ก๊วนเทพวัยใสป่วนหัวใจให้ตกหลุมรัก

-

เขียนโดย เจ้าหนอน

วันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 เวลา 01.37 น.

  19 ตอน
  1 วิจารณ์
  14.66K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 17.24 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

8) ตอนที่ 7

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

                หลังจากกลับมาสิ่งแรกที่ฉันทำคือโทร.หายัยคาเอเดะเพื่อถามถึงความคืบหน้าเรื่องนักเรียนหาย ว่าไปถึงไหนแล้ว ซึ่งผลที่ได้รับก็ไม่ค่อยเป็นที่น่าพอใจเท่าไหร่
                (( แต่ว่ามีคนเคยเห็นพวกเขาก่อนที่พวกเขาจะหายตัวไปนะ)) คำพูดต่อมาทำเอาฉันหูผึ่ง มีคนเจองั้นหรอ???
                “แล้วว่าไงบ้าง?” ฉันถามกลับอย่างมีความหวัง ได้ข้อมูลสักนิดก็ยังดี
                (( ชาวบ้านบอกว่านักเรียนของเราได้นัดกันไปทำงานที่ร้านมาสึเอะ แต่จู่ๆพวกเขาก็เดินออกจากร้านไป แถมยังบอกอีกว่าสภาพพวกเขาเหมือนคนโดนของเลย)) แล้วไอ้ที่ว่าเหมือนคนโดนของเนี่ยมันเป็นยังไม่ทราบ??
                “มันเป็นยังไงอ่ะ ไอ้ที่สภาพเหมือนโดนของน่ะ?” อยากจะบอกว่าฉันโง่มากในเรื่องแบบนี้
                (( ก็แบบว่ามีอาการเหม่อลอย แววตาเลื่อนลอยเหมือนคนละเมอ เหมือนหุ่นเชิดอ่ะแก)) หรอ? ว่าแต่ว่า….
                อาการที่พูดมาน่ะ มันเหมือนอาการของคนที่โดนเวทย์สะกดเลย คิดบ้าอะไรอยู่ว่ะเนี่ย!?
                “ขอบใจแกมาก ที่เหลือฉันจัดการเอง” ฉันวางสายจากคาเอเดะก่อนจะหลับตาลงช้าๆ ปล่อยจิตใจว่างเปล่า แล้วใช้สายตาแห่งจิตใจมองไปรอบๆ ก่อนจะแผ่ขยายออกให้กว้างที่สุด เพื่อตามหานักเรียนที่หายตัวไป
                ถ้าพวกเขาโดนเวทย์สะกดจริงๆ ก็ต้องมีไอเวทย์ปะปนอยู่บนตัวพวกเขา หรือถ้าไม่โดนฉันก็ต้องสัมผัสพลังชีวิตของพวกเขาได้ มันก็ต้องมีสักอย่างล่ะน่า
                ซ้ายไม่มี ขวาไม่มี  ไม่มีเลย!!!  นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย!!
                ฉันลืมตาโพล่งขึ้นมาทันที เหงื่อมากมายผุดขึ้นตามไรผม เป็นไปได้ยังไง?? ทำไมฉันสัมผัสพลังชีวิตแล้วก็ไอเวทย์ไม่ได้เลยล่ะ? เป็นเพราะอะไรกัน!!??

                 ฉันมาที่โรงเรียนแต่เช้าเพื่อมาหาข้อมูลเพิ่มเติม และสอดแนมใครบางคนที่ตอนนี้กำลังเดินขึ้นตึกเรียนมา
                เทสึเดินล้วงกระเป๋ากางเกงขึ้นตึกเรียนมาด้วยท่าทีแปลกๆ เหมือนเขาอยากจะทำอะไรบางอย่างแต่ทำไม่ได้ เขาเป็นอะไรไปนะ?
                เทสึเดินเข้าห้องที่ปราศจากนักเรียนอยู่ หมอนั่นนั่งลงบนโต๊ะพลางมองซ้ายมองขวา หมอนี่ค้ายาหรือไงถึงได้ทำลับๆล่อๆแบบนั้น หมอนี่เคยเป็นแบบนี้ซะที่ไหนล่ะ
                เทสึบ่นพึมพำอะไรบางอย่างก่อนที่ผ้าม่านริมหน้าต่างจะเริ่มโบกสะบัด  สายลมหมุนตัวเป็นเกลียวคล้ายสว่านปรากฎขึ้นกลางห้อง ข้าวของกระจัดกระจายไปทั่วห้อง เฮ้ๆวันนี้เป็นเวรทำความสะอาดของฉันนะ!! อย่าทำรกเซ่!
                จากที่มีแค่สายลม ตอนนี้มีทั้งไฟ ดิน สายฟ้า แสงและพวกต้นไม้ จะขาดก็แต่….น้ำ
                เป็นอย่างที่ฉันคิดจริงๆด้วย! เทสึกำลังฝึกใช้เวทมนตร์! หมอนั่นกำลังฝึกเวทย์ชั้นสูง โดยการทำให้ ดิน น้ำ ลม ไฟ สายฟ้า แสงและต้นไม้ ให้กลายเป็นหนึ่งเดียวกัน แต่หมอนั่นใช้เวทย์ธาตุน้ำไม่ได้ ซึ่งบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าหมอนี่เป็นใคร
                เทสึคลายเวทย์ออกก่อนทุกสิ่งทุกอย่างจะกลับสู่สภาพปกติ โต๊ะ เก้าอี้ถูกจัดเรียบร้อยด้วยอำนาจของเวทย์จัดแต่ง ก่อนที่เทสึจะชูมือข้างขวาของตัวเองขึ้นมา
                พรึบ!  พรึบ!
                เทสึโบกมือผ่านแหวนที่เขาเคยบอกว่าเป็นของท่านแม่ ก่อนแสงจ้าจะครอบคลุมไปทั่วห้องจนฉันต้องเอามือป้องตา หมอนั่นทำบ้าอะไรเนี่ย!
                เมื่อแสงจางลงฉันก็สามารถเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้อย่างชัดเจน ผมสีแอลม่อนทำให้เขาดูโดดเด่น บวกกับชุดสีขาวราวเทพบุตรยิ่งทำให้เขาทรงเสน่ห์ ในมือถือธนูเทวะอันเป็นอาวุธประจำตัวของเขา ฉันคิดว่าหลายๆคนคงรู้จักแล้วสินะ ว่าคนที่ฉันพูดมาเมื่อกี้เป็นใคร?
                ไลค์ สตาร์ทำหน้านิ่งพลางมองออกไปนอกหน้าต่างเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ ใช่แล้วคนที่ฉันพูดถึงคือไลค์ สตาร์ อีตาเทพขี้เก๊กที่จับฉันทำพันธะไงล่ะ เจอก็ดีฉันจะได้คิดบัญชีที่นายบังอาจบีบบังคับฉันให้ทำพันธะ!!  ฉันเกลียดแกกกกกก!!
                “ถ้ายัยนั่นรู้ว่าฉันไม่ใช่มนุษย์ ยัยนั่นจะทำยังไงนะ” ไลค์ สตาร์บ่นพึมพำ ยัยนั่นที่ว่า คงเป็นฉันล่ะมั้ง
                “เลิกคบกับนายมั้ง” ฉันตอบคำถามของเขา ไลค์ สตาร์เบิกตากว้างทันทีที่เห็นฉัน คนออกจะสวยอย่าทำหน้าอย่างนั้นเซ่!
                “วอลต์ สเทลลาส!!” ก็ใช่น่ะสิ!
                ไม่ต้องแปลกใจค่ะ ฉันเปลี่ยนร่างเรียบร้อย ฉันกะจะปิดความลับเรื่องที่ฉันเป็นเทพต่อไป ไลค์ สตาร์เขาไม่จำเป็นที่ต้องรู้หรอก ว่าคนที่เขาทำพันธะด้วยคือเพื่อนสนิทของเขาเอง
                “ไม่คิดจะบอกความจริงกับผู้หญิงคนนั้นหรอ?” ฉันถาม บางทีฉันอาจจะยกโทษให้ก็ได้เรื่องที่เขาจับฉันทำพันธะน่ะ
                “ยัยนั่นจะหัวใจวายตายเอาเปล่าๆ เสียดายผู้หญิงสวย” ไลค์ สตาร์พูดแบบไม่คิดอะไร แต่คนฟังเขาเขินน่ะสิ แล้วเขาพูดถึงฉันหรือเปล่าอ่ะ? ถ้าไม่ใช่หน้าแตกยับเลยนะ
                “ถ้าเกิดเธอคนนั้นมารู้เอาเอง มันจะไม่แย่เอาหรอ” ฉันพูดขึ้นลอยๆ มันก็ใช่ที่ฉันรู้แล้วว่าเทสึกับไลค์ สตาร์คือคนคนเดียวกัน แต่ฉันก็อยากฟังจากปากของเขา
                “มันเป็นไปไม่ได้หรอก” มันเป็นไปแล้วย่ะพ่อคุณ!!
                “มันจะใช่หร๊อ~ ถ้าเกิดเธอคนนั้นมาเห็นจริงๆ นายจะทำยังไง?” ฉันถามอย่างไม่จริงจัง แต่ดูเหมือนคนตรงหน้าจะจริงจังซะงั้นเพราะเขาขมวดคิ้วจนมันจะผูกเป็นโบว์ได้อยู่แล้ว
                “ฉันอาจจะ…หายจากชีวิตของยัยนั่น…ตลอดกาล” คำพูดที่มาพร้อมแววตาเจ็บปวดทำให้ฉันรู้ว่าเขาไม่อยากบอกเรื่องนี้กับฉัน แต่ขอโทษฉันรู้ซะแล้วล่ะ…..
                “ถ้าเกิดว่าเธอคนนั้นไม่อยากให้นายไปล่ะ” ฉันเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบ ไลค์ สตาร์มองฉันอยู่แวบนึงก่อนจะเบือนหน้าหนี
                “เราสองคนก็อยู่ด้วยกันไม่ได้อยู่ดี สักวันเธอก็ต้องตาย ต่างกับฉันที่มีชีวิตเป็นอมตะ” น้ำเสียงของเขาฟังดูเศร้าจับใจ มันไม่เป็นแบบนั้นอยู่แล้วถ้าคนที่นายพูดถึงเป็นฉัน
                “อย่าเพิ่งท้อสิ วันนั้นมันยังมาไม่ถึงเลยนะ” ฉันแตะบ่าให้กำลังใจเขา ไลค์ สตาร์ส่งยิ้มแทนคำขอบบคุณมาให้ หมอนี่ยิ้มแล้วหล่อชะมัด
                 “ว่าแต่ว่า วันนี้ว่างใช่มั้ย?” ฉันถามเพราะฉันอยากให้เขาช่วยอะไรฉันหน่อย
                “วันนี้? ไม่ว่าง” ไลค์ สตาร์ส่ายหัวพลางทำหน้าเหมือนกลัวว่าฉันจะโกรธซะงั้น
                “อ้าวหรอ? จะไปไหนอ่ะ?” ฉันถามอย่างแปลกใจ วันนี้เทสึมันว่างทั้งวันเลยนี่นา หรือว่าไปหาคู่ควงคนใหม่?
                “ไปช่วยยัยนั่นตามหาคนที่หายไปน่ะเห็นว่าหายไปเกือบสองอาทิตย์แล้วล่ะ” คำตอบของไลค์ สตาร์ทำให้ฉันยิ้มแก้มปริ เรื่องนี้แหละที่ฉันจะให้หมอนี่ช่วย
                “ก็เรื่องนี้แหละที่ฉันอยากให้ช่วย” ฉันบอก ไลค์ สตาร์ทำหน้างงว่าจะให้ช่วยยังไง
                “….??”
                “ช่วยหาร่องรอยของพวกเขาให้หน่อย ฉันหาดูแล้วไม่เจอเลย ทั้งพลังชีวิตทั้งไอเวทย์ ฉันเลยคิดว่านายอาจจะช่วยได้” 
                “ไม่มีพลังชีวิตงั้นหรอ? บางทีพวกเขาอาจจะ….โดนชิงวิญญาณไปแล้วก็ได้” คำสันนิฐานของไลค์ สตาร์ทำเอาฉันอยู่ไม่เป็นสุขขนาดเทพแห่งแสงอย่างเขายังคิดเหมือนฉันเลย!!
                “แล้วเราจะทำยังไงกันดี?” ฉันถามเสียงสั่น ถ้าเกิดเป็นอย่างที่พวกเราคิดจริงๆ แสดงว่าเทพนรกก็มีกำลังกองทัพเพิ่มขึ้นน่ะสิ สงครามที่กำลังจะเกิดขึ้น ฝ่ายเราต้องเสียเปรียบแน่!(ถึงจะเป็นแค่กองหนุน แต่ถ้าศัตรูมีมากกว่าฉันก็เหนื่อยกว่าเดิมสิ)
                “มันก็มีวิธีอยู่นะ แต่ว่า…….” ไลค์ สตาร์หยุดพูดซะดื้อๆ พูดออกมาสิ! วิธีที่ว่าคืออะไร!?
                “อะไรไลค์ สตาร์รีบๆบอกมาสิ ฉันจะได้คิดวิธีการต่อ” ฉันเขย่าแขนเขาเพื่อให้เขาบอกวิธีที่ว่า
                “ถ้าคนที่หายตัวไปโดนชิงวิญญาณไปจริงสิ่งที่เราทำได้มีแค่…….”
                “…???”
                “ชิงวิญญาณกลับมาเท่านั้น”

                 ฉันนั่งหน้าเครียดอยู่ในห้องทำงานของสภานักเรียน คำพูดของไลค์ สตาร์ยังคงก้องอยู่ในหัว ชิงวิญญาณกลับมาอย่างนั้นหรอ?ใครจะกล้าบุกไปที่นรกขนาดนั้น โดยเฉพาะเขตของเทพนรกฝ่ายดำ! แค่คิดก็น่ากลัวแล้ว
                ก๊อกๆ!
                “เข้ามา” ทันทีที่อนุญาตประตูก็ถูกเปิดออกอย่างแรง (มันเปิดหรือถีบกันแน่ เอาซะเกือบหลุดจากบานเลย) ก่อนจะปรากฎร่างของคนที่เปิดประตู….คาเอเดะ
                “แกๆสายรายงานมาว่าเจอนักเรียนของเราแล้ว!!” จบคำฉันก็แทบจะพุ่งไปหายัยคาเอเดะอย่างดีใจ เจอแล้ว!!
                “เรื่องจริงหรอแก! พวกเขาอยู่ไหน!!??” ฉันรัวคำถามใส่คาเอเดะก่อนที่ยัยนั่นรีบเอามือปิดปากฉันเพราะถามมากเกินไป
                “ใจเย็นแก ใจเย็น ป่ะ! เราไปดูกันว่าพวกเขาเป็นยังไงบ้าง” คาเอเดะชวนซึ่งฉันตอบรับทันที ก่อนที่เราสองคนจะเดินไปที่รถของตัวเอง
                “สายของฉันรายงานว่าเจอนักเรียนเราที่โกดังร้างแถวท่าเรือ XYZ ตอนนี้พวกสภานักเรียนกำลังไปที่นั่น เรารีบไปกันเถอะ” คาเอเดะเร่ง ฉันรีบขึ้นรถทันทีก่อนจะเหยียบคันเร่งจนมิดเพื่อมุ่งหน้าสู่ ท่าเรือ XYZ สถานที่ที่ฉันต้องจดจำไปจนวันตาย!!
                + + ท่าเรือ XYZ + +
                เอี๊อดดดดดด!!!!!
                ฉันเหยียบเบรกจนตัวโก่งเมื่อมาถึงที่หมาย ก่อนจะลงจากรถจนเกือบล้มหน้าทิ่มพื้นเพราะรีบเกินไป พลางสาวเท้ายาวๆไปหาไลค์ สตาร์ ไม่สิ! ตอนนี้เขาเป็นเทสึต่างหาก
                “เป็นยังไงบ้างเทสึ แล้วทำไมตำรวจถึงมากันเยอะขนาดนี้ล่ะ” ฉันถามอย่างสงสัย มองไปทางไหนก็เจอแต่ตำรวจ แถมเป็นตำรวจจากบ้านของหมอนี่อีก
                “เธออย่ารู้เลย เดี๋ยวฉันจัดการเอง” เทสึไม่ยอมบอกว่าตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น แถมพยายามกันฉันออกจากจุดที่มีเชือกกั้นอยู่ด้วย หมอนี่กำลังปิดบังอะไรฉันอยู่กันแน่!
                “เทสึ เรื่องมันเป็นยังไงบอกฉันมานะ” ฉันเอ่ยถามเสียงเรียบ เทสึมีสีหน้าลำบากใจนิดหน่อยก่อนพูดขึ้น
                “ถ้าฉันพาเธอไปดู สัญญาสิว่าจะไม่ร้องไห้ จะไม่เจ็บปวด แล้วก็จะไม่โทษตัวเองด้วย” อะไรของเขา?
                แต่สุดท้ายฉันก็ให้สัญญากับเขาและจะทำตามที่เขาขอ เทสึเอามือปิดตาฉันไว้ก่อนจะเริ่มพาฉันออกเดิน
                แม้สิ่งที่ฉันเห็นจะเป็นเพียงความมืด แต่ฉันก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศเย็นยะเยือก ที่มาพร้อมกลิ่นเหม็นเหมือนมีอะไรตายมาสักสิบชาติ ก่อนที่เทสึจะหยุดเดิน
                “พร้อมนะ” เทสึถามเพื่อความมั่นใจ ฉันพยักหน้าก่อนที่สัมผัสอบอุ่นจะหายไปจากใบหน้า
     ฉันค่อยๆลืมตาขึ้นท่ามกลางความมืดและเมื่อสายตาปรับโฟกัสได้แล้ว ภาพตรงหน้าทำให้ฉันล้มทั้งยืน จนเทสึต้องประคองเอาไว้
                ศพจำนวนมากนอนกองกันเกลื่อนพื้นโกดัง ดวงตายังคงเบิกเอาไว้เหมือนตกใจกลัว ซึ่งเป็นภาพที่สยองพอตัว ศพขึ้นอืดเพราะตายมาเกือบสองอาทิตย์ เรื่องกลิ่นไม่ต้องพูดถึง จำนวนศพที่มีเยอะมากกว่าร้อยศพต้องเอาไปชันสูตรถึงสาเหตุการตาย ซึ่งฉันรู้ดีว่ามันเป็นแพราะอะไร
                “ไม่จริง…ต้องไม่ใช่แบบนี้สิ!! ไม่จริ๊งงงงงง!!!!!!!!!!!!!!!!!” ฉันกรีดร้องออกมาทันที เหล่านักเรียนในสภาต่างเข้ามากอดฉันไว้ ทุกคนต่างร้องไห้เสียใจไม่แพ้ฉัน ถ้าฉันลงมือตามหาพวกเขาเร็วกว่านี้ เรื่องมันคงไม่จบแบบนี้!!
                เทสึอุ้มฉันเอาไว้อย่างเบามือก่อนจะเดินออกจากโกดัง ฉันยังคงร้องไห้ไม่หยุดเพราะมันเสียใจ เจ็บปวด ฉันผิดเองที่ไม่เช็คประวัติการมาเรียนของพวกเขาอย่างสม่ำเสมอ ฉันผิดที่มัวแต่ชะล่าใจเพราะคิดว่าพวกเขาอาจจะแค่กลับบ้าน ฉันเป็นคนผิดทั้งหมด!!
                 เทสึวางฉันลงในรถของเขาก่อนจะปาดน้ำตาออกให้ เทสึดึงฉันไปกอดพลางลูบผมฉันไปมาคล้ายปลอบประโลม ฉันปกป้องเพื่อนเอาไว้ไม่ได้ ฉันทำให้เพื่อนต้องตาย!!
                “ไหนสัญญาว่าจะไม่ร้องไห้ไง เธอผิดสัญญานะ” เทสึพูดในขณะที่กอดฉันเอาไว้ ตาบ้า! เจอแบบนี้ใครมันจะรับได้กันเล่า!!
                “เพราะฉันใช่มั้ย เรื่องมันถึงได้จบแบบนี้ ฮื่อ~” ฉันซบหน้าลงกับอกของเทสึ เพราะฉันแท้ๆ เรื่องมันถึงเป็นแบบนี้
                “ไม่ใช่เพราะใครทั้งนั้น อย่าโทษตัวเองสิ เธอสัญญากับฉันแล้วนะ” เทสึทวงคำสัญญาที่ฉันเป็นคนให้ไว้กับเขา นี่ฉันผิดสัญญาไปสองข้อแล้วสินะ
                “ฉันจะทำยังไงดี ฉันช่วยพวกเขาเอาไว้ไม่ได้แล้ว” ฉันยังคงร้องไห้ฟูมฟายเหมือนคนจะขาดใจ ทำไมเรื่องมันถึงเป็นแบบนี้!!

                Tetsu’s talk
                ผมมองร่างบางที่ยังคงสะอื้นไม่หยุดถึงแม้จะหลับไปแล้ว ดวงตาของเธอแดงก่ำเพราะผ่านการร้องไห้อย่างหนัก คราบน้ำตายังคงหลงเหลือให้เห็นบนแก้มที่เนียนสวย เห็นแล้วรู้สึกเจ็บปวดชะมัด
                ผมเดินกลับมาที่โกดังที่พลุกพล่านไปด้วยตำรวจและพยาบาล พวกเขาช่วยกันนำศพที่มีมากกว่าร้อยศพกลับไปชันสูตรที่โรงพยาบาลเพื่อหาสาเหตุการตาย และเพราะเรื่องนี้ ยัยสาหร่ายของผมถึงได้ร้องไห้จนน้ำตาแทบเป็นสายเลือด เพราะพวกแก ไอ้เทพนรกเฮงซวย!!!!
                นักเรียนที่หายตัวไปทั้งหมด พวกเราสามารถตามหาพวกเขาเจอแล้ว แต่ก็เจอในสภาพที่ชวนให้หลอนเกินไปหน่อย เพราะนักเรียนที่หายตัวไปอยู่ในสภาพที่….กลายเป็นศพไปแล้ว
                จากที่ผมสังเกตดูแล้ว นักเรียนที่ตายไปทั้งหมดถูกโจมตีทางวิญญาณ ก่อนจะถูกชิงวิญญาณไป ซึ่งคนที่ทำได้แบบนี้มีแค่ยมทูตและเทพนรกเท่านั้น ผมไม่สนหรอกว่าจะเป็นเทพนรกฝ่ายไหน ผมสนแค่ว่าผมต้องเอาคืนพวกมันเป็นร้อยเท่าพันเท่า!!!
                ผมมองศพที่ค่อยๆถูกเคลื่อนย้ายไปเรื่อยๆจนโกดังเหลือแต่ความว่างเปล่า แต่ความรู้สึกสยองขวัญยังคงอยู่ จะไม่ให้สยองขวัญยังไงไหวล่ะครับ ก็ที่โกดังนี้น่ะ มีคนตายพร้อมกันถึงร้อยสิบเก้าศพเชียวนะ ใครไม่กลัวก็ให้มันรู้ไป
                หืม?? อะไรอยู่ตรงนั้นน่ะ??
                ผมสาวเท้ายาวๆไปที่หลังโกดังทันทีเมื่อเห็นอะไรบางอย่างลอยผ่านไปแวบๆจะเป็นคนที่เห็นเหตุการณ์ก็ได้ หรือจะเป็นวิญญาณเร่รอนก็ยังดี เผื่ออาจจะได้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าใครเป็นคนทำเรื่องโคตรชั่วได้แบบนี้
                กึก!
                ผมหยุดกะทันหันเมื่อบุคคลที่ว่าหยุดเดิน และดูเหมือนเขาจะรู้ด้วยว่าผมตามมาถึงได้ค่อยๆหันมาหาผม
                สิ่งที่ผมเห็นเป็นอย่างแรกคือแววตาอันเศร้าสร้อยของหญิงสาว ดวงตาเธอมีน้ำตาคลออยู่ สภาพของเธอเหมือนกำลังเจ็บปวด เธออยากให้ผมช่วยหรือเปล่านะ?
                “คุณเป็นอะไรหรือเปล่าครับ? ให้ผมช่วยมั้ย?” ผมถามอย่างเป็นห่วง และต้องห่วงมากกว่าเดิมเมื่อตัวเธอเริ่มโปร่งแสง  เธอเป็นวิญญาณอย่างนั้นสินะ
                “คุณ….มองเห็นฉันด้วยหรอคะ?” เธอถามกลับอย่างดีใจ จากใบหน้าที่เคยเต็มไปด้วยความเศร้าหมองบัดนี้กลับถูกกลบด้วยรอยยิ้ม
                “ครับ และคุณคงเป็นวิญญาณใช่มั้ยครับ?” 
                “ค่ะ ฉันดีใจจริงๆที่มีคนเห็นฉันแล้ว ฉันจะได้ไปเกิดใหม่ซะที” น้ำเสียงของเธอดูมีความสุขมาก ผมเองก็สบายใจขึ้นที่เธอไม่เป็นอะไรมาก คงได้เวลาไปเกิดใหม่แล้วสินะ
                “ถ้างั้น ผมขอให้คุณโชคดีนะครับ ถ้าเป็นไปได้เราคงได้เจอกันอีก” ผมอวยพรให้เธอ เธอยิ้มให้ผมเหมือนกับเป็นคำขอบคุณ แต่ก่อนที่เธอจะหายไป เธอก็พูดขึ้นว่า
                “เพื่อเป็นการขอบคุณ ฉันจะบอกอะไรบางอย่างกับคุณ”
                “อะไรครับ?” 
                “วิญญาณของเด็กเหล่านั้นถูกชายชุดดำบีบบังคับพวกเขาให้ไปที่นรก วิญญาณของพวกเขาน่าสงสารมากนะคะ ได้โปรด…โปรดช่วยเด็กเหล่านั้นให้พ้นจากนรกอันแสนทุกข์ทรมานที” คำกล่าววิงวรของเธอทำให้ผมไม่อาจปฏิเสธได้ จึงตอบตกลงไป
                 “ครับ ผมจะช่วยพวกเขา แต่ว่า…ผมควรจะทำยังไงดี??” ผมเองก็รู้อยู่หรอกว่าต้องไปชิงดวงวิญญาณพวกนั้นกลับมา แต่จะให้บุกนรกเดี่ยวๆมันคงไม่เวิร์คเท่าไหร่มั้ง ถึงผมจะเป็นถึงเทพสวรรค์ที่มีฝีมือเป็นอันดับต้นๆของสวรรค์ แต่การที่จะบุกนรกมันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าแค่ไปเฉยๆมันก็ง่ายอยู่หรอก แต่ต้องไปชิงวิญญาณที่พวกมันเพิ่งชิงไปนี่สิมันยาก อย่างน้อยก็น่าจะมีอะไรไปคุ้มครองวิญญาณเหล่านั้นก็ยังดี
                “ถ้าคุณคิดจะช่วยพวกเขาจริงๆ….” เธอยื่นมือออกมาจนสุดก่อนที่แสงสีฟ้าอ่อนๆจะมารวมตัวกันอยู่ที่มือของเธอ เมื่อแสงจางลงผมก็สามารถเห็นได้ว่าในมือเธอมีลูกแก้วคริสตัลวางอยู่
                “คุณเป็นใครกัน? ทำไมถึงใช้เวทมนตร์ได้ล่ะ!” ผมถามแบบไม่เชื่อสายตา ถ้าเป็นวิญญาณธรรมดาไม่น่าจะใช้เวทมนตร์ได้นี่นา!
                “ในตอนที่ฉันยังมีชีวิตอยู่ ฉันเป็นแม่มดน่ะค่ะ พอตายแล้วเลยใช้เวทมนตร์ได้ รับไปสิคะ ช่วยพวกเขาให้ได้นะคะ” ผมรับลูกแก้วมาจากเธอก่อนจะมองมันอย่างมีความหวัง อย่างน้อยผมก็ไม่ได้ลุยเดี่ยว
                “ผมสัญญา ผมจะช่วยพวกเขาให้ได้” ผมให้สัญญากับเธอก่อนจะเก็บคริสตัลใส่กระเป๋ากางเกง  เธอยิ้มให้ผมก่อนที่ตัวเธอจะค่อยๆหายไป พร้อมๆกับสายลมที่อบอุ่น
                ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิต ผมต้องช่วยพวกเขาให้ได้!!

                ผมเดินทอดน่องไปพร้อมกับยัยสาหร่ายที่วันนี้เงียบผิดปกติ คงเป็นเพราะยังเสียใจกับเรื่องเมื่อวานล่ะมั้ง
                เมื่อเดินมาถึงห้อง ยัยสาหร่ายก็ทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ทันที บรรยากาศในห้องมันชักหดหู่ชอบกล ซึ่งผมไม่ชอบซะด้วยสิ
                “เอ่อ….ควีนอารมณ์ไม่ดีหรอคะ?” ผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาถามผมด้วยสีหน้าที่ออกจะเกรงใจเป็นอย่างมากที่เธอถามผม
                “เปล่าหรอก แค่ช็อคเรื่องเมื่อวานน่ะ มีอะไรหรอ?” ผมถาม แบบนี้มีเรื่องมาให้ยัยสาหร่ายเหนื่อยอีกแน่ๆ
                “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เพียงแต่วันนี้ตอนบ่ายสองจะมีประชุมที่ห้องสภานักเรียนน่ะค่ะ ฉันเลยมาบอก” เธอคนนั้นบอกถึงสาเหตุที่เธอมาที่นี่ ผมจึงพยักหน้ารับแล้วรับปากว่าจะบอกยัยสาหร่ายให้ เธอเลยเดินออกจากห้องไป
                ผมมองคนข้างตัวที่ยังคงเหม่อมองท้องฟ้าด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก เธอจะเจ็บปวดมากแค่ไหนนะที่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้
                ฟุ่บ!!
                ผมสะดุ้งเมื่อยัยสาหร่ายเอนหัวมาหนุนตักผมหน้าตาเฉย แถมทำท่าจะหลับอีกต่างหาก
                “เป็นอะไร?” ผมถามออกไปพลางก้มลงมองคนร่างเล็กที่ลืมตามองผมด้วยสายตาแปลกๆ เขาเป็นอะไรไปเนี่ย!?
                “เทสึ นายมีเรื่องโกหกฉันมั้ย?” จู่ๆเธอก็ถามออกมา และนั่นทำให้ผมสะอึก ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมไม่เคยโกหกยัยนี่เลย ยกเว้นเรื่องหนึ่ง และจะเป็นเพียงเรื่องเดียวเท่านั้นที่ผมจะโกหกเธอ
                “เปล่าหนิ ทำไมถามแบบนั้น” ผมหลบสายตายัยสาหร่ายที่มองผมอย่างจับผิด เธอถอนหายใจนิดหน่อยก่อนจะส่ายหน้า
                 ผมมองร่างเล็กที่กำลังหลับพริ้มพลางพูดขอโทษเธอในใจ ผมเองก็ไม่อยากปิดบังเธอ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาเราสองคนไม่เคยปิดบังอะไรกันเลย แม้กระทั่งเรื่องความรัก มันทำให้ผมรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูกที่ไม่ได้บอกเธอเรื่องนั้น
            ‘    เทสึ นายกำลังปิดบังบางเรื่องกับฉันใช่มั้ย?’
                เสียงความคิดของคนร่างเล็กยิ่งทำให้ผมรู้สึกผิด ผมควรจะบอกเธอเหมือนที่วอลต์ สเทลลาสแนะนำหรือเปล่า?
                “ต้องขอโทษด้วยนะครับที่เข้ามาขัดจังหวะ” แต่เสียงของใครบางคนก็เปรียบเสมือนระฆังช่วยชีวิตผมไม่ให้คิดอะไรฟุ้งซ่าน ก่อนที่จะเงยหน้ามองผู้มาใหม่ด้วยสายตาที่ไม่สบอารมณ์เท่าไหร่
                “คาราโมชิ โกเซน” ผมเอ่ยชื่อผู้มาใหม่อย่างแผ่วเบา ไอ้คนที่ผมรู้สึกว่าเหมือนกับว่ามีพลังสูงส่งกับพลังชั่วร้ายอยู่ในตัวนี่น่า แล้วหมอนี่มาทำอะไรที่นี่?
                “ครับ ผมเอง คือมีคนฝากของมาให้ควีนแล้วก็คุณไอระน่ะครับ ผมเลยเอามาให้” หมอนั่นบอกพลางยื่นกล่องอะไรบางอย่างสองกล่องมาให้ผม
                 “ใครฝากมา?” ผมเอ่ยถาม ถ้ามีคนเอามาให้จริงก็ต้องเอามาให้แบบตัวต่อตัวเลยสิ ก็ปกติมันเป็นแบบนั้นนี่นา
                “ไม่ทราบครับ ผมเห็นมันวางอยู่ที่โต๊ะโชตะ แล้วก็มีการ์ดแนบมาด้วยว่าช่วยเอามาให้คุณสองคนหน่อย” มันคิดบ้าอะไรว่ะเนี่ย! ถึงได้เอาไปวางไว้โต๊ะคนอื่นแล้วฝากเขามาแบบนี้ ขอบอกว่าไม่ปลื้ม!!
                “ขอบใจ” แต่ผมก็เลือกที่จะขอบคุณแทน หมอนั่นยิ้มให้ก่อนจะเดินออกไป หมั่นไส้หมอนี่ชะมัด
                ผมจ้องกล่องสองอันในมือก่อนจะโยนมันออกนอกหน้าต่าง ผมไม่สนว่าคนที่ฝากมาจะรู้สึกยังไง โดยเฉพาะ…
                ผมไม่รู้ว่าคนที่ฝากมาเป็นใคร และไม่ชอบที่มีคนฝากของขวัญมาให้ยัยสาหร่ายด้วย!!  คนหล่อเครียดโว้ยยย!!!

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา