหรือไม่ ให้ฟ้าเป็นผู้กำหนด ” ชายชราสั่งเป็นขั้นเป็นตอน ราวกับตนเป็นหมอใหญ่ จากนั้นก็ลุกขึ้นยืน เพื่อไปปรุงยาที่ห้องสมุนไพร แต่ก่อนจะก้าวเท้าออกจากห้อง ก็หันกลับไปพูดกับโอคุยาสุ

 

“ ส่วนโอคุยาสุ เจ้ากลับบ้านไปก่อน วันนี้มืดแล้ว พักผ่อนซะ ”

 

“ ขอรับ ” โอคุยาสุรับคำแบบไม่เต็มเสียง เขารู้สึกไม่พอใจที่เห็นเด็กสาวเริ่มถอดเสื้อผ้าให้เด็กหนุ่ม เพื่อชำระล้างบาดแผล

 

…………………………

        

       เด็กหนุ่มปริศนาได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจากสองปู่หลานผู้อารี โดยเฉพาะอากิเนะ เธอแทบไม่ห่างจากผู้ป่วยและหอบเครื่องนอนมาปูในห้องพัก เพื่อเฝ้าดูอาการทั้งวันทั้งคืน

       

 

       ในสามคืนแรก อาการของเด็กหนุ่มดูจะทรุดเป็นระยะ ร่างกายมักแข็งเกร็งด้วยความเจ็บปวดจนเดือดร้อนให้ชายชราและอากิเนะต้องคอยดูแลรักษา

          

 

        ในวันที่สาม เด็กหนุ่มหัวเขียวเริ่มขยับกายได้เล็กน้อย สีหน้าดูมีสีเลือดฝาดมากขึ้น จนเวลาล่วงเลยไปถึงเช้าวันที่สี่ เขาก็ลืมตาขึ้นมา

 

“ เอ๊ะ ที่นี่ที่ไหน แล้วเรามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ” เด็กหนุ่มปริศนานอนนิ่ง ดวงตาเหม่อมองเพดานเหนือหัว พร้อมขบคิดหาคำตอบที่ยังสงสัย

          

 

        แน่นอนว่าเด็กหนุ่มไม่อาจหาคำตอบได้จากการถามตัวเอง เขาจึงค่อยๆยันกายลุกขึ้นนั่ง ความเจ็บปวดเริ่มครอบคลุมจิตใจจนเผลอร้องโอยออกมา

 

“ อู้ย...... กลับมาเจ็บอีกแล้ว ครั้งที่เท่าไหร่แล้วนะที่ต้องมานอนเดี้ยงแบบนี้ ว่าแต่เราอยู่ที่ไหน โรงพยาบาลรึเปล่า อ้าว......เฮ้ย นี่มันชุดบ้าอะไรเนี่ย ”

          

 

        เด็กหนุ่มอุทานดัง เมื่อพบว่าตัวเองอยู่ในชุดยูกาตะสีขาว ท่อนแขนขวาและหัวไหล่ซ้ายถูกดามด้วยไม้ท่อนเขื่องอย่างประณีต หลายส่วนบนร่างกายประดับประดาไปด้วยผ้าพันแผล แต่ร่องรอยการปฐมพยาบาล ไม่ทำให้เขาเลิกสนใจชุดประหลาดที่กำลังสวมใส่

 

“ อะไรเนี่ย อย่างกับชุดที่คนญี่ปุ่นใส่กันในหนังซามูไรเลย เฮ้ เหมยลี่ โจจี้ พวกนายไปมุดหัวอยู่ที่ไหน ออกมาเดี๋ยวนี้นะ อย่ามาแกล้งกันแบบนี้ ” เด็กหนุ่มหัวเขียวบ่นพึมพำ พลางเหลียวมองรอบกาย เพื่อหาพลพรรคที่หายไป

           

 

         ระหว่างที่เด็กหนุ่มหัวเขียวเหลียวซ้ายแลขวาอยู่นั้นเอง สายตาก็ไปสะดุดกับฟูกนอนสีขาวซึ่งอยู่ห่างประมาณสามก้าว ผู้ที่กำลังหลับใหลอยู่บนนั้นก็คือ.....เด็กสาวร่างเพรียวที่น่าจะมีอายุอานามใกล้เคียงกับตน

 

“ เหวอ.....นะๆ.....นั่น ใครน่ะ นี่มันเด็กผู้หญิงนี่นา มะ.....มาอยู่ห้องเดียวกับชั้นได้ยังไง ” มาวินเริ่มติดอ่างเขาตกใจกว่าเดิมเป็นเท่าทวี

           

 

       คล้ายว่าเสียงเอะอะโวยวายของเด็กหนุ่มจะดังเกินไป จึงทำให้เด็กสาวค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นมา ทันทีที่สองคนได้สบตากัน เธอก็รีบลุกขึ้นมานั่งคุกเข่า พร้อมก้มคารวะจนศีรษะติดพื้น

 

“ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ข้าพเจ้ามีนามว่า อากิเนะ ”

            

 

        การมีมารยาทแบบเวอร์ๆของสาวน้อยเบื้องหน้า ทำให้เด็กหนุ่มหัวเขียวถึงกับไปไม่เป็น ถึงกระนั้น เขาก็พยายามตอบกลับมาเบาๆ พร้อมเสียงหัวเราะที่ดูฝืนๆ

 

“ ฮะๆ เอ่อ......เราสองคนน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกัน ไม่ต้องคารวะถึงขนาดนั้นก็ได้ ชั้นเขินนะ ”

 

 

สามารถติดตามงานเขียน  ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจ Jalando นักเขียนดารค์ไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ

https://www.facebook.com/Jalando.darksidewriter

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา