ลำนำบุปผาพิษ

-

เขียนโดย Xiaobei

วันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2562 เวลา 17.37 น.

  30 ตอน
  0 วิจารณ์
  23.65K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2562 14.04 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

12) บทที่ 23-24

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทที่ 23 มีอะไรต้องกังวลกัน?

กู้เทียนฉิงพยักหน้าเล็กน้อย

เดิมทีสีหน้าขององค์ชายหรงเหยียนไม่ค่อยดีนัก แววตาก็เลื่อนลอยอยู่บ้าง ในยามนี้หลังจากที่เห็นกู้เทียนฉิงพยักหน้าให้ ดวงตาเขาก็ลุกวาวขึ้น ดูเหมือนมีความมั่นใจเพิ่มขึ้นไม่น้อย

เรื่องในครั้งนี้เป็นตัวเขา กู้เทียนฉิงและกู้ฮูหยินร่วมกันวางแผนขึ้นมา เมื่อคืนนี้กู้เทียนฉิงลอบนำของไปซุกซ่อนไว้ใต้เตียงของกู้ซีจิ่ว การพยักหน้าของกู้เทียนฉิงเป็นการส่งสัญญาณว่านางวางของไว้เรียบร้อยแล้ว ทำให้องค์ชายหรงเหยียนคลายกังวล...

อากัปกริยาของพวกเขาล้วนอยู่ในสายตาของกู้ซีจิ่ว เธอลอบหัวเราะเยาะอยู่ในใจ

ปล่อยให้พวกเขาลำพองใจไปอีกสักพักแล้วกัน เดี๋ยวเธอจะคอยดูว่าพวกเขาจะยังยิ้มออกอีกไหม!

“คุณหนูกู้หก เจ้ากังวลใจบ้างหรือไม่?” กู้ซีจิ่วกำลังจดจ่ออยู่จึงไม่ได้ระวังตัว ทันใดนั้นพลันมีเสียงอบอุ่นอ่อนโยนเสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหู เสียงนี้อยู่ห่างจากเธอไปไม่ถึงหนึ่งฉื่อ![1]

เธอหันขวับมาทันที จึงเห็นว่าท่านอ๋องหรงเช่อผู้ทรงเสน่ห์ดั่งบุปผายืนอยู่ข้างกายเธอ กำลังอมยิ้มพลางมองเธออยู่

...เขาเข้ามาใกล้เธอขนาดนี้ตั้งเมื่อไหร่กัน?! เธอไม่รู้ตัวเลยสักนิด! เห็นทีว่าท่านอ๋องผู้งดงามท่านนี้คงมีวรยุทธ์เยี่ยมยอดจึงไปมาได้อย่างลึกลับไร้ร่องรอย!

กู้ซีจิ่วขยับถอยไปด้านข้างสองก้าวอย่างเงียบๆ รักษาระยะห่างกับเขาเล็กน้อย น้ำเสียงเย็นชาเหมือนเคย

“มีอะไรต้องกังวลกัน? มิได้กระทำเรื่องน่าละอาย ย่อมไม่หวาดกลัวปีศาจจะมาเคาะประตู![2]”

“มิได้กระทำเรื่องน่าละอาย ย่อมไม่หวาดกลัวปีศาจจะมาเคาะประตู ประโยคนี้ไม่เลว ลึกซึ้งนัก!” องค์ชายหรงเช่อโบกพัดเบาๆ แล้วเปลี่ยนบทสนทนา “บางครั้งแม้เจ้าไม่ได้กระทำเรื่องน่าละอาย แต่ไม่ได้หมายความว่าผู้อื่นก็จะไม่กระทำเรื่องน่าละอาย เมื่อเรื่องน่าละอายที่พวกเขากระทำไว้ถูกเปิดโปงต่อหน้าฝูงชน เรื่องน่าละอายนั้นก็จะกลายเป็นการกระทำของเจ้า ยกตัวอย่างเช่นอาจมีคนนำบางสิ่งไปวางไว้ในเรือนของเจ้าล่วงหน้า แล้วเจ้าก็เป็นคนเดียวที่อาศัยอยู่ที่นี่ แล้วสิ่งที่เห็นจะมาจากไหนได้ล่ะ? หากค้นเจออะไรขึ้นมาจริงๆ ต่อให้เจ้ามีร้อยปากก็พูดได้ไม่เต็มปากแล้ว”

เห็นได้ชัดว่าประโยคนี้ของเขามีนัยยะแอบแฝง ในเรือนนี้นอกจากหญิงสาวเยาว์วัยไม่กี่นางแล้ว ก็ล้วนเป็นพวกปาท่องโก๋แก่[3]ที่คดในข้องอในกระดูกแทบทั้งสิ้น ใครบ้างล่ะที่จะฟังความนัยไม่ออก

องค์ชายหรงเหยียน กู้เทียนฉิงและกู้ฮูหยินสีหน้าเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย

องค์ชายหรงเหยียนฝืนยิ้มพลางเอ่ยขึ้น “เสด็จพี่แปดกล่าวเช่นนี้ ถึงแม้เรือนของซีจิ่วจะห่างไกล ทว่าจวนแม่ทัพก็มีการรักษาการณ์อย่างเข้มงวด แล้วใครหน้าไหนจะสามารถเข้านอกออกในได้? จะเป็นไปได้อย่างไรที่จะมีคนลอบเข้ามาในเรือนของน้องซีจิ่วแล้ววางของไว้เพื่อป้ายสีได้โดยไม่มีใครรู้เห็น? คำกล่าวนี้ไม่สมเหตุสมผลเสียเลย”

องค์ชายหรงเช่อใช้พัดตบที่ไหล่ขององค์ชายหรงเหยียนเบาๆ “เจ้าสิบสอง เจ้านี่ก็ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย แม้โจรนอกบ้านยากที่จะเข้ามาได้ แต่โจรในบ้านสิที่ยากจะป้องกัน”

หรงเหยียนเงียบไปก่อนจะกระแอมไอ “เสด็จพี่แปดกล่าวเช่นนี้ก็ไม่เหมาะนัก เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชื่อเสียงของจวนแม่ทัพ คนในจวนแม่ทัพจะกระทำเรื่องเช่นนี้เพื่อใส่ร้ายจวนแม่ทัพเองไปทำไม? จะมีผลดีอะไรกับพวกเขา? ย่อมเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว”

องค์ชายหรงเช่อแย้มยิ้ม “นี่ก็พูดยาก ผู้ที่แจ้งเรื่องสองคนนั้นก็เป็นข้ารับใช้ในจวนแม่ทัพมิใช่หรือ? บางคนนั้นเพื่อให้บรรลุจุดประสงค์แล้ว รับประกันไม่ได้หรอกว่าจะไม่ทำเรื่องเช่นนี้”

จะอย่างไรหรงเหยียนก็อายุแค่สิบหกปี ยังอ่อนประสบการณ์ในยุทธภพ เขามีเจตนาแอบแฝง เมื่อถูกองค์ชายหรงเช่อกล่าวเช่นนี้ใส่ ใบหน้าหล่อเหลาก็เขียวคล้ำขึ้นเล็กน้อย ทว่ายังฝืนยิ้มพลางกล่าว “นี่ก็ถือว่าประหลาดยิ่งนัก หากใส่ร้ายน้องซีจิ่วไปแล้วจะมีผลดีอะไรล่ะ? ข้าคิดไม่ออกจริงๆ”

ดวงตาดอกท้อขององค์ชายหรงเช่อมองไปทั่วร่างขององค์ชายหรงเหยียน องค์ชายหรงเหยียนที่ถูกมองภายในใจก็รู้สึกลนลาน เขากำลังจะเปิดปากพูด องค์ชายหรงเช่อก็กล่าวขึ้นออกมาอย่างเนิบนาบ “น้องสิบสอง หมู่นี้เจ้าดูดีขึ้นนะ ได้ยินมาว่าบรรดาคุณหนูลูกผู้ดีมีสกุลยามนี้ล้วนแต่ชื่นชมเจ้า ทว่าเจ้าได้หมั้นหมายกับคุณหนูกู้หกไว้นานแล้ว ทำให้พวกนางต้องขุ่นเคืองอย่างเลี่ยงไม่ได้ อยากจะเข้าแทนที่นางจนใจจะขาด...”

-------------------------------------------------------------------------------------



บทที่ 24 คำว่าผดุงความเป็นธรรมไม่เข้ากับเขาสักเท่าไหร่

ประโยคนี้เหมือนเป็นการเปิดโปง ฝ่ามือที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อของกู้เทียนฉิงเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อเย็นเฉียบ แต่สีหน้ายังคงอ่อนโยนใสซื่อ ท่าทีสงบนิ่งเหมือนเคย

องค์ชายหรงเหยียนลนลานทันที “เสด็จพี่แปดทรงล้อเล่นเสียแล้ว ข้าไหนเลยจะเทียบกับเสด็จพี่ได้? เสด็จพี่เป็นหนึ่งในสี่ยอดคุณชายแห่งเมืองหลวง ชื่อเสียงเลื่องลือ...”

“น้องสิบสองไม่ต้องถ่อมตัวไปหรอก หลังจากที่ตรวจพบว่าเจ้ามีรากฐานวิญญาณธาตุทองเมื่อปีกลาย ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปแล้ว ชื่อเสียงเจ้าพุ่งทะยานดั่งดอกงาแทงยอดสูง[4] ในที่สุดน้องสิบสองก็เชิดหน้าได้อย่างเต็มภาคภูมิแล้ว” องค์ชายหรงเช่อยิ้มบางๆ

กู้ซีจิ่วได้ฟังคำแก้ตัวขององค์ชายหรงเหยียนก็ลอบยิ้มเยาะ

คู่หมั้นราคาถูกคนนี้ของเธอเป็นพระโอรสของจักรพรรดิรัชกาลปัจจุบันกับสนมชั้นรองนางหนึ่ง สนมนางนี้ไม่ค่อยได้รับความโปรดปรานสักเท่าไหร่ ยามองค์ชายหรงเหยียนอายุได้สามขวบก็ถูกพบว่ามีรากฐานวิญญาณธาตุน้ำที่แสนอ่อนแอ ถูกลิขิตไว้แล้วว่าไม่สามารถมีอนาคตที่รุ่งเรืองได้ จึงไม่ได้รับความสนใจจากองค์จักรพรรดิ ชีวิตความเป็นอยู่ของสองแม่ลูกในวังเลยไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่

ต่อมาจักรพรรดิได้กำหนดตัวกู้ซีจิ่วของสกุลกู้ไว้เป็นสะใภ้ ทว่ายังไม่ได้ระบุว่าจะให้แต่งกับองค์ชายองค์ไหน จนกระทั่งกู้ซีจิ่วอายุได้สามขวบ หลังจากถูกพบว่าไม่มีรากฐานวิญญาณ เป็นแค่สวะไร้ค่า เหล่าสนมของจักรพรรดิที่มีบุตรชายอายุเข้าเกณฑ์ ไม่ว่าใครก็ล้วนไม่อยากให้บุตรชายรับการหมั้นหมายครั้งนี้ ยามจักรพรรดิถามหยั่งเชิงดูก็จะใช้สารพัดวิธีเพื่อหลีกเลี่ยง องค์จักรพรรดิไม่อยากผิดคำพูดกับสกุลกู้ จึงรู้สึกพิโรธอยู่บ้าง พระมารดาขององค์ชายหรงเหยียนเข้าอกเข้าใจผู้อื่นอย่างยิ่ง เพื่อช่วยแบ่งเบาความทุกข์ของจักรพรรดิ จึงเสียสละบุตรชายของตน ให้องค์ชายหรงเหยียนเป็นผู้รับการหมั้นหมายครั้งนี้

เป็นเพราะช่วยแบ่งเบาความทุกข์ของจักรพรรดิ องค์จักรพรรดิรู้สึกติดค้างพวกเขาแม่ลูกอยู่นิดหน่อย ในที่สุดก็ดีกับสองแม่ลูกขึ้นมาบ้าง ชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขาจึงดีขึ้นไม่น้อย

องค์ชายหรงเหยียนและพระมารดาได้ดีดลูกคิดรางแก้วไว้แล้ว ถึงอย่างไรเสียหรงเหยียนในยามนั้นก็ดีกว่าเศษสวะเพียงเล็กน้อย ภายภาคหน้าในยามที่ต้องสมรสย่อมไม่อาจแต่งกับตระกูลดีๆ ได้ ถึงแม้กู้ซีจิ่วจะทั้งอัปลักษณ์และไร้ค่า แต่จะดีจะร้ายอย่างไรก็ยังเป็นบุตรสาวฮูหยินใหญ่ของแม่ทัพใหญ่ จวนแม่ทัพก็นับเป็นแหล่งพึ่งพิงที่มั่นคงไม่เลวสำหรับพวกเขา กล่าวอีกแง่ก็คือ บุรุษในอาณาจักรเฟยซิงสามารถมีภรรยาได้หลายคน ต่อไปหลังจากที่แต่งกับกู้ซีจิ่วแล้ว บุตรชายก็ยังตบแต่งหญิงสาวงดงามอ่อนหวานมาเป็นอนุภรรยาได้

แต่พระมารดาขององค์ชายหรงเหยียนเองก็นึกไม่ถึง ว่าในร่างขององค์ชายหรงเหยียนยังมีรากฐานวิญญาณอีกชนิดหนึ่งแอบแฝงอยู่ จนกระทั่งอายุสิบห้าปีถึงได้ปรากฏออกมา อีกทั้งรากฐานวิญญาณชนิดนี้ยังเป็นรากฐานวิญญาณธาตุทองระดับสูงที่พบได้ยากยิ่ง! ทำให้ยามนี้องค์ชายหรงเหยียนมิเพียงแต่ไม่ใช่สวะ แต่ยังเป็นอัจฉริยะอีกด้วย กลายเป็นหนึ่งในผู้ที่โดดเด่นจากบรรดาองค์ชายทั้งหมด!

องค์ชายหรงเหยียนจึงได้เปลี่ยนจากไก่ป่าเป็นหงส์ฟ้า กลายเป็นบุคคลที่ได้รับความชื่นชมจากบรรดาคุณหนูลูกผู้ดีมีสกุลในเมืองหลวง รวมไปถึงกู้เทียนฉิงด้วย...

องค์ชายหรงเหยียนและพระมารดาย่อมเริ่มรู้สึกไม่พออกพอใจกู้ซีจิ่วขึ้นมา จึงสรรหาแผนการร้อยแปดพันเก้าเพื่อจะถอนหมั้นเสีย

แต่จนปัญญาที่ว่าจักรพรรดิทรงยึดถือว่าคำพูดกษัตริย์ตรัสแล้วไม่อาจคืนคำ จึงไม่ยินยอมให้พวกเขาถอนหมั้น พวกเขาเลยได้แต่คิดวิธีการโสมมเช่นนี้ขึ้นมาเพื่อให้ร้ายกู้ซีจิ่ว...

เมื่อก่อนยามที่องค์ชายหรงเหยียนยังไร้ความสามารถอยู่ ก็ปฏิบัติต่อกู้ซีจิ่วค่อนข้างดี ในหนึ่งปีจะมาจวนแม่ทัพอยู่หลายคราเพื่อเยี่ยมเยียนกู้ซีจิ่ว ทั้งยังพานางไปเที่ยวเล่น ด้วยเหตุนี้จึงทำให้กู้ซีจิ่วคนเดิมมอบหัวใจทั้งดวงไว้ที่เขา ยึดถือเขาเป็นแสงสว่างเดียวในชีวิตนี้ ไหนเลยจะคาดว่าเขาจะประสงค์ร้ายต่อนางเช่นนี้ จึงถูกหลอกให้เอาชีวิตไปทิ้งอย่างง่ายดาย...

กู้ซีจิ่วยืนพิงเสาอยู่ พลางเหลือบตามององค์ชายหรงเช่อคราหนึ่ง วันนี้องค์ชายแปดผู้ดูเหมือนอบอุ่นเจ้าสำราญแต่ในความเป็นจริงกลับหยิ่งทระนง เอาแต่พูดแทนเธอทั้งในที่ลับและที่แจ้งอยู่ตลอด ที่แท้แล้วมีเจตนาอะไรกันแน่?

อยากผดุงความยุติธรรม?

ไม่น่าจะใช่ เล่าลือกันว่าองค์ชายแปดผู้นี้มีนิสัยชั่วร้ายและเลือดเย็น ดูเหมือนจะสุภาพอ่อนโยนกับหญิงสาวทุกคน แต่แท้จริงแล้วแสนเย็นชาและไร้ไมตรี เขารักอิสระเสรี ถึงจะมีหญิงสาวมากมายรายล้อม แต่เขาก็ไม่เคยมีความสัมพันธ์กับหญิงสาวคนไหนเลย

คำว่าผดุงความเป็นธรรมจึงไม่เข้าเขาสักเท่าไหร่

-------------------------------------------------------------------------------------

[1] ฉื่อ เป็นหน่วยการวัดของจีน โดย 1ฉื่อ = 10นิ้ว

[2] มิได้กระทำเรื่องน่าละอาย ย่อมไม่หวาดกลัวปีศาจมาเคาะประตู มีความหมายว่า หากไม่ได้ทำเรื่องน่าละอายใจ ก็ไม่จำเป็นต้องกลัวว่าจะถูกจับได้หรือถูกเปิดโปง

[3] ปาท่องโก๋แก่ หมายถึง ผู้ที่มีประสบการณ์โชกโชนหรือคนเจนโลก ลื่นไหลไปกับสถานการณ์

[4] ดอกงาแทงยอดสูง เป็นการเปรียบเปรยถึงชีวิตของคนที่เจริญรุ่งเรืองมากขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกับดอกของต้นงาที่แทงยอดจนสูงชะลูดแล้วค่อยเบ่งบาน

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้นำมาจากแหล่งอื่นและได้รับการอนุญาตจากเจ้าของแล้ว

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา