ลำนำบุปผาพิษ

-

เขียนโดย Xiaobei

วันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2562 เวลา 17.37 น.

  30 ตอน
  0 วิจารณ์
  23.58K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2562 14.04 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

16) บทที่ 31-32

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทที่ 31 ข้าก่อกวนตรงไหนกัน

เมื่อกู้ซีจิ่วจะย่างเท้าก้าวเข้าไป ก็ถูกเด็กหนุ่มคนหนึ่งยื่นมือมาขวางไว้ เด็กหนุ่มคนนั้นมีใบหน้าหล่อเหลา เชิดหน้าเสียจนจมูกแทบจะแตะฟ้า โบกมือไล่กู้ซีจิ่วเหมือนกับไล่แมลงวัน “ไปซะ ชิ่วๆ ที่แห่งนี้ไม่ใช่สถานที่ที่เด็กบ้านนอกอย่างเจ้าจะสามารถเข้ามาได้ ไสหัวไปซะ! อย่าอยู่ให้รกสถานที่แห่งนี้!”

จะมาเป็นคนงานของหอเลิศทรัพย์แห่งนี้ ต่อให้เป็นเพียงเด็กเฝ้าประตูก็มิอาจดูเบาวรยุทธ์ได้ ทุกๆ คนล้วนมีฝีมือเยี่ยมยอด ชายร่างใหญ่กำยำหลายสิบคนก็ไม่มีทางเข้าใกล้ได้

เด็กหนุ่มคนนี้คิดเอาว่าแค่ผลักสักทีก็คงทำให้กู้ซีจิ่วกระเด็นไปได้แล้ว แต่นึกไม่ถึงเลยว่าอีกฝ่ายจะแค่เบี่ยงเท้าหลบก้าวหนึ่ง ทำให้เขาผลักโดนความว่างเปล่า ฝ่ามือเฉียดผ่านแขนเสื้ออีกฝ่ายเท่านั้น ปลายนิ้วของเขาก็ไม่รู้ว่าโดนสิ่งใดตำเข้า เจ็บปวดไปถึงขั้วหัวใจ

เขารีบก้มลงตรวจดูปลายนิ้ว นิ้วมือนั้นขาวเนียน รอยแดงสักรอยก็ไม่มี ก็ไม่เห็นจะมีอะไรผิดปกติ

ทว่ากระดูกนิ้วกลับรู้สึกคล้ายถูกเข็มแหลมทิ่มแทง ไม่เพียงแต่เจ็บนิ้ว ทว่ายังรู้สึกปวดไปทั้งแขน ความเจ็บปวดของเขาเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

เขาหันกลับมาแล้วผรุสวาทออกมาอย่างอดไม่อยู่ “ไอ้เด็กบ้านนอก เจ้าใช้มนต์ชั่วร้ายใดลอบทำร้ายข้า?!”

กู้ซีจิ่วคล้ายกับยืนอยู่ตรงที่เดิมไม่ได้ขยับไปไหน เลิกคิ้วแล้วกล่าว “มนต์ชั่วร้ายอันใด? เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าเจ้าเป็นผู้ผลักข้า ข้าไม่ได้โต้กลับเลยด้วยซ้ำ ไหนเลยจะสำแดงมนต์ชั่วร้ายอะไรออกมาได้เล่า?”

เจ้าหนุ่มนี่น่าชังยิ่ง อย่างไรเสียเธอก็เป็นเพียงผู้บริสุทธิ์ที่ผ่านทางมา ทว่าเขากลับลงมือหนักเช่นนี้!

เคราะห์ดีที่วันนี้เป็นเธอ หากว่าเป็นแค่เด็กธรรมดาละก็ เกรงว่าจะถูกผลักจนกระเด็นไปไกลถึงสามจั้งแล้ว เมื่อร่วงลงมาก็เหมือนตายไปแล้วครึ่งตัว!

ดังนั้นหลังจากที่เธอหลบพ้นอย่างไม่ยากเย็นอะไรจึงฉวยโอกาสมอบความเจ็บปวดให้เจ้าหนุ่มนี่ซะบ้าง ถึงแม้จะไม่ถึงขั้นเอาชีวิตเขา แต่ก็ทำให้เขาได้รับความเจ็บปวดเป็นเวลาครึ่งชั่วยาม ถือเป็นการมอบบทเรียนโทษฐานที่เขาดูหมิ่นผู้อื่น

เด็กหนุ่มคนนั้นเจ็บจนใจจะขาด อยากจะตัดแขนข้างนั้นทิ้งเสีย เด็กหนุ่มคนอื่นๆ เห็นแล้วก็พากันมาห้อมล้อมเขา เห็นเขาเจ็บปวดจนเหงื่อซึมออกมาไม่ขาดสาย แต่นิ้วมือนั้นมองดูแล้วก็ไม่เห็นมีร่องรอยอะไร

เด็กหนุ่มคนหนึ่งคิดจะนำมือของเขามาดูให้ละเอียด คิดไม่ถึงว่าเพิ่งจะแตะถูกข้อมือของเขา เขาก็สะบัดแขนเร่าๆ “เจ็บ เจ็บ! มีเข็ม มีเข็ม...”

คนทั้งหมดเบิ่งตากว้าง มองอย่างไรก็ไม่เห็นจะมีเข็มอยู่ตรงไหน

“ท่านเป็นใครกัน? มาก่อกวนที่นี่ทำไม?” เด็กหนุ่มที่ค่อนข้างสุขุมคนหนึ่งเอ่ยกับกู้ซีจิ่ว เด็กหนุ่มคนอื่นๆ ก็กระจายตัวออกไปโดยไร้สุ้มเสียง ยืนเป็นรูปแบบสามเหลี่ยมล้อมกู้ซีจิ่วไว้ตรงกลาง

กู้ซีจิ่วยืนอยู่ตรงนั้นเช่นเดิม สะบัดแขนเสื้อน้อยๆ กล่าวอย่างเย็นชา “ข้าก่อกวนตรงไหนกัน? ในเมื่อที่นี่เป็นโรงประมูล ก็ควรจะต้อนรับขับสู้แขกทุกชนชั้น แล้วเหตุใดจึงขับไล่ข้าเล่า?”

เด็กหนุ่มคนนั้นไม่พูดอะไรสักคำก็ยื่นมืออกมา “ที่แท้เป็นแขกที่มาร่วมงานประมูลนี่เอง เช่นนั้นโปรดแสดงป้ายสมาชิกด้วย!”

จะเข้าโรงประมูลก็ยังต้องเป็นสมาชิก? นึกไม่ถึงว่าระบบสมาชิก VIP ก็เป็นที่นิยมในยุคนี้ด้วย...

กู้ซีจิ่วย่อมไม่มีป้ายสมาชิกอะไรนั่นอยู่แล้ว เธอลอบถอนหายใจออกมา เห็นทีว่าถ้าอยากเข้าไปชมความครึกครื้นจะต้องหาวิธีอื่นเสียแล้ว

เธอกำลังจะตอบว่าไม่มี แต่ทันใดนั้นก็มีมือขาวเนียนละเอียดเหมือนหยกยื่นออกมาจากด้านข้าง มีป้ายหยกสีเขียวชิ้นหนึ่งวางสงบนิ่งอยู่กลางฝ่ามือ ตามมาด้วยเสียงกระจ่างใสมีเสน่ห์ดึงดูดเสียงหนึ่งที่ดังขึ้น “ป้ายสมาชิกของเขาอยู่นี่”

กู้ซีจิ่วหันไปเห็นแขนเสื้อสีขาวพระจันทร์ แล้วก็พบกับใบหน้างดงามปานล่มเมืองขององค์ชายหรงเช่อ เขายืนอยู่ข้างกายเธอ บนเสื้อคลุมสีขาวพระจันทร์นั้นราวกับมีแสงจันทร์ไหวระยับ ในดวงตาดอกท้อคู่นั้นของเขาก็เหมือนมีประกายแสงจางๆ ไหวระริกอยู่ ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทีคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม ทำให้แสงโคมแวววาวที่เบื้องหลังของเขาคล้ายสูญเสียความสว่างไป

เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นแขกประจำของที่นี่ ครั้นเด็กหนุ่มทั้งสี่คนนั้นมองเห็นเขาแล้วต่างคุกเข่าลงไปพร้อมกัน “ถวายบังคมองค์ชายแปด”

-------------------------------------------------------------------------------------



บทที่ 32 นี่คือสถานการณ์แบบไหนกัน?!

องค์ชายหรงเช่อโบกมือเป็นสัญญาณให้พวกเขาลุกขึ้น ทั้งยังแกว่งป้ายหยกในมือไปมา ยิ้มอย่างสุภาพอ่อนโยน “ท่านทั้งสี่ ด้วยป้ายสมาชิกชิ้นนี้ของข้าคงอนุญาตให้พวกเราสองคนเข้าไปได้แล้วกระมัง?”

เด็กหนุ่มทั้งสี่ไหนเลยจะกล้าบอกปัด จึงกล่าวเป็นเสียงเดียวกัน “ย่อมได้ ย่อมได้! ขอเชิญทั้งสองท่าน”

กู้ซีจิ่วแทบจะคลำหน้าดูแล้ว ทำไมองค์ชายแปดผู้นี้ถึงช่วยเธอล่ะ? หรือว่าจะดูออกว่าเป็นเธอ?

ไม่ใช่กระมัง?! เธอเชื่อมั่นในวิชาแปลงโฉมของตัวเองเป็นอย่างยิ่ง หลังจากแปลงโฉมแล้วต่อให้เป็นบิดามารดาสามีหรือบุตรก็ยังไม่แน่ว่าจะดูออก องค์ชายแปดผู้นี้เคยพบหน้าเธอเพียงหนเดียว ไม่นับว่าคุ้นเคยกัน ไม่น่ามองนางออก!

ในชั่วขณะที่เธองุนงงอยู่ ทันใดนั้นข้อมือก็ถูกคนกุมเอาไว้แน่น “น้องชาย ไปเถอะ พวกเราเข้าไปกัน”

เหตุเพราะชาติก่อนเธอเป็นนักฆ่า ความระมัดระวังตัวของเธอจึงมากกว่าคนปกติ เพื่อความปลอดภัยจึงมักจะรักษาระยะห่างกับคนอื่นสามฉื่อตามสัญชาตญาณ แต่ขณะนี้ข้อมือถูกผู้อื่นกุมไว้กะทันหัน ตามสัญชาตญาณเธอจึงตวัดฝ่ามือแล้วพลิกหมุน ข้อมือไหลลื่นดุจปลาไน หลุดออกมาจากการเกาะกุมของหรงเช่อ เมื่อกระทำการนี้เสร็จสิ้น เธอจึงรู้ตัวว่าตนเองระแวงมากไป อีกฝ่ายเพียงแค่กุมข้อมือเธอไว้เท่านั้นจริงๆ ไม่ได้คิดจะสกัดจุดเธอ เธอกระแอมไอเบาๆ ประสานมือ “เช่นนั้นกระหม่อมจะเข้าไปก่อน” แล้วสาวเท้าก้าวใหญ่เดินเข้าไป

องค์ชายหรงเช่อมองดูฝ่ามือที่ว่างเปล่า ดวงตาฉายแววชอบใจแวบหนึ่งแล้วเดินเข้าไปด้วยท่าทีเบิกบาน

เด็กหนุ่มทั้งสี่คนนั้นเมื่อเห็นแล้วก็ได้แต่อ้าปากค้าง!

องค์ชายแปดผู้รักสะอาด ผู้สูงส่งดุจเมฆาบนฟากฟ้ารุกเข้ากุมมือของเจ้าเด็กตัวดำคนหนึ่งก่อน!

ทว่าเจ้าเด็กตัวดำกลับสลัดมือองค์ชายแปดทิ้งอย่างไม่ไว้หน้า! องค์ชายแปดก็ไม่มีท่าทีจะโกรธเคือง นี่คือสถานการณ์แบบไหนกันแน่?!

......

ด้วยบารมีขององค์ชายแปดผู้นี้ กู้ซีจิ่วไม่เพียงแต่เข้าร่วมงานประมูลได้อย่างราบรื่น แต่ยังได้รับการต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่

พวกเขาทั้งคู่ถูกเด็กรับใช้หน้าตาหล่อเหลาสองคนนำทางไปสู่ห้องรับรองแขกที่เรียบหรูและงดงาม ภายในห้องตกแต่งไว้อย่างประณีตบรรจง เครื่องเรือนไม่ว่าจะเป็นโต๊ะเล็กหรือฉากกั้นลม ล้วนถูกจัดวางไว้อย่างมีรสนิยมยิ่งนัก

ยามนั่งเบื้องหลังโต๊ะเล็ก เมื่อมองผ่านม่านมุกที่แขวนตรงหน้าต่าง ก็จะเห็นบรรยากาศบนเวทีประมูลทั้งหมดได้พอดี

บนโต๊ะเล็กยังจัดวางขนมอบและผลไม้ซึ่งเป็นที่นิยมเอาไว้ด้วย ภายในห้องมีกลิ่นหอมของผลไม้ลอยอยู่จางๆ ราวกับอยู่ในป่าผลไม้ที่มีอากาศบริสุทธิ์สดชื่นก็มิปาน

กู้ซีจิ่วสังเกตการจัดแต่งภายในห้องอย่างละเอียดแล้ว ก็เดาได้ว่าห้องนี้เป็นห้องรับรองแขกพิเศษ เธอจึงเดินไปที่หน้าต่างเพื่อมองดูรอบๆ

สถานที่ที่เธออยู่นั้นตั้งอยู่บนชั้นสองของหอ ส่วนเวทีประมูลตั้งอยู่ที่ชั้นหนึ่ง มีเก้าอี้ตั้งจำนวนหนึ่งอยู่รอบๆ บนเก้าอี้มีคนนั่งอยู่หลายสิบคน แม้ว่าหน้าตาท่าทางจะแตกต่างกัน แต่ถ้าสังเกตการแต่งองค์ทรงเครื่องก็ล้วนเป็นผู้ดีมีตระกูลทั้งสิ้น

ส่วนบนชั้นสองมีอยู่สิบหกห้อง รายล้อมรอบเวทีประมูลไว้

เมื่อกู้ซีจิ่วมองจากมุมนี้ไป สามารถมองเห็นหน้าต่างที่เป็นทรงกลมเหมือนพระจันทร์เต็มดวงของแต่ละห้องได้พอดี หน้าต่างของทุกห้องล้วนแขวนม่านมุกเอาไว้ ม่านมุกถูกแสงเทียนในหอส่องกระทบจนเกิดประกายแสงระยิบระยับดุจระลอกคลื่นในทะเลสาบ ทำให้คนมองเห็นผู้ที่อยู่ในห้องได้ไม่ชัดเจน

แต่อย่างไรก็ดี หลังม่านมุกทั้งสิบหกห้องยังมีแสงเทียนอ่อนจางลอดผ่านออกมา มีเงาคนสั่นไหวน้อยๆ น่าจะมีแขกพิเศษคนอื่นอยู่ในห้องนั้น

สายตาของเธอเหลือบขึ้น จ้องมองไปที่ชั้นสาม

-------------------------------------------------------------------------------------

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้นำมาจากแหล่งอื่นและได้รับการอนุญาตจากเจ้าของแล้ว

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา