หลินเยว่ชิง บุปผาหมื่นมารยา(สนพ.B2S)

-

เขียนโดย ถานเซียง

วันที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2562 เวลา 17.00 น.

  8 ตอน
  1 วิจารณ์
  6,680 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2562 08.56 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

7) หาพรรคพวก

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

         บรรยากาศภายในจวนฉีหวางยังคงเงียบเหงาอยู่เช่นนั้น ประตูบานใหญ่ปิดสนิทงดรับแขก เจ้านายน้อยผู้เดียวของจวนแห่งนี้ยังต้องการเวลาพักผ่อนเพื่อฟื้นคืนกำลังและสติปัญญาที่เคยสูญเสียไปกับความทุกข์ตรม

        หลินเยว่ชิงกลับมาพักอยู่ที่จวนฉีหวางได้ห้าวันแล้ว ตลอดห้าวันมานี้ นางทำเพียงพักผ่อนดื่มกินให้ตัวเองกลับมามีเรี่ยวแรงเช่นเคย เรื่องความเรียบร้อยในจวนก็ให้ลู่กงกงเป็นผู้ดูแลตามเดิม

        ตอนนี้จวนของนางเงียบเหงายิ่งนัก ด้วยจำนวนผู้ที่อาศัยลดลงไปมาก แต่บรรดาทหารองครักษ์ที่เป็นคนของบิดาก็ยังอยู่ครบทุกนาย ไม่มีผู้ได้หนีหายหรือต้องการจะจากไปแม้ว่านายเหนือหัวของตนจะไม่อยู่แล้วก็ตาม สำหรับกองทัพพยัคฆ์ทมิฬตอนนี้เสด็จลุงไท่จื่อเป็นผู้รับไปดูแลชั่วคราว กองทัพหลวงจะขาดแม่ทัพมิได้ จึงต้องมีผู้เข้ามาจัดการความสงบเรียบร้อยของทหารในทัพ ก่อนจะหาแม่ทัพที่เหมาะสมมารับตำแหน่งแทนได้

        ทุกวันในยามเหม่า [1] หลินเยว่ชิงจะตื่นมาเดินออกกำลังกายทุกเช้า เด็กน้อยคิดว่าที่ผ่านมานางปล่อยให้ร่างกายของตนอ่อนแอยิ่งนัก ร่างเล็กจึงชวนเสี่ยวอวี้ให้ออกเดินรอบจวนเป็นเพื่อนตน

       “ท่านหญิงเพคะ..แดดเริ่มแรงแล้ว บ่าวว่าเข้าข้างในกันเถอะเพคะ ประเดี๋ยวจะไม่สบายเอาได้”

       “อืม ไปกันเถอะ..พี่เสี่ยวอวี้ให้คนไปเตรียมน้ำมาให้ข้าอาบที” ร่างเล็กเอ่ยสั่งความนางกำนัลคนสนิท ก่อนจะเดินนำอีกฝ่ายกลับเรือนของตนไป

       หลินเยว่ชิงใช้เวลาอาบน้ำผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ราวสองเค่อ ร่างเล็กอยู่ในชุดสีเขียวอ่อนสลับขาว ผมถูกมวยเป็นซาลาเปาสองผูกด้วยผ้าผูกผมสีเขียวเข้มปักลายดอกเหมยกุ้ย [2] ดวงหน้าที่เคยซูบซีดบัดนี้กลับมาขาวเนียนระเรื่อ แก้มที่เคยตอบก็กลับมาอวบอิ่มนุ่มนิ่มเช่นเดิม

       ร่างเล็กเดินนำนางกำนัลคนสนิทตรงไปยังตำหนักเยว่เทียน หลินเยว่ชิงยังคงพักอยู่ที่เรือนเหิงเยว่ (ดวงจันทร์แห่งความเป็นนิรันดร์) ของตนตามเดิม เรือนนี้เป็นเรือนที่นางอยู่มาตั้งแต่จำความได้ ส่วนอาเหนียงจะพักอยู่ที่ตำหนักเยว่เทียนกับอาเตี่ย บิดามารดาของนางไม่ค่อยจะสนใจเรื่องกฎระเบียบพวกนี้เท่าใดนัก ทั้งสองท่านจึงไม่จำเป็นต้องแยกเรือนนอน วันนี้นางมีเรื่องที่จะต้องหารือกับท่านอาควนอีกมามาย หลังจากพักผ่อนจนเพียงพอแล้วก็ได้เวลาทำตามแผนการเสียที

       หลินเยว่ชิงเดินตรงไปยังโถงรับรองของตำหนักเยว่เทียน นางสั่งให้นางกำนัลยกสำรับอาหารขึ้นโต๊ะได้เลย...หลี่ควนที่ยืนรอนายของตนอยู่ก่อนแล้วในโถงรับรอง เมื่อเห็นท่านหญิงน้อยเดินเข้ามาก็ทำความเคารพตามธรรมเนียม แม้อีกฝ่ายจะอายุน้อยกว่าตนมากโขแต่ด้วยยศตำแหน่งแล้วกลับสูงศักดิ์กว่าเขามากนัก

       “คาราวะท่านหญิง พ่ะย่ะค่ะ”

       หลินเยว่ชิงแย้มยิ้มมุมปากรับคำทักทายจากหลี่ควน ก่อนจะเดินไปนั่งลงที่โต๊ะอาหารทันที

        “ท่านอาตามสบาย เชิญนั่งเจ้าค่ะ..พวกเจ้าออกไปก่อน” ร่างเล็กเชิญผู้สูงวัยกว่าร่วมโต๊ะกับตน ก่อนจะหันไปไล่นางกำนัลที่เหลือให้ถอยออกไปจากห้อง เหลือไว้เพียงเสี่ยวอวี้และลู่กงกงเท่านั้นที่ยังอยู่รับใช้ข้างกาย

        “นี่ก็ยามเฉิน [3] แล้ว ไม่ทราบว่าท่านอาทานอะไรมาหรือยังเจ้าคะ? ..ถ้าหากว่ายัง เช่นนั้นก็ช่วยรับมื้อเช้าเป็นเพื่อนชิงเอ๋อร์ได้หรือไม่”

        “ได้พ่ะย่ะค่ะ” หลี่ควนเอ่ยรับอย่างนอบน้อม ตอนนี้เขาอยู่ต่อหน้าธารกำนัลมากมายจะพูดสนิทสนมกับท่านหญิงมากเกินไปก็เกรงว่าจะดูไม่ดี

         หลินเยว่ชิงยิ้มบางให้กับวาจาขององครักษ์หนุ่ม มือเล็กคีบอาหารเข้าปากอย่างแช่มช้าสง่างามเหมือนดังที่เคยได้รับการอบรมมาเป็นอย่างดีจากมารดา และเด็กน้อยก็ยังไม่ลืมคีบอาหารไปวางบนชามให้องครักษ์คนสนิทของบิดา ที่บัดนี้กลายมาเป็นคนของนางไปแล้วเรียบร้อย

หลังจากผ่านพ้นอาหารมื้อเช้า หลินเยว่ชิงจึงเชิญหลี่ควนไปปรึกษาหารือเรื่องต่างๆ ที่ห้องหนังสือของอาเตี่ย

        “ลู่กงกง เฝ้าไว้อย่าให้ผู้ใดเข้ามาใกล้ห้องหนังสือได้” ร่างเล็กหันไปสั่งความกับพ่อบ้านของจวน

        “พ่ะย่ะค่ะ” ลู่ซื่อเหลียนเอ่ยรับคำท่านหญิงน้อยอย่างหนักแน่น ร่างสูงยืนเฝ้าประตูห้องหนังสืออย่างแข็งขัน

          เมื่อเห็นว่าลู่กงกงทำตามที่สั่งแล้ว หลินเยว่ชิงจึงผินหน้าไปหานางกำนัลคนสนิทของตน “พี่เสี่ยวอวี้เข้ามาข้างในด้วยกันเถอะ เพราะเรื่องที่ข้าจะพูดวันนี้เกี่ยวข้องกับพี่ด้วย”

          “เพคะ” เสี่ยวอวี้ตอบรับอย่างไม่อิดออด ก่อนจะเดินตามร่างเล็กเข้าไปด้านใน เด็กสาวตั้งปณิธานกับตนเองว่า..ไม่ว่าท่านหญิงน้อยจะสั่งให้นางทำสิ่งใด ต่อให้บุกน้ำลุยไฟนางก็ยินดีจะทำตามทุกอย่าง

          เมื่อทั้งสามคนเข้ามาในห้องหนังสือแล้ว หลินเยว่ชิงก็เดินไปนั่งลงบนเก้าอี้แปดเซียนที่อยู่เบื้องหลังโต๊ะทรงงานตัวใหญ่ของบิดา

           เสี่ยวอวี้รีบเข้าไปรินชาโม่ลี่ฮวา [4] ที่ผสมน้ำผึ้งเล็กน้อยเพื่อลดความขมให้กับท่านหญิงน้อยของนาง ก่อนจะเดินไปรินชาให้ท่านองครักษ์หลี่ตามลำดับ แล้วจึงถอยไปยืนด้านข้างนายหญิงอย่างรอรับคำสั่ง

          หลินเยว่ชิงปรายตาไปทางเสี่ยวอวี้เล็กน้อย ก่อนจะบอกให้อีกฝ่ายนั่งลง เมื่อเห็นว่าทุกคนพร้อมที่จะฟังนางแล้ว ร่างเล็กจึงเอ่ยความออกมา “ท่านอา..พอจะบอกชิงเอ๋อร์ได้หรือไม่เจ้าคะ ว่าองครักษ์เงาทั้งสิบของอาเตี่ยเหลือรอดกี่คน?”

          “เรียนท่านหญิง ตอนนี้เหลือเพียงแค่สี่จากสิบขอรับ..ที่เหลือต่างสิ้นชีพเพราะปกป้องหวางเย่จากการลอบสังหารครั้งนี้”

          “ชิงเอ๋อร์ขอพบพวกเขาได้หรือไม่?”

          “ได้ขอรับ ท่านหญิงจะให้เรียกออกมาตอนนี้เลยหรือไม่?”

           “เรียกมาเลย” หลินเยว่ชิงยังคงนั่งนิ่งรอคอยคนอยู่ ทันทีที่สิ้นเสียงสัญญาณลับจากองครักษ์หนุ่ม ร่างเงาในชุดสีดำสนิทปกปิดตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าเหลือเพียงแค่ดวงตาเท่านั้นที่ยังคงมองเห็นอยู่ ก็ปรากฏตัวเบื้องหน้านางอย่างเงียบเชียบในทันใด

            “คาราวะท่านหญิงพ่ะย่ะค่ะ!” เสียงกล่าวแสดงความเคารพดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียงจากร่างสูงในอาภรณ์ดำทั้งสี่

            "ลุกขึ้นก่อนเถิด..แล้วเราค่อยมาคุยกัน” หลินเยว่ชิงเอ่ยกับบุรุษทั้งสี่ด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย เด็กน้อยไม่เคยเจอพวกเขาเหล่านี้มาก่อน แต่บิดาเคยบอกว่า มีท่านอาทั้งหลายในเงามืดที่คอยปกป้องนางและอาเหนียงอยู่ใกล้ๆ เวลาที่อาเตี่ยไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่พวกเขาจะไม่แสดงตัวให้รับรู้จนกว่านางจะตกอยู่ในอันตรายจริงๆ นางไม่รู้จักพวกเขาเหล่านี้ แต่แน่นอนว่าพวกเขาล้วนต้องรู้จักนางเป็นอย่างดี

          อี้เหิงหัวหน้าองครักษ์เงาวัย 20 หนาว ได้ยินท่านหญิงน้อยสั่งให้ลุกขึ้น ชายหนุ่มไหนเลยจะกล้าลุก ความผิดของพวกเขาที่มิอาจปกป้องนายของตนได้มีเพียงแค่ความตายเท่านั้นที่รออยู่ พวกเขาทุกคนต่างได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการลอบสังหารครั้งนี้ และเมื่อฟื้นคืนสติขึ้นมา ก็แทบอยากจะปลิดชีพตนเองตามผู้เป็นนายไปเลยด้วยซ้ำ แต่กลับถูกท่านหลี่ควนห้ามเอาไว้ก่อน ซ้ำยังบอกให้พวกเขามาขอรับโทษจากท่านหญิงแทน

          “พวกกระหม่อมมีความผิดสมควรตาย..ขอท่านหญิงโปรดลงอาญาด้วยพ่ะย่ะค่ะ” อี้เหิงเป็นตัวแทนของทุกคนเพื่อกล่าวขอรับโทษ

           หลินเยว่ชิงมองตรงไปยังชายชุดดำทั้งสี่ที่นั่งอยู่เบื้องหน้าตนด้วยสายตายากจะคาดเดา “ท่านมีนามว่าเยี่ยงไร?”

           “อี้เหิงพ่ะย่ะค่ะ”

          “ท่านอยากให้ข้าลงโทษพวกท่านอย่างไรรึ?”

           “โทษของพวกกระหม่อมคือความตายสถานเดียวพ่ะย่ะค่ะ”

           หลินเยว่ชิงหรี่ตามองผู้เป็นองครักษ์เงาของบิดาอย่างพินิจพิเคราะห์ ถูกว่าตามกฎเมื่อองครักษ์ไม่สามารถปกป้องผู้เป็นนายได้ต้องรับโทษตายเท่านั้น แต่ถ้าให้พวกเขาเหล่านี้ตายไปแล้วจะมีประโยชน์อันใด มิสู้เก็บพวกเขาไว้ใช้งานเองไม่ดีกว่าหรือ

           “ท่านอี้เหิง บอกท่านหญิงผู้นี้หน่อยเถิด หากท่านตายไปแล้วจะมีสิ่งใดดีขึ้นมางั้นรึ?” ร่างเล็กเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นชายิ่งกว่าเดิม

           “….” อี้เหิงถึงกับไร้วาจาที่จะโต้ตอบร่างเล็กเบื้องหน้าตน ท่านหญิงที่พวกเขาเคยเฝ้าดูมาตลอด ผู้ที่มีแต่ความใสซื่อไร้เดียงสา บัดนี้คิดอ่านเฉกเช่นเด็กสาวที่ผ่านโลกมาแล้วหลายสิบปี คำถามนี้ของท่านหญิงเขาก็ตอบตัวเองมิได้เช่นกัน

          “หากพวกท่านอยากชดใช้ความผิดในครั้งนี้จริงๆ ก็จงช่วยข้าตามล่าคนชั่วเหล่านั้นไม่ดีกว่ารึ..ถือเป็นการแก้ตัวที่ท่านมิอาจปกป้องอาเตี่ยอาเหนียงของข้าไว้ได้” หลินเยว่ชิงยังคงนั่งมองบุรุษชุดดำทั้งสี่อย่างสุขุมไม่มีความประหม่าให้เห็นเลยสักนิด

           ตึง! ตึง! ตึง! ตึง!

           เสียงโขกศีรษะของบุรุษชุดดำทั้งสี่ดังสนั่นห้องหนังสือ ทำเอาผู้ที่ได้ยินเสียงถึงกับเจ็บแทนเลยทีเดียว

           “พวกกระหม่อมสาบานว่าจะติดตามท่านหญิง และจะล่าตัวคนที่มันคิดร้ายกับจวนฉีหวางมาลงโทษให้ได้พ่ะย่ะค่ะ!!” เสียงเอ่ยคำสัตย์สาบานตนของเหล่าองครักษ์เงาทั้งสี่ดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกัน

            “ดี ดี ดี” หลินเยว่ชิงกล่าวอย่างพอใจ “ข้ายังมิรู้จักพวกท่านเลยแนะนำตัวให้ข้ารู้ได้หรือไม่..และหากข้าจะขอเห็นใบหน้าพวกท่านด้วยจะเป็นไรหรือไม่?”

            สิ้นคำกล่าวของท่านหญิงน้อย อี้เหิงก็เหลือบสายตาไปมองนางกำนัลน้อยข้างกายท่านหญิงและหันไปหาหลี่ควน

            หลินเยว่ชิงเมื่อเห็นอาการเหล่านั้นของอี้เหิงก็เข้าใจได้ทันที โดยปกติองครักษ์เงาจะไม่เปิดเผยโฉมหน้าให้ผู้ใดได้เห็นนอกจากผู้เป็นนาย “ท่านไม่ต้องกังวลหรอก ท่านอาควนและพี่เสี่ยวอวี้เป็นคนที่ไว้ใจได้..พวกเขาจะไม่มีวันทรยศข้า”

           เสี่ยวอวี้มองท่านหญิงน้อยของนางด้วยสายตาเทิดทูลมากว่าเดิม เด็กสาวไม่คิดเลยว่าท่านหญิงจะให้ความสำคัญกับนางถึงเพียงนี้ ร่างบางทิ้งตัวลงคุกเข่าทันที

            ปึก!

            “ข้าซินเสี่ยวอวี้ สาบานว่าจะไม่มีวันทรยศหักหลังท่านหญิงเป็นอันขาด หากข้าผิดคำสาบานขอให้ตายโดยไร้ดินกลบหน้า”

            เมื่อได้ฟังคำสาบานจากนางกำนัลน้อยผู้นั้นก็ทำให้อี้เหิงว่างใจ มือหนาจึงเอื้อมไปปลดผ้าคลุมหน้าของตนออก เหล่าชายชุดดำที่เหลือเมื่อเห็นผู้เป็นหัวหน้าทำเช่นนั้น พวกเขาก็ทำตามทันที

            หลินเยว่ชิงหรี่ตามองชายหนุ่มใบหน้าหล่อเหลาทั้งสี่คนเบื้องหน้าตนอย่างพิจารณา พวกเขาอายุคงไม่เกิน 20 หนาว หน้าตาแลดูอ่อนเยาว์และหล่อเหลา นางคิดว่าองครักษ์เงาของบิดาจะอายุมากกว่านี้เสียอีก แต่ละคนอายุน้อยกว่าท่านอาควนทั้งนั้น นี่อาเตี่ยของนางเลือกคนที่หน้าตาด้วยรึเปล่า เหตุใดถึงได้รูปงามทุกคนเช่นนี้

            “กระหม่อม ‘อี้เหิง’ เป็นหัวหน้าองครักษ์เงาพ่ะย่ะค่ะ” อี้เหิงเป็นผู้มีใบหน้าคมเข้มดวงตาแลดูเย็นชา น้ำเสียงเข้มครึม มีความสุขุมเยือกเย็น รูปร่างสูงใหญ่เฉกเช่นชายชาติทหาร

              “กระหม่อม ‘อี้หลิน’ พ่ะย่ะค่ะ” อี้หลินเป็นชายหนุ่มหน้าหวานอายุราว 18 หนาว รูปร่างสูงโปร่งปราดเปรียว แววตามีความเจ้าเล่ห์ น้ำเสียงติดจะกรุ้มกริ่มเช่นบุรุษเจ้าสำราญ

              “กระหม่อม ‘อี้เฟิง’ พ่ะย่ะค่ะ” อี้เฟิงผู้นี้อายุดูรุ่นราวคราวเดียวกับอี้หลิน เหมือนจะเป็นคนพูดน้อยมิคอยแยแสผู้ใด ใบหน้าดูสวยหวานมากกว่าหล่อเหลา

             “กระหม่อม ‘อี้เหวิน’ พ่ะย่ะค่ะ” สำหรับอี้เหวินนั้นแลดูคล้ายบัณฑิตเสียมากกว่า หน้าตาคมคายที่ดูมีความฉลาดเฉลียว แววตาคล้ายจิ้งจอกนั้นทำให้มิอาจดูเบาได้

             หลินเยว่ชิงพิจารณาองครักษ์เงาแต่ละคนอย่างละเอียด หากนางจะใช้คน ก็จำเป็นต้องรู้ว่าคนผู้นั้นมีนิสัยเช่นไร เรื่องนี้คงต้องรบกวนขอคำชี้แนะจากท่านอาควนเสียแล้ว

             “เอาล่ะ ในเมื่อรู้จักกันหมดแล้วก็มาเข้าเรื่องกันเลย” ร่างเล็กกวาดสายตามองไปยังบุรุษทั้งสี่อีกครั้ง “ข้าต้องการฝึกวรยุทธอย่างจริงจัง และมิใช่ข้าผู้เดียวแต่เป็นพี่เสี่ยวอวี้ด้วย”

            “ท่านหญิง! แต่ว่า..” เสี่ยวอวี้พยายามจะเอ่ยทัดทานท่านหญิงน้อย

            “ไม่มีแต่..หากพี่เสี่ยวอวี้คิดจะอยู่ข้างกายข้าก็ต้องแข็งแกร่งขึ้น ข้าไม่อยากสูญเสียคนที่คุ้นเคยไปอีก”

             “เพคะ บ่าวจะทำตามพระประสงค์ของท่านหญิงทุกอย่าง”

             หลินเยว่ชิงยกยิ้มพอใจให้นางกำนัลคนสนิทของตน ก่อนจะหันไปกล่าวเรื่องสำคัญกับองครักษ์หนุ่มทั้งสี่อีกครั้ง

             “ข้าต้องการให้พวกท่านสอนวรยุทธให้แก่ข้า และช่วยข้าดูแลจวนแห่งนี้ไปด้วยกัน กิจการของอาเหนียงข้าก็ต้องการคนมาช่วยเช่นกัน..การที่จะตามล่าพวกมันเราต้องวางแผนให้ดี ข้าผู้เป็นผู้เยาว์คงต้องรบกวนพวกท่านทั้งหลายแล้ว” สิ้นคำหลินเยว่ชิงก็ค่อมศีรษะน้อยๆ นั้นให้ชายชุดดำทั้งสี่เพื่อเป็นการบอกให้รู้ว่านี่คือการขอร้องมิใช่คำสั่ง

              เหล่าบุรุษชุดดำทั้งสี่เมื่อเห็นท่านหญิงน้อยวัย 5 หนาว เอ่ยวาจาเฉกเช่นผู้ใหญ่ก็พาให้เลื่อมใสยิ่งนัก พวกเขาที่คอยติดตามอารักขาท่านหญิงอยู่ในเงามืดล้วนรู้เห็นทุกอย่างเป็นอย่างดี

             ท่านหญิงน้อยของพวกเขาฉลาดหลักแหลมและมีความเป็นผู้ใหญ่เกินวัย วันนี้ประจักษ์แล้วว่าเด็กน้อยได้โตขึ้นอีกก้าวหนึ่ง ทุกอย่างนี้ล้วนเป็นผลมาจากการอบรมสั่งสอนของฉีหวางและฉีหวางเฟย เรื่องพระปรีชาของท่านหญิงนั้นไม่มีผู้ใดล่วงรู้ เพราะหวางเย่กลัวว่าหากผู้ใดรู้ว่าธิดาของตนสามารถเรียนรู้ได้เร็วกว่าผู้อื่นถึงสามเท่า จะทำให้ตัวนางเป็นอันตรายได้ ด้วยเหตุนี้หวางเฟยจึงอบรมสั่งสอนท่านหญิงด้วยตัวเอง มิได้เชิญอาจารย์มาสอนแต่อย่างใด

            เท่าที่พวกเขารู้มาท่านหญิงน้อยอ่านเขียนอักษรได้ตั้งแต่วัยเพียง 2 หนาว และในวัย 4 หนาว ก็สามารถเรียนตำราพื้นฐานที่เด็กวัย 8 หนาวต้องเรียนได้อย่างแตกฉาน แถมศาสตร์ทั้งสี่ที่สตรีต้องเรียนในวัย 10 หนาว ท่านหญิงน้อยของพวกเขาก็เริ่มเรียนรู้ในวัยเพียง 3 หนาวเท่านั่น เป็นเพราะจดจำและเข้าใจได้มากกว่าผู้อื่นจึงทำให้ร่างเล็กชอบที่จะเล่าเรียนและอ่านตำรายิ่งนัก

หนำซ้ำเด็กน้อยยังชื่นชอบอ่านพวกตำราพิชัยสงคราม ตำราเกษตรกรรม ตำราการแพทย์ หรืออีกหลายๆ อย่างในห้องหนังสือของฉีหวาง ด้วยความกลัวว่าท่านหญิงจะโตเกินวัย หวางเย่จึงเลี้ยงดูบุตรสาวให้เจอแต่เรื่องดีๆ มิเคยต้องพบเจอเล่ห์กลต่างๆ เพื่อให้ท่านหญิงยังคงความน่ารักสดใสไร้เดียงสาไว้

           แต่ดูเหมือนว่าการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่นี้ จะไปปลุกตัวตนที่แท้จริงของท่านหญิงให้ตื่นขึ้นมาเสียแล้ว ลูกพยัคฆ์ยังไงก็เป็นพยัคฆ์สินะจะกลายเป็นลูกหมาลูกแมวไปได้เช่นไร

*******

[1] ยามเหม่า = เวลา 05.00 น.-6.59 น.

[2] ดอกเหมยกุ้ย = ดอกกุหลาบ

[3] ยามเฉิน = เวลา 7.00 น.-8.59 น.

[4] โม่ลี่ฮวา = ดอกมะลิ

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา