สลักใจจอมทัพ

-

เขียนโดย Xiaobei

วันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2562 เวลา 19.52 น.

  23 บท
  0 วิจารณ์
  16.51K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2562 11.50 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

19) บทที่ 5-1

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

เพิ่งออกจากฝูงชนโม่เหยียนและโม่ฉิงหลิงก็เจอเฟิ่งอี้ที่เหมือนจงใจรอพวกเขาอยู่

“คุณชายโม่ องค์ชายหกเรียนเชิญ”

ทั้งสองคนมองเฟิ่งอี้ที่แต่งชุดสีดำ ต่างสบตากัน โม่ฉิงหลิงชิงพูดขึ้นก่อนว่า “วันนี้องค์ชายเคลื่อนไหวใหญ่งั้นหรือ?”

เคลื่อนไหวใหญ่ ความหมายเป็นนัยคือ ‘กวาดล้าง’

เฟิ่งอี้ไม่ตอบ ยังคงพูดประโยคเดิมว่า “องค์ชายหกเรียนเชิญ รบกวนตามมาด้วย”

ด้วยความที่ทำอะไรไม่ได้ ทั้งสองคนจึงได้แต่เดินตามเฟิ่งอี้ เขานำพวกเขาออกจากฝูงชน เดินเข้าไปในซอยที่คดเคี้ยว เดินเลี้ยวไปมา เหมือนกำลังอยู่ในกลางเมืองและก็เหมือนกับอยู่บนถนนบริเวณที่พักอาศัยของผู้คน

“ทางนี้จะไปสุดที่ไหนกัน?” โม่เหยียนอดถามเฟิ่งอี้ขึ้นมาไม่ได้ แต่เฟิ่งอี้กลับไม่ตอบ

“ตามมาก็จะรู้เองว่าไปถึงไหน” โม่ฉิงหลิงยักไหล่

สีหน้าของโม่เหยียนปรากฏความสงสัยเล็กน้อย กลัวว่าตัวเองที่ไม่อยากมีเรื่องจะเดินไปแล้วหันหลังกลับไม่ได้ แต่ยังไม่มั่นใจความเป็นความตายของเสวี่ยหรั่นจึงได้แต่ทำใจแข็ง ถ้ามีเรื่องอะไรขึ้นจริงก็จะรีบวิ่งหนีเสีย

ขณะที่เดินเลี้ยวเข้าไปในซอยมืดนั้นก็มีมีดคมกริบจี้ลำคอเขาทำเอาขยับไม่ได้ แววตาตื่นตะหนกมองคนที่สวมชุดสีดำ บริเวณแขนเสื้อขวาของคนคนนั้นปักรูปมังกรสีทอง นั้นเป็นสัญลักษณ์ที่ถือว่าท่านอ๋องเป็นผู้สั่งการได้เท่านั้น

เห็นแววตาคมดั่งตาเหยี่ยวของอีกฝ่ายเฝ้าระวังพวกเขา โม่ฉิงหลิงก็ไม่กล้าวู่วาม องค์ชายผู้นี้น่ากลัวเสียจริง แม้แต่อั่นเซียวที่มีเพียงท่านอ๋องและวังหลวงที่สั่งการได้เท่านั้นยังส่งมา เห็นได้ชัดว่าจะกวาดล้างจริงๆ

“เก็บดาบกลับไป พวกเขาเป็นคนที่องค์ชายหกต้องการ” เฟิ่งอี้ใช้สองนิ้วขยับดาบที่จี้คอโม่เหยียนเอาไว้ออกไป เอ๋ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา

เห็นเฟิ่งอี้ยืนอยู่กับคนชุดดำกลับมีความรู้สึกที่เข้ากันเป็นอย่างดี ไม่แน่บางทีตอนแรกเฟิงอี้ก็มาจากอั่นเซียวเช่นกัน เฟิ่งอี้หันไปหาโม่เหยียน “ท่านเอาป้ายหลวงติดตัวมาด้วยหรือไม่?”

โม่เหยียนกลืนน้ำลายหยิบป้ายไม้สักดำจากอก บนนั้นก็มีรูปมังกรสีทองสลักไว้เหมือนกับคนชุดดำ ข้างใต้ยังมีดอกว่านน้ำสลักเพิ่มอยู่ นั่นหมายถึงดอกไม้ที่ฮ่องเต้ได้มอบให้กับคนที่เชื่อใจมากที่สุด

เฟิ่งอี้พยักหน้าพูดกับอั่นเซียวว่า “เห็นป้ายดั่งเห็นฮ่องเต้ อย่าเสียมารยาท”

“ขอรับ” อั่นเซียวถอยไป บรรยากาศรุกฆ่าลดลงไม่น้อย

 “นี่เป็นขุนนางผู้สัตย์ซื่อแห่งตระกูลโม่มิใช่หรือ?”

ขณะที่จะเดินไปข้างหน้าต่อ เสียงที่ลอยเข้ามาข้างหูก็ทำเอาพวกเขาตกใจขึ้นมา

เงาร่างของคนผู้หนึ่งค่อยๆ เดินมาจากอีกฝั่ง คนผู้นั้นสวมชุดประณีตแต่ไม่สะดุดตา ท่าทางอมโรคใบหน้าผอมแห้ง

โม่เหยียนมองเซ่าเจินที่ท่าทางชอบใจ ผู้ติดตามหู่พั่วก็เดินตามอยู่ข้างหลัง องค์ชายสี่ที่ไม่ได้เจอมานานยังคงมีท่าทางอมโรคเช่นเดิม แต่แอบรู้สึกได้ถึงบรรยากาศแข็งกร้าวขึ้นไม่น้อย ไม่รู้ว่าศึกแย่งชิงตำแหน่งฮ่องเต้ในอนาคตเขาจะเข้าร่วมหรือไม่

เขาทั้งสองคนคุกเข่าข้างเดียวอย่างรู้ใจกันว่า “ทำความเคารพองค์ชายสี่”

“ลุกขึ้นเถอะ” ทั้งสองคนสบตากันแล้วลุกขึ้นยืน เซ่าเจินเห็นพวกเขาปรากฏตัวอย่างไม่คาดคิด จึงอยากรู้ขึ้นมา “ที่พวกเจ้ามาที่นี่เพราะความต้องการของเจ้าหกงั้นหรือ?” เขาไม่คิดว่าทั้งสองคนมาที่นี่เพราะได้ยินแผนการของเซ่าเหยียน เพราะอย่างไรเสียเซ่าเหยียนก็ไม่เคยเผยแผนการให้คนอื่นรู้ ไม่แน่คนตระกูลโม่ทั้งสองคนนี้ก็แค่บังเอิญเจอเท่านั้น

“องค์ชายหกเชิญโม่ฉิงหลิงมารักษา” เฟิ่งอี้ที่อยู่ข้างๆ ตอบ

“โห!” เขาเลิกคิ้วขึ้นมา พูดด้วยความสนใจว่า “เป็นเขาบาดเจ็บหรือคนอื่นบาดเจ็บ? แต่จะให้เขาไปรักษาคนอื่น...” ในแววตามีความอยากรู้และรอยยิ้มประหลาดแล่นผ่าน

โม่เหยียนเห็นท่าทางสนใจของเขาก็อดตึงเครียดไม่ได้ ถ้าเฟิ่งอี้ตอบไม่ระวังละก็ คิดว่าคงจะต้องถูกเซ่าเจินไล่บี้ไม่ปล่อยแน่นอน

“นี่เป็นเรื่องส่วนตัวขององค์ชายหก ถ้าองค์ชายสี่อยากทราบโปรดถามองค์ชายหกด้วยตัวเองเถอะ” พูดจบ คนที่อยู่ตรงหน้าก็เหมือนโรคกำเริบ พลันไออย่างรุนแรงไปหลายครั้ง

โม่เหยียนและโม่ฉิงหลิงได้ยินเสียงไอที่แสบหูนั้นก็อดเป็นกังวลไม่ได้ กลัวว่าเขาจะไอจนปอดหลุดออกมาเสียจริง

หู่พั่วเห็นดังนั้นก็ส่งผ้าขาวให้เขา “นายท่านเข้าบ้านพักผ่อนเถอะ” พร้อมสายตาที่มองไปที่เฟิ่งอี้ เฟิ่งอี้จึงหลีกทางให้

เซ่าเจินปรับการหายใจ เหลือบมองหู่พั่ว “ที่เฟิ่งอี้พูดเช่นนี้กำลังเตือนข้าอย่าได้ยุ่งเรื่องผู้อื่นงั้นหรือ?”

หู่พั่วไม่ตอบตรงๆ “ในเมื่อรีบไปช่วยคนก็แสดงว่าเป็นคนสำคัญขององค์ชายหก หากล่าช้าไปใครในที่นี่จะรับผิดชอบได้?”

ได้ยินเช่นนี้ก็เห็นได้ชัดที่พูดกับเซ่าเจินว่าแม้แต่เขาก็รับผิดชอบไม่ไหวเช่นนั้นก็อย่าหาเรื่องเลย โม่เหยียนและโม่ฉิงหลิงอดไม่ได้สูดหายใจเข้าลึกๆ รู้สึกได้ว่าผู้ติดตามผู้นี้ช่างใจกล้าเสียจริง

นึกไม่ถึงว่าเซ่าเจินกลับยิ้ม แล้วก็เดินผ่านพวกเฟิ่งอี้ไปข้างหน้าไม่ถามต่ออีก

โม่ฉิงหลิงเหลือบมองโม่เหยียน “ข้าว่านะตาเฒ่า รักษาคือรักษาแต่ข้ายังไม่อยากเข้าไปพัวพันเรื่องอะไรโดยไม่รู้ตัวเลย”

ได้ยินเช่นนี้ โม่เหยียนกรอกตาใส่ “เจ้าคิดว่าข้าอยากหรือยังไง เรื่องที่องค์ชายสองคนต่างเข้าร่วมต้องไม่ใช่เรื่องเล็กแน่นอน”

ไม่รู้เดินไปนานขนาดไหนสุดท้ายพวกเขาก็เดินออกมาจากซอยมืด มาถึงที่ที่หนึ่งที่นอกจากกำแพงแล้วก็คือกำแพง ถึงขั้นแม้แต่ต้นไม้ดอกไม้ก็ไม่มี มีเพียงสนามหญ้าเท่านั้น แทบจะเหมือนใช้กำแพงล้อมบ้านหลังนี้ไว้จนกลายเป็นเกราะป้องกันที่มองไม่เห็น

การตกแต่งของบ้านไม่หรูหรา เหมือนกับบ้านที่คนทั่วไปอาศัยอยู่ แต่ที่แตกต่างคือพอมองซ้ายขวากลับมีคนชุดดำใช้แววตาเย็นเยียบมองมา จะบอกว่าเป็นค่ายทหารก็ไม่เกินไปนัก

โม่เหยียนขมวดคิ้วไม่พูดอะไร มาถึงจุดนี้เหมือนจะไม่ใช่เรื่องดี

เซ่าเจินเผยอปากยิ้มพูดขึ้น “เจ้ากลัวคนบริสุทธิ์จะได้รับบาดเจ็บงั้นหรือ? ในสายตาของเขาการแบ่งแยกเช่นนั้นเพียงแค่เสียเวลา คนที่จิตใจดีงามไม่เหมาะอยู่ในวัง”

โม่เหยียนจ้องมองเซ่าเจินที่มีแววตาสบายใจแอบแฝงด้วยความคมกริบ เขาหลับตาลงคิดอย่างใจเย็น แล้วก็กลับมามีสีหน้าที่นิ่งเฉยทันที “ข้า ไม่ยุ่งเกี่ยวแน่นอน ข้าแค่เดินท่องมาถึงที่นี่ด้วยความบังเอิญ” คนที่สามารถเป็นถึงขุนนางได้ก็ย่อมต้องมีจิตใจที่สงบนิ่งกว่าคนทั่วไป

เห็นเขาเข้าบ้าน โม่ฉิงหลิงถึงพูดขึ้น “ตาเฒ่า มาถึงจุดนี้ก็พอเดาออกนานแล้ว มัวลังเลอะไรอีก”

“ข้าก็ต้องแอบหวังไว้บ้างเล็กน้อย มิเช่นนั้นฮ่องเต้ในอนาคตโหดเหี้ยมเช่นนี้จะบริหารบ้านเมืองได้อย่างไรกัน?” เขาส่ายหน้าแล้วเดินเข้าไปในบ้าน

โม่ฉิงหลิงกำลังจะเดินตามเข้าไปกลับถูกเฟิ่งอี้ขวางเอาไว้ “ทำไมหรือ?” พอถามก็เห็นเขาชี้ไปอีกทางหนึ่ง เขามองตาม แล้วยักไหล่เดินไปทางนั้น

ในห้องที่มืดมัว ปรากฏแสงจันทร์เลือนลางสาดส่องบริเวณหน้าต่างเป็นแสงสว่างบางๆ คนที่นั่งอยู่ริมหน้าต่างหันหลังให้แสงจันทร์จึงมองไม่เห็นหน้าตา แต่ภายใต้แสงจันทร์กลับมองออกว่าเสื้อผ้าบนตัวเขาเปียกชุ่ม ชายเสื้อข้างขายังมีหยดน้ำหยดกระจายจนนองพื้น

เขาหลับตาสงบนิ่ง กระทั่งโม่ฉิงหลิงเคาะประตูถึงอ้าปากเอ๋ยเสียงทุ้มว่า “เข้ามา”

โม่ฉิงหลิงที่อยู่นอกประตู แผ่นหลังหนาวเหน็บ ฝ่าเท้าเย็นวาบ

พอผลักประตูเข้าไปก็เห็นเซ่าเหยียนไม่พูดอะไร ใบหน้าด้านข้างที่มองเห็นไม่ชัดรู้สึกได้ถึงความแค้นที่แผ่ขยายออกมา โม่ฉิงหลิงเกือบจะล้มหน้าทิ่มลงไป

“แม่นางคนนี้เป็นอย่างไร?” เขายังคงรักษาน้ำเสียงที่สงบนิ่งถามขึ้น สายตาเคลื่อนไปที่เตียง ทันใดนั้น ก็เห็นเขาลุกขึ้นเดินมาหาตัวเอง

สีหน้าบนใบหน้านั้นน่าตกใจเหมือนดั่งคนบ้า โดยเฉพาะรอยยิ้มที่ไม่มีความดีใจอยู่เลยนั้นยิ้งทำเอาขนหัวลุกอยากจะหลบสายตาออก กลัวว่าขืนมองมากกว่านั้นจะต้องไปเยี่ยมยมบาล

เกิดอะไรขึ้น!

โม่ฉิงหลิงทั้งร่างตึงเครียดเหงื่อซึมออกมา เขาเม้มริมฝีปาก กลัวว่าริมฝีปากที่สั่นอย่างชัดเจนของเขา จะถูกอีกฝ่ายสังเกตเห็น

เซ่าเหยียนเดินไปหาเขาโดยไม่พูดอะไร ดวงตาสีดำสะท้อนกับแสงจันทร์ ท่าทางเหมือนอย่างกับยมบาลที่ฆ่าปีศาจในภาพนรก ทำเอาเขาแทบหยุดหายใจในทันที

เซ่าเหยียนเดินผ่านตัวเองมองไปที่เสวี่ยหรั่นที่อยู่บนเตียง โม่ฉิงหลิงแอบโล่งใจ ทันใดก็ได้ยินเขาอ้าปากพูดขึ้น “ดูแลนางให้ดีๆ“ จากนั้นก็จากไปอย่างไร้ร่องรอย

เขากลืนน้ำลายที่อยู่ตรงคอลงไป สองขาอ่อนแรงรีบเดินไปนั่งเก้าอี้ข้างๆ พยายามหายใจเข้าออกเพื่อคลายความกดดันนั่น สายตามองไปที่เสวี่ยหรั่นที่อยู่บนเตียง แต่พอมองเขาก็ตกใจทันที ทำไมเสื้อผ้าบนตัวนางถึงแห้ง? ทันใดนั้น เขาแทบจะคุกเข่าขอบคุณฟ้าดินที่ทำให้เขารอดตาย ถ้าเขาโผล่มาตอนที่เซ่าเหยียนกำลังเปลี่ยนชุดให้นาง เขาก็คงจะตายอย่างอนาถจนตาเฒ่าก็เก็บศพไม่ทัน

เขาตบอกตรวจสีหน้าของนาง นอกจากสีหน้าขาวซีดเล็กน้อยแล้ว ภายใต้เส้นผมตรงหน้าผากเหมือนยังมีรอยเขียวช้ำ ยื่นมือไปกดเบาๆ ก็เห็นนางขมวดคิ้วร้องขึ้นเสียงเบา การบวมเช่นนี้ก็ไม่เหมือนกับเกิดจากการร่วงทะเลสาบ กลับเหมือนรอยเขียวช้ำที่ไปกระแทกกับของแข็งบางอย่าง เขาจับชีพจรให้นางก็ถือว่ายังอาการดีอยู่ การหายใจราบรื่นไม่ถึงขั้นอันตราย ดูแล้วนอกจากรับลมจนตัวร้อนแล้วก็ไม่มีอาการบาดเจ็บอะไรที่รุนแรงนัก

เช่นนั้นเขาก็ยังไม่กล้าวางใจ ยื่นมือจับแก้มของนางขยับซ้ายขวา จากนั้นก็พบว่าบริเวณรูหูของนางมีรอยเลือด ขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วเดินไปหายาที่ตู้ไม้สักดำ ไม่ทันไรยาต่างๆ ก็ถูกเขาหยิบออกมา “จะรักษาเจ้าดีๆ อีกรอบก็แล้วกัน”

--------------------------------------------------------------------

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้นำมาจากแหล่งอื่นและได้รับการอนุญาตจากเจ้าของแล้ว

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา