Forbidden Love คำสาปรัก สองแผ่นดิน

-

เขียนโดย Frame_Kurosama

วันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2562 เวลา 23.54 น.

  5 ตอน
  0 วิจารณ์
  4,919 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 30 กันยายน พ.ศ. 2562 00.03 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) ที่นี่ที่ไหน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
ที่นี่ที่ไหน
 
ทางด้านของเรน หลังจากที่ลุงเน็ทออกไปแล้วนั้น เขายังคงนั่งอยู่ด้านข้างของเตียงสักพัก
 
“นี่มันกี่โมงกันแล้วนะ” เรนพึมพำก่อนหยิบนาฬิกาที่หล่นอยู่ข้างๆเตียงดู
 
‘ตึ๋ง! … ตึ๋ง! … ตึ๋ง!…’
 
เสียงนาฬิกาบอกเวลาในบ้านดังขึ้น
 
“ตีสามหรอ…” เรนพึมพำเบาๆ 
 
“อ๊ะ!” เพราะความมืด เขาจึงควานมือไปทั่วโดยไม่ทันระวัง 
 
“โดนอะไรทิ่มนิ้วกันเนี่ย…” เขาหยิบของสิ่งนั้นขึ้นมาดูใกล้ๆ
 
“นี่มันหนังสือที่ลุงให้นี่…โอ้ย!” สัญลักษณ์ดาบตรงหน้าปกหนังสือที่ควรจะเป็นแค่ภาพ กลับมีความคมดั่งเป็นมีดจริงๆ บาดนิ้วของเขาจนเลือดหยดลงบนสัญลักษณ์นั้น
 
ทันใดนั้น หนังสือก็ส่องแสงสว่างจ้าขึ้นจนเรนต้องเบือนหน้าหนีห่าง หน้าหนังสือเปิดขึ้นอย่างรวดเร็วและหยุดนิ่ง
 
“ท่านผู้เป็นนายข้า บัดนี้ ประตูมิติได้เปิดออกแล้ว และจะปิดลงในอีกห้านาที การจะผ่านทางนั้น ยังต้องทำเงื่อนไขให้เสร็จสมบูรณ์ มิเช่นนั้น ประตูมิติจะไม่ตอบสนองท่านอีกตลอดกาล” เสียงของชายแก่ไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆในน้ำเสียงเอ่ยขึ้นอย่างทรงพลัง
 
“นี่มันเรื่องอะไรกันล่ะเนี่ย พูดอะไร ไม่เข้าใจ” เรนเอ่ยถามขึ้นอย่างงงงวย ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่าตรงนี้คงไม่มีใครตอบเขาได้
 
ในขณะเดียวกัน หลังจากที่นั่งคุยกับวีนอส ลุงเน็ทที่เดินขึ้นมาชั้นสองเพื่อเข้านอน ก็ลอบเห็นแสงสว่างลอดผ่านใต้ประตูห้องเรน จึงนึกแปลกใจที่เรนยังเปิดไฟสว่างอีก ทั้งๆที่น่าจะนอนหลับไปแล้ว จึงตัดสินใจเปิดประตูห้องของเรนเพื่อเข้าไปดูอีกทีด้วยความเป็นห่วง
 
“ยังไม่นอนอีกหรอ หรือว่าเจ็บหัวมาก? ใครให้ซุ่มซ่ามนอนตกเตียงกันล่ะ”  ลุงเน็ทเอ่ยขึ้นรัวๆทันที ที่เปิดประตู ทั้งที่ยังไม่ทันได้มองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องของเรน
 
“ลุง!! มาได้จังหวะพอดีเลย หนังสือของลุงเนี่ย มาเคลียรเลยลุง” เรนเอ่ยร้องขึ้นแทบจะทันทีที่เห็นหน้าลุงเน็ท
 
“เห้ย!”
 
ลืมนึกถึงเรื่องนี้ไปเสียสนิทเลย ลืมไปได้ไงว่าไอ่เจ้านี่มันซุ่มซ่ามขนาดไหน ถึงขั้นนี้แล้ว คงไม่มีทางเลือก อุตส่าห์ว่าจะหาวิธีค่อยๆเล่าให้ฟัง(?) แต่ก็ดีเหมือนกันไม่ต้องคิดวิธีให้เหนื่อย ให้ไปเห็นกับตาเลยก็ดีไปอีกแบบแหะ…
 
เรนที่เห็นลุงเน็ทยืนมองอย่างอึ้งๆ ไม่ขยับตัวทำอะไรสักที จึงเอ่ยเร่งอีกครั้ง
 
“เร็วสิลุง ทำอะไรสักอย่าง มีเสียงคนแก่ออกมาด้วย ผีหนังสือแน่เลย อ้ากกก” เรนโวยวาย
 
“ใจเย็นซิ๊ ไอ่หลานจอมซุ่มซ่าม ไปหยิบจดหมายเข้าเรียนของโรงเรียนมาด้วยไป” ลุงเน็ทพูดสั่งเรนในขณะที่ยังคงคิดกับตัวเองว่าจะต้องจัดการเรื่องตรงหน้านี้ให้ง่ายๆ อย่างไรดี เขาขี้เกียจและเบื่อเรื่องที่ยุ่งยากเสียด้วยสิ
 
แต่แบบนี้คงไม่ได้เตรียมตัวอะไรสักอย่าง ไปแต่ตัวของแท้เลย เห้อ…ถ้ารู้อย่างนี้น่าจะบอกให้วิสอยู่ช่วยกันก่อน โถ่วเอ้ยย
 
ลุงเน็ทได้แต่โอดครวญอยู่ในใจ เพราะเจ้าคนที่เขากำลังนึกถึงกลับไปแล้วนี่สิ
 
“เอามาแล้วคร้าบ” เมื่อเห็นเรนพร้อมแล้ว ลุงเน็ทก็ตั้งสติ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่จริงจังขึ้น
 
“เอ้อ…ดีมาก หยิบหนังสือขึ้นจากพื้น แล้วถือไว้ดีๆล่ะ อย่าให้หล่น” เรนใช้สองมือหยิบหนังสือที่ส่องแสงสว่างและกำลังกางอ้าอยู่บนพื้น
 
ลุงเน็ทยื่นข้อมือของตัวเองเหนือหนังสือหน้าที่กางอยู่ พึมพำไม่ได้ศัพท์ เสียงลมพัดผ่านข้อมือของลุงเน็ท คมราวกับใบมีด มีเส้นรอยกรีดเล็ก และเลือดของลุงเน็ทก็ค่อยๆไหลลงมาบนหน้ากระดาษทีละหยดๆ จนเกิดเสียง
 
‘แปะ…แปะ…แปะ’
 
“ลุง!?” เรนเรียกอย่างตกใจ ลุงเน็ทใช้มืออีกข้างช่วยเขาประคองหนังสือก่อนจะดึงข้อมือข้างนึงของเขาขึ้นมา และทำแบบเดิม
 
“อ๊ะ!” ความเจ็บคันๆเล็กๆเกิดขึ้นทันทีที่ลมนั่นพัดผ่าน ทันทีที่เลือดของเขาหยดลงบนหน้าหนังสือ หนังสือก็ส่องสว่างมากขึ้นทันที สว่างมากจนตอนนี้เขาทำได้แค่ยืนปิดตาและถือหนังสือไว้
 
แสงสว่างสีขาวส่องสว่างไปทั่วบริเวณ บ้านทั้งหลังค่อยๆอันตรธานหายไปพร้อมกับเรนและลุงเน็ท ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วท่ามกลางคืนที่เงียบสงัด
 
เมื่อแสงสว่างดับลงแล้ว ก็ไม่มีสิ่งใดหลงเหลืออยู่ตรงพื้นที่นั้นอีกราวกับไม่เคยมีสิ่งก่อสร้างใดใดเคยตั้งอยู่
 
เหลือก็เพียงแต่พุ่มหญ้ารกๆ และต้นไม้สูงใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่เท่านั้น…เป็นสถานที่ที่ดูแล้วไม่น่าจะมีสิ่งมีชีวิตเคยอาศัยอยู่ได้เลย
 
เสียงท้วงทำนองคุ้นหูดังขึ้นเบาๆในโสตประสาท เรนรู้สึกอบอุ่นขึ้นที่ใจอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนในชีวิต
 
“ลืมตาได้แล้ว” เสียงลุงเน็ทเอ่ยขึ้นเรียบๆ
 
“เอ่อ…ที่นี่…มัน…ที่ไหนกัน?” 
 
……



เรนค่อยๆลืมตาขึ้น เขารู้สึกแสบตาเล็กน้อยเพราะยังรู้สึกไม่ค่อยคุ้นชินกับแสง เขาจึงกระพริบตาขึ้นลงเล็กน้อยๆ เพื่อปรับสายตาของเขา
 
ในมือของเรนยังคงถือหนังสือสีน้ำตาลเล่มใหญ่ที่ปกหนังสือของมันเพิ่งจะบาดนิ้วเขา และเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ต้องมากรีดเลือดใส่หนังสืออย่างกับคนไม่มีอะไรจะทำแล้วในชีวิตนี้
 
“เอ่อ…ที่นี่…มัน…ที่ไหนกัน?” เรนเอ่ยถามลุงเน็ทเมื่อเขามองไปรอบฟแล้วพบว่าตอนนี้ตัวเองไม่ได้อยู่ในห้องนอนแล้วอย่างที่ควรจะเป็น
 
“ที่นี่คือห้วงมิติเวลา ที่เป็นทางเชื่อมระหว่างโลกมนุษย์กับเวอร์มัลก้า” ลุงเน็ทตอบอย่างเอื่อยเฉื่อย
 
“ห่ะ! เวอ…เวอๆอะไรลุง” เรนทำหน้าเหวอเล็กน้อยที่ได้ยินชื่อประหลาดๆ …คือมันก็ไม่น่าจะมีอยู่บนโลกไหมอ่ะ
 
“เวอร์มัลก้า” ลุงเน็ทตอบ
 
“เอ่ออ…แล้วเวอ…ว…เวอเว่อร์อะไรของลุงเนี่ยมันคือที่ไหนอ่ะ”
 
“เวอร์มัลก้า” ลุงเน็ทเริ่มรู้สึกหน่ายนิดๆกับความจำที่ดูจะมีปัญหาของเรน
 
“นั่นแหละ เหมือนกันอ่ะ” เรนแย้ง
 
“เห้อ…เวอร์มัลก้าคือ…” ลุงเน็ทหยุดคิดกับตัวเองเล็กน้อยว่าจะอธิบายให้หลานคนนี้เข้าใจได้อย่างไรดี
 
“คือ?” เรนเร่งเร้าคำตอบ
 
“อืมม…ถ้าเอาให้เข้าใจง่ายๆก็…ดินแดนเวทมนตร์ล่ะมั้ง” ลุงเน็ทตอบเรนแต่พูดราวกับกำลังคุยกับตัวเองเสียมากกว่า
 
“ดินแดนเวทมนตร์เนี่ยนะลุง? ของแบบนั้นมันมีจริงด้วยเหร๊อ?” เรนแย้งขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อในคำตอบของลุงเสียเท่าไหร่
 
“แล้วที่ตะกี้แกกะฉันเพิ่งจะหยดเลือดใส่หนังสือแล้วก็หายแว้บมาอยู่ที่นี่จะให้เรียกว่าอะไรดี” ลุงเน็ทเอ่ยอย่างเหนื่อยหน่ายในความเบ๊อะของเจ้าหลานคนนี้
 
“เอ่อ…ก็จริงแหะ” เรนเริ่มหยุดคิดทบทวนปรากฎการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นกับเขาไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมงนี้
 
“ความฝันไงลุง ความฝันแน่ๆ” เรนเอ่ยขึ้นเสียงดัง พลางหยิกแขนตัวเอง “โอ้ยๆ…ต้องเป็นความฝันสิ…โอ้ยๆๆ…”
 
เห้อ…เพลีย
 
ลุงเน็ทมองเรนที่พยายามบอกตัวเองว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงความฝัน ทั้งๆที่ลองหยิกแขนไปแล้วหลายที ก็ยังพยายามหยิกต่อไป ดูท่าแล้วคงเผื่อว่าจะมีสักรอบที่จะไม่รู้สึกเจ็บล่ะมั้ง
 
“มีเวทมนตร์แล้วไม่ดีหรือไง” ลุงเน็ทเอ่ยถามขัดขึ้น เขาเริ่มจะทนดูไม่ไหว ก่อนที่แขนทั้งสองข้างจะมีแต่รอยหยิกของเจ้าตัว
 
“ดี! ดีสิลุง” เรนเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ลุงเน็ทเลิกคิ้วสงสัยขึ้นนิดนึง ก่อนจะเริ่มเข้าใจว่าเจ้าหลานคนนี้บ๊องกว่าที่คิดก็ตอนที่มันอธิบายให้เขาฟังเนี่ยแหละ
 
“เนี่ย…ผมพยายามหยิกอยู่เนี่ย กลัวมันเป็นแค่ความฝันจะแย่” เรนยื่นแขนที่มีรอยหยิกแดงๆเป็นจุดๆให้ลุงเน็ทดูอย่างอวดๆ เพราะผิวที่ขาวสว่างของเจ้าตัวยิ่งทำให้รอยแดงดูเด่นชัดมากยิ่งกว่าที่ควรเป็น
 
โอ้ย เพลีย คูณสอง 
 
ลุงเน็ทได้แต่ทำหน้าเอือมๆใส่เรน อย่างคนไม่รู้จะพูดอะไรดี
 
“ว่าแต่ ทำไมลุงดูรู้เรื่องเยอะจัง ลุงก็ใช้เวทมนตร์ได้หรอ?” เรนเบิกตากว้างขึ้นเพราะเขากำลังตื่นเต้น
 
“คิดว่าไงล่ะ” ลุงเน็ทแกล้งย้อนถามยิ้มๆ
 
“ใช่แน่ๆเลย ลุงมีเวทมนตร์! โคตรเจ๋งเลยลุง” น้ำเสียงของเรนฟังดูตื่นเต้นมากๆเลยทีเดียว
 
“ชอบก็ดีแล้ว เพราะโรงเรียนที่แกกำลังจะไปเข้าเรียน ก็คือโรงเรียนสอนเวทมนตร์ยังไงล่ะ” ลุงเน็ทอธิบายพร้อมเริ่มออกเดินไปตามทาง ทำให้เรนต้องเดินตามอย่างช่วยไม่ได้
 
“จริงหรอลุง? ผมเนี่ยนะ จะได้เรียนโรงเรียนสอนเวทมนตร์!?!?” เขาตกใจจนตาเบิกกว้าง ริมฝีปากยกยิ้มอย่างดีใจราวกับเด็กตัวเล็กๆที่กำลังได้รับของขวัญวันเกิด
 
เรนหยิบจดหมายเชิญขึ้นมาเปิดอ่านดูอีกครั้ง
 
“…นี่หน่ะคือโรงเรียนเวทมนตร์หรอเนี่ย…ว…เว…เว” เรนพึมพำกับตัวเอง
 
“เวดิกชาโต้” ลุงเน็ทเอ่ยต่อให้
 
“อ้อ เวดิกชาโต้” เรนเอ่ยตามด้วยน้ำเสียงที่สดใส
 
ในขณะที่คุยกันนั้น เรนกับลุงเน็ทยังคงเดินอยู่ในห้วงมิติเวลา ยิ่งเดินลึกเข้าไปก็ยิ่งมืดราวกับกำลังเดินอยู่ในอุโมงค์มืดๆ แต่มีห้วงอากาศที่มีสีดำ สีม่วง สีน้ำเงิน สีเขียวเข้มอยู่เป็นช่วงๆไปตลอดทาง
 
มันไม่ได้ดูสวยจนน่าพิศมัยอะไรเลยสักนิด กลับกันมันกลับให้ความรู้สึกน่ามึนหัวมากกว่าเสียอีก
 
“เออ…ฉันลืมเลย ยื่นมือมานี่สิ” เรนยื่นมือไปทางลุงเน็ท “ไม่ใช่ เอาข้างที่ถูกกรีดหน่ะ”
 
เรนยื่นมือข้างที่ถูกกรีดไปเมื่อครู่ไปทางลุงเน็ท มือของลุงกุมมือเขาเบาๆบริเวณแผล พร้อมร่ายเวทอะไรสักอย่างที่เขาฟังไม่รู้เรื่อง แสงสีฟ้าจางสว่างขึ้นนิดหน่อยก่อนที่แผลของเขาจะหายสนิท ราวกับไม่เคยมีรอยแผลตรงนั้นมาก่อน
 
เรนทำหน้าทึ่งๆกับสิ่งที่เกิดขึ้น ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร ลุงเน็ทก็ตัดบทโดยการบอกให้เขารีบเดินต่อได้แล้ว เขาไม่มีทางเลือกจึงต้องรีบเดินตามลุงเน็ทและได้แต่เก็บความแปลกใจ ฉงนใจและตื่นเต้นเอาไว้ในใจ
 
พวกเขายังคงเดินต่อไปเรื่อยๆ พอเดินจนใกล้จะสุดปลายทางอุโมงค์ ก็เห็นแสงสว่างสีขาวที่ปลายทาง
 
แสงอาทิตย์สาดส่องสว่างบอกให้รู้ได้เป็นอย่างดีว่า เวลาคงล่วงเลยไปมากแล้วจากที่เริ่มเดินทางกัน เพราะตอนที่ออกมาเพิ่งจะเป็นเวลาตีสาม ฟ้าคงไม่สว่างขนาดนี้ 
 
“ทำไมฟ้าสว่างขนาดนี้ เราออกกันมาตอนตีสามไม่ใช่หรอลุง ผมว่าจากตอนนั้นมันไม่น่าจะเกินหนึ่งชั่วโมงนี่นา ไม่น่าสว่างขนาดนี้” เรนสงสัย
 
“แกเอาไปเทียบเวลาแบบนั้นไม่ได้หรอก เราเดินอยู่ในห้วงมิติเวลา เวลามักจะคาดเคลื่อนแบบนี้อยู่แล้วแหละ” ลุงเน็ทตอบพลางมองสำรวจไปรอบๆ
 
“อ้อ” เรนตอบรับ
 
“เผลอๆอาจจะผ่านไปแล้วหลายวันด้วยซ้ำ” เพราะลุงเน็ทพูดเบาราวกับแค่พึมพำคุยกับตัวเอง เรนจึงไม่ได้ยินและไม่ได้เอ่ยถามอะไรออกมาอีก
 
‘หวังว่าจะไม่คาดเคลื่อนมากนะ เราก็ยิ่งไม่ค่อยมีเวลาอยู่ด้วย’
 
“ตอนนี้น่าจะราวๆสิบโมง เพราะงั้นเดี๋ยวพอไปถึงในเมืองเราจะไปหาอะไรกินกันก่อนแล้วกัน” ลุงเน็ทบอกเรน
 
“ค้าบบ” เรนขานรับอย่างว่าง่าย

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา