Soft place to fall

9.7

เขียนโดย หลินไป๋อัน

วันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 เวลา 19.54 น.

  13 ตอน
  4 วิจารณ์
  11.51K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 18.19 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

9) ข้าคิดว่าท่านกับข้าอาจจะเหมือนกันเจ้าค่ะ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ


8. ข้าคิดว่าท่านกับข้าอาจจะเหมือนกันเจ้าค่ะ


ชีวิตการเรียนของฮุ่ยหมิ่นผ่านไปอย่างผาสุก ฮุ่ยหมิ่นมาอยู่ที่นี่ได้หกเดือนแล้ว ตอนนี้นางเข้าใจแล้วว่าเหตุใดตนจึงได้กราบเจ้าสำนักเป็นอาจารย์ เพราะหากจะให้อีกห้าคนที่ประหลาดกว่านางมาดูแล ฮุ่ยหมิ่นย่อมปั่นป่วนไม่น้อย


อาจารย์หู อายุอานามน่าจะใกล้หกสิบปีแล้ว เป็นผู้คลั่งไคล้ยาพิษ รู้จักยาพิษทุกชนิดในโลกหล้า แม้กระทั่งไม้ธรรมดา หากอยู่ในมือเขาแล้วจับคู่กับอีกชนิดก็สามารถกลายเป็นยาที่มีผลต่อร่างกายได้เสมอต่างแค่ระดับความรุนแรง บางวันทำทีว่าเอาชาใหม่มาให้ลูกศิษย์ลิ้มลอง บางครั้ง บางแก้ว แอบวางยาเล็กๆน้อยๆที่ไม่มีผลอันตรายใดๆไว้และมีฤทธิ์อยู่ไม่นาน เช่น ยาที่ทำให้ปากเปลี่ยนเป็นม่วงเขียว ยาที่ทำให้มือไม้ชาไปครึ่งเค่อ ..ตอนมาใหม่ๆฮุ่ยหมิ่นก็โดนตัวนี้


เมื่อเวลาผ่านไป ลูกศิษย์แต่ละคนจึงไม่มีใครผลีผลามกินของที่อาจารย์หูให้มา ทุกคนต่างระแวดระวังตัว สังเกตทั้ง สี กลิ่น และใช้เข็มเงินทดสอบพิษ พิจารณาลักษณะและตะกอนอย่างละเอียด อาจารย์หูถึงกับยิ้มกว้างเมื่อในที่สุดไม่มีใครหลงกลเขาเลยสักคนเดียว


อาจารย์ไป๋ ผู้สอนวิชานรีเวช ช่ำชองทุกเรื่องราวเกี่ยวกับสตรี ยามสอนเป็นคนตั้งใจสอนอย่างมาก มีคนเล่าว่ายามอยู่กับคนไข้ก็สุภาพและเป็นหมอที่ดีมาก แต่ชอบพกหนังสือรูปวาดแปลกๆติดตัวด้วยเสมอ ฮุ่ยหมิ่นพยายามทำใจว่านั่นเป็นหนังสือกายวิภาคศาสตร์แบบพื้นผิวภายนอกที่อาจารย์ชอบทบทวน


อาจารย์อู๋ นางเป็นสตรีอายุราวๆสามสิบปีที่ไม่แต่งงาน สอนวิชาการดูแลเด็ก บ้าคลั่งเด็กเป็นชีวิตจิตใจ และยังย้ำคิดย้ำทำมากๆอีกด้วย นี่คือสิ่งที่นางสมกับเป็นหมอเด็กจริงๆ


... นี่เป็นวิชาที่ฝืดเฝื่อนสำหรับฮุ่ยหมิ่นมากที่สุด


ชาติที่แล้วตอนเป็นหมอ นางเกลียดการตรวจโรคเด็กที่สุด เพราะ..


เด็กไม่ใช่ผู้ใหญ่ตัวเล็ก


แต่..


มันคือเอเลี่ยน!!!!


ไม่สามารถใช้เหตุผลใดๆ คุยกันไม่รู้เรื่อง ทุกสิ่งอย่างอยู่เหนือการควบคุม แม้จะโดนประทุษร้ายจนเลือดตกยางออกเช่นไรก็ไม่มีสิทธิโต้ตอบ


เหตุเพราะคุยกับเด็กไม่รู้เรื่อง ถัดมาจึงเป็นผู้เลี้ยงดู ที่.. บางทีก็เด็กยิ่งกว่าเด็ก การตรวจร่างกาย ตรวจได้ยาก และหากไม่ร่วมมือแล้วก็อาจแปลผลการตรวจผิดพลาดได้


ในชาตินี้ ความรู้สึกของฮุ่ยหมิ่นก็ไม่ได้ต่างจากเดิม เอาเป็นว่า ก็ทนอีกเช่นเคย นางชอบเล่นกับเด็ก แต่ไม่ได้ชอบรักษาเด็กนี่นา


ถัดมาเป็นอาจารย์หวัง เขาเป็นอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญการจับชีพจร และฝังเข็มกำหนดจุด ไม่ว่าจะเป็นโรคอะไร ย่อมรู้ได้เสมอเพียงแค่วางนิ้วลงไป อีกทั้งสามารถใช้เข็มรักษาโรคต่างๆได้อย่างแคล่วคล่อง เสียที่อาจารย์ผู้นี้เป็นปีศาจสุรา หากคืนใดดื่มหนักไปหน่อยก็จะใช้การฝังเข็มแก้เมาค้าง ทำให้นักเรียนเห็นเขาหัวเป็นเม่นในเช้าวันนั้นๆ


สุดท้าย ที่ดูปกติที่สุดแล้วคือเจ้าสำนักเอง ชำนาญด้านการตรวจตามระบบทั่วร่างกายและการวินิจฉัย เขายังเป็นเลิศด้านการใช้ยาจ่ายยาอีกด้วย

 


ยามนี้ฮุ่ยหมิ่นสามารถจับชีพจรเพื่อบอกโรคได้อยู่ในเกณฑ์พอใช้ได้ แต่เมื่อประกอบกับหลักการตรวจร่างกายตามหลักแพทย์แผนปัจจุบันในชาติก่อนก็ทำให้ความแม่นยำในการตรวจนั้นอยู่ในระดับสูง เรื่องของสมุนไพร ฮุ่ยหมิ่นสามารถนำสมุนไพรมาผสมกับชาตัวเดิม ทำเป็นชาที่มีสรรพคุณบำรุงร่างกาย และใช้เป็นยาบรรเทาอาการสำหรับโรคที่มีอาการไม่มากได้ด้วยสองสามอย่าง


ตามคำร่ำลือของอาจารย์หลายๆคน ฮุ่ยหมิ่นตอนนี้หากฝึกฝนต่อไปเรื่อยๆย่อมจะกลายเป็นหมอเทวดาตั้งแต่อายุยังน้อยแน่ แต่เพื่อความปลอดภัยและเพื่อให้เด็กน้อยเติบโตได้อย่างเหมาะสมตามวัย ความสามารถของฮุ่ยหมิ่นจึงรู้เฉพาะแค่ในบรรดาอาจารย์ คนของฮุ่ยหมิ่นเอง และเซวียนชงอวี้กับคนสนิทเท่านั้น


..ซึ่งเรื่องนี้ฮุ่ยหมิ่นมาสำนึกได้ในภายหลัง นางไม่ควรลืมตัวเผลอพูดหรือทำอะไรตามใจมากเกินไป ควรจะต้องเล่นละครเป็นเด็กห้าขวบให้แนบเนียนกว่านี้

 


ยามวันเรียนต้องเรียนไปตามหน้าที่ ส่วนวันพักนางก็ต้องเรียน เนื่องจากองค์ชายสามมีจิตกรุณา เห็นแก่ที่นางอยากเรียนวรยุทธ์แต่ไม่มีโอกาส จึงอาศัยช่วงเวลาวันหยุดอันมีค่าช่วงเช้า มาสอนนางด้วยตนเอง


เซวียนชงอวี้เป็นอาจารย์ที่ดีคนหนึ่ง เขาสอนได้เข้าใจง่ายและตั้งใจในการสอนมาก ..หมายถึงดุมากนั่นเอง ยังดีที่เขาเลือกท่าทางพื้นฐาน เน้นการป้องกันตัวให้ฮุ่ยหมิ่นก่อน แต่แค่นั้นก็ทำเอาเด็กห้าขวบลุกเดินแทบไม่ไหว


ในหนึ่งสัปดาห์จะมีอย่างน้อยสองวันที่นางกับเซวียนชงอวี้ได้เจอหน้ากัน คือวันที่นางเรียนวรยุทธ์ ส่วนวันอื่นๆมีบ้างตามแต่เซวียนชงอวี้จะสะดวก บางครั้งก็ถือโอกาสมากินข้าวที่ห้องพักนาง บางคราก็ลากนางไปยังเรือนพักของเขา ชวนนางคุยบ้าง กวนประสาทบ้าง บ้างก็แนะนำและให้คำปรึกษา ส่วนเรื่องของเขานั้น เซวียนชงอวี้ไม่ใช่คนช่างเล่า และนางก็ไม่ใช่คนชอบซักไซ้ จึงไม่ได้รู้เรื่องของเซวียนชงอวี้มากเท่าที่เขารู้เรื่องของนาง


ฮุ่ยหมิ่นพอจะรู้บ้างว่าเซวียนชงอวี้เรียนเกี่ยวกับการทหาร ตำราพิชัยสงคราม วรยุทธ์ และการเมืองการปกครอง ส่วนยามว่าง หากไม่ฝึกซ้อมวรยุทธ์หรือขี่ม้า ฮุ่ยหมิ่นก็จะเห็นองค์ชายผู้นี้นำขลุ่ยมาเป่าเล่น เด็กหญิงเคยได้ยินเขาเป่าบางครั้ง แต่ทำนองไม่ค่อยเหมือนเพลงในยุคนี้สักเท่าไหร่ ฮุ่ยหมิ่นรู้สึกคุ้นหูกับเพลงที่เขาเล่น คล้ายว่าจะเคยได้ยินมาก่อน


เพราะซาบซึ้งในน้ำใจของเขา ฮุ่ยหมิ่นจึงมักส่งขนมบ้าง น้ำแกงบ้าง และชาดอกเหมยกุ้ยผสมสมุนไพรสรรพคุณบำรุงกำลัง ช่วยให้ร่างกายกะปรี้กะเปร่าสดชื่นที่ฮุ่ยหมิ่นทำเอง ไปให้เขาที่เรือนเสมอ นางไม่เคยถามเขาว่ารสชาติของชาที่นางทำเป็นอย่างไร ถูกใจถูกปากหรือไม่ แต่ยามไปเรียนวรยุทธ์กับเขาแล้วเห็นกาน้ำชาที่เตรียมไว้โชยกลิ่นหอมของดอกเหมยกุ้ยกับสมุนไพรแล้วก็รู้สึกดี


“ทำให้มันแข็งแรงหน่อย ฮุ่ยหมิ่น”


ปลอกกระบี่ของเซวียนชงอวี้ถูกตีลงมาที่ขาสั้นๆของเด็กหญิง ไม่ได้แรงนัก แต่เพราะใช้กำลังขามาเป็นเวลานาน โดนตีเข้าทีหนึ่งจึงเจ็บนัก


ฮือ องค์ชายจอมโหด ข้าเป็นเด็กห้าขวบเท่านั้นนะ ถึงแม้จะเป็นการเรียนวรยุทธ์แต่เหตุใดท่านต้องดุถึงเพียงนี้ด้วยเล่า


มือเรียวของเซวียนชงอวี้ยกขึ้นมาบีบแก้มชื้นเหงื่อของฮุ่ยหมิ่นทั้งสองข้าง


“ต่อว่าข้าอยู่ในใจใช่หรือไม่ เจ้าตัวดี”


ท่านจะมารู้ใจข้าได้อย่างไรเล่า องค์ชายจอมโหด


“อ้าเอ็บบบ อ่อยยย”


วิธีลงโทษของท่านมีทางเดียวคือประทุษร้ายแก้มข้าหรือไร เด็กหญิงทำแก้มป่องปากยื่นพาให้คนที่ได้เห็นหัวเราะเสียท้องแข็ง


เขาล่วงรู้สิ่งที่นางคิดได้ย่อมเป็นเพราะสีหน้าของฮุ่ยหมิ่นดังที่เคยเตือนรวมถึงความชิดใกล้ที่มี ทำให้สำหรับเซวียนชงอวี้แล้วความคิดฮุ่ยหมิ่นก็เหมือนหนังสือที่กางไว้ให้เขาอ่าน


มือข้างหนึ่งลากตัวเด็กหญิงมานั่งที่เก้าอี้หินในสนามหญ้าข้างเรือน พยักเพยิดไปยังของที่จัดใส่จานอยู่ตรงหน้า


หลังจากเรียนแล้วเซวียนชงอวี้จะมีอาหารและขนมแสนอร่อยไว้ให้นางยามเรียนเสร็จเสมอ


ฮุ่ยหมิ่นขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน องค์ชายผู้นี้ทำให้คนเกลียดไม่ลงรักไม่ได้ น่าชังนัก!

 


จะมีบางครั้งที่เด็กหญิงนั่งเหม่อมองดูมือของตัวเอง กว่าครึ่งปีแล้วนับแต่นางมาที่นี่ .. ครึ่งปีแล้วที่มือคู่นี้ไม่ได้สัมผัสมีดผ่าตัดและจี้ไฟฟ้า


ในยุคสมัยที่ยาปฏิชีวนะเป็นเพียงฝัน การผ่าตัดที่นางรักก็เหมือนอยู่ไกลเกินเอื้อม และฮุ่ยหมิ่นเองก็ไม่บ้าเลือดพอที่จะเพาะเลี้ยงราเพื่อทำยาเพนนิซิลิน


เพื่อบรรเทาความคิดถึงและเพื่อให้ความรู้ที่นางมีไม่ถูกลืมเลือน ฮุ่ยหมิ่นบันทึกเนื้อหาต่างๆที่เคยได้ร่ำเรียน ความรู้และวิทยาการด้านการผ่าตัดในชาติภพก่อนอย่างละเอียด เก็บไว้เปิดดูเล่นยามว่าง


ในขณะที่ฮุ่ยหมิ่นตัดใจจากการผ่าตัดไปแล้ว ความจริงจากเพื่อนร่วมชั้นเรียนที่นางได้บังเอิญค้นพบในเดือนที่เจ็ดนับตั้งแต่เข้าศึกษายังสำนักหย่งฉือ จุดประกายความหวังการผ่าตัดของนางขึ้นมาอีกครั้ง

 


เรื่องมันเริ่มจากตอนที่เพื่อนคนหนึ่งในชั้นเรียนไม่สบาย เการั่วซี เป็นหญิงอายุราวสิบเอ็ดสิบสองปี มีนิสัยรักสันโดษ ชอบปลีกวิเวกอยู่คนเดียว ไม่รวมกลุ่มสังสรรค์กับเพื่อนในชั้นเรียนทั้งที่วัยใกล้กัน ไม่ได้ห่างกันมากอย่างฮุ่ยหมิ่น นางขาดเรียนต่อเนื่องกันสามวัน อาจารย์เจ้าสำนักตัดสินใจให้ฮุ่ยหมิ่นไปเยี่ยมเยือนเพื่อนที่ห้องเพื่อสอบถามอาการ


เด็กหญิงเดินไปตามทางที่อาจารย์ได้แจ้งไว้ เตรียมยาบำรุงส่วนหนึ่งติดมือมาและพาเฟิ่งอิงมากับนางด้วย เมื่อมาถึงแล้วฮุ่ยหมิ่นก็เคาะประตูสามครั้ง ยืนรออยู่สักครู่หนึ่งก็มีเสียงขานรับ


เมื่อประตูไม้เปิดออกนางก็ได้เห็นเจ้าของห้อง รั่วซีมีสีหน้าไม่ดีนัก ผมเผ้ายุ่งเหยิง ดวงตาดำคล้ำคล้ายคนอดนอน ริมฝีปากซีดเซียวแตกระแหง ไม่ได้เหมือนคนไม่สบาย แต่เหมือนคนที่หมกมุ่นกับอะไรบางอย่างจนไม่ได้กินไม่ได้นอนเสียมากกว่า


“มีเรื่องอันใด” น้ำเสียงแหบปร่าถามผู้มาใหม่นิ่งๆ


“พี่รั่วซี อาจารย์ซ่งให้ข้ามาเยี่ยมท่าน เพราะท่านขาดเรียนไปสามวันเต็มๆแล้วเจ้าค่ะ ห่วงว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีกับท่านหรือท่านไม่สบายเจ้าค่ะ”


“ข้าไม่เป็นอะไร ฝากขอบคุณอาจารย์ด้วย” พูดจบก็ตั้งท่าจะปิดประตู แต่ฮุ่ยหมิ่นก็ยันไว้ได้ทัน เพราะฝึกวรยุทธ์มาตลอดหกเดือนกำลังกายของนางจึงพัฒนาขึ้นมาก สามารถทานแรงของเด็กหญิงผอมโซได้สบาย


“ถ้าท่านไม่รังเกียจ ฮุ่ยหมิ่นขออนุญาตเข้าไปชงยาบำรุงเลือดลมให้ท่านนะเจ้าคะ” ไม่รอคำเชื้อเชิญจากเจ้าของห้อง ร่างกลมป้อมก็มุดเข้าไปยืนในห้องเรียบร้อย รั่วซีแม้จะงุนงงอยู่บ้างแต่ก็ปล่อยเลยตามเลย ไม่ได้ถือสาเอากับเด็กเสียมารยาท


เฟิ่งอิงไปจัดการชงยาบำรุงแล้วนำมาให้รั่วซี ระหว่างนั่งรอ ฮุ่ยหมิ่นพยายามคุยเพื่อสอบถามอาการแต่เจ้าของห้องก็ช่างประหยัดถ้อยคำนัก เด็กหญิงตัวกลมกวาดตามองไปรอบๆเพื่อหาเรื่องคุยแล้วก็ได้เห็นกำแพงที่มุมห้องฝั่งหนึ่งเป็นสีเขียวครึ้ม ..เหมือนขึ้นรา


“พี่รั่วซี ช่วงนี้ท่านไม่สบายรึเปล่าเจ้าคะ อาจจะเป็นเพราะราที่อยู่มุมห้อง”


“ไม่ใช่หรอก ข้าไม่ได้ไม่สบายเพราะมัน”


แทนที่รั่วซีจะถามนางว่า เชื้อราคือสิ่งใด แต่นางกลับปฏิเสธ ยุคสมัยนี้ไม่น่าจะรู้จักเชื้อรา รวมถึงไม่น่าจะรู้ว่ามันก่อโรคได้ด้วย


“แต่ปล่อยมันไว้ย่อมไม่ดีต่อสุขภาพเจ้าค่ะ ให้บ่าวของข้าช่วยจัดการให้นะเจ้าคะ”ยิ้มแย้มเสนออย่างหวังดี แต่ในใจสังหรณ์บางอย่าง ..จะใช่หรือไม่นะ


“ไม่ต้อง!!” รั่วซีหลุดเสียงดังทันทีที่ได้ยิน


“ข้าเพาะของข้ามาตั้งนาน นี่เกือบจะทำสำเร็จอยู่แล้วเชียว ข้าไม่ให้เจ้ามาพังงานข้าหรอก”


“ท่านเพาะเชื้อราไปทำไมหรือเจ้าคะ”


“ก็ทำยาปฏิชีวนะอย่างไรเล่า”


ฮุ่ยหมิ่นตะลึงพรึงเพริด ดวงตากลมเบิกกว้างยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ครั้นรั่วซีเห็นเด็กน้อยทำท่าเช่นนั้นก็เข้าใจผิดว่านางงุนงงกับคำๆนี้


“ช่างมันเถอะ เจ้า..”


ไม่ทันจะได้พูดจบประโยคมือป้อมๆก็คว้ามือนางไว้มั่น


“ท่านรู้จักยาปฏิชีวนะได้อย่างไร ท่านรู้ว่าเชื้อราสามารถนำมาพัฒนาเป็นยาฆ่าเชื้อได้ ท่านมาจากที่ใด ท่านไม่ใช่คนของยุคสมัยนี้ใช่หรือไม่!!”ครั้งนี้เป็นคราวที่รั่วซีต้องตกใจ


“ทะ..ทำไมเจ้ารู้”


“ข้าคิดว่าท่านกับข้าอาจจะเหมือนกันเจ้าค่ะ”


ฮุ่ยหมิ่นยิ้ม หลังจากไล่เฟิ่งอิงไปหน้าห้องแล้ว ทั้งสองคนต่างแนะนำตัวกันใหม่อีกครั้ง


ในชาติก่อน เการั่วซีเป็นนักวิจัยหญิงของบริษัทยาต่างชาติ มีส่วนรวมในการพัฒนายาปฏิชีวนะหลายๆตัว เมื่อเสียชีวิตจากยุคปัจจุบันตอนอายุสี่สิบห้าปี จึงได้มาเกิดใหม่ในที่แห่งนี้ แต่ไม่เข้าใจว่าเหตุใดตนจึงไม่ได้ดื่มน้ำแกงยายเมิ่งเพื่อลบความทรงจำในชาติก่อนอย่างคนอื่นเขา สาเหตุที่หยุดไปนี้ก็เพราะกำลังง่วนกับการจัดการเพาะเลี้ยงเชื้อราเพื่อนำมาทำเป็นยาปฏิชีวนะ ขณะนี้เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อต้องประคบประหงมอย่างใกล้ชิด


เมื่อได้รู้ชาติเดิมของฮุ่ยหมิ่น รั่วซียิ้มแย้มอย่างดีใจราวได้พบเพื่อนเก่า คนนึงเป็นนักพัฒนายา อีกคนก็เป็นคนสั่งจ่ายยา ย่อมคุยกันรู้เรื่องกว่าใครทั้งนั้น


“ตอนที่เจ้าจากมา antibiotic ตัวไหนที่นิยมใช้อยู่บ้างแล้วใช้ยังไง”


เด็กหญิงตัวผอมถามมาด้วยท่าทีกระตือรือร้นหลังจากพบว่าฮุ่ยหมิ่นตายหลังนางประมาณห้าหกปี ในช่วงห้าหกปีคล้ายจะเป็นเวลาสั้นๆ แต่สำหรับการพัฒนายาแล้ว ยาฆ่าเชื้อตัวหนึ่งกว่าจะพัฒนาจนออกมาใช้ได้จริงทั่วไปใช้เวลาเป็นสิบปี ทว่าช่วงเวลาห้าหกปีนี้ก็นานพอที่จะทำให้แบคทีเรียวิวัฒนาการต่อต้านยาขึ้นมาได้เช่นกัน ยาที่เคยใช้ได้ในยุคของนาง เมื่อเวลาผ่านไปอาจจะไม่สามารถใช้ได้อีก


“บ่อยที่สุดที่คุ้นเคยก็คงเป็น Ceftriaxone ยุคของข้า เป็นยุคที่มีเชื้อดื้อยามากขึ้นแล้ว เราพบ VRE CRE A.baum MDR มากขึ้น เป็นผลจากการใช้ยา พวกVancomycin Carbapenem พวกยากลุ่มนั้นใช้สำหรับพวกnosocomial infection แต่ถ้าเป็นcommunity acquired ก็ยังเลือกยาพื้นฐานอยู่”


“เวลาผ่าตัดช่องท้อง premedยังเป็นCeftri กับ Metroอยู่หรือไม่”


ฮุ่ยหมิ่นหัวเราะแล้วพยักหน้ารับ ยาคู่นี้เวลาเข้าช่องท้องที่อาจต้องตัดต่อลำไส้ นางใช้แทบทุกครั้งเลย


“ศัลยกรรมก็งี้ คิดอะไรไม่ออกก็ceftri กับmetro”

 

“ก็ให้ทำอย่างไรได้เล่า มันเหมาะสมกับgram negและanaerobes นี่นา”


สองสาวจากต่างภพที่หลุดมาอยู่โลกใบเดียวกันคุยภาษาต่างดาวกันอย่างถูกคอ สนทนาจนลืมเวลา รู้ตัวอีกทีก็ได้เวลาอาหารเย็นแล้ว ฮุ่ยหมิ่นเชิญรั่วซีไปทานข้าวที่ห้องพักด้วยกัน รั่วซีขอเวลานางไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่สักครู่ เพียงไม่นานก็ออกมาพบกับฮุ่ยหมิ่นในสภาพที่ดูดีกว่าเดิมมาก

 


เมื่อทั้งคู่เดินมาถึงห้องพักของฮุ่ยหมิ่น นางก็พบว่าเซวียนชงอวี้มารออยู่ก่อนแล้ว องค์ชายนั่งวางมาดนิ่งอยู่ที่ม้านั่งหน้าห้องพัก จิบชาที่บ่าวของฮุ่ยหมิ่นนำมารับรอง เด็กหญิงย่อตัวทำความเคารพทำให้รั่วซีปฏิบัติตาม ฮุ่ยหมิ่นแอบกระซิบบอกกับรั่วซีว่าเซวียนชงอวี้เป็นใคร


“องค์ชายนี่สหายของหม่อมฉัน เการั่วซีเพคะ”


“เการั่วซีถวายบังคมองค์ชายเพคะ”


เด็กชายมองรั่วซีอย่างพิจารณา เมื่อไม่เห็นถึงความผิดปกติใดก็คลายความระมัดระวังลง


“ไม่ต้องมากพิธีหรอก เจ้าเป็นเพื่อนของฮุ่ยหมิ่นหรือ”


“เพคะ”


“องค์ชายเสด็จมาที่นี่มีสิ่งใดให้หม่อมฉันรับใช้เพคะ”ฮุ่ยหมิ่นวางท่าสุขุม ไถ่ถามเขาอย่างเป็นการเป็นงาน


เซวียนชงอวี้หัวเราะลั่นแบบไม่เกรงใจใครพาให้ฮุ่ยหมิ่นคันหัวใจยิบๆ นี่พระองค์นึกบ้าอะไรขึ้นมาเพคะ


“ข้าขอโทษ พอดีข้าไม่ชินกับเจ้าที่เรียบร้อยเช่นนี้”


ฮุ่ยหมิ่นหน้าตึง แม้ปากจะไม่ได้พูดแต่ความคิดในหัวนี่มาเป็นชุด


ในความหมายนี้ก็คือปกตินางก้าวร้าวสามหาวใช่หรือไม่ นี่ข้าเห็นว่ามีผู้อื่นอยู่ด้วยหรอกนะ ข้านอบน้อมต่อท่านเพื่อรักษาเกียรติของท่านนี่ไม่ใช่สิ่งที่พึงกระทำหรือไร เด็กหญิงได้แต่ตอบไปอย่างสุภาพตามเดิม


“ปกติฮุ่ยหมิ่นมารยาทไม่เรียบร้อย ขอประทานอภัยที่ทำให้ทรงขัดเคืองเพคะ”


นานอยู่เป็นนานกว่าเซวียนชงอวี้จะหยุดหัวเราะ ดวงตาหงส์ยังคงฉายแววขบขัน นิ้วเรียวดุจลำเทียนของเด็กชายสูงศักดิ์ถูกยกขึ้นมาปาดน้ำตาที่หางตา


หัวเราะนางจนน้ำตาเล็ด ประเสริฐ!


ภาพที่เห็นพลอยให้เด็กหญิงเสียกิริยา ถลึงตาใส่เขาเข้าจนได้ เสียงที่พูดประโยคถัดมาจึงแข็งขึ้นสามส่วน


“ไม่ทราบว่าองค์ชายเสด็จมาที่นี่มีสิ่งใดให้หม่อมฉันรับใช้เพคะ”


“ข้าคอแห้ง”


ฮุ่ยหมิ่นรู้สึกเหมือนเส้นเลือดที่ข้างขมับเต้นตุบๆ นี่เขาตั้งใจก่อกวนนางชัดๆ จะยั่วให้นางหลุดให้ได้จริงๆสินะ เช่นนั้นก็สมใจเขาแล้วล่ะ ร่างกลมป้อมสูดลมหายใจเข้าลึก พูดเสียงห้วน


“ชาเหมยกุ้ยหมดแล้วหรือเพคะ หม่อมฉันจะรีบไปจัดแล้วนำถวายให้ที่เรือนเพคะ”


เห็นเด็กน้อยตั้งท่าจะไล่ก็พอจะรู้แล้วว่านางเริ่มขัดเคือง เซวียนชงอวี้จึงปรับท่าทีของตน เลิกกวนประสาทเด็กน้อยจุดเดือดต่ำ


“ฮุ่ยหมิ่น ข้าไม่แกล้งเจ้าแล้ว วันนี้ข้ามาฝากท้องที่นี่ จะใจดีเลี้ยงมื้อเย็นข้าได้หรือไม่”เซวียนชงอวี้พูดเสียงอ่อน


แม้หน้ากลมๆจะงอหงิกแต่ไม่มีคำปฏิเสธ องค์ชายช่างยั่วก็รู้แล้วว่าเด็กน้อยอนุญาต เดินอาดๆเข้าห้องนำหน้าไปก่อน


รั่วซีทำตาโตเมื่อเห็นผู้เป็นองค์ชายต้องยอมอ่อนข้อให้เด็กเล็กๆ แต่เพราะนางเองก็เป็นลูกขุนนางเช่นกัน แม้ตำแหน่งจะเล็กจ้อย แต่ก็พอรู้ว่าสิ่งใดควรไม่ควร ตัดสินใจเก็บกิริยาและความสงสัยไว้ภายในเท่านั้น


ระหว่างมื้ออาหารเป็นไปด้วยความสงบ เซวียนชงอวี้ไม่ยั่วโมโหฮุ่ยหมิ่นอีก มีเสียงพูดคุยบ้างเล็กน้อย ส่วนมากเป็นเรื่องทั่วๆไปมากกว่า ฮุ่ยหมิ่นนึกเสียดายที่ไม่ได้คุยเรื่องยากับรั่วซีมากกว่านี้


หมายเหตุ
Antibiotics : ยาฆ่าเชื้อ(แบคทีเรีย)
-Ceftri = Ceftriaxone
-Metro = Metronidazole
-Carbapenem กลุ่มของยาฆ่าเชื้อระดับสูงที่ครอบคลุมเชื้อก่อโรครุนแรง
-Vancomycin ยาฆ่าเชื้อระดับสูง
Gram positive/negative bacteria แบคทีเรียที่ติดสีการย้อมต่างกัน จะมีความเฉพาะกับยาที่ผลิตมาต่างกัน
Anaerobes กลุ่มของแบคทีเรียที่ไม่ใช้ออกซิเจนได้
VRE CRE A.baum MDR -> เชื้อแบคทีเรียที่ดื้อยาในระดับสูง
Premed -> premedication การให้ยาเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนการทำหัตถการ(จะเป็นยาอะไรก็แล้วแต่จุดประสงค์)
Nosocomial infection ->การติดเชื้อในรพ
Community acquired infection-> การติดเชื้อที่ได้รับจากสังคมภายนอก(นอกรพ)

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คิดว่าเรื่องนี้เป็นยังไงบ้างคะ

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา