The Dark World มหาสงครามออนไลน์กู้ปฐพี

9.7

เขียนโดย Jalando

วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.53 น.

  174 LV
  22 วิจารณ์
  141.76K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 01.31 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

121) เทพศาสตรา

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก

เครดิตภาพจาก  https://wallpapercave.com
 
      บรรยากาศภายในห้องอบอวลไปด้วยความตึงเครียด เพราะบทสนทนาที่ผ่านมาค่อนข้างจะหนักหน่วง แต่นั่นไม่ทำให้ชายชราผู้เงียบขรึมยอมถอย เขาเริ่มติดตามผลงาน 
 
“ ตกลง เจ้าพอจะจำได้มั้ย ก่อนที่จะบาดเจ็บสาหัส ได้ทำความดีอะไร ” 
 
“ อืม...... คำถามนี้ยากนะ การทำความดี มันคืออะไร ” มาวินนั่งงง ดูเหมือนว่าเขาจะเลิกสนใจอากิเนะไปแล้ว เพราะกำลังหมกมุ่นอยู่กับการขบคิดอย่างหนัก ส่วนเด็กสาวผู้ถูกขนานนามว่า "กระต่ายน้อย" เธอได้แต่ทำหน้ายู่ๆ พร้อมนึกดูแคลนเด็กหนุ่มอยู่ในใจ
 
“ เชอะ อย่างอีตาหน้าลิงน่ะเหรอจะทำความดี นอกจากยียวน กวนประสาทคนอื่น คงจะทำอะไรไม่เป็นแน่ๆ ” 
             
 
      มาวินไตร่ตรองอยู่นานสองนาน ทำให้คอเรียวเล็กเอียงขวาจนแทบหัก ใบหน้าขมวดนิ่วสลับยู่ยี่ อึดใจต่อมา ดวงตาก็เลิกสูงขึ้นเล็กน้อย เป็นนัยว่าน่าจะคิดอะไรขึ้นมาได้
 
“ ว่าไง เด็กน้อย คิดออกรึยัง ” ชายชราผู้เงียบขรึมเอ่ยถาม
 
“ ใช่ คิดออกแล้ว จริงๆแล้ว ลุงก็คือ…..เจมส์ บอร์น 007 เวอร์ชั่นคนญี่ปุ่นใช่มั้ย เพราะลุงโคตรจะนิ่งเลย ส่วนยัยบ๋องแบ๋วที่อยู่ตรงนั้นนั่นน่าจะเป็น……ตุ๊กตาไขลานของญี่ปุ่น ชัวร์ ชั้นมั่นใจ ถ้าไม่ใช่ก็ใกล้เคียง  ” มาวินฟันธง ท่าทางจริงจัง 
            
 
      อากิเนะถึงกับตัวสั่นด้วยความโกรธ แม้เธอไม่เข้าใจคำพูดเพ้อเจ้อของมาวิน แต่ก็เชื่อว่าทุกเรื่องที่กล่าวมาน่าจะไร้สาระร้อยเปอร์เซ็นต์ ถึงกระนั้น เธอก็ทำได้แค่ส่งสายตาอาฆาตระดับพรีเมี่ยมให้กับเด็กหนุ่ม               
       
 
       ชายชรายังคงนิ่งเงียบ สีหน้าเรียบเฉยดุจเดิม ไม่มีอารมณ์ใดๆปรากฏออกมา สิ่งนี้ทำให้มาวินถึงกับจ๋องลงไปถนัดตา ปากก็เอ่ยถามคู่สนทนาเสียงละห้อย
 
“ ถามจริงเถอะ มุกนี้ไม่ฮากันเลยเหรอ ” 
              
 
       ชายชราผมขาวดูไม่สนใจเรื่องไร้สาระของมาวิน เขาจึงเอ่ยถามเด็กหนุ่มหัวเขียวอีกครั้งด้วยท่าทางที่ดูจริงจัง
 
“ ตกลง เจ้าจะบอกข้าได้รึยังว่า…..ก่อนบาดเจ็บสาหัส ได้ทำความดีอะไร ” 
 
“ เหอๆ ก็มันนึกไม่ออกนี่ ลุง เอ๊ะ แต่จะว่าไป…..” มาวินเอนกายไปข้างหลังนิดหนึ่ง จากนั้นก็เหยียดสองขาออกไปอย่างไร้มารยาท 
 
“ ว่าอะไร ” ชายชราถามกลับทันที แม้สีหน้ายังคงนิ่งเฉย แต่ในใจน่าจะร้อนรนอยู่ไม่น้อย 
 
“ ว่าไปแล้ว ลุงก็เหมือนก็อดฟาเธอร์ มาเฟียอิตาลี บุคลิกนี้ใช่เลย ฮ่าๆ ” มาวินหัวเราะร่า ใบหน้าฉายแววทะเล้นตามวิสัยของลิงซนๆ 
            
 
       ถึงจุดนี้ อากิเนะไม่ทนอีกต่อไป เพราะเด็กหนุ่มหน้าลิงได้ล่วงเกินท่านปู่ที่เธอเคารพรักถึงหลายครั้ง พอยกมือขวาที่เปล่งแสงขึ้นมา มาวินก็ลอยละลิ่วไปกระแทกกับฉากกั้นห้อง
 
“ โครม ” 
           
 
       อากิเนะได้แต่นั่งงง เพราะเธอยังไม่ได้ทำอะไรเลย แล้วเด็กหนุ่มปากเสียลอยไปได้ยังไง แต่เมื่อหันไปมองเทพศาสตรา เพื่อขอคำตอบ ก็พบว่านั่นคือฝีมือของ……ท่านปู่
 
“ ว้าว....... แม้กระทั่งท่านปู่ที่ใจเย็นยังทนไม่ได้เลย สมน้ำหน้า ดีมาก เอาอีก เอาให้หนัก หึๆ ” อากิเนะนึกกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจ แต่ภายนอก ยังแสร้งสงบ เพื่อรักษามารยาท 
            
 
        มาวินค่อยๆยันกายลุกขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก ปากก็ร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด 
 
“ อู้ย...... เจ็บชะมัด ทำไมจู่ๆเราถึงลอยมากระแทกฉากกั้นได้ แปลกมาก ” 
              
 
      เมื่อมาวินลุกขึ้นนั่งเป็นที่เรียบร้อย เขาก็สะบัดศีรษะไปมา เพื่อขับไล่ความมึนงง ขณะที่กำลังจัดการตัวเอง หูก็ได้ยินคำถามเรียบๆของชายชรา 
 
“ ตกลง ก่อนบาดเจ็บสาหัส เจ้าได้ทำความดีอะไร รีบบอกมา ถ้าไม่อยากลอยแบบเมื่อกี้ ” 
             
 
       ทันทีที่ได้ยิน มาวินก็รู้สึกฉุนกึก เพราะแค่นี้ เขาก็รู้แล้วว่าเหตุประหลาดเมื่อครู่คือฝีมือของใคร เด็กหนุ่มจึงเงยหน้าขึ้นมา เพื่อเตรียมตวาดด่าให้สมแค้น แต่ก่อนจะได้แผลงฤทธิ์ ก็ประสบกับประกายตาที่นิ่งขรึมและลึกล้ำของชายชรา สิ่งนั้นสะกดให้ลิงจอมซนนิ่งเงียบไปโดยปริยาย 
 
“ อะไรน่ะ ประกายตานั่นดูน่ากลัวและลึกลับจนเราพูดไม่ออกเลยแฮะ ” มาวินนึกหวาดอยู่ในใจ มือเท้าเริ่มสั่นเทาอย่างไร้เหตุผล 
 
“ พูดมา ถ้าชักช้า เจ้าได้ลอยอีกรอบแน่ ” ชายชราข่มขู่ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
           
 
       ใจจริงแล้ว มาวินไม่อยากกวนประสาทสองปู่หลานหฤโหดคู่นี้เลย แต่ไม่ว่าพยายามยังไง เขาก็นึกไม่ออกจริงๆว่าได้ทำความดีอะไร จึงแกล้งบ้ากลบเกลื่อน แต่พอเค้นสมองอยู่ซักพัก ก็เริ่มเห็นคำตอบ 
 
“ เดี๋ยวนะ เริ่มจำได้แล้ว….” 
            
 
       ชายชราผู้เงียบขรึมเลิกคิ้วสูงขึ้นมาเล็กน้อย ส่วนอากิเนะก็เงี่ยหูฟังในสิ่งที่เด็กหนุ่มกำลังจะพูด
 
“ ก่อนที่ชั้นกับเจ้าคองจะตกเขา เราได้ต่อสู้กันตัวต่อตัว ” 
           
 
        ความเงียบกลับมาเกาะกินบรรยากาศโดยรวมอีกครั้ง แต่มันเป็นแบบนี้ได้ไม่นาน ชายชราก็เริ่มวิเคราะห์ 
 
“ ฟังจากที่เล่า ดูเหมือนว่ามอนสเตอร์ที่สู้ด้วยน่าจะเป็น…..คองโกล่า ลิงยักษ์หนังเหล็ก พิจารณาจากพลังและฝีมือ ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าจะสามารถต่อสู้ด้วยตัวคนเดียวได้ มีพรรคพวกที่ร่วมสู้มั้ย ” 
             
 
       คำพูดของชายชรา สร้างความไม่พอใจให้กับมาวินอย่างมากมายจนใบหน้าเรียวเล็กเริ่มขมวดนิ่ว แต่ด้วยความหวาดกลัวในบุคลิกภาพและพลังประหลาด เด็กหนุ่มจึงไม่กล้าตอบโต้ อีกประการ เรื่องที่เขาสู้กับคองโกล่าด้วยตัวคนเดียวไม่ได้ มันก็เป็นความจริง ลิงจอมซนจึงตอบคำถามนี้เบาๆ ท่าทางเกร็ง
 
“ ใช่ ชั้นมีเพื่อนร่วมต่อสู้อีกสองคน ” 
 
“ แล้วทำไม…..เจ้าถึงออกมาดวลตัวต่อตัว เพื่อนอีกสองคนไปไหน ” ชายชราถามต่อ 
           
 
        มาวินนิ่งอึ้ง เขานึกตรึกตรองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบกลับมาด้วยเสียงที่แผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน 
 
“ พวกเราทั้งสามคนร่วมมือกันต่อสู้ในยกแรก แต่เจ้าคองนั่น ร้ายกาจมากจนหมดหนทางจัดการกับมัน เพื่อนทั้งสองล้วนหมดเรี่ยวแรงและบาดเจ็บ ชั้นจึง…..ต้องทำอะไรบางอย่าง ” 
 
“ ทำอะไร ” ดวงตาที่ล้ำลึกของชายชราจ้องมองมาที่มาวิน 
            
 
        ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับมาวิน เด็กหนุ่มจึงกล้าสบตา ประกายบนจักษุนั้นดูห้าวหาญและสุกใส ราวกับพยัคฆ์หนุ่ม มังกรเยาว์ จากนั้นก็ตอบกลับด้วยเสียงที่ดังกังวานจนทำให้อากิเนะตกตะลึงกับท่าทีที่เปลี่ยนไป
 
“ ชั้นหลอกล่อให้เจ้าคองตกเขา เลยทำให้ชั้นต้องตกเขาไปด้วย ” 
 
“ เจ้าทำแบบนั้น เพื่ออะไร ” ชายชราซักต่อ 
 
“ ชั้นไม่อยากให้พวกนั้นตาย มันต้องมีใครซักคนเสี่ยง เพื่อให้คนที่เหลือรอด ” มาวินตอบกลับแบบไม่ต้องคิด กิริยาท่าทางที่ห้าวหาญของเด็กหนุ่ม ทำให้อากิเนะรู้สึกทึ่ง 
 
“ เจ้าหน้าลิงทำอะไรแบบนั้นได้ด้วยเหรอ เหลือเชื่อ ” 
            
 
       เทพศาสตรายังคงมองหน้าเด็กหนุ่ม สายตาคู่นั้นดูเคร่งขรึมและจริงจังอย่างยิ่งยวด ไม่ว่าผู้กล้าที่เหี้ยมหาญปานใดก็ไม่อาจทานทน แต่ไม่ใช่กับมาวิน เขายังคงประสานตาอย่างไม่กลัวเกรง ทันใดนั้นเอง สีหน้าของชายชราก็ผ่อนคลายลง 
 
“ ข้าเชื่อในสิ่งที่เจ้าพูด และเข้าใจแล้วว่า.....ก่อนที่เจ้าจะบาดเจ็บสาหัส ได้ทำความดีอะไร ” ชายชราสรุปสั้นๆ ดูเหมือนจะมีรอยยิ้มจางๆปรากฏบนใบหน้าอันเหี่ยวย่น
 
“ เอ๊ะ เดี๋ยวนะ ลุงรู้เรื่องอยู่คนเดียว ชั้นไม่เห็นเข้าใจอะไรเลย ” มาวินเริ่มกลับมาโวยวายเช่นกัน ดูเหมือนว่าภาพลักษณ์ที่ห้าวหาญแบบสิงห์หนุ่ม พยัคฆ์คะนองเมื่อครู่ จะเป็นเพียงเปลือกบางๆที่โผล่ให้เห็นเป็นครั้งคราว
            
 
       ชายชราผู้เงียบขรึมไม่ตอบกลับแต่ประการใด เขาลุกขึ้นยืน พร้อมเดินไปที่ประตู ทว่าก่อนที่จะก้าวออกจากห้อง ได้หันกลับมากล่าวกับเด็กหนุ่มหัวเขียว
 
“ ยินดีต้อนรับสู่ดินแดนลี้ลับ ข้ามีสมญานามว่า……เทพศาสตรา ตอนนี้เจ้าเป็นอาคันตุกะของข้าแล้ว ” 
 
“ โห...... สมญานามของลุงโคตรเท่เลย ” มาวินร้องเหวอ ครู่หนึ่ง เขาก็สะดุ้งสุดตัว ดวงตาเบิกโพลงด้วยอาการตกใจอย่างรุนแรง 
 
“ เอ๊ะ เดี๋ยวนะ เมื่อกี้ลุงบอกว่าตัวเองคือ….เทพศาสตรา ผู้ยิ่งใหญ่ในตำนานที่สำเร็จวิชาอาวุธขั้นสุดยอดทุกประเภท แบบนี้ ลุงก็เป็นอาจารย์ของเจ้าโจจี้น่ะสิ ” 
           
 
         ชายชราผู้มีสมญานามว่า…เทพศาสตราไม่สนใจคำพูดอันไร้แก่นสารของมาวิน เขาหันไปสั่งหลานสาวคนสวยที่นั่งอยู่ไม่ห่าง
 
“ ในระหว่างนี้ ข้าจะให้ อากิเนะ เป็นผู้ดูแลเจ้า ” 
           
 
        สิ้นคำสั่งของเทพศาสตรา สองหนุ่มสาวก็หน้าตื่นและร้องอุทานออกมาพร้อมกัน 
 
“ ฮ้า.......... ไม่จริงน่า ” 
 
 
สามารถติดตามงานเขียน  ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจ Jalando นักเขียนดารค์ไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ
https://www.facebook.com/Jalando.darksidewriter

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา