ํYou are the wind เธอคือสายลมในฤดูร้อนของฉัน

-

วันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2562 เวลา 20.33 น.

  1 บท
  0 วิจารณ์
  1,871 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2562 20.45 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) You are the wind เธอคือสายลมในฤดูร้อนของฉัน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทที่ 1

เธอผู้เป็นดั่งสายลม

 

 

 

        เสียงตะโกนเจื้อยแจ้ว บอกระยะทางของกระเป๋ารถเมบล์ ปลุกฉันที่นั่งสัปหงกอย่างทุลักทุเล ฉันคว้ากระเป๋าสะพายแนบชิดลำตัวลุกออกจากที่นั่งลนลานไปที่ประตูรถเมล์ปรับอากาศสีเหลือง และ ก้าวลงจากรถอย่างชำนาญยังป้ายที่คุ้นเคย แล้วเดินสับขาฉับ  อย่างไวเสียยิ่งกว่านางแบบบนรันเวย์ หยิบเอาบัตรโดยสารสีส้มที่เหลืดเงินในบัญชีเพียงแค่หลักสิบก่อนจะติ๊ดเข้าไปยังสถานีรถไฟฟ้า

 

        ชีวิตวัยทำงานกับเช้าที่แสนหรรษา ฉันต้องแหกขี้ตาตื่นตั้งแต่ตี 5 เพื่อมาเตรียมตัว พลันนึกน้อยใจในทุกเช้าว่า ‘อยู่บ้านให้แม่เลี้ยงดูซะก็ทีอยู่แล้ว ฉันจะมาลำบากในเมืองหลวงนี้ทำไมกัน  ปีนี้ก็จะอายุ 30 แล้วสินะ กับการทำงานที่ยังคงเหนื่อยดังเช่นเด็กจบใหม่ และ เงินเดือนที่ขยับขึ้นมาเพียงน้อยนิด ราวกับหอยทากกระดึ๊บอย่างไรอย่างนั้น หลังจากรำพึงรำพัน ฉันจึงได้สติแล้วเปิดคอมพ์เครื่องเก่า กดเข้าโปรแกรมที่คุ้นเคย แต่ก็ไม่ลืมที่จะ Log in โปรแกรมที่ใช้สำหรับการติดต่ออย่าง Line เอาไว้ด้วย แม้พักหลังมานี้ฉันจะตัดขาดกับโลกโซเชียลมาสักระยะแล้วก็ตาม แต่ใช้ว่าฉันจะต้องตัดขาดการติดต่อจากเพื่อนฝูงเสียหน่อย

 

        ‘เย็นวันศุกร์ ว่างไหม

 

        ‘ซูกัส คู่สนทนาอันแสนคุ้นเคยของฉันเด้งขึ้นมาทันที จนอดคิดไม่ได้ว่า หน็อย!! ยัยนี่มันว่างนักหรือไง

 

        ‘มีอะไรล่ะ

 

        ฉันตอบพลับคลิกสลับหน้าจอเป็นระยะ  ก็แหม หากฉันเปิดแค่โปรแกรมแชตนี้ ก็เกรงจะถูกไล่ให้ไปคุยกับเพื่อนตลอดชีวิตน่ะสิ

 

        ‘ฉันจะแต่งงาน พี่เจมส์ขอฉันแต่งงานแล้ว

 

        ‘ล้อกันเล่นหรือไง เรื่องใหญ่เลยนะ

 

        ฉันพิมพ์ตอบ สมาธิที่มีเพียงน้อยนิดเริ่มหลุดลอยไปไกล...ก็ใครมันจะไปเหลือสมาธิทำงานอีกล่ะ ก็รู้อยู่หรอกนะ ว่าอายุอานามเรามันก็ไม่น้อย หากจะแต่งงานก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกอะไร แต่นี่เป็นเพื่อนสนิทของฉันเชียวนะ เธอกำลังจะแต่งงาน ฉับพลันความคิดเห็นแก่ตัวก็ผุดขึ้นมาในหัวสมองอันว่างเปล่า ฉันคิดว่าคงแย่แน่แล้ว ฉันคงต้องเหงาอยู่คนเดียวแน่  ถ้าอยากจะกินขนมเค้ก ฉันก็คงต้องไปกินคนเดียว หรือ หมูกระทะ ฉันก็คงนั่งซึมแล้วคีบหมูเข้าปากเหงา  คนเดียว

 

        ไม่นานนักแชตก็เด้งมา จับใจความได้ว่า เธอจะนัดฉันเพื่อพูดคุยเรื่องแต่งงาน เธอเองก็มีเพื่อนคนเดียว คือฉันนี่แหละ เรื่องอย่างนี้ต่อให้ฉันไม่มีประสบการณ์ เธอจึงไม่เหลือช้อยส์ให้เลือกปรึกษาคนอื่น หน้าที่รับฟังจึงตกเป็นของฉันเพียงผู้เดียว

 

        ดังนั้นก็ไม่เหลือเหตุผลที่ฉันจะไม่ว่างเพื่อเพื่อนสาวที่กลัดกลุ้มเรื่องคอร์สเจ้าสาวให้เครียดอยู่คนเดียว ฉันตบปากรับคำไปทั้ง  ที่ยังไม่แน่ใจว่าจะว่างหรือ แต่ก็ช่างเถอะ ยังไงเสีย จากสถิติในทุก  เย็นวันศุกร์สุดสัปดาห์ ตัดภาพสาวเฮี้ยว สายปาร์ตี้ออกไปได้เลย ฉันไม่เคยมีนัดแฮงค์เอ้าท์กับใครตั้งแต่บรรลุนิติภาวะ อย่างมากฉันก็แค่นั่งรถไฟฟ้ากลับคอนโด และแวะซื้อของกินไปตุนสำหรับเสาร์-อาทิตย์ พร้อมอาหารไร้ประโยชน์ ไว้กินระหว่างเปิดหนังดู หรือ หากพิเศษขึ้นมาอีกนิด ก็คงเป็นสัปดาห์ที่หนังที่ได้เล็งไว้เข้าฉาย ฉันจะพาตัวเองไปหยุดอยู่ที่การซื้อตั๋วหนังหนึ่งใบ ป็อปคอร์น 1 ถังและโค้กเย็น  สักแก้ว หรือไม่หากซูกัสว่างตรงกัน เราอาจจะนัดกันไปหาอะไรอร่อย  ทาน ที่ถึงแม้บางครั้งเธอจะมากับแฟนหนุ่มแล้วไม่ค่อยจะสนใจฉันนัก

 

        วันศุกร์ฉันเร่งทำงานให้เสร็จตั้งแต่ยังไม่ถึงเวลาเลิกงาน เมื่อนาฬิกาบอกเวลา 6 โมงเย็น ฉันรีบเก็บข้าวของ เติมแป้งและลิปสติกนิดหน่อย ก่อนจะหันไปร่ำลากับเพื่อนร่วมงานคนอื่น 

 

        ซูกัส นัดฉันที่ร้านกาแฟแถว  สถานีรถไฟฟ้า ที่ถัดจากแถวที่ทำงานฉันไปอีก 4 สถานี ฉันเผื่อเวลา เพื่อไม่ให้เธอต้องรอฉันนานมากนัก ด้วยกลัวว่าเราจะใช้เวลาคุยกันได้น้อยลงเพียงเพราะฉันมาสาย เอาน่า นาน ๆ จะได้เจอเพื่อนเจอฝูงกับเขาบ้าง 

 

 

       เธอนั่งรออยู่ก่อนแล้ว และ สั่งเครื่องดื่มเผื่อฉันด้วย “อเมริกาโน่ร้อนของแก” ซูกัสส่งสายตาดุนิด  เชิงตำหนิว่ามาสาย

 

        “ฉันก็รีบสุดใจแล้ว แกก็อย่าดุฉันสิ

 

        ซูกัสอมยิ้ม เธอตักเค้กชาเขียวเข้าปาก ก่อนจะกระแอมเบา 

 

        “แกจะให้ฉันเข้าเรื่องเลยหรือไง กินก่อนไหม สั่งมาเผื่อแล้ว

 

        ในชีวิตฉันไม่ค่อยมีเพื่อนมากนัก ส่วนใหญ่หากเรียนจบแยกย้าย ก็หมายถึงมิตรภาพที่จบลงไปเช่นกัน บางครั้งฉันนึกอิจฉาคนอื่น  ฉันไม่ค่อยรู้วิธีการรักษามิตรภาพที่ยาวนานเท่าไหร่นัก ดังนั้นฉันจึงมีซูกัส ที่เป็นเพื่อนสนิทครั้งเรียนมหาวิทยาลัย เหลือเพียงคนเดียว นั่นก็เพราะถึงแม้ฉันจะไม่เก่งเรื่องนี้แต่เพื่อนของฉันเก่งเรื่องนี้มากยังไงล่ะ

 

        เธอเป็นสาวสวย เรารู้จักกันครั้งแรกตอนรับน้องคณะ โดยเราถูกรุ่นพี่จับให้อยู่กลุ่มเดียวกัน วันนั้นเธอเปียผมสองข้างเหมือนกับพจมาน สว่างวงศ์ ห้องป้ายคล้องคอว่า ‘น้องลูกอมซูกัส บัญชี ครั้งนั้นเธอเป็นที่กล่าวขานในหมู่เด็กปี 1 ด้วยกันเองว่า ซูกัสบัญชี สวยมาก ด้วยความที่เธอเป็นสาวไซส์ s สูงแค่เพียง 160 ต้นๆ ผิวขาวราวหยวกกล้วย และ เอกลักษณ์ผมเปียแกละที่สมัยนั้นไม่มีใครเค้าทำกันแล้ว เดาได้ไม่ยากว่าคงย้ายมาจากคอนแวนต์ล่ะสิ

 

        ผิดกับฉันที่เป็นแค่เด็กหน้าตาธรรมดา  คนหนึ่ง ผิวคล้ำแดดนิด  เพราะฉันชอบเล่นกลางแจ้ง และ ต้องยืนเข้าแถวกลางแสงแดดของเมืองไทยเป็นประจำ แถมไม่เคยคิดจะประทินผิวอีกต่างหาก ประกอบกับทรงผมสั้นถึงติ่งหู ยิ่งทำให้ฉันดูเป็นแค่เด็กกะโปโลเข้าไปใหญ่ จะมีดีก็เพียงแค่อย่างเดียวคือฉันเป็นคนที่ตัวค่อนข้างสูง ฉันสูงถึง 170 เชียวล่ะ น่าภูมิใจซะไม่มี

 

        หลังจากจับกลุ่มรับน้องได้กลุ่มเดียวกับซูกัส ฉันยังไม่ได้มีโอกาสคุยกับเธอนัก อย่าว่าแต่เธอเลย คนอื่น  ฉันได้คุยด้วยซะที่ไหน แต่เพราะวันนั้นรุ่นพี่ปล่อยให้พวกเราไปรีแลกซ์ เข้าห้องน้ำ ซื้อขนมกิน 1 เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง ฉันจำได้ชัดว่า เธอเป็นคนเข้าห้องน้ำคิวก่อนหน้าฉัน 1 คิว เธอหายเข้าไปเสียนาน จนฉันคิดว่าเธอคงถ่ายหนักแน่  ก่อนที่เธอจะแง้มประตูมาหน้าซีด ๆ แล้วเรียกฉัน “น้องจิ๊บผมติ่ง บัญชี” เธอเรียกฉันตามป้ายชื่อเป๊ะทุกคำ ฉันหันขวับแบบเคือง  เธอกวักมือหยอย  ให้ฉันไปหา ก่อนจะกระซิบว่า “เธอมีผ้าอนามัยมาหรือเปล่า

 

        นับเป็นเรื่องที่อาจจะดูไม่น่าประทับใจนัก แต่หลังจากที่เรากลับมาร่วมกิจกรรมรับน้องกันต่อ สาวสวยเปียแกละเป็นลมล้มตึงไปต่อหน้าต่อตา ฉันจึงโดนดึงให้เป็นหนึ่งในคนที่ต้องไปดูแล ร่วมกับพี่  หน่วยสวัสดิการและพยาบาล หลังจากวันนั้นฉันกับเธอจึงเป็นเพื่อนกันไปโดยปริยาย

 

        นึกไม่ถึงว่า สาวเปียแหละในวันนั้น กำลังจะแต่งงานอีกไม่นานนี้แล้ว เธอจะแต่งงานกับหนุ่มรุ่นพี่ ที่เป็นคนเขียนป้ายชื่อให้เธอวันรับน้องนั่นแหละ ‘น้องลูกอมซูกัส บัญชี

 

        เขาชื่อ พี่เจมส์ เรียนดี หล่อ แถมยังรวยอีกต่างหาก ฉันน่ะ อยู่ในทุกช่วงเวลาความรักของทั้งคู่เลยนะ

 

      “แกโชคดีจังได้พ่อของลูกดีๆ

 

    ฉันว่าก่อนจะเขมือบเค้กชิ้นที่ 2 เข้าปาก

 

       “ฉันก็ไม่คิดว่าฉันจะได้ลงเอยกับรักแรกของตัวเอง

 

        ใช่แล้ว พี่เจมส์คือแฟนคนแรก แล้วก็เป็นรักแรกของซูกัสด้วย ช่างเป็นเรื่องราวที่ดูขี้โม้เสียจริง แต่มันก็เป็นเรื่องจริง ทุกประการ

 

        ฉันล่ะอิจฉา นึกย้อนไปจนถึงวันวาน หากฉันได้ลงเอยกับรักครั้งแรกของฉัน จะเป็นอย่างไรบ้างนะ?

 

        แค่เสี้ยววินาทีที่คิด หัวใจของฉันก็เจ็บแปลบอย่างน่าหงุดหงิด ทั้ง  ที่ผ่านมานานแล้ว ทำไมฉันจะต้องมาเจ็บปวดด้วยนะ

 

        ทุกครั้งที่ฉันคิดถึงรักครั้งแรก ฉันมักคิดถึงสายลมเย็น  ในวันที่แดดจัด  เหมือนฉันได้นั่งพักรับลมเย็นใต้เงาไม้ใหญ่ หวนคิดถึงเธอผู้เป็นที่รัก เธอผู้เหมือนสายลม ยามเมื่อลมพัดเอื่อย  เส้นผมปลิวไสวคลอเคลียหยอกเย้าเรือนแก้มจนจั๊กจี๋ บางครั้งฉันอดคิดไม่ได้เลยว่าเธอผู้เป็นเหมือนสายลมนั้น กำลังเฝ้าจุมพิตฉันอยู่...

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา