เร้นรักมธุรสลวง

-

เขียนโดย Phaky

วันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 เวลา 14.20 น.

  39 ตอน
  3 วิจารณ์
  33.73K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2562 13.43 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) ตาสบตา

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก

 
“ถ้าลาดายอมแต่งงาน บ้านหลังนี้จะไม่ถูกขายใช่ไหมคะ”
 
“ใช่แล้วลูก ถ้าหนูตกลงแต่งงานกับลูกชายลุงภัทร บ้านหลังนี้จะยังเป็นของเรา”
 
ไม่จำเป็นที่ลันลาดาต้องเสียเวลาคิดให้เปลืองเนื้อที่สมองมากมายเลยที่จะตอบตกลงคำขอนั้นของบิดา เพราะลำพังแค่บ้านหลังที่อาศัยอยู่หลังเดียวก็คุ้มเกินพอ แต่นี่ยังรวมไปถึงเงินเกือบสามสิบล้านที่การันต์หยิบยืมมาก่อนหน้าก็จะถูกปลดออกจากบัญชีกู้ยืมของพ่อเลี้ยงนภัทร แยกต่างหากกับเงินสินสอดอีกก้อนโตที่จะถูกโอนเข้าบัญชีของบิดาเพื่อใช้กอบกู้ธุรกิจ เมื่อความสามารถของเธอมีไม่เพียงพอจะช่วยเหลือการันต์ให้รอดพ้นจากวิกฤต ลันลาดาจึงเลือกจะทดแทนบุญคุณของผู้มีพระคุณที่ส่งเสียเลี้ยงดูเธอมาด้วยการตอบตกลงแต่งงานตามที่การันต์ต้องการ และนั่นก็ส่งผลให้ลันลาดาจำต้องหิ้วกระเป๋ามายืนหน้าซีดตัวสั่นอยู่หน้าบ้านไม้สักหลังโตของพ่อเลี้ยงนภัทรในตอนนี้
 
“อ้าว มาพอดี ว่ากำลังจะโทร.หาเลยว่าถึงไหนกันแล้ว”
 
“สวัสดีครับพี่ภัทร”
 
“สวัสดีค่ะคุณลุง”
 
“ไหว้พระเถอะหนู ไปๆ เข้าไปนั่งคุยกันข้างในดีกว่า”
 
โทรศัพท์ในมือที่เตรียมโทร.หาการันต์ถูกเก็บลงสู่กระเป๋ากางเกงตามเดิมเมื่อออกมายืนหน้าบ้านแล้วเห็นรถลูกน้องที่ส่งไปรับสองพ่อลูกมหาดำรงค์กำลังเคลื่อนที่เข้ามาใกล้ พ่อเลี้ยงนภัทรเปิดรอยยิ้มกว้างเมื่อการันต์เดินเข้ามากอดก่อนเผื่อแผ่รอยยิ้มอบอุ่นตามประสาผู้ใหญ่ใจดีมอบให้เด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้มที่ยืนตัวลีบหลบอยู่ด้านหลังบิดาแบบฉบับสาวน้อยขี้อาย จากนั้นจึงเดินนำแขกพิเศษที่จะมาพักบ้านไร่บารมีเสียดฟ้าทั้งสองเข้าไปคุยกันในห้องนั่งเล่น
 
“นี่ถ้าให้ผมขับรถมาเองคงมาไม่ถูก ที่นี่เปลี่ยนแปลงไปเยอะมากเลยนะครับ”
 
“ต้องยกความชอบให้เจ้าสองแฝด พอมันสองตัวเข้ามาบริหาร ไร่นี้ก็ขยายขึ้นเยอะมาก”
 
น้ำเสียงที่เอ่ยพาดพิงลูกชายฝาแฝดทั้งสองของพ่อเลี้ยงนภัทรเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ ซึ่งคนฟังอย่างการันต์ก็ยิ่งกว่าเห็นด้วย จำได้ว่าครั้งล่าสุดที่เคยมาเยี่ยมชมไร่บารมีเสียดฟ้าเมื่อห้าหกปีก่อนนั้นมีแต่ต้นลำไยที่กำลังออกผลประมาณห้าสิบกว่าไร่เท่านั้น แต่สองข้างทางตั้งแต่เหยียบเท้าเข้าสู่อาณาจักรร้อยกว่าไร่ของพ่อเลี้ยงนภัทรจนมาถึงบ้านหลังโตตอนนี้เต็มไปด้วยผลไม้นานาพันธุ์ ทั้งลำไย มะม่วงเขียวเสวย มะม่วงฟ้าลั่น กล้วยหอมทอง กล้วยไข่ ชมพู่ มังคุด เงาะ และทุเรียนซึ่งกำลังหมุนเวียนกันออกผลผลิตให้เก็บเกี่ยวเพื่อส่งออกไปยังต่างประเทศ ปลูกเองส่งออกเองไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง จึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมพ่อเลี้ยงนภัทรจึงมั่งคั่งติดอันดับหนึ่งในสามของพ่อเลี้ยงทางภาคเหนือที่รวยที่สุด ยิ่งมาเห็นความมั่นคงทางการเงินของครอบครัวทางฝั่งว่าที่ลูกเขยด้วยตาตัวเองแบบนี้ การันต์ก็ยิ่งมั่นใจว่าเขาคิดไม่ผิดเลยจริงๆที่ส่งเสริมให้ลันลาดาได้เป็นสะใภ้ตระกูลบารมีเสียดฟ้า ดวงตาสีเข้มของนักธุรกิจคนเก่งที่เคยเคร่งเครียดจึงผ่อนคลายลงไปมากโข
 
“แล้วสองหนุ่มไปไหนเสียล่ะครับ”
 
บ้านช่องดูเงียบเชียบเหมือนไม่มีใครคนอื่นอยู่จนการันต์ต้องเอ่ยปากถามหา นั่นเพราะการมาเยือนไร่บารมีเสียดฟ้าในวันนี้หาใช่เพื่อเยี่ยมเยียนพ่อเลี้ยงนภัทรเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่จุดประสงค์หลักคือการนัดเจอเพื่อให้ว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวที่สองคุณพ่อคาดหวังให้เกี่ยวดองได้เจอกัน
 
“เจ้าพลออกไปเช็คผลไม้ที่จะส่งออกวันนี้ ส่วนเจ้าคมก็นู่น คุมคนงานเก็บลำไยอยู่ในไร่ แต่พี่โทร.ตามแล้วล่ะ อีกประเดี๋ยวก็... อ้าว นั่น! ไอ้แฝดนรกนี่อายุมันยืนจริงๆ พูดถึงก็มากันพอดี ไอ้แฝด มานี่ซิ”
 
กวินพลกับคมพัชญ์ก้าวเท้าเข้ามาในบ้านพร้อมกันราวกับนัดกันมาทั้งที่ความจริงคือต่างฝ่ายต่างขับรถกันมาคนละคันทันทีที่ได้รับโทรศัพท์ตามตัวเร่งด่วนจากบิดาให้รีบกลับมาที่บ้าน ร่างสูงทั้งสองชะงักไปนิดเมื่อมาหยุดยืนตรงหน้าห้องรับแขก บิดาของเขาไม่ได้นั่งอยู่คนเดียว แต่ยังมีคุณอาการันต์กับลูกสาวนั่งคุยกันอยู่ เพียงแวบเดียวที่เห็น สมองอันชาญฉลาดของสองแฝดก็ประมวลผลเข้าใจทุกอย่างในทันที ทั้งสองหันมองหน้ากัน เหมือนมีระบบเชื่อมต่ออัตโนมัติ ก่อนที่กวินพลแฝดผู้พี่จะเดินอมยิ้มแพรวพราวเข้าไปนั่งร่วมวงกับบิดา ทิ้งคมพัชญ์ให้ยืนขาแข็งอยู่ที่ประตูตามลำพัง
 
“สวัสดีครับคุณอา”
 
“สวัสดีหลานชาย คนนี้ อืม...กวินพลใช่ไหม”
 
“ครับคุณอา คุณอาเก่งจัง ทราบได้ยังไงครับว่าคนไหนพี่ ตัวไหนน้อง”
 
“เดาไม่อยากหรอก บุคลิกของหลานไง”
 
“ความหมายของคุณอาก็คือผมหล่อกว่าเลยดูง่าย ผมชินแล้วครับ ใครๆก็พูดแบบนี้”
 
คำพูดสัพยอกของกวินพลส่งผลให้การันต์หัวเราะขำในความช่างเจรจาก่อนพิจารณามองสองหนุ่มตรงหน้าอีกครั้งให้ละเอียด จะว่าเห็นด้วยก็ไม่ใช่ แต่จะว่าไม่เห็นด้วยเลยก็ไม่เชิง เพราะอันที่จริงทั้งสองมีใบหน้าหล่อเหลาเหมือนกันประหนึ่งส่องกระจกแล้วเห็นเงาสะท้อนของตัวเองในนั้น เพียงแต่กวินพลมีใบหน้าเกลี้ยงเกลาสะอาดตา ชายหนุ่มแลดูเป็นผู้ชายสำอาง แต่งกายด้วยเสื้อผ้าโก้หรูที่ดูก็รู้ว่าผ่านการเลือกสรรมาเป็นอย่างดี และยิ้มแย้มเก่งตามประสาคนอัธยาศัยดีที่ต้องติดต่อประสานงานกับคนอื่นๆอยู่เป็นประจำ ส่วนคมพัชญ์นั้นถนัดใช้กำลัง ชายหนุ่มรับหน้าที่ดูแลเกี่ยวกับพืชผลในไร่ การคุมคนงานจำนวนมากจึงไม่อาจสะโอดสะองฉีดน้ำหอมจนตัวหอมฟุ้งได้เหมือนพี่ชาย ใบหน้าของชายหนุ่มจึงครึ้มไปด้วยหนวดเครายาวเฟื้อยเสริมความดุกร้าว เสื้อผ้าก็เน้นเชิ๊ตแขนยาวสวมใส่สบายคลายร้อนมากกว่าจะรีดกลีบคมกริบเป็นใบมีดเหมือนกวินพล บุคลิกของแฝดคนน้องจึงดูดิบเถื่อนกว่าอย่างเห็นได้ชัด แต่กระนั้นเรือนกายแข็งแกร่งก็ยังอาบไล้ไปด้วยราศีของผู้ดีมีอันจะกินไม่น้อยไปกว่าคนเป็นพี่เลยสักนิด
 
“หรือถ้ามองหน้าแล้วแยกไม่ออก ก็ให้สังเกตที่ปากครับ คนไหนพูดมาก ขยับปากแพล่มไม่ได้หยุดก็คือกวินพล สวัสดีครับอารันต์ ลาดา”
 
หลังจากถูกทิ้งให้ยืนตะลึงอยู่ตรงหน้าประตูอยู่เดียวดายเพราะมัวแต่จดจ้องใบหน้าจิ้มลิ้มของแขกสาวหน้าใสของบิดาด้วยความคาดไม่ถึงว่าแขกที่ได้ยินท่านเกริ่นว่าจะมาพักที่บ้านจะเป็นหญิงสาว จึงเป็นช่วงเวลาที่คมพัชญ์จะขอเอาคืนพี่ชายบ้าง ชายหนุ่มเข้ามานั่งร่วมวงสนทนาพร้อมยกมือทำความเคารพคุณการันต์ ก่อนเบี่ยงหน้าไปทักทายลันลาดาที่นั่งอยู่ตรงข้ามกันด้วยน้ำเสียงที่พ่อกับพี่ชายลอบเบ้ปากนินทาในใจว่าสุดจะลำเอียง เพราะคมพัชญ์เล่นใช้เสียงสองที่อ่อนโยนกว่าปกติเรียกชื่อเล่นของลันลาดา ทีพูดกับพี่คุยกับพ่อล่ะเสียงโหดอย่างกับฆาตกรโรคจิต
 
“สวัสดีคมพัชญ์”
 
“เรียกผมว่าคมเฉยๆก็พอครับคุณอา เราคนกันเอง”
 
“งั้นผมแนะนำให้คุณอาเรียกมันว่าไอ้คมไปเลยครับ เหมือนที่ผมกับพ่อเรียก จะได้รู้สึกสนิทสนมเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน จริงไหมพ่อ”
 
ชงเก่งกว่าใครเพื่อนคงไม่พ้นตัวแสบอย่างกวินพลที่เอ่ยปากแซวด้วยดวงตาเจ้าเล่ห์แพรวพราวจนคุณพ่อทั้งสองส่ายหน้ายิ้มๆเพราะเข้าใจความหมายที่แฝดพี่ต้องการสื่อสาร ซึ่งในสถานการณ์นี้ควรเป็นคมพัชญ์ที่ต้องเก้อเขินที่ถูกพี่ชายจับได้ว่าลอบมองใบหน้าหวานของลันลาดานานจนผิดสังเกต แต่กลายเป็นแก้มขาวๆของคนถูกมองเสียนี่ที่ค่อยๆถูกสีแดงคลอบคลุมจนลามทั่วใบหน้าแสนหวานนั่น
 
“ที่เจ้าพลพูดก็เข้าท่านะรันต์ นายเองไม่มีลูกชาย พี่ก็อยากได้ลูกสาว เบื่อหน้าไอ้สองตัวนี่เต็มที”
 
เมื่อบิดาออกตัวเชียร์แรงขนาดนี้เขาคงไม่ต้องคาดเดาอะไรแล้วกระมัง นาทีนี้ยิ่งกว่าแน่ใจว่ายายหนูที่พ่อเลี้ยงนภัทรเคยบอกว่าอยากได้มาเป็นลูกสะใภ้คนเล็กคงเป็นหญิงสาวที่นั่งก้มหน้าแดงๆมองพื้นคนนี้เป็นแน่ นั่นยิ่งทำให้คมพัชญ์กระหยิ่มยิ้มย่องในใจ เพราะใบหน้าหวานๆที่กำลังแดงจัดน่าเอ็นดูตรงหน้านี่แหละที่สะดุดตาเขานักเมื่อครั้งเจอกันที่งานศพเพื่อนของบิดาเมื่อเดือนก่อน ตั้งใจอยู่แล้วว่าเคลียร์งานในไร่ให้ซาลงอีกนิดแล้วจะตามไปจีบ ไม่นึกเลยว่าพ่อเลี้ยงนภัทรจะหูตาไวกว่าเขาเสียอีก
 
“แล้วแต่เด็กๆเขาน่ะครับ ถ้าเด็กๆยินดี ผมก็ไม่มีปัญหา”
 
ด้วยความเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายหญิง หากจะออกตัวแรงก็คงดูน่าเกลียดไม่น้อย แม้ว่าใจจริงอยากจะยัดเยียดลันลาดาให้เป็นสะใภ้ตระกูลบารมีเสียดฟ้าในวันนี้พรุ่งนี้ด้วยซ้ำ การันต์จึงต้องเลือกเดินทางสายกลาง แล้วโยนหน้าที่ตัดสินใจให้คมพัชญ์เป็นคนตอบ แต่เท่าที่สังเกต ลูกชายคนเล็กของพ่อเลี้ยงนภัทรก็ดูจะสนใจลันลาดาอยู่บ้างเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นคงไม่เพียรเหล่สายตามองมาทางลูกสาวเขาบ่อยขนาดนี้
 
“ยินดีมากที่สุดเลยครับคุณอา หวังว่าในอนาคตอันใกล้ เราสองคนจะได้เปลี่ยนมาเรียกคุณอาว่าคุณพ่อแทนนะครับ จริงไหมคม”
 
‘มองขนาดนี้ มึงไม่กลืนน้องเข้าไปในท้องเลยล่ะ ไอ้คุณคม!’
 
ออกตัวแรงแซงทางโค้งกว่าใครในทีนี้คงไม่พ้นกวินพลอีกเช่นเคย แต่นั่นไม่ใช่เพราะอยากรีบผลักภาระวิวาห์ตามบัญชาของพ่อเลี้ยงนภัทรให้คมพัชญ์แบกรับ แต่เป็นเพราะมั่นใจแล้วว่าบิดานั้นรู้ใจบุตรชาย ก่อนหน้านี้ท่านจึงได้ออกคำสั่งเรื่องงานวิวาห์ ถึงมิน่า...ปกติพ่อเลี้ยงนภัทรเคยบังคับลูกชายหัวแก้วหัวแหวนซะที่ไหน แต่นี่ท่านคงรู้คงเห็นด้วยสายตาตัวเองในวันที่คมพัชญ์ได้เจอกับลันลาดากระมัง คุณพ่อสุดที่รักถึงได้จับหญิงสาวที่หน้าตาน่ารัก ตากลมใสแจ๋ว ปากนิด จมูกหน่อย ตรงสเป็กของไอ้แฝดน้องใส่พานมาประเคนให้ถึงบ้านแบบนี้ เมื่อบิดาดำเนินการมาถึงขั้นนี้แล้ว กวินพลจึงขอรับไม้ต่อช่วยกระชับให้ความสัมพันธ์ของสองครอบครัวใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น
 
“อือ”
 
คำตอบรับแสนสั้น แต่กระนั้นก็มากเพียงพอแล้วที่จะทำให้สองคุณพ่อที่กลั้นใจรอลุ้นด้วยหัวใจระทึกลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก เพราะนี่แหละคือคำตอบที่ต้องการ เนื่องจากทางฝั่งของการันต์นั้นคุยกับบุตรสาวเป็นที่เรียบร้อย เหลือเพียงรอดูปฏิกิริยาของคมพัชญ์ที่แม้พ่อเลี้ยงนภัทรจะรู้ว่าลูกชายให้ความสนใจใบหน้าสวยๆของบุตรสาวเพื่อนสนิทมากเป็นพิเศษ แต่ก็ยังไม่อาจมั่นใจว่าความถูกใจนั้นจะมากพอถึงขั้นอยากแต่งงานด้วยหรือไม่ แต่พอได้เห็นแววตาของคมพัชญ์ที่มองลันลาดาอย่างให้รู้ว่าจงใจมอง ได้ฟังคำตอบรับของบุตรชายเมื่อถูกกวินพลโยนหินถามทาง พ่อเลี้ยงนภัทรจึงหันไปสบตากับการันต์ด้วยความมั่นใจว่างานวิวาห์ระหว่างตระกูลบารมีเสียดฟ้ากับมหาดำรงค์คงได้เกิดขึ้นในเร็ววันนี้เป็นแน่ และตอนนี้ก็แค่ให้หนุ่มสาวได้มีโอกาสใกล้ชิดทำความรู้จักกันให้มากขึ้น
************************************************************************************
ช่วง...ตามหาคนหาย!
รบกวนเหล่าแม่ยกชะเง้อคอมองหาให้ทีว่าอิพี่คนที่เกรี้ยวกราด ร้อยไม่แต่งพันไม่แต่งเมื่อวานอยู่ที่ไหน เห็นหน้าอิพี่วันนี้แล้วอยากจะร้องแหมมมมมมมมมมมมมมมม...มมมให้ดังถึงดาวอังคาร เมื่อวานแกไม่ได้นั่งนิ่งเป็นเด็กดีเหมือนวันนี้เลยนะอิพี่ค๊มมมมม หมั่นไส้จริงๆ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา