ลำนำบุปผาพิษ

-

เขียนโดย Xiaobei

วันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2562 เวลา 17.37 น.

  30 ตอน
  0 วิจารณ์
  23.63K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2562 14.04 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

17) บทที่ 33-34

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทที่ 33 แค่อยากมาเยี่ยมชมให้ทั่ว

ห้องบนชั้นสามมีขนาดใหญ่กว่าห้องที่ชั้นสองถึงสองเท่า มีทั้งหมดสี่ห้อง บานหน้าต่างนั้นเป็นหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดาน ไข่มุกแต่ละเม็ดที่แขวนไว้ด้านบนมีขนาดใหญ่เท่าไข่นกพิราบ แกว่งไกวเล็กน้อย ดุจทางช้างเผือกที่กำลังเคลื่อนตัว

หลังหน้าต่างของทั้งสี่ห้องนั้นมืดมิด แสดงให้เห็นว่าไม่มีคนอยู่ในห้อง

องค์ชายแปดมีฐานะสูงส่งปานนี้ยังถูกจัดให้อยู่เพียงชั้นสอง แล้วทั้งสี่ห้องบนชั้นสามนั้นเตรียมไว้ให้คนจากแดนศักดิ์สิทธิ์ใดกัน?

ขณะที่กู้ซีจิ่วกำลังคาดเดาอยู่ในใจ องค์ชายหรงเช่อที่อยู่ด้านหลังก็ส่งเสียงขึ้นมา ดูเหมือนว่าเขาจะเดาออกว่าเธอสงสัยอะไรอยู่ “ห้องที่ชั้นสองเหล่านี้เตรียมไว้ให้เชื้อพระวงศ์และบุตรหลานขุนนางใหญ่ ส่วนชั้นสามเตรียมไว้ให้ฝ่าบาทและผู้อาวุโสจากสามสำนักหลักขึ้นไป”

หัวใจของกู้ซีจิ่วเต้นระรัว เธอเคยได้ยินเรื่องของสามสำนักหลักนี้

ในทวีปนี้นอกเหนือจากพลังยุทธ์แล้ว สิ่งที่นับถือกันมิใช่แค่จักรพรรดิที่เป็นผู้ปกครองสูงสุด อย่างน้อยฐานะประมุขของสามสำนักหลักก็เทียบเคียงกับจักรพรรดิได้

สามสำนักหลักได้แก่ สำนักถามสวรรค์ สำนักเก้าดารา สำนักหยินหยาง

ทั้งสามสำนักนี้กระจายตัวอยู่ในสามอาณาจักร สานุศิษย์ที่อยู่ภายใต้สำนักเหล่านี้มีจำนวนเป็นหมื่น ถึงแม้ว่าแต่ละสำนักจะมีจุดมุ่งเน้นในการฝึกตนแตกต่างกัน ทว่าวิชายุทธ์ของทุกสำนักล้วนทำให้ฟ้าดินผวา เทพมารสะอื้น

ที่ทวีปนี้วิชายุทธ์ชั้นสูงสามารถฝึกฝนได้ที่สามสำนักนี้เท่านั้น ในสามอาณาจักรไม่ว่าจะเป็นชนชั้นสูงหรือคนธรรมดาสามัญ ล้วนอยากกราบเป็นศิษย์ของสามสำนักหลักเพื่อความรุ่งโรจน์

ถึงแม้สามสำนักหลักจะเปิดรับศิษย์ใหม่ทุกปี แต่เกณฑ์การคัดเลือกศิษย์นั้นเข้มงวดเป็นอย่างยิ่ง ถ้าไม่ใช่อัจฉริยะที่มีรากฐานวิญญาณระดับสูงก็ไม่รับ ทั้งยังต้องผ่านการทดสอบอีกนานัปการ

ทุกปีผู้ที่ผ่านการคัดออกจนกราบเป็นศิษย์ของสามสำนักหลักได้ มีประมาณสิบกว่าคนเท่านั้น

เพียงศิษย์ผู้สืบทอดสักคนของสามสำนักหลักมาเยือน ก็ได้รับการต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่แล้ว หากเป็นประมุขสำนักจะไม่ยิ่งกว่านั้นอีกหรือ?

ไม่ว่าพวกเขาจะเดินทางไปที่อาณาจักรใดก็ล้วนได้รับการปฏิบัติอย่างดีจากองค์จักรพรรดิผู้ปกครองอาณาจักร

ประมุขของสามสำนักหลักผ่านการบ่มเพาะจนเป็นเหมือนเทพเซียน จึงไม่มาเยือนง่ายๆ

ตามปกติแล้วเมื่อมีเรื่องสำคัญใดๆ ก็ตามพวกเขาจะส่งหัวหน้าศิษย์ผู้สืบทอดมา โดยลูกศิษย์เหล่านี้ล้วนมีฐานะเป็นผู้อาวุโสในสำนัก ทั้งยังมีป้ายคำสั่งประมุขสำนักไว้ในครอบครอง ซึ่งมีอำนาจเสมือนประมุขสำนักมาเอง ทุกอาณาจักรจึงให้การต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่เป็นพิเศษ

ทุกอาณาจักรได้จัดเตรียมที่พัก และเหลาสุราไว้ให้พวกเขาโดยเฉพาะ ต่อให้เป็นโรงประมูลก็มีที่เฉพาะสำหรับพวกเขา

กู้ซีจิ่วเงยหน้ามองที่ชั้นสามแล้วลอบถอนหายใจออกมา ด้วยฐานะของเธอในตอนนี้ มีคุณสมบัติแค่พอจะนั่งที่ชั้นล่างได้ แต่ก็ยังห่างไกลกับชั้นสองและชั้นสามนัก ช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว...

เห็นทีว่าประมุขสำนักของที่นี่จะเทียบเท่ากับสมเด็จพระสังฆราชของต่างประเทศในยุคของเธอ ดูแล้วน่าจะมีศักดิ์เสมอกับจักรพรรดิ ทว่ามีอำนาจบารมีกว่าจักรพรรดิมากนัก

“น้องชาย เจ้ามาที่นี่คิดจะซื้อสิ่งใดหรือ?” องค์ชายหรงเช่อกำลังชงชาด้วยตัวเองอยู่ตรงนั้น ท่าทางของเขาผ่อนคลายและเป็นธรรมชาติ ทุกอากัปกริยางดงามอ่อนช้อยเหมือนลูกหลานชนชั้นสูงในราชวงศ์

กู้ซีจิ่วเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง แม้เธอจะเข้าใจเรื่องซับซ้อนนี้เพียงตื้นเขิน แต่ก็พอดูออกว่าองค์ชายหรงเช่อเป็นผู้เชี่ยวชาญในศาสตร์การชงชาคนหนึ่ง ผู้ที่อยู่เบื้องหน้านี้เกรงว่าจะมีความรู้ที่รอบรู้กว่าหลงซีแฟนเก่าของเธอมากนัก...

แววตาของเธอมืดมนลง คนแบบนั้นไม่คู่ควรให้เธอจดจำ!

ความรู้สึกหงุดหงิดที่ยากจะอธิบายเอ่อล้นอยู่ภายในใจ เธอแสร้งหาว “ผู้น้อยแค่อยากมาเยี่ยมชมให้ทั่ว เพื่อเปิดหูเปิดตา”

ยามนี้งานประมูลที่ชั้นล่างเริ่มขึ้นแล้ว กู้ซีจิ่วพิงหน้าต่างมองดูก็ได้แต่แอบทอดถอนใจอยู่ในใจ สิ่งของที่นำมาประมูลที่นี่มีแต่สินค้าชั้นยอดจริงๆ การประมูลจะเริ่มจากสินค้าราคาต่ำไล่ไปหาสินค้าราคาแพง ทว่าเธอต้องพบกับความผิดหวัง เพราะเงินที่เธอพกติดตัวมาแม้แต่ของที่ราคาถูกที่สุดก็ซื้อไม่ได้!

-------------------------------------------------------------------------------------

บทที่ 34 หยั่งเชิง

โชคดีที่เธอมาที่นี่เพื่อจะเปิดหูเปิดตาเท่านั้น

ถึงแม้ว่าเธอจะมีความทรงจำจากร่างเดิม แต่ปกติแล้วเจ้าของร่างเดิมเป็นคนเก็บเนื้อเก็บตัวไม่ได้ออกไปไหน เก็บตัวจนไม่รู้จะเก็บอย่างไรแล้ว ความรู้ทั้งหมดจึงมีอย่างจำกัด หรือกล่าวได้ว่าแทบไม่มีเลย

อีกทั้งในยุคนี้ตำราก็ไม่ได้แพร่หลายนัก กว่าจะได้เจอสักเล่มไม่ใช่ง่ายๆ แถมตัวอักษรในตำราก็ล้วนเป็นอักษรโบราณ ไม่ต้องพูดถึงการเรียงแถวเป็นแนวตั้ง ทั้งยังไม่มีเครื่องหมายวรรคตอนอีก ทำให้เธออ่านไปได้แค่ไม่กี่หน้าก็เริ่มปวดหัว...

แต่อ่านหนังสือหรือจะสู้การลงมือปฏิบัติจริง เธอควรไปเรียนรู้หาประสบการณ์ให้เห็นกับตาน่าจะดีกว่า

“น้องชายช่างใฝ่เรียนรู้จริงๆ มาเถอะ มาดื่มชาสักถ้วยให้ชุ่มคอ” เพียงองค์ชายหรงเช่อสะบัดมือคราหนึ่ง ชาถ้วยหนึ่งก็ลอยไปใกล้มือของกู้ซีจิ่ว...

เมื่อกู้ซีจิ่วยกมือขึ้น ชาถ้วยนั้นก็หมุนเข้าสู่ฝ่ามือของเธอ “ขอบพระทัยองค์ชายที่ประทานชา” แล้วดื่มรวดเดียวหมด

นัยน์ตาขององค์ชายหรงเช่อฉายแสงแวบหนึ่ง ในถ้วยชาที่เขาเพิ่งจะส่งออกไปแฝงพลังวิญญาณเอาไว้สามส่วน หากไม่มีพลังวิญญาณพอๆ กันย่อมรับไว้ไม่ไหว ทว่าเจ้าเด็กตัวดำที่อยู่เบื้องหน้าคนนี้กลับรับไว้ได้แบบสบายๆ โดยไม่มีทีท่าทุกข์ร้อน...

ที่แปลกไปกว่านั้นคือ เขามองไม่ออกว่าเจ้าเด็กนี่ใช้พลังวิญญาณอันใดรับเอาไว้

เขาเองไม่ใช่คนชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านสักเท่าไหร่ และก็ไม่ใช่ผู้ที่ชอบผดุงความยุติธรรม

ดังนั้นการที่เขายอมลดตัวเข้าหาแล้วพาคนผู้นี้เข้ามาด้วย เป็นเพราะเขาพบว่าสายตาที่เด็กคนนี้มองเด็กหนุ่มที่เฝ้าประตูเหล่านั้นช่างคล้ายสายตาที่กู้ซีจิ่วเคยใช้...

เขารู้สึกเคลือบแคลง ถึงได้พาเด็กคนนี้เข้ามาด้วย

เมื่อครู่จึงฉวยโอกาสจับมือเพราะอยากตรวจวัดพลังจิตของอีกฝ่าย แต่คาดไม่ถึงเลยว่าเด็กคนนี้จะสะบัดมือเขาทิ้ง ทำให้เขาวัดระดับพลังไม่ได้...

วิชาแปลงโฉมของกู้ซีจิ่วล้ำเลิศอย่างมาก อย่าว่าแต่รอยปานที่เด่นชัดนั้นเลย ขนาดรูปลักษณ์เองก็เปลี่ยนไปหมด

ทั้งยังไม่มีเค้าหน้าเดิมของกู้ซีจิ่วเลยแม้แต่เสี้ยวเดียว ด้วยเหตุนี้องค์ชายหรงเช่อดูยังไงก็ดูไม่ออก...

‘เขาจะใช่นางหรือไม่?’

องค์ชายหรงเช่อเทชาอีกถ้วย แล้วส่งให้แบบเดิม “ชาชั้นดีต้องลิ้มรสสามหน เจ้าดื่มรวดเดียวหมดเช่นนั้นย่อมไม่รู้รสชาติว่าดีหรือเลว”

ถ้วยชาสีเขียวอ่อนลอยวนอยู่ในอากาศอย่างเชื่องช้า น้ำชาในถ้วยไม่กระเพื่อมไหว ตัวถ้วยโอบล้อมด้วยรัศมีเหลือบรุ้งจางๆ ครั้งนี้เขาใช้พลังวิญญาณห้าส่วน...

ในอาณาจักรเฟยซิง มีน้อยคนนักที่สามารถรับของที่แฝงพลังวิญญาณห้าส่วนของเขาได้ ต่อให้เป็นยอดยุทธ์รุ่นเยาว์อย่างหรงเหยียนคนนั้นก็ไม่สามารถรับได้

กู้ซีจิ่วเลิกคิ้ว ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ค่อยเข้าใจคลื่นพลังวิญญาณต่างๆ ที่แฝงมาสักเท่าไหร่ แต่ดูจากลักษณะและความเร็วของชาถ้วยนี้แล้วก็รู้ชัดว่าไม่ควรรับ...

หากเธอดันทุรังจะรับไว้ มีโอกาสถึงแปดเก้าส่วนที่จะรับไม่ไหว

เธอนึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้ จึงย่ำเท้าสลับไปมา เริ่มออกท่าเท้าทะยานคลื่น เอียงตัวอยู่เหนือถ้วยชานั้น ริมฝีปากน้อยๆ จ่ออยู่ด้านบน ดื่มอึกแรกเข้าไป “เป็นชาดี!”

แล้วจึงย่ำเท้าอีกหน หมุนตัวอยู่เหนือถ้วยอีกครา แล้วดื่มอึกที่สอง “รสชาติชุ่มคอ”

จากนั้นก็หมุนทะยานกายแล้วดื่มอึกสุดท้าย ยามนี้ถ้วยชาที่อยู่เบื้องหน้าจึงสูญเสียสมดุล กู้ซีจิ่วถือโอกาสสะบัดนิ้ว ดีดถ้วยใบนั้นกลับไป “ขอบพระทัยองค์ชายพะย่ะค่ะ”

ดวงตาทั้งคู่ขององค์ชายหรงเช่อพราวระยับ รับถ้วยชาเอาไว้แล้วกล่าวชมเชย “ท่าเท้าชุดนี้ของน้องชายพิสดารนัก ข้านับถือยิ่ง!”

กู้ซีจิ่วตอบรับ “ขอบพระทัยองค์ชายที่ทรงชมเชย” กระบวนท่าเท้าชุดนี้ของเธอมาจากตระกูลยุทธ์เก่าแก่ ต่อให้ไม่มีกำลังภายในก็สำแดงออกมาได้ เป็นกระบวนท่าสำหรับหนีตายที่เยี่ยมยอด

“วรยุทธ์ของน้องชายยอดเยี่ยมนัก! ไม่ทราบว่าอาจารย์ของน้องชายมาจากสำนักใด?” นัยน์ตาทรงเสน่ห์ขององค์ชายหรงเช่อจับจ้องที่เธอ

เขาไม่เพียงแต่แตกฉานวิชายุทธ์ทั่วไป แต่ยังเข้าใจวิชายุทธ์ของทุกสำนักทุกสำนักอีกด้วย

ตามปกติแล้วเพียงผู้อื่นสำแดงวิชาออกมาแค่ไม่กี่ครั้งเขาก็ดูออกแล้วว่าอาจารย์ของอีกฝ่ายสังกัดสำนักใด ทว่ากระบวนท่าเช่นนี้ของอีกฝ่าย เขากลับไม่เคยพบเห็นที่ไหนมาก่อน!

-------------------------------------------------------------------------------------

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้นำมาจากแหล่งอื่นและได้รับการอนุญาตจากเจ้าของแล้ว

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา