เทพตกสวรรค์ ทัณฑ์นิรันดร์กาล

9.3

เขียนโดย 秋冬夢春

วันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2562 เวลา 22.05 น.

  14 ตอน
  2 วิจารณ์
  17.53K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 เมษายน พ.ศ. 2565 18.17 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

13) ก่อกบฏ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

          เมื่อเทพทั้งหลายรวมอยู่ในโถงของพระราชวังหน้า เทพสึคุโยมิจึงเสด็จออกมาด้านนอก เหนือบัลลังก์ของรัชทายาทราชบัลลังก์สวรรค์ เมื่อพระองค์เสด็จออกมาแล้ว บรรยากาศงานเลี้ยงสังสรรค์พลันตกอยู่ในความเงียบ

          “ตามสบายกันเถิดพวกท่าน~” น้ำเสียงเรียบสบายเอ่ยออกมาจากชายผู้นั่งอยู่บนบัลลังก์

          เทพองค์หนึ่งเอ่ยขึ้น “ข้าแต่พระองค์เรียกพวกเรามาด้วยเหตุอันใด?”

          “ข้าเพียงแต่อยากสอบถามอะไรพวกท่านนิดหน่อย” 

          ท่ามกลางการสนทนาของเหล่าเทพ เทพฮิจิมัง เทพแห่งการสงคราม ที่นั่งข้างๆ เทพอินาริก็เอ่ยถามขึ้น

          “คนที่เคยสังหารชายาของท่านมานั่งอยู่เบื้องหน้าท่าน ท่านมิคิดจะพูดประการใดหน่อยเลยหรือ?”

          “เรื่องมันเป็นอดีตไปแล้วท่านฮิจิมัง ผ่านมาก็หลายพันปี ตอนนี้ข้าทำใจอยู่ได้โดยไม่มีนางแล้ว” เทพอินาริกล่าว ถึงแม้ภายในใจอยากจะสับเทพสึคุโยมินับพันชิ้น ที่บังอาจมาสังหารชายาของตนจนดับสูญ แต่จำต้องเก็บอาการ เพราะรายรอบมีภูติจันทราเต็มไปหมด ไม่เห็นแม้แต่เงาเทพอารักษ์สักตนเดียว

          “ท่านอินาริ ท่านมีอะไรจะกล่าวกับเราหรือไม่? เห็นท่านนั่งหน้าอมทุกข์มานานแล้ว” เสียงจากบนบัลลังก์จี้มาที่ผู้ที่นั่งอยู่เบื้องล่าง

          “ไม่มีเรื่องอันใดหรอกท่าน” เทพอินาริยิ้ม

          “อาจจะเพราะท่านไม่พอใจข้าที่ลงมือสังหารชายาของท่านหรือไม่?” เทพสึคุโยมิยิ้ม แต่คำพูดนั้นเสียดแทงราวกับหอกแหลมคม มันทำให้เปิดแผลเก่าของเทพอินาริมากขึ้นไปอีก

          “ก็อาจจะมีส่วน...” สิ้นคำพูด เทพอินาริปลดปล่อยพลังเวทย์ออกมา จนทำให้บรรยากาศในท้องพระโรงมาคุขึ้นในทันใด

          เทพฮิจิมังสะกิดเตือนเทพอินาริ เพราะบัดนี้เหล่าภูติจันทราเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว

          “เอาเถิดๆ ข้าเองก็มีส่วนผิดในเรื่องนี้ ข้าขออภัยด้วย” เทพสึคุโยมิกล่าวพลางโบกปัดมือ

          “……” เทพอินาริไม่ตอบสิ่งใดกลับไป หากแต่เตรียมตัวจะลุกหนีออกจากงานเลี้ยง

          “เดี๋ยวสิท่านอินาริ ท่านกำลังจะไปที่ใดกัน?” เทพฮิจิมังถาม

          “ข้ารู้สึกเวียนหัว เลยจะกลับไปยังที่พัก ข้าขอตัว” เทพอินาริตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์นัก

          เมื่อเทพีอินาริออกไปแล้วบรรยากาศในห้องโถงก็พลันตกอยู่ในความเงียบงัน กระทั่งชายผู้ที่นั่งเหนือบัลลังก์เอ่ยปากออกมา ซึ่งมันทำให้ทั้งห้องโถงเต็มไปด้วยเสียงอื้ออึงมากมาย

          “ที่ข้าเรียกพวกท่านมาในวันนี้…เพราะข้าจะสอบถามว่า พวกท่านคนใดสนใจเข้าร่วมการก่อกบฏต่อราชบัลลังก์สวรรค์ร่วมกับข้าหรือไม่?” 

          “ท่านกำลังเอ่ยอะไรออกมา รู้ตัวหรือไม่?” เทพองค์หนึ่งเอ่ยขึ้น

          “ข้ารู้ดีว่าข้ากำลังพูดอะไรอยู่ และมันคงไม่ใช่เรื่องที่ข้าสมควรพูดเล่นเป็นแน่” เทพสึคุโยมิจ้องด้วยสายตาสีทองอันเย็นเยียบ “ข้าเห็นสมควรว่าบัลลังก์สวรรค์ของเสด็จพี่นั้นไม่เหมาะสมอีกต่อไป จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลง”

          เกิดเสียงอื้ออึงขึ้นทั่วทั้งห้องโถง ถกเถียงกันถึงความเหมาะสม จนกระทั่งมีเทพองค์หนึ่งเอ่ยถามขึ้นมา “แล้วถ้าหากพวกเราไม่สนใจเข้าร่วมเล่า?”

          “ข้าเกรงว่าจะปล่อยพวกท่านเอาไว้ไม่ได้~” เทพสึคุโยมิพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น “หากไม่เข้าร่วมก็จงดับสูญ” เสียงนั้นเด็ดขาดและดูโหดเหี้ยมนัก

          เสียงแตกแยกออกเป็นสองฝั่งในทันที ฝั่งที่จงรักภักดีต่อเทพีอมาเตระสึ และฝั่งที่เห็นควรว่าราชบัลลังก์สวรรค์ควรจะมีการเปลี่ยนแปลงเสียทีเมื่อเวลาล่วงเลยมาหลายหมื่นปี ทั้งสองฝ่ายหยิบจับอาวุธพร้อมเข้าประหัตประหารกัน ณ ห้องโถงของพระราชวังหน้า

          งานเลี้ยงสังสรรค์เมื่อครู่ กลายเป็นลานประหารในบันดล เทพที่จงรักต่อเทพีอมาเตระสึเข้าห้ำหั่นกับเทพผู้เห็นต่าง เหล่าภูติจันทราที่ได้เข้าร่วมด้วย เปลี่ยนให้กลายเป็นสนามรบขนาดย่อม เหล่าเทพทั้งสองฝ่ายต่างบาดเจ็บและดับสูญไปหลายราย บางองค์ก็ถูกภูติจันทราสังหารอย่างเลือดเย็น หากแต่ไม่มีเทพองค์ใดที่หนีรอดเลยสักคนเดียว

          “แล้วท่านจะเอาเยี่ยงไรกับเทพอินาริขอรับ?” ภูติจันทราตนหนึ่งถามเทพสึคุโยมิที่นั่งมองสนามรบเบื้องล่างอย่างพึงพอใจ

          “เก็บมันซะ!!” น้ำเสียงนั้นเย็นเยียบและเด็ดขาด

          “ตามบัญชาพ่ะย่ะค่ะ” เหล่ามือสังหารรับคำ ว่าจบเงาจันทราทั้งสี่ได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

          “มันก็แค่ก้าวแรกที่จะต่อกรกับเสด็จพี่” เทพสึคุโยมิเท้าคางบนบัลลังก์ ท่ามกลางเสียงร้องอันโหยหวนของเหล่าเทพทั้งหลายที่ล้มตายลงภายใต้คมดาบของภูติจันทราและอดีตเทพที่เคยเป็นพวกตนเอง

 

ตัดไปที่ทางเทพีอินาริ

          พระองค์กำลังเดินทางกลับไปยังที่พำนักที่กำแพงชั้นนอก หากแต่รับรู้ได้ถึงการสะกดรอยตามของใครบางคน จึงหยุดร่อนลงมายังพื้นดิน “เป็นผู้ใด?”

          “ฟึ่บ” มีดปลายแหลมขนาดจิ๋วเล่มหนึ่งฉียดปลายแก้มของพระองค์ไป เคราะห์ดีที่พระองค์หลบทัน

          เทพอินาริชักอาวุธประจำกายออกมา เมื่อหันมาก็พบกับเหล่ามือสังหารทั้งสี่ของเทพสึคุโยมิ

          “พวกเจ้ามัน…คนของสึคุโยมิ?” เทพอินาริถามด้วยความสงสัย

          “เทพสึคุโยมิต่างหากล่ะ!!” มือสังหารตนหนึ่งพูด

          “นายของพวกเจ้าวางแผนอะไรกันแน่?” เทพอินาริตะโกนถาม เริ่มแรกพระองค์ระแคะระคายไว้บ้างว่าเทพสึคุโยมิมีแผนการบางอย่างที่ไม่ดีเป็นแน่

          “ใยท่านจึงอยากรู้…เพราะอีกประเดี๋ยวท่านก็ดับสูญแล้ว” ว่าจบมือสังหารทั้งสี่ก็ได้กระโดดเข้าหาเทพอินาริเพื่อสังหารเป้าหมาย

          “ถ้าคิดว่าพวกเจ้าทำได้ก็ลองดู” ทวนในมือของพระองค์สะบัดอย่างรวดเร็ว ปัดป้องการโจมตีทั้งหลายของมือสังหารลงไปได้ หากแต่ฝ่ายตรงข้ามมีจำนวนมากเกินไป ไม่ช้าก็เร็วพระองค์ย่อมเพลี่ยงพล้ำเป็นแน่

          การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือด ดาบคมแล้วคมเล่าที่พระององค์ปัดป้อง หากแต่ก็มีบางส่วนเล็ดรอดเข้ามาทำอันตรายแก่วรกายของพระองค์ได้ เกิดเป็นรอยแผลเล็กแผลน้อยตามร่างกาย

          “ฟึ่บ!” ด้วยฝีมือของพระองค์ทำให้สามารถเด็ดหัวเหล่าเงาจันทราไปได้ตนหนึ่ง เหลือเพียงสาม แต่บาดแผลนั้นก็มีมากตามตัวที่สำคัญมีบาดแผลฉกรรจ์หลายจุดที่ตัดทอนกำลังของพระองค์

          “คาดไม่ถึงว่าท่านจะสามารถเด็ดหัวพวกข้าได้” เงาจันทราตนหนึ่งพูด “แต่ก็คงอีกไม่นานหรอก”

          “บอกมาว่านายพวกเจ้ามีแผนอันใดกัน?” เทพอินาริถามอีกครั้ง

          “หึๆ จะบอกให้เอาบุญก่อนท่านดับสูญก็ย่อมได้” เงาจันทราตัวหัวหน้าพูด “นายของข้ามีประสงค์จะก่อกบฏต่อบัลลังก์สวรรค์ของเทพีอมาเตระสึ และขึ้นครองราชบัลลังก์นั้น”

          “เป็นเรื่องที่ข้ายอมไม่ได้เป็นอันขาด!!” เทพอินาริชี้ทวนเข้าหาพวกเงาจันทรา “หากข้ายังอยู่อย่าหวังที่จะมีใครแตะต้องราชบัลลังก์สวรรค์ได้!”

          “ถ้าท่านไม่ดับสูญก่อนล่ะนะ!!” เงาจันทราทั้งสามเข้าปะทะกับเทพอินาริอีกครั้ง

          ครั้งนี้การปะทะทวีความรุนแรงขึ้นไปอีก ต้นไม้โดยรอบพังราบเป็นหน้ากลอง ผืนแผ่นดินโดยรอบสะเทือนหวั่นไหว การต่อสู้ดำเนินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเหล่าเทพอารักษ์ผ่านมาเจอ

          “นั่นผู้ใด?” เทพอารักษ์สี่นายที่เดินลาดตระเวนผ่านมาเจอสนามการต่อสู้จึงเข้าระงับในทันที 

          “บ้าจริง! ดันมีมือเข้ามาแส่!!” หัวหน้าเงาจันทราสบถ “พวกเรา ถอยก่อน!!” ทั้งสามจึงค่อยๆ หายไปท่ามกลางแสงจันทร์ยามค่ำคืน

          “ท่านอินาริ!! ไหวไหมขอรับ?” เทพอารักษ์ถามเมื่อเห็นสภาพของเทพอินาริที่ย่ำแย่

          “ข้ายังไหว! แจ้งเตือนไปยังเทพซูซาโนโอะและอารักษ์ทุกนาย! เทพสึคุโยมิคิดการกบฏต่อราชบัลลังก์สวรรค์ เดี๋ยวนี้!!!” พระองค์พูดกับเทพอารักษ์

          “ขอรับ!!” เทพอารักษ์ผู้เป็นหัวหน้ารับคำสั่ง “พวกเจ้าทั้งสองคุ้มกันพระองค์กลับไปยังที่พัก ส่วนเจ้ามากับข้า เราต้องรีบไปแจ้งส่วนกลางให้ไวที่สุด!!”

          “พวกเจ้ารีบไปเถิด! ข้ากลับเองได้” เทพอินาริโบกมือสะบัด ก่อนจะเหาะกลับไปยังที่พักของตน

          “ข้าว่าเราเจอศึกหนักแล้วล่ะ……” เทพอารักษ์ตนหนึ่งพึมพำ

 

ณ ที่พำนักของเทพอินาริ 10 นาทีต่อมา

          “ปัง!” เสียงกระแทกประตูดังขึ้น ทำให้ทั้งสามที่นั่งอยู่ในห้องสะดุ้งตัวด้วยความตกใจ

          “เดี๋ยวข้าออกไปดูเอง…” นาการะเอ่ยขึ้น ในยามดึกดื่นเช่นนี้ อาจจะเป็นผู้ไม่ประสงค์ดีก็เป็นได้

          “กึก! ตุบ!!!” เมื่อนาการะเปิดประตู ร่างระหงของเทพีอินาริที่แปดเปื้อนไปด้วยเลือด ก็หล่นลงต่อหน้าต่อตาของนาการะ จนชายหนุ่มต้องรีบประคองร่างอันบอบบางนั้น พลางตะโกนเรียกทั้งสอง “คิสึเนะ เทพีคิจิคุเทน ออกมาดูนี่เร็ว!!!!!”

          ทั้งสองรีบวิ่งออกมาในทันที เมื่อเห็นร่างกายที่แปดเปื้อนไปด้วยโลหิตของเทพีอินาริก็ตกใจเป็นอย่างมาก

          “เสด็จพี่!!!!” องค์เทพีรีบปรี่เข้าไปหาในทันที

          “คิจิคุเทน……” เทพีอินาริกล่าวอย่างแผ่วเบา ก่อนจะหมดสติไป

          “นาการะ ข้าวานเจ้าอุ้มพระองค์ไปที่เตียงหน่อย แล้วไปเตรียมยาสมุนไพรและชามน้ำอุ่นเร็วเข้า!!!” คิสึเนะออกคำสั่งต่อทั้งสอง “ข้าจะดูแลพระองค์เอง พวกเจ้าหลีกไป”

          บรรยากาศในที่พำนักแลดูวุ่นวายขึ้นมาในทันตา นาการะถูกผลักออกมาอยู่ด้านนอกด้วยตอนนี้เป็นช่วงผลัดเปลี่ยนอาภรณ์และรักษาบาดแผลต่างๆ ให้แก่เทพีอินาริ มันคงไม่เหมาะนักที่จะให้ชายหนุ่มเห็นส่วนสงวนขององค์เทพี

 

ตัดไปที่ทางเทพสึคุโยมิ

          พระองค์ยืนท่ามกลางกองซากศพของเหล่าเทพ เบื้องหลังมีเทพที่แปรพักตร์มาเข้ากับระองค์จำนวนหนึ่งคุกเข่ารออยู่ ไม่นานนักเงาจันทราทั้งสามที่ปฏิบัติภารกิจไม่สำเร็จก็ปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้า

          “กระหม่อมขอพระราชทานอภัยโทษ ที่ไม่อาจสังหารเทพอินาริลงได้พ่ะย่ะค่ะ” ผู้เป็นหัวหน้ารายงาน

          “เจ้าเองก็รู้ ว่าข้าไม่ชอบผู้ที่ทำภารกิจของตนไม่สำเร็จ” เทพสึคุโยมิกล่าวต่อเงาจันทราทั้งสาม

          “พวกกระหม่อมโดนขัดขวางภารกิจด้วยเทพอารักษ์พ่ะย่ะค่ะ” เงาจันทราตนหนึ่งพยายามแก้ต่าง

          “ข้าผิดหวังในตัวพวกเจ้านัก…” เสียงเรียบกล่าว พลางสะบัดมืออย่างแผ่วเบา ก่อนที่เงาจันทราทั้งสามจะดิ้นทุรนทุรายอย่างทุกข์ทรมาน ก่อนจะสิ้นใจในที่สุด

          “ข้าเกลียดพวกที่ทำภารกิจไม่สำเร็จ” เทพสึคุโยมิเอ่ยเบาๆ ก่อนจะหันไปยังเหล่าเทพที่คุกเข่ารออยู่เบื้องหลัง

          “นับแต่คืนนี้ไป จะมิมีสิ่งใดเหมือนเดิม แผ่นดินสวรรค์แห่งนี้จะลุกเป็นไฟ ข้าและพวกท่านจักกลายเป็นทรราชต่อราชบัลลังก์สวรรค์ พวกท่านพร้อมจะตามข้ามาหรือไม่” เทพสึคุโยมิเอ่ยถามเหล่าเทพทั้งหลาย

          “ต่อให้แม้นพวกข้าจะต้องตามพระองค์ลงไปถึงขุมนรก พวกข้าก็ยินดีและให้คำมั่นว่าจะตามไปจนสุดปลายทางพ่ะย่ะค่ะ” เหล่าเทพผู้แปรพักตร์กล่าวเสียงกระหึ่มทั่วท้องพระโรง

          “งั้นก็ดี! จงกลับไปเตรียมกำลังพลในบัญชาของพวกท่านให้เพียบพร้อม เมื่อรุ่งสางมาเยือน ข้าจะนำกองทัพจันทรามาสมทบเพื่อเป็นการเปิดฤกษ์ใหม่ของที่ราบแดนสวรรค์แห่งนี้” เทพสึคุโยมิกล่าว ท่ามกลางแสงจันทราที่สาดแสงลงมา

          “พ่ะย่ะค่ะ!!” เทพผู้แปรพักตร์กล่าวเสียงดัง ก่อนจะแยกย้ายกันกลับไปยังดินแดนของตนเพื่อรวบรวมกองทัพ เพื่อเตรียมเปิดศักราชใหม่ของที่ราบแดนสวรรค์ อันจะมาถึงในอีกไม่ช้า……

          “ทั้งหมดนี่…ก็เพื่อขุมพลังอันยิ่งใหญ่” เทพสึคุโยมิพึมพำเบาๆ ท่ามกลางกองซากศพ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้?

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา