เมียนอกสายตา

-

เขียนโดย Natthaphan

วันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 เวลา 22.55 น.

  25 ตอน
  3 วิจารณ์
  18.57K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 23.00 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

10) ตัวซวย

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ภาพรางๆ ตรงหน้าทำให้ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย แววตานั้นทอดมองร่างของใครบางคนด้วยความดีใจ มือหนาเอื้อมไปฉุดรั้งร่างของเธอขึ้นมาจากน้ำได้ทันเวลาพอดี

'ฝัน ฝันอยู่สินะ'

 

ชายหนุ่มยืนรับลมอยู่ตรงหน้าต่างด้วยท่าทางมีความสุขก่อนที่เขาจะขมวดคิ้วจนแทบจะติดกัน พลางเอนตัวออกไปนอกหน้าต่างเล็กน้อย เพล่งสายตามองเงาตะคุ่มๆ ที่ค่อยๆ หายไปในทะเล

" ฉิบหายแล้วไง!! "สบถออกมาก่อนจะขว้างแก้วน้ำชาในมือทิ้ง รีบเร่งฝีเท้าวิ่งไปที่ชายหาดในทันทีที่สมองสั่งการ เพียงเสี้ยววินาทีที่เขาสามารถคว้ามือของเธอเอาไว้ได้ เวหาค่อยๆ นำร่างที่อ่อนปวกเปียกขึ้นมานอนบนฝั่ง เขาหอบหายใจถี่ๆ เพราะรู้สึกเหนื่อยก่อนจะหันไปหาคนที่นอนไร้สติอยู่ข้างๆ

"นี้ เธอๆ ฟื้นสิวะ อย่ามาตายอย่างนี้นะเว้ย ฉันจะซวยเอา"

มือหนาตบใบหน้าของเธอเบาๆ เพื่อหวังจะเรียกให้ร่างที่ซีดจนขาวฟื้นคืนแต่ก็มีเพียงความเงียบที่ตอบกลับมา ชายหนุ่มตัดสินใจทำการปั๊มหัวใจพร้อมกับผายปอดเธอสลับกันไปมา

นานนับสิบนาทีที่เขาทำอยู่อย่างนั้นซ้ำๆ เวหาเอียงหูซบลงที่หน้าอกข้างซ้ายของคนไร้สติเพื่อฟังเสียงหัวใจ ส่วนมือก็คลำหาชีพจรไม่ยอมหยุด ก่อนที่เขาจะพ้นลมหายใจออกมาหลังจากที่หญิงสาวสำลักน้ำเพราะนั้นบ่งบอกว่าเธอยังไม่ตาย ใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำทะเลทำให้มองไม่ออกว่ามีหยดน้ำตาไหลรินออกมาด้วย

ชายหนุ่มลุกขึ้นอุ้มเธอพาดบ่าก่อนจะวางลงบนโซฟา

"แข็งไปรึเปล่านะ"

ถึงแม้จะเกลียดชังเธอแต่อย่างน้อยตอนนี้เธอก็คือคนป่วย เขาก็ไม่ใช่คนที่จะใจร้ายมากขนาดนั้น ชายหนุ่มจึงย้ายร่างของเธอไปนอนบนเตียงนุ่มๆ แทน พร้อมจัดการเช็ดเนื้อเช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เธอโดยเอาผ้าห่มคลุมไว้และค่อยๆ ถอดเสื้อผ้าที่เปื้อนไปด้วยน้ำทะเลออกอย่างยากลำบาก ไม่อยากแม้แต่จะชายตามองแต่ก็ช่วยไม่ได้เพราะทั้งเกาะมีแค่เธอกับเขา หากจะปล่อยไว้อย่างนี้ก็กลัวว่าจะเป็นปอดบวมตายแทนจมน้ำ

 

ตะวันเริ่มโผล่พ้นขอบฟ้าขึ้นมาเล็กน้อย ท้องทะเลเริ่มมีสีส้มอ่อนๆ คนที่นอนหลับอยู่บนโซฟาค่อยๆ พลิกตัวไปมารู้สึกปวดหลังเพราะพื้นแข็งๆ ที่ต้องนอนอยู่ทั้งคืนจนอดคิดไม่ได้ว่าผู้หญิงคนนั้นทนนอนได้อย่างไร แต่มันก็สาสมแล้วนี่

"นอนหลับสบายเชียวนะ"

มองค้อนคนหลับปุ๋ยที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว เขาสิกว่าจะนอนหลับได้ก็ปาไปตีสองกว่าๆ เพราะที่นอนไม่สบายเหมือนทุกวัน

"นี้! ลุกได้แล้ว"

มือหนาเอื้อมไปกระชากผ้าห่มออกหวังจะปลุกให้เธอตื่น แต่หญิงสาวกลับนอนหดตัวยิ่งกว่าเดิม

"หนาว~"

"นี้อย่ามาสำออยน่ะ ก็แค่จมน้ำเอง"เอื้อมมือไปจับแขนเธอเพื่อจะดึงเธอให้ลุกแต่ก็ต้องชักมือกลับโดยเร็ว เนื้อตัวของเธอร้อนดั่งไฟเผา

"เป็นไข้หรือวะ? "ไม่ได้ถามหล่อนแต่ถามตัวเขาเองด้วยความที่นึกสงสัย เห็นเช่นนั้นจึงจัดการห่มผ้าให้เธอดั้งเดิม แต่หางตาก็เหลือบไปเห็นแสงสีเขียวอ่อนๆ ที่คอระหง มันทอแสงท่ามกลางความมืดเพราะห้องที่ถูกปิดจนสนิททำให้มีแสงอยู่เพียงเล็กน้อยแม้จะเช้าแล้วก็ตาม แต่มันก็ยังมืดอยู่ดี เขาจ้องมองอย่างครุ่นคิดว่ามันเป็นแสงของอะไร ชายหนุ่มค่อยๆ เอื้อมมือไปเปิดคอเสื้อที่บังสิ่งนั้นออก แต่เขาก็ต้องสะดุ้งโหย่งเมื่อเสียงของใครบางคนดังขึ้นเสียก่อน

"กลัว~หนูอยากกลับบ้าน"เอียงหูฟังเมื่อเสียงนั้นอยู่ในระดับที่เบาจนเกินจะได้ยิน ยืนมองมือที่ไขว่คว้าไร้จุดหมายด้วยท่าทีแปลกใจ

เธอเป็นอะไรไป?

"พี่จะไม่ทิ้งหนูใช่มั้ย? "นัยน์ตาสีดำขลับจ้องมองด้วยแววตาครุ่นคิด

"อย่า อย่าไป อย่า อยู่กลับหนูก่อน หนูกลัว~"

คำพูดที่ดังชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ พร้อมร่างที่สั่นไปทั้งตัวยิ่งทำให้ชวนสงสัยว่าเธอกำลังฝันว่าอะไร

"นี้เธอ ตื่น เป็นอะไร? "ถามก่อนที่มือบางจะเอื้อมมาคว้ามือของเขาแล้วดึงไปกอบกุมเอาไว้ และหลังจากนั้นทุกอย่างก็ดูเหมือนจะสงบลง จะดึงออกก็กลัวว่าเธอจะละเมอขึ้นมาอีก จึงปล่อยเลยตามเลยไปอย่างนั้น

เขานั่งจ้องมองใบหน้าหวานด้วยท่าทางหงุดหงิด เธอมันบ้าบิ่นเกินไปเรื่องแค่นี้ก็ถึงกลับต้องคิดสั้น อยากรู้เสียจริงว่าในตอนนั้นเธอไม่กลัวบ้างหรือ แล้วเธอนั้นกำลังคิดอะไรอยู่

ผ่านไปเกือบครึ่งวันก็ดูเหมือนว่าความร้อนนั้นจะบรรเทาลงไปบ้างเพราะชายหนุ่มหมั่นเช็ดตัวให้เธอและฤทธิ์ยาก็คงออกพอดี

 

ในยามราตรีที่พระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าไปแล้วมีเพียงพระจันทร์ที่ยังทอประกายอยู่ข้างๆ ดวงดาว

หญิงสาวลุกขึ้นจากเตียงด้วยท่าทางงัวเงียก่อนที่ผ้าขนหนูจะหล่นตุบลงจากหน้าผาก เธอหยิบขึ้นมาดูด้วยความงุนงงก่อนจะกวาดสายตามองรอบๆ

"เรามานอนในนี้ได้ไงเนี้ย ฝันหรือเราฝัน ที่นี่มันสวรรค์ชั้นไหนนะหรือนี้จะเป็นนรก"บ่นพึมพำๆ กับตัวเองเบาๆ ก่อนที่เสียงน้ำย่อยจะดังขึ้นมาประสานกับเสียงของเธอ

มือบางลูบท้องตัวเองเบาๆ ด้วยความหิว แต่พอลุกเดินได้ไม่กี่ก้าวก็รู้สึกเหมือนว่าพื้นกำลังหมุนติ้วๆ อยู่รอบๆ ตัว

โห้ว~สวรรค์นี้พื้นไม่ค่อยแข็งแรงเลยจริงๆ เดินนิดเดินหน่อยก็หมุนสามร้อยหกสิบองศาเลยทีเดียว เธอเริ่มคิดเองเออเอง

ริมฝีปากบางยกยิ้มเล็กน้อยเมื่อนึกถึงความฝันบางอย่าง ถึงแม้มันจะเป็นแค่ฝัน แต่..อย่างน้อยในฝันเขาก็ช่วยชีวิตเธอไว้

ฑิฆัมพรเดิมงมมืดไปเรื่อยๆ เพื่อกดเปิดไฟ

สวรรค์นี้เหมือนบ้านที่เธออยู่จริงๆ หรือนี่จะเป็นเพราะเธอตายที่นี้เลยทำให้ติดอยู่ในที่ที่เหมือนกัน เพียงแสงไฟสว่างขึ้นร่างบางก็ยืนนิ่งในทันที พร้อมจ้องมองคนที่นอนเล่นอยู่บนโซฟาก่อนจะฉุกคิดได้ว่า หรือนี่ไม่ใช่สวรรค์

"ฟื้นแล้วหรือ? "น้ำเสียงเข้มๆ เอ่ยถาม

"ค่ะ"ตอบเสียงเบา หรือนั้นไม่ใช่ฝันเขามาช่วยเธอจริงๆ

ชายหนุ่มเดินเข้ามาหาเธออย่างไม่รีรอ แววตาและท่าทางของเขาในตอนนี้ช่างดูน่ากลัวเหลือเกิน หญิงสาวถอยกรูดจนติดฝาผนัง

"เธอคิดบ้าอะไรอยู่ถึงทำแบบนั้น"ถามด้วยท่าทางเรียบนิ่งแต่มันกลับดูน่ากลัว

"ฉัน..."เหมือนมีอะไรบางอย่างมาจุกอยู่ที่หลอดลมทำให้เธอไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้

"ถ้าเกิดตายไป รู้บ้างไหมว่าใครซวย ฉันไง คิดอะไรดีๆ ไม่เป็นหรือไง สมองเธอน่ะ ทีหลังถ้าอยากตายมากนักก็ช่วยตายแบบที่คนอื่นไม่ต้องซวยไปด้วย จะดีมาก"

ที่เขาโมโหก็เพียงเพราะกลัวว่าตัวเองจะซวย คำพูดแสนเจ็บปวดที่เขาพ้นออกมาทำเอาน้ำตาของความอ่อนไหวไหลลงมาจนชายหนุ่มนึกหงุดหงิด แค่เตือนเพื่อเรียกสติแค่นี้ก็ทำเป็นร้องไห้ ผู้หญิงนะผู้หญิง

มือหนายกขึ้นเสยผมตัวเองก่อนจะเดินเข้าไปในห้องพร้อมปิดประตูดังปังทำเอาร่างบางสะดุ้งโหย่งก่อนจะทรุดลงบนพื้น

เขาไม่รู้หรอกว่าเธอต้องอดทนแค่ไหน ต้องแบกรับอะไรไว้ในใจบ้าง บางทีมันก็เกินที่คนคนหนึ่งจะรับไหว หากเขาอ่านใจเธอออกเขาอาจจะเป็นคนที่เดินลงทะเลแทนเธอก็ได้

ร่างบางเดินหอบความหิวเข้าไปในห้องครัวด้วยท่าทางโซซัดโซเซ ก่อนจะพบกับหม้อข้าวต้มที่ยังมีควันลอยฟุ้งคล้ายว่ามันพึ่งจะถูกปรุงมาหมาดๆ

คงจะมีเพียงคนเดียวที่ทำไว้ เขาคงกลัวเธอตายแล้วจะซวยเอา

หญิงสาวตักข้าวเข้าปากพร้อมกับหยาดน้ำตาที่หยดเผาะเมื่อนึกถึงคำพูดของชายหนุ่ม มันเจ็บปวดจนสุดขั้วหัวใจ เขาไม่รู้หรอกว่าคำบางคำที่เขาพูดออกมามันอาจจะไปทำร้ายคนที่ฟัง

มือบางยกขึ้นปาดคราบน้ำตาออกก่อนจะตั้งใจกินข้าวเพราะเริ่มจะง่วงเต็มที

เธอจัดการล้างถ้วยจนเสร็จก่อนจะเดินไปนอนที่โซฟาดั้งเดิม กลับไปอยู่ในที่ของตัวเอง กลับไปอยู่กับความรู้สึกเดิมๆ ความเจ็บปวดเดิมๆ

 

หญิงสาวเก็บข้าวของใส่กระเป๋าเตรียมกลับบ้าน แม้ว่าร่างกายจะยังไม่กลับมาเต็มร้อยเธอก็ต้องแบกกระเป๋าขึ้นเรือเองไม่มีความช่วยเหลือใดๆ จากคนต้นเหตุเลยสักนิด แต่อย่างน้อยก็ยังมีคนขับเรือที่เอื้อมมือมารับเมื่อเห็นว่าใบหน้าของเธอซีดจนขาว นึกแปลกใจที่สามีไม่เหลียวแลเมียตัวเองเลยแม้แต่หางตาก็ไม่ยอมมอง

ลมเย็นๆ พัดมาปะทะใบหน้าขาวเผือด มือบางยกขึ้นลูบแขนตัวเองเบาๆ แม้จะมีแสงแดดอ่อนๆ แต่ก็ยังรู้สึกหนาวๆ เพราะพิษไข้ที่ยังไม่หายดี

เสื้อกันหนาวตัวใหญ่ถูกขว้างมาวางบนตักของเธอ ใบหน้าหวานแหงนมองคนที่นั่งอยู่ตรงกันข้าม

"ใส่ไว้ เดี๋ยวเป็นอะไรไปอีก ผู้ใหญ่เขาจะมาว่าฉันได้"บอกโดยไม่มองหน้าเธอ

ซวย! เขาคงกลัวว่าเขาจะซวย...เธอมันตัวซวย

หญิงสาวหยิบเสื้อกันหนาวนั้นขึ้นมาก่อนจะสวมมันไว้ ทำให้รู้สึกอุ่นขึ้นบ้าง

ใช้เวลาเพียงไม่นานหญิงสาวก็กลับมาถึงบ้าน

เธอทอดมองหญิงต่างวัยทั้งสามที่ยืนคอยอยู่หน้าบ้านด้วยแววตาคิดถึง

ฑิฆัมพรวิ่งเข้าไปโอบกอดคนทั้งสามเอาไว้แน่น ลืมสิ้นว่าตนนั้นไม่สบายอยู่

"คิดถึง"

รู้สึกผิดเมื่อคิดย้อนกลับไปในวินาทีสุดท้ายของชีวิต หากตอนนั้นเธอเป็นอะไรไป คนทั้งสามจะเป็นอย่างไรในตอนนี้

"ร้องไห้ทำไมลูก? "

"คิดถึงอ้อมกอดของคุณย่าค่ะ"น้ำที่หน่วยตาหยดเผาะลงทันทีที่เธอเอ่ยบอกหญิงวัยใกล้ฝั่ง

มือเหี่ยวย่นยกขึ้นจับใบหน้าของหลานสาวเข้าไปใกล้ๆ เมื่อมันดูซีดจนผิดปกติ

"ทำไมหน้าซีดขนาดนี้เนี้ยลูก ตาเวดูแลน้องยังไงเนี้ย? "

"ก็ถามเจ้าตัวดูสิครับว่าผมทำหรือเขาทำตัวเขาเอง"เอ่ยอย่างไม่สนใจก่อนจะเดินลิ่วๆ เข้าบ้านไป

"หนูแค่เมาเรือน่ะค่ะ"

หากบอกว่าเธอฆ่าตัวตายคงได้แตกตื่นกันยกใหญ่เธอจึงเลี่ยงที่จะบอกไปเช่นนั้น กลัวว่าใครบางคนจะซวยเอา ไม่อยากรับฟังหรือรับรู้คำด่าทอจากเขาอีก แค่นี้มันก็เกินพอแล้ว เธอเจ็บเกินพอแล้ว เจ็บจนมันเริ่มจะชินชา...

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา