สลักใจจอมทัพ

-

เขียนโดย Xiaobei

วันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2562 เวลา 19.52 น.

  23 บท
  0 วิจารณ์
  16.61K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2562 11.50 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

10) บทที่ 3-1

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

พอกลับมาถึงบ้าน นางมาที่ห้องหนังสือของตันฮั่นก่อน

“คุณชายใหญ่ ข้าเอาสมุดบัญชีกลับมาตามที่ท่านสั่งแล้ว” ไม่ทันไรประตูห้องก็เปิดออก ที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าก็คือตันฮั่น

“ลำบากเจ้าแล้ว เจ้าบาดเจ็บขนาดนี้ยังให้เจ้าออกไปข้างนอกอีก” ตันฮั่นรับสมุดบัญชีมา แล้วรับผ้ามาด้วย “นี่เป็นของที่จะให้โหรวอีใช่ไหม เดี๋ยวให้สาวใช้คนอื่นเอาไปให้นางเถอะ” พูดจบ เขาวางสมุดบัญชีและผ้าลง ทั้งจูงนางเข้ามาในห้องหนังสืออย่างเป็นธรรมชาติ แล้วหันหน้ามาพูดกับนางว่า “มือของเจ้ายังบาดเจ็บอยู่ก็อย่าทำงานหนักนักเลย หากคืนนั้นไม่ใช่เป่าฉือมาเคาะประตูห้องข้า ข้ายังไม่รู้เลยว่าเจ้าเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงเช่นนี้ ข้าว่าเจ้าก็เกรงใจเกินไป ถึงอย่างไร...”

“คุณชายใหญ่ยังมีอะไรจะสั่งอีกหรือไม่?” ไม่รอให้เขาพูดต่อ นางดึงมือกลับและรักษาระยะห่างอย่างมีมารยาท ประโยคนี้ได้แทงเข้าไปในใจของเขา จึงถอนหายใจลึกๆ ออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “เสวี่ยหรั่น เจ้ายังโกรธข้าอีกหรือ?”

“ไม่มีเรื่องแบบนี้ ทำไมคุณชายใหญ่ถึงพูดเช่นนี้”

“เพราะเป็นข้าที่ทำให้เจ้า...” เขากลืนน้ำลาย “ทำให้เจ้าไม่ได้ยิน”

เมื่ออ่านความหมายในคำพูดของเขาออก สีหน้าของนางก็ตึงขึ้นมาสองมือกำแน่น “สิ่งนี้ล้วนเป็นเรื่องในอดีต คุณชายใหญ่ไม่ต้องรู้สึกผิด อีกอย่าง นั่นก็เป็นอุบัติเหตุ”

“ตอนนั้นข้าไม่ได้ตั้งใจทิ้งเจ้าโดยที่ไม่สนใจจริงๆ  เป็นโหรวอี นางดึงข้าไป ถึงได้...”

“คุณชายใหญ่ ตอนนี้ความสัมพันธ์ของพวกเราก็คือเจ้านายและคนรับใช้ เรื่องในอดีตอย่าได้พูดถึงอีกเลย ถ้าหากไม่มีอะไรจะให้ทำแล้ว ข้ายังต้องรีบเอาผ้าที่นายหญิงน้อยต้องการไปให้นาง” นางพูดตัดบท แล้วคว้าผ้าที่อยู่บนโต๊ะเดินออกไป

ยังไม่ทันที่เขาจะตอบอะไรนางก็ก้าวออกจากห้องหนังสือ “เสวี่ย...” เขากำลังจะเรียกแต่ก็เงียบลง นางจะได้ยินเสียงของเขาได้อย่างไร

ระหว่างที่เร่งรีบเดินอยู่บนทางเดินนั้น พอเดินพ้นหัวมุม สองมือที่กำแน่นของนางถึงได้คลายลง แล้วปรับลมหายใจไม่อยากให้คนอื่นเห็นท่าทางกระอักกระอ่วนใจเช่นนี้ของนาง

“ทำไมต้องพูดถึงอีก ข้าแกล้งทำเป็นไม่สนใจไม่ได้หมายความว่าข้าจะไม่สนใจจริงๆ ” หลับตาลงภาพในอดีตยังคงชัดเจนอยู่ในหัว พยายามจะหยุดไม่ให้ย้อนนึกถึงเช่นไรก็ยังคงวนเวียนกลับมาอยู่ดี

ตอนนั้นที่นางเพิ่งเข้าบ้านตระกูลตันก็แค่อายุเจ็ดขวบ คนที่อายุไล่เลี่ยกับนางในตระกูลตันก็คือนายหญิงน้อยของตระกูลตัน ตันโหรวอี เพราะเหตุนี้คุณหญิงถึงได้ให้นางเป็นเพื่อนเล่นของนายหญิงน้อย ตันโหรวอีเป็นเด็กที่ทุกคนเอาใจตั้งแต่เด็ก พอนานวันเข้าก็ทำให้นางมีนิสัยจองหองหยิ่งยโส ดังนั้นแทนที่จะบอกว่าเป็นเพื่อนเล่นควรจะบอกว่าเป็นเป้าหมายในการถูกรังแกน่าจะเหมาะสมกว่า

ตอนนั้นยังมีคุณชายใหญ่ที่อยู่กับพวกนาง ตอนที่ตันฮั่นอยู่โดยปกติตันโหรวอีไม่ค่อยกล้าวางอำนาจ เพราะนางชอบพี่ชายคนนี้ของนางมาก คนที่เอาใจนางที่สุดก็เป็นตันฮั่น

ด้วยความที่รักตันโหรวอี อีกทั้งตนเองก็ได้รับการดูแลจากตันฮั่นจึงทำให้เสวี่ยหรั่นมีความสุขอย่างมาก นางยังแอบเรียกตันฮั่นว่าพี่ชายด้วยความไร้เดียงสา แต่ตัวเองในตอนนั้นไม่รู้เลยว่าความอ่อนโยนของตันฮั่นและมุมมองของตันฮั่นค่อยๆ มีการเปลี่ยนแปลง

คุณชายใหญ่ที่อยู่ในวัยหนุ่มเริ่มมีความคิดของตัวเอง มุมมองที่มีต่อเพศตรงข้ามก็เริ่มจะเปลี่ยนไป ในนั้นระหว่างคนรุ่นราวคราวเดียวกันคนที่อยู่ใกล้เขานอกจากนายหญิงน้อยแล้วก็มีนางที่สนิทกับเขาที่สุด ด้วยความที่พบเจออยู่ตลอดเวลาทำให้เริ่มจะชอบนางโดยไม่รู้ตัว แต่ความรักนั้นก็ได้จบลงอย่างรวดเร็วเพราะอุบัติเหตุครั้งนั้น

มันเป็นคืนที่มีการจัดงานเลี้ยง ด้วยความที่ตันโหรวอีที่เข้าร่วมงานเลี้ยงไม่ได้จึงโมโหอยู่สวนหลังบ้าน นางขอร้องตันฮั่นที่อยู่ในงานเลี้ยงออกมาปลอบโยนตันโหรวอีอย่างยากลำบาก แต่กลับนึกไม่ถึงว่าเพราะเห็นตัวเองปรากฏตัวพร้อมตันฮั่นจึงยิ่งทำให้นางโมโหอย่างไร้เหตุผลมากขึ้น สุดท้ายนางทั้งดึงทั้งผลักตัวเอง ตันฮั่นเพื่อจะแยกพวกนางออกจากกันแต่ควบคุมแรงไม่ดีจึงผลักนางล้มลงกับพื้น แก้มด้านซ้ายรวมทั้งศีรษะชนเข้ากับขั้นบันไดหินเต็มๆ ตอนนั้นนางเจ็บจนร้องไห้ออกมา ตันฮั่นรีบร้อนจะพานางไปหาหมอแต่กลับถูกนายหญิงน้อยบังคับดึงตัวไป

ไม่นานที่หูซ้ายของนางก็เหมือนมีผึ้งแอบอยู่ร้องวี้ๆ ไม่หยุด ตอนที่เชิญหมอมารักษาหูซ้ายของนางก็ไม่ทันการ นางสูญเสียการได้ยินไปเสียแล้วเนื่องจากศีรษะถูกกระแทกทำให้นางสลบไปสามวัน หลังจากนั้นก็สังเกตว่าหูขวาก็ได้รับผลกระทบกลายเป็นมีปัญหาการได้ยิน ตามด้วยเวลาที่ผ่านไปนานขึ้นก็ค่อยๆ ไม่ได้ยินมากขึ้น หลังจากนั้นนางจึงต้องมีชีวิตอยู่แต่ในโลกที่ไร้เสียง

ที่จริงแล้วคุณนายอาจจะอยากชดเชยความรู้สึกผิดที่มีต่อตัวเอง จึงจ้างคนมาสอนนางอ่านปาก

เวลาผ่านมาสิบสามปี นางก็ยอมรับโลกที่ไร้เสียงเช่นนี้ เพียงแต่บางครั้งที่พูดถึงเรื่องราวในอดีตนั้นในใจก็ยังรู้สึกย่ำแย่อย่างมาก

ตั้งแต่นั้นมาพวกเขาทั้งสามคนก็แบ่งแยกชนชั้นกันอย่างชัดเจน เจ้านายก็คือเจ้านาย คนใช้ก็คือคนใช้ ไม่ว่าตอนนั้นตันฮั่นจะมีความรู้สึกอะไรให้นางก็ล้วนมลายหายไปสิ้น

เสวี่ยหรั่นถอนหายใจแรง แล้วตบหน้าตัวเองเบาๆ ดึงความมีชีวิตชีวาขึ้นให้กำลังใจตัวเอง เรื่องผ่านพ้นไปนานและ นางก็ไม่โทษฟ้าโทษดินแล้ว

ขณะที่เดินไปที่ห้องนอนของตันโหรวอี เจอกับคุณชายสามตันกุ้ยเดินสวนมาพอดี นางจึงหลบไปข้างๆ เพื่อให้เขาเดินผ่านไปแต่สังเกตเห็นว่าเขากลับมาหยุดอยู่ตรงหน้าของตัวเอง

“คุณชายสาม? ท่านมีอะไรจะสั่งหรือ?”

“พี่สองตามหาเจ้า บอกว่าปิ่นปักผมที่เจ้าเอากลับมาเมื่อวันก่อนมีปัญหา ตอนนี้จะให้เจ้าไปหานาง” พูดจบ ตันกุ้ยก็ตบไหล่นางด้วยความเห็นใจแล้วออกจากบ้านไป

เสวี่ยหรั่นถอนหายใจอย่างเป็นทุกข์ ต้องถูกกลั่นแกล้งอีกแล้วหรือ นางรีบเดินไม่กล้ารอช้า กลัวว่าครั้งนี้ไม่รู้จะถูกกระทำแบบไหนอีก เวลาเดียวกันนั้นก็มีเงาร่างหนึ่งได้ตามหลังนางอย่างเงียบๆ

พอเข้าใกล้ห้องตันโหรวอีก็เห็นสาวใช้คนอื่นรออยู่ที่ประตู นางเกิดความรู้สึกไม่ดีขึ้นมา รอสาวใช้เข้าไปแจ้งแล้วนางก็ก้าวเข้าไปในห้อง เพิ่งจะปิดประตูลงก็เห็นแก้วลอยมาทางนางแล้วกระแทกเข้ากับกำแพงข้างๆ โดยที่ไม่มีสัญญาณเตือน นางกอดผ้าไว้แน่นเบิกตาโพลงเกือบหลุดเสียงร้องออกมา นางจึงรีบกอดผ้าแล้วคุกเข่าลงไม่กล้าเงยหน้า

ตันโหรวอีที่นั่งอยู่บนเตียงรอจนหงุดหงิด ตอนแรกคิดจะตบโต๊ะแล้วด่าชุดใหญ่ แต่พอนึกขึ้นมาได้ว่านางไม่ได้ยินทั้งยังก้มหัวอีก เดิมทีจึงไม่รู้เลยว่านางกำลังพูด ก็ยิ่งทำให้โมโหแล้วลุกขึ้นไปดึงหูนาง

เสวี่ยหรั่นเจ็บ จนต้องเงยหน้าแต่ไม่กล้าส่งเสียง ได้แต่ปล่อยให้นางดึงหูตัวเอง

“เพิ่งจะมาตอนนี้ ตกลงเจ้าเป็นเจ้านายหรือข้าเป็นเจ้านาย!” เสียงของนางดังก้องไปทั่วห้อง ขณะนั้นเสวี่ยหรั่นรู้สึกโชคดีขึ้นมา การที่ตัวเองไม่ได้ยินก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องร้าย เพราะอย่างไรเสียนางก็ไม่ต้องได้ยินเสียงที่ดังกระแทกเพดานของนาง

“ขออภัยค่ะนายหญิงน้อย เมื่อครู่ข้านำสมุดบัญชีไปให้คุณชายใหญ่ ดังนั้นข้า...”

ตามด้วยเสียง ‘เพี๊ยะ’ ที่ดังขึ้น คำพูดของนางก็หยุดตามไปด้วย

เสวี่ยหรั่นอึ้งอยู่กับที่ จากนั้นก็ปิดริมฝีปากที่กำลังจะอธิบาย แก้มที่ร้อนผ่าวทำให้นางรู้ว่าตอนนี้นายหญิงน้อยไม่ฟังเหตุผลใดๆ ทั้งสิ้น

“ใครจะไปฟังเจ้าอธิบาย ข้าเป็นเจ้านายเรียกเจ้ามาก็ต้องมาทันที ไม่ใช่หาข้ออ้างบ่ายเบี่ยง” นางสะบัดมือ มองด้วยแววตาดูถูก

“เสวี่ยหรั่นผิดไปแล้ว”

เห็นนางเชื่อฟังไม่เถียงกลับ ต่อให้ไม่พอใจก็ได้แต่นั่งกลับไปที่เตียง ยกเม็ดบัวเห็ดหูหนูขาวแช่เย็นขึ้นมาชิม

แล้วโยนกล่องที่ใส่ปิ่นปักผมเอาไว้ให้กับนางด้วยท่าทางไม่แยแส “ส่งปิ่นปักผมนั่นกลับไป นั่นไม่ใช่แบบที่ข้าต้องการ อัปลักษณ์เสียจริง” เสวี่ยหรั่นรีบเก็บขึ้นมาไม่กล้ารอช้าอีก

“ใช่แล้ว อย่าลืมไปที่ร้านเอาเครื่องประดับที่สั่งไว้ด้วยล่ะ วันเทศกาลดอกไม้ไฟข้าจะใส่มัน”

“เจ้าค่ะ”

“รู้แล้วก็ไปสิ วางผ้าลงแล้วก็ให้คนไปแจ้งช่างตัดเย็บด้วย แล้วก็เอาชามออกไปอย่ามาเกะกะสายตาข้า” พูดจบก็โยนชามที่กินเสร็จลงที่พื้นอย่างจงใจ

นางรอให้เสวี่ยหรั่นกำลังจะไปเก็บอยู่นั้นแล้วจงใจเดินผ่าน  พูดด้วยท่าทางดูถูกว่า “อย่าขวางทาง” แล้วออกแรงผลักนางจนนางเสียการทรงตัวชนเข้ากับขอบเก้าอี้อย่างจัง ที่หน้าผากแดงขึ้นมาทันที

ตันโหรวอีเห็นเช่นนั้นเพียงหัวเราะแล้วหันหลังเดินจากไป เสวี่ยหรั่นก้มหน้ากำชามเปล่าที่อยู่ในมือแน่น แววตาเหม่อลอยนวดไปที่หน้าผาก แต่พอได้นวดเท่านั้น น้ำตาก็ร่วงลงมาทันที นางเม้มปากกลัวว่าจะมีเสียงร้องออกมา

ภาพนี้ได้ถูกเงาที่อยู่นอกกำแพงนั้นเห็นอย่างชัดเจน เขาจ้องมองไหล่ที่สั่นเทาโดยไม่ขยับ แววตาค่อยๆ เยียบเย็น

--------------------------------------------------------------------

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้นำมาจากแหล่งอื่นและได้รับการอนุญาตจากเจ้าของแล้ว

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา