ํYou are the wind เธอคือสายลมในฤดูร้อนของฉัน

-

วันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2562 เวลา 20.33 น.

  1 บท
  0 วิจารณ์
  1,923 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2562 20.45 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) You are the wind เธอคือสายลมในฤดูร้อนของฉัน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
บทที่ 1
เธอผู้เป็นดั่งสายลม
 
 
 
        เสียงตะโกนเจื้อยแจ้ว บอกระยะทางของกระเป๋ารถเมบล์ ปลุกฉันที่นั่งสัปหงกอย่างทุลักทุเล ฉันคว้ากระเป๋าสะพายแนบชิดลำตัวลุกออกจากที่นั่งลนลานไปที่ประตูรถเมล์ปรับอากาศสีเหลือง และ ก้าวลงจากรถอย่างชำนาญยังป้ายที่คุ้นเคย แล้วเดินสับขาฉับ ๆ อย่างไวเสียยิ่งกว่านางแบบบนรันเวย์ หยิบเอาบัตรโดยสารสีส้มที่เหลืดเงินในบัญชีเพียงแค่หลักสิบก่อนจะติ๊ดเข้าไปยังสถานีรถไฟฟ้า
 
        ชีวิตวัยทำงานกับเช้าที่แสนหรรษา ฉันต้องแหกขี้ตาตื่นตั้งแต่ตี 5 เพื่อมาเตรียมตัว พลันนึกน้อยใจในทุกเช้าว่า ‘อยู่บ้านให้แม่เลี้ยงดูซะก็ทีอยู่แล้ว ฉันจะมาลำบากในเมืองหลวงนี้ทำไมกัน’  ปีนี้ก็จะอายุ 30 แล้วสินะ กับการทำงานที่ยังคงเหนื่อยดังเช่นเด็กจบใหม่ และ เงินเดือนที่ขยับขึ้นมาเพียงน้อยนิด ราวกับหอยทากกระดึ๊บอย่างไรอย่างนั้น หลังจากรำพึงรำพัน ฉันจึงได้สติแล้วเปิดคอมพ์เครื่องเก่า กดเข้าโปรแกรมที่คุ้นเคย แต่ก็ไม่ลืมที่จะ Log in โปรแกรมที่ใช้สำหรับการติดต่ออย่าง Line เอาไว้ด้วย แม้พักหลังมานี้ฉันจะตัดขาดกับโลกโซเชียลมาสักระยะแล้วก็ตาม แต่ใช้ว่าฉันจะต้องตัดขาดการติดต่อจากเพื่อนฝูงเสียหน่อย
 
        ‘เย็นวันศุกร์ ว่างไหม’
 
        ‘ซูกัส’ คู่สนทนาอันแสนคุ้นเคยของฉันเด้งขึ้นมาทันที จนอดคิดไม่ได้ว่า หน็อย!! ยัยนี่มันว่างนักหรือไง
 
        ‘มีอะไรล่ะ’
 
        ฉันตอบพลับคลิกสลับหน้าจอเป็นระยะ ๆ ก็แหม หากฉันเปิดแค่โปรแกรมแชตนี้ ก็เกรงจะถูกไล่ให้ไปคุยกับเพื่อนตลอดชีวิตน่ะสิ
 
        ‘ฉันจะแต่งงาน พี่เจมส์ขอฉันแต่งงานแล้ว’
 
        ‘ล้อกันเล่นหรือไง เรื่องใหญ่เลยนะ’
 
        ฉันพิมพ์ตอบ สมาธิที่มีเพียงน้อยนิดเริ่มหลุดลอยไปไกล...ก็ใครมันจะไปเหลือสมาธิทำงานอีกล่ะ ก็รู้อยู่หรอกนะ ว่าอายุอานามเรามันก็ไม่น้อย หากจะแต่งงานก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกอะไร แต่นี่เป็นเพื่อนสนิทของฉันเชียวนะ เธอกำลังจะแต่งงาน ฉับพลันความคิดเห็นแก่ตัวก็ผุดขึ้นมาในหัวสมองอันว่างเปล่า ฉันคิดว่าคงแย่แน่แล้ว ฉันคงต้องเหงาอยู่คนเดียวแน่ ๆ ถ้าอยากจะกินขนมเค้ก ฉันก็คงต้องไปกินคนเดียว หรือ หมูกระทะ ฉันก็คงนั่งซึมแล้วคีบหมูเข้าปากเหงา ๆ คนเดียว
 
        ไม่นานนักแชตก็เด้งมา จับใจความได้ว่า เธอจะนัดฉันเพื่อพูดคุยเรื่องแต่งงาน เธอเองก็มีเพื่อนคนเดียว คือฉันนี่แหละ เรื่องอย่างนี้ต่อให้ฉันไม่มีประสบการณ์ เธอจึงไม่เหลือช้อยส์ให้เลือกปรึกษาคนอื่น หน้าที่รับฟังจึงตกเป็นของฉันเพียงผู้เดียว
 
        ดังนั้นก็ไม่เหลือเหตุผลที่ฉันจะไม่ว่างเพื่อเพื่อนสาวที่กลัดกลุ้มเรื่องคอร์สเจ้าสาวให้เครียดอยู่คนเดียว ฉันตบปากรับคำไปทั้ง ๆ ที่ยังไม่แน่ใจว่าจะว่างหรือ แต่ก็ช่างเถอะ ยังไงเสีย จากสถิติในทุก ๆ เย็นวันศุกร์สุดสัปดาห์ ตัดภาพสาวเฮี้ยว สายปาร์ตี้ออกไปได้เลย ฉันไม่เคยมีนัดแฮงค์เอ้าท์กับใครตั้งแต่บรรลุนิติภาวะ อย่างมากฉันก็แค่นั่งรถไฟฟ้ากลับคอนโด และแวะซื้อของกินไปตุนสำหรับเสาร์-อาทิตย์ พร้อมอาหารไร้ประโยชน์ ไว้กินระหว่างเปิดหนังดู หรือ หากพิเศษขึ้นมาอีกนิด ก็คงเป็นสัปดาห์ที่หนังที่ได้เล็งไว้เข้าฉาย ฉันจะพาตัวเองไปหยุดอยู่ที่การซื้อตั๋วหนังหนึ่งใบ ป็อปคอร์น 1 ถังและโค้กเย็น ๆ สักแก้ว หรือไม่หากซูกัสว่างตรงกัน เราอาจจะนัดกันไปหาอะไรอร่อย ๆ ทาน ที่ถึงแม้บางครั้งเธอจะมากับแฟนหนุ่มแล้วไม่ค่อยจะสนใจฉันนัก
 
        วันศุกร์ฉันเร่งทำงานให้เสร็จตั้งแต่ยังไม่ถึงเวลาเลิกงาน เมื่อนาฬิกาบอกเวลา 6 โมงเย็น ฉันรีบเก็บข้าวของ เติมแป้งและลิปสติกนิดหน่อย ก่อนจะหันไปร่ำลากับเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ
 
        ซูกัส นัดฉันที่ร้านกาแฟแถว ๆ สถานีรถไฟฟ้า ที่ถัดจากแถวที่ทำงานฉันไปอีก 4 สถานี ฉันเผื่อเวลา เพื่อไม่ให้เธอต้องรอฉันนานมากนัก ด้วยกลัวว่าเราจะใช้เวลาคุยกันได้น้อยลงเพียงเพราะฉันมาสาย เอาน่า นาน ๆ จะได้เจอเพื่อนเจอฝูงกับเขาบ้าง 
 
 
       เธอนั่งรออยู่ก่อนแล้ว และ สั่งเครื่องดื่มเผื่อฉันด้วย “อเมริกาโน่ร้อนของแก” ซูกัสส่งสายตาดุนิด ๆ เชิงตำหนิว่ามาสาย
 
        “ฉันก็รีบสุดใจแล้ว แกก็อย่าดุฉันสิ”
 
        ซูกัสอมยิ้ม เธอตักเค้กชาเขียวเข้าปาก ก่อนจะกระแอมเบา ๆ
 
        “แกจะให้ฉันเข้าเรื่องเลยหรือไง กินก่อนไหม สั่งมาเผื่อแล้ว”
 
        ในชีวิตฉันไม่ค่อยมีเพื่อนมากนัก ส่วนใหญ่หากเรียนจบแยกย้าย ก็หมายถึงมิตรภาพที่จบลงไปเช่นกัน บางครั้งฉันนึกอิจฉาคนอื่น ๆ ฉันไม่ค่อยรู้วิธีการรักษามิตรภาพที่ยาวนานเท่าไหร่นัก ดังนั้นฉันจึงมีซูกัส ที่เป็นเพื่อนสนิทครั้งเรียนมหาวิทยาลัย เหลือเพียงคนเดียว นั่นก็เพราะถึงแม้ฉันจะไม่เก่งเรื่องนี้แต่เพื่อนของฉันเก่งเรื่องนี้มากยังไงล่ะ
 
        เธอเป็นสาวสวย เรารู้จักกันครั้งแรกตอนรับน้องคณะ โดยเราถูกรุ่นพี่จับให้อยู่กลุ่มเดียวกัน วันนั้นเธอเปียผมสองข้างเหมือนกับพจมาน สว่างวงศ์ ห้องป้ายคล้องคอว่า ‘น้องลูกอมซูกัส บัญชี’ ครั้งนั้นเธอเป็นที่กล่าวขานในหมู่เด็กปี 1 ด้วยกันเองว่า ซูกัสบัญชี สวยมาก ด้วยความที่เธอเป็นสาวไซส์ s สูงแค่เพียง 160 ต้นๆ ผิวขาวราวหยวกกล้วย และ เอกลักษณ์ผมเปียแกละที่สมัยนั้นไม่มีใครเค้าทำกันแล้ว เดาได้ไม่ยากว่าคงย้ายมาจากคอนแวนต์ล่ะสิ
 
        ผิดกับฉันที่เป็นแค่เด็กหน้าตาธรรมดา ๆ คนหนึ่ง ผิวคล้ำแดดนิด ๆ เพราะฉันชอบเล่นกลางแจ้ง และ ต้องยืนเข้าแถวกลางแสงแดดของเมืองไทยเป็นประจำ แถมไม่เคยคิดจะประทินผิวอีกต่างหาก ประกอบกับทรงผมสั้นถึงติ่งหู ยิ่งทำให้ฉันดูเป็นแค่เด็กกะโปโลเข้าไปใหญ่ จะมีดีก็เพียงแค่อย่างเดียวคือฉันเป็นคนที่ตัวค่อนข้างสูง ฉันสูงถึง 170 เชียวล่ะ น่าภูมิใจซะไม่มี
 
        หลังจากจับกลุ่มรับน้องได้กลุ่มเดียวกับซูกัส ฉันยังไม่ได้มีโอกาสคุยกับเธอนัก อย่าว่าแต่เธอเลย คนอื่น ๆ ฉันได้คุยด้วยซะที่ไหน แต่เพราะวันนั้นรุ่นพี่ปล่อยให้พวกเราไปรีแลกซ์ เข้าห้องน้ำ ซื้อขนมกิน 1 เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง ฉันจำได้ชัดว่า เธอเป็นคนเข้าห้องน้ำคิวก่อนหน้าฉัน 1 คิว เธอหายเข้าไปเสียนาน จนฉันคิดว่าเธอคงถ่ายหนักแน่ ๆ ก่อนที่เธอจะแง้มประตูมาหน้าซีด ๆ แล้วเรียกฉัน “น้องจิ๊บผมติ่ง บัญชี” เธอเรียกฉันตามป้ายชื่อเป๊ะทุกคำ ฉันหันขวับแบบเคือง ๆ เธอกวักมือหยอย ๆ ให้ฉันไปหา ก่อนจะกระซิบว่า “เธอมีผ้าอนามัยมาหรือเปล่า”
 
        นับเป็นเรื่องที่อาจจะดูไม่น่าประทับใจนัก แต่หลังจากที่เรากลับมาร่วมกิจกรรมรับน้องกันต่อ สาวสวยเปียแกละเป็นลมล้มตึงไปต่อหน้าต่อตา ฉันจึงโดนดึงให้เป็นหนึ่งในคนที่ต้องไปดูแล ร่วมกับพี่ ๆ หน่วยสวัสดิการและพยาบาล หลังจากวันนั้นฉันกับเธอจึงเป็นเพื่อนกันไปโดยปริยาย
 
        นึกไม่ถึงว่า สาวเปียแหละในวันนั้น กำลังจะแต่งงานอีกไม่นานนี้แล้ว เธอจะแต่งงานกับหนุ่มรุ่นพี่ ที่เป็นคนเขียนป้ายชื่อให้เธอวันรับน้องนั่นแหละ ‘น้องลูกอมซูกัส บัญชี’
 
        เขาชื่อ พี่เจมส์ เรียนดี หล่อ แถมยังรวยอีกต่างหาก ฉันน่ะ อยู่ในทุกช่วงเวลาความรักของทั้งคู่เลยนะ
 
      “แกโชคดีจังได้พ่อของลูกดีๆ”
 
    ฉันว่าก่อนจะเขมือบเค้กชิ้นที่ 2 เข้าปาก
 
       “ฉันก็ไม่คิดว่าฉันจะได้ลงเอยกับรักแรกของตัวเอง”
 
        ใช่แล้ว พี่เจมส์คือแฟนคนแรก แล้วก็เป็นรักแรกของซูกัสด้วย ช่างเป็นเรื่องราวที่ดูขี้โม้เสียจริง แต่มันก็เป็นเรื่องจริง ทุกประการ
 
        ฉันล่ะอิจฉา นึกย้อนไปจนถึงวันวาน หากฉันได้ลงเอยกับรักครั้งแรกของฉัน จะเป็นอย่างไรบ้างนะ?
 
        แค่เสี้ยววินาทีที่คิด หัวใจของฉันก็เจ็บแปลบอย่างน่าหงุดหงิด ทั้ง ๆ ที่ผ่านมานานแล้ว ทำไมฉันจะต้องมาเจ็บปวดด้วยนะ
 
        ทุกครั้งที่ฉันคิดถึงรักครั้งแรก ฉันมักคิดถึงสายลมเย็น ๆ ในวันที่แดดจัด ๆ เหมือนฉันได้นั่งพักรับลมเย็นใต้เงาไม้ใหญ่ หวนคิดถึงเธอผู้เป็นที่รัก เธอผู้เหมือนสายลม ยามเมื่อลมพัดเอื่อย ๆ เส้นผมปลิวไสวคลอเคลียหยอกเย้าเรือนแก้มจนจั๊กจี๋ บางครั้งฉันอดคิดไม่ได้เลยว่าเธอผู้เป็นเหมือนสายลมนั้น กำลังเฝ้าจุมพิตฉันอยู่...
 
 
 
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา