สายสืบสุดอึด

-

เขียนโดย Vorapoch

วันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2562 เวลา 22.42 น.

  10 ตอน
  0 วิจารณ์
  7,937 อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

7) บทที่ 7

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

                เจตน์นิ่งคิดครู่หนึ่งก่อนที่จะเอ่ยจริงจังตามมา

                “ผมคิดว่าจะให้หน่วยของคุณถิรนัยหาคนมาเป็นตัวแทนของลูกชายผม...”

                “ตัวแทน...”

                “ใช่ครับ  และนอกจากจะมาเป็นตัวแทนของจรัสพงศ์แล้วจะต้องคอยสืบด้วยว่าใครที่จะมาแอบเล่นงานลูกของผมในตอนนี้”

                เจตน์หยุดการพูดไปครู่หนึ่งพร้อมยกแก้วโสมขึ้นดื่มอึกหนึ่งก่อนที่จะว่าต่อเนื่อง

                “ว่าแต่คุณถิรนัยจะรับทำงานนี้หรือเปล่าล่ะ...และที่สำคัญในหน่วยงานของคุณพอจะมีคนที่ไว้ใจได้และต้องหน้าตาและท่าทางคล้ายๆกับเจ้าจรัสพงศ์ที่สุดด้วย”

                “ต้องเหมือนกับฝาแฝดเลยหรือเปล่าครับคุณเจตน์?”

          นิ่วหน้าสงสัย  เจ้าของห้องโบกมือ

                “ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอกครับคุณถิรนัย...เอาเพียงแค่อายุไล่ๆกันรวมทั้งหุ่นคล้ายๆและบุคลิกดูดีหน่อยก็น่าจะใช้ได้แล้วล่ะ...เพราะจะว่าไปแล้วคนในเมืองไทยไม่ค่อยได้เห็นเจ้าจรัสพงศ์มันเท่าไหร่หรอกครับ  เพราะผมส่งมันไปเรียนเมืองนอกตั้งแต่ตอนเด็กๆแล้ว...ผมคิดว่าไม่มีใครพอจะจำหน้ามันได้หรอก...”

                หัวหน้าหน่วยสายสืบพิเศษนิ่วหน้าใช้ความคิดนิ่งไปนิดหนึ่ง  ก่อนที่จะยิ้มร่าออกมาเอ่ยจริงจัง

                “ผมคิดว่าพอรับงานนี้ไหวครับ...และคิดว่าก็มีคนที่จะมาเป็นตัวแทนของลูกชายคุณเจตน์ได้อย่างแน่นอนครับ...”

                “อย่างนั้นก็วิเศษไปเลยสิ...เอาเป็นว่าแค่คุณถิรนัยรับปากกับงานของผมนี่ก็ดีแล้ว  แต่นี่จะได้คนที่มาเป็นตัวตายตัวแทนของลูกผมยิ่งดีไปกันใหญ่เลย  ว่าแต่เขาเป็นคนของหน่วยงานของคุณโดยตรงใช่หรือเปล่า?”

                เจ้าของสถานที่เลิกคิ้วถามต่อเนื่อง

                “ใช่ครับ  เป็นคนในหน่วยงานที่ผมดูแลอยู่อย่างแน่นอน”

                ถิรนัยเสียงขรึมรับ  และดูเหมือนว่าเจตน์จะพอฟังน้ำเสียงออกว่าอีกฝ่ายทำไมถึงทำเสียงอย่างนั้นว่าขึ้นก็เลยแจ้งให้ฟังเพิ่มเติม

                “ต้องขอโทษทีนะที่ต้องถามอย่างนั้นออกไป...เพราะผมต้องการให้เรื่องการปลอมตัวนี้เป็นเรื่องราวลับระหว่างคุณและหน่วยงานของคุณกับตัวผมเท่านั้น  เพราะผมไม่แน่ใจว่ามีใครกันที่กำลังจะปองร้ายเจ้าลูกชายของผมอยู่น่ะครับ”

                หัวหน้าหน่วยสายสืบพิเศษยิ้มบางๆพร้อมกับหงึกหน้ารับ  พร้อมเสนอแนะ

                “ครับผมเข้าใจ  เป็นอันว่าพรุ่งนี้ผมจะนำคนที่ได้เลือกเอาไว้มาให้คุณเจตน์ดูตัวที่นี่ก่อนดีกว่าดีไหมครับ?”

                เจตน์ยกมือห้ามพร้อมเสียงจริงจัง

                “ไม่ต้องให้เขามาที่นี่หรอก  ให้ผมไปดูตัวเขาที่สำนักงานคุณถิรนัยก็แล้วกัน  มันจะได้เป็นความลับกันหน่อยยังไงล่ะ”

                “อย่างนั้นก็ได้ครับ  แล้วแต่คุณเจตน์”

                “ถ้าอย่างนั้นผมก็คงมีเรื่องจะรบกวนคุณถิรนัยเพียงเท่านี้  เอาไว้พรุ่งนี้ผมจะไปพบคุณที่สำนักงานก็แล้วกันนะครับ”

                “ได้ครับ  ถ้าอย่างนั้นผมก็ขอลากลับก่อนเลยก็แล้วกันนะครับ”

                หัวหน้าหน่วยสายสืบพิเศษขยับตัวลุกขึ้น  ขณะที่เจ้าของสถานที่ก็ขยับตัวตามพลางผายมือ

                “โอเค  เดี๋ยวผมไปส่ง”

                “ไม่รบกวนคุณเจตน์ดีว่านะครับ  คุณอยู่ในรถเคลื่อนที่ไปไหนมาไหนจะลำบากเปล่าๆ”

                ว่าอย่างเกรงใจ

                “ไม่เป็นไรหรอกครับ  เพราะรถนั่งเคลื่อนที่ของผมมันใช้ไฟฟ้าอยู่แล้วเพียงแค่กดปุ่มและบังคับให้ถูกทิศทางก็สามารถไปไหนในพื้นที่เรียบๆได้อย่างไม่มีปัญหาอย่างใด  รวมทั้งไม่ต้องให้คนอื่นๆต้องมาเดือดร้อนอะไรหรอกครับ  รับรองไม่เป็นภาระกับใครแน่ๆ”

                ว่าพร้อมกับขยับรถเข็นที่ตนเองนั่งอยู่ด้วยการกดปุ่มพร้อมกับขยับปุ่มบังคับให้ลองขยับไปมาเดินหน้าถอยหลังครู่หนึ่ง  พร้อมกับส่งยิ้มร่าให้กับผู้มาเยือนที่กำลังจะกลับได้เห็นว่าตนเองนั้นทำได้อย่างที่พูดจริงๆ

                ขณะที่ถิรนัยว่าอย่างเอาใจ

                “ถ้าอย่างนั้นก็แล้วแต่คุณเจตน์ล่ะครับ”

                และหลังจากมาส่งด้านหน้าของบริษัทพร้อมกับกล่าวคำล่าลากันแล้ว  ถิรนัยก็รีบกลับไปที่สำนักงานของตนเองอย่างทันที  และระหว่างที่กำลังขับรถอยู่นั้นเขาก็ได้ใช้ระบบไร้สายของโทรศัพท์สมาร์ตโฟนภายในตัวรถติดต่อกับโด่งระบือ

โดยสั่งการให้พรุ่งนี้เข้ามาที่สำนักงานแต่เช้าเพราะมีงานด่วนจะให้ทำ  และห้ามขาดโดยเด็ดขาดคดีอะไรที่ทำอยู่ขอให้ระงับเอาไว้ก่อนได้เลย

“แล้วน้าโอบกิจล่ะครับหัวหน้า?”

โด่งระบือถามต่ออย่างทันทีหลังจากหัวหน้าสั่งการเสร็จสิ้น

“ก็มาด้วยเลยก็แล้วกัน  เพราะยังไงเขาก็เป็นคู่หูของคุณนี่...อย่าลืมนะนี่คือคำสั่ง...!”

“ครับผม”

*              *              *

ในเช้าของวันใหม่หลังจากที่โด่งระบือและโอบกิจเข้ามาถึงยังสำนักงานสายสืบพิเศษแล้ว  พวกเขาก็นั่งดื่มกาแฟเพื่อรอหัวหน้าหน่วยภายในห้องดื่มกาแฟกันอยู่  และระหว่างนั้นโอบกิจได้เอ่ยถามกับเพื่อนร่วมงานรุ่นหลาน

“ตกลงเจ้าหัวหน้ามันมีงานอะไรด่วนให้ทำวะเจ้าโด่งเอ็งรู้อะไรเบื้องต้นบ้างหรือยัง?”

คนถูกถามสั่นหน้า

“ยังเลยน้า...เมื่อวานนี้หัวหน้าโทรมาสั่งการให้พวกเราทั้งสองเข้ามาที่สำนักงานแต่เช้าเท่านั้น  เอาไว้เดี๋ยวก็รู้พร้อมๆกันนี่แหละ”

ดื่มกาแฟกันไปได้ครู่หนึ่งซึ่งยังไม่ทันหมดแก้วดี  หัวหน้าหน่วยสายสืบพิเศษถิรนัยก็เข้ามาภายในห้องพักแห่งนั้น

“สวัสดีโด่งและโอบกิจ”

พอเข้ามาภายในห้องแล้วหัวหน้าก็เอ่ยทักทันที

“สวัสดีครับหัวหน้า”

ลูกน้องตอบทักอย่างพร้อมเพรียงกัน

“นี่เจ้าหัวหน้าถิรนัยแกมีอะไรจะใช้พวกข้า 2 คนด่วนอย่างนั้นหรือวะ?”

พอทักทายจบโอบกิจก็ถามทันทีและการที่เขาใช้คำพูดที่ค่อนข้างจะเป็นกันเองอย่างนี้กับอีกฝ่ายแม้จะเรียกว่าหัวหน้าก็ตามที  เนื่องเพราะตอนที่เริ่มทำงานใหม่ๆกันนั้น 2 คนเป็นเพื่อนในการทำงานประเภทคู่หูกันมาก่อนนั่นเอง

แต่วาสนาของคนเรามันไม่เหมือนกัน  อย่างที่มีการเปรียบเทียบกันเอาไว้ว่า  แข่งเรือแข่งพายนั้นแข่งกันได้  แต่แข่งบุญแข่งวาสนานั้นไม่มีทางเลย  จึงทำให้คนที่ทำงานมาพร้อมๆกันระหว่างถิรนัยกับโอบกิจนี้  คนหนึ่งได้ดิบได้ดีเป็นหัวหน้าหน่วยไปแล้ว  แต่อีกคนยังคนทำงานภาคสนามอยู่โดยตลอด

“ก็มีสิวะถึงได้เรียกพวกแกทั้งสองเข้ามาในสำนักงานแต่เช้านี่ไงล่ะ”

หัวหน้าหน่วยว่าขรึมๆ  หลังจากกระแอมเรียกเสียงนิดหนึ่งแล้ว  และแม้จะเป็นถึงหัวหน้าหน่วยก็ตามทีแต่ถิรนัยก็ยังคงวางตัวพูดจาเป็นกันเองกับโอบกิจอย่างเพื่อนที่เคยร่วมงานกันมาโดยตลอด  ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่อีกฝ่ายจะทำตัวยกตนข่มท่านอย่างที่คำพังเพยอะไรนั่นเลยแม้แต่น้อย

“งานอะไรวะ?”

“นั่นสิครับหัวหน้า?”

โอบกิจถามต่อเนื่อง  ขณะที่โด่งระบือก็เอ่ยสนับสนุนคำพูดของคู่หูรุ่นน้า  ถิรนัยยิ้มเย็นก่อนที่จะว่าอย่างเรียบๆ

“เอาไว้เดี๋ยวพวกแกสองคนก็รู้เองแหละ  ไม่ต้องใจร้อนจะต้องทำงานอะไรเดี๋ยวก็ได้รู้อย่างแน่นอนไม่ต้องห่วง”

“แล้วงานเก่าของพวกเราสองคนล่ะ?”

หนุ่มฉกรรจ์โด่งระบือถามต่อเนื่อง

“งานเก่าเดี๋ยวฉันจะให้เจ้าหน้าที่คนอื่นไปจัดการสานต่อเอง...”

ว่าแล้วก็ขยับตัวจะเดินออกจากห้องพักนั้นไป  แต่ก่อนออกก็ได้สั่งการเพิ่มเติมเอาไว้

“พวกแกดื่มกาแฟกินมื้อเช้ากันไปก่อนก็แล้วกัน  แล้วยังไงฉันจะให้ผู้ช่วยมาตามไปที่ห้องทำงานประจำตำแหน่งของฉันเองอีกที”

ว่าจบก็ผลุบออกไป  ปล่อยให้โอบกิจมองตามด้วยความรู้สึกสงสัย  ก่อนที่จะเอ่ยออกมาอย่างหงุดหงิดตามหลังกับเพื่อนร่วมงานคู่หูรุ่นหลาน

“ยึกยักฉิบหาย  จะบอกให้ทำงานอะไรก็ไม่บอกเสียเลย  ไอ้ห่าปล่อยให้ลุ้นเอาเองอยู่ได้...!”

ว่าจบพร้อมกับยกแก้วกาแฟที่ยังคงอุ่นๆอยู่ขึ้นดื่มตามปาท่องโก๋เสีย 1 คู่และหมูปิ้งอีก 1 ไม้อย่างเต็มคราบ  ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะเกิดจากความรู้สึกหงุดหงิด  หรือหิวกันแน่

ขณะที่หนุ่มฉกรรจ์ฟังรุ่นน้าบ่นเพียงแค่ดื่มกาแฟอย่างเดียวเท่านั้น  ก่อนที่จะว่าประนีประนอมออกมา

“เอาน่าน้าโอบ  เดี๋ยวยังไงหัวหน้าก็บอกเองแหละว่าจะให้ไปทำอะไรที่ไหน  และสำคัญอย่างไรล่ะนะผมว่า...”

“นี่แกไม่กินปาท่องโก๋หรือหมูปิ้งบ้างหรือวะเดี๋ยวจะหิวเอาได้นะเว้ย  รู้หรือเปล่ามื้อเช้าสำคัญมาก?”

ถามอย่างอาทรและเป็นห่วง  คนถูกถามสั่นหน้า

“ไม่หรอกน้ากินเถอะ”

“ความจริงแล้วจะสั่งการงานอะไรก็ให้เอ็งเข้ามาคนเดียวก็ได้นี่หว่า  ทำไมจะต้องให้ข้ามาด้วยวะเสียเวลานอนฉิบเป๋งเลย...”

 

(หมายเหตุ : รีดฯท่านใดที่ติดตามอ่านงานของไรท์ฯอยู่  ต้องการมีข้อตำหนิติเตียนหรือเสนอแนะอย่างไร  หรือเพียงแค่จะทักทายเฉยๆก็แชทมาได้เลยครับที่กลุ่มนิยายพวงพลอยในเฟสฯ  หรือจะเข้ามาร่วมกลุ่มกันก็ได้นะครับ  ไรท์อยากทราบผลตอบรับการเขียนงานให้ท่านอ่านกันว่าเป็นอย่างไรถูกใจหรือไม่ประการใด  ทักเข้ามานะ...)

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา