เมียนอกสายตา

-

เขียนโดย Natthaphan

วันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 เวลา 22.55 น.

  25 ตอน
  3 วิจารณ์
  19.08K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 23.00 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

7) คนไม่มีสิทธิ์

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
 รุ่นพี่ที่ได้ทราบข่าวร้ายของฑิฆัมพรพากันวิ่งเข้ามารุมล้อม นึกเป็นห่วงหลังจากที่เห็นว่าหญิงสาวนั้นไม่ได้มาทำงานเกือบสามวันเห็นจะได้
"โอเคหรือเปล่าฟ้า? "นารีรัตน์เอ่ยถาม นึกโทษตัวเองที่วันนั้นไม่อยู่เป็นเพื่อนน้องอีกสักนิด หากเธออยู่บางทีเหตุการณ์แย่ๆ แบบนี้อาจจะไม่เกิดขึ้น
"ไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ สบายมาก"แม้จะยิ้มแต่ภายในใจก็ยังคงหวาดกลัวที่ต้องเดินผ่านบริเวณที่เกิดเหตุ
"พี่ผิดเอง ที่ไม่อยู่..."
"ไม่ค่ะ มันไม่ใช่ความผิดพี่รีอย่าโทษตัวเองเลยนะคะ"
ทุกคนต่างเข้ามาปลอบขวัญเธอก่อนจะแยกย้ายกันไปทำงานเพราะรังสีอำมหิตที่แผ่ซ่านมาแต่ไกล เขาเหลือบมองเธอเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าไปในห้อง
เรื่องราวต่างๆ ยังคงตามหลอกหลอนเธอทั้งเรื่องในอดีตและเรื่องที่เพิ่งเกิดแม้คนร้ายจะถูกจับไปแล้วแต่ความรู้สึกที่เสียไปมันยากที่จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม
 
เวลาล่วงเลยไปเกือบบ่ายโมงชายหนุ่มยังคงจับจ้องอยู่ที่จอคอมเช่นเดิม ใบหน้าคมตึงเครียดอย่างเห็นได้ชัด ก่อนที่ริมฝีปากหนาจะคลี่ยิ้มออกมาเมื่อมีชื่อของใครบางคนโชว์ขึ้นบนหน้าจอโทรศัพท์ เขากดรับสายอย่างไม่รีรอ
"วันนี้ฝนคงจะตกหนักนะครับ มีนถึงโทรมาหาพี่ได้เนี้ย"
คนเมื่อครู่หายไปทันที เหลือเพียงแค่ชายหนุ่มที่แสนอบอุ่น ภาพๆ นั้นถูกเก็บไว้ด้วยแววตาของใครอีกคน มันช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับเหวเมื่อเทียบกับตอนที่อยู่กับเธอ จะมีหวังบ้างไหมที่เธอจะได้รับรอยยิ้มแบบนั้นจากเขา คนที่อยู่ปลายสายคงจะเป็นคนสำคัญไม่น้อยถึงได้ทำให้เขายิ้มได้ในเวลานี้
"อาทิตย์หน้ามีนจะกลับแล้วนะคะ"
"จริงหรือครับ พี่ดีใจที่สุดเลย"
"ค่ะ แค่นี้ก่อนนะคะ"
"ครับ"
แม้จะเป็นเพียงการสนทนาสั้นๆ แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้เขารู้สึกดีขึ้น ทว่าก็รู้สึกแปลกๆ กับน้ำเสียงที่ดูหงอยๆ ของเธอ คล้ายว่ากำลังทุกข์ใจกับอะไรบางอย่าง เขาหันกลับมาทำงานต่อแต่ครั้งนี้ไม่ได้เครียดมากเท่าไหร่รู้สึกผ่อนคลายเมื่อได้ยินเสียงของคนรัก
 
แก้วกาแฟถูกวางลงบนโต๊ะผู้บริหารพร้อมอาหารว่าง
“พอดีเห็นว่าตอนเที่ยงท่านประธานยังไม่ได้ทานอะไร ฉันเลยเอาของว่างมาให้ค่ะ”
เวหาเงยหน้าจากจอสี่เหลี่ยมก่อนจะจ้องคนตรงหน้าเขม็ง ทั้งๆ ที่ตนนั้นรู้ว่าไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้ามาในห้องนี้แต่เพราะนารีรัตน์ติดงานไม่ว่างเข้ามาเอง เธอจึงตัดสินใจเอาอาหารว่างมาให้แทน เพราะคิดว่าเขาคงอารมณ์ดีขึ้นมากแล้ว ไม่น่าจะไล่เธอเหมือนหมูเหมือนหมาอย่างที่เคยทำ
“ใครอนุญาตให้เธอเข้ามา”
“ฉันเข้ามาเองค่ะ แล้วก็กำลังจะออกไปแล้ว ไม่ต้องไล่ค่ะ”
หญิงสาวกำลังหันหลังเดินออกไปแต่ก็ต้องชะงัก
“เดี๋ยว!”
เธอกลับมายืนที่เดิมเมื่อถูกเจ้านายเรียกเสียงเข้ม
“เอาของของเธอออกไปด้วย”
เขาผลักแก้วกาแฟกลับไปหาเธอทำให้น้ำร้อนในแก้วกระเด็นไปโดนมือของหญิงสาวเกือบครึ่งแก้ว สัมผัสที่แสบร้อนทำเอาใบหน้าหวานเหยเกด้วยความเจ็บปวดแต่ก็ต้องเก็บอาการเอาไว้ เธอกัดฟันตัวเองแน่นเพราะไม่อยากอ่อนแอต่อหน้าเขาอีก ไม่อยากได้ยินคำว่า ‘สำออย’ จากเขา
“เป็นอะไร?”
เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงห้วนๆ เมื่อจับสังเกตคนตรงหน้าได้
“เปล่าค่ะ”
“แล้วทีหลังไม่ต้องเข้ามาในห้องนี้อีก ฉันไม่ชอบ”
“ฉันก็แค่เห็นว่าท่านยังไม่ได้ทานข้าว ก็เลย...”
“ไม่ต้องมายุ่งกับชีวิตฉัน อย่าคิดนะว่าเป็นว่าที่เจ้าสาวฉันแล้วฉันจะไม่กล้าทำอะไร เพราะที่นี้เธอเป็นเพียงนักศึกษาฝึกงาน เธอไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้ามาในห้องนี้ แม้แต่สถานะภรรยาของฉันเธอก็ยังไม่มีสิทธิ์ที่จะได้รับมันด้วยซ้ำ”
ไม่มีสิทธิ์ เธอก็แค่คนที่ถูกยัดเยียดมา ก็จริงอย่างที่เขาบอกแต่กลับรู้สึกเจ็บกับความจริงเหล่านั้น
“พอรึยังคะ”
เธอเอ่ยถามด้วยท่าทางเหลืออด พยายามกักเก็บหยดน้ำตาเอาไว้ ไม่อยากเสียให้คนที่ไม่เห็นค่าของมัน
“อะไร?”
“คุณคิดว่าคุณวิเศษมาจากไหน ถึงได้มาด่าคนอื่นเหมือนเขาไม่ใช่คน อย่าเอาความคิดของตัวเองเป็นหลักจนดูถูกคนอื่นไปทั่ว”
เธอเอ่ยทิ้งท้ายก่อนจะหยิบแก้วเดินออกไป แต่ก็ต้องสะดุ้งโหย่งเมื่อบางสิ่งลอยเฉียดใบหน้าของเธอไปเพียงเสี้ยววินาที
เพล้ง!
เสียงจานของว่างแตกกระจายก่อนจะหล่นเต็มพื้น พนักงานมากมายต่างวิ่งกรู่มาที่หน้าห้องด้วยความตกใจและอยากรู้อยากเห็น
“อย่ามาปากดีกับฉัน”
เธอไม่แม้แต่หันไปมองคนใจร้ายให้รกสายตา หากจะโกรธจะเกลียดเธอเพียงเพราะเธอเป็นคนที่ถูกบังคับให้แต่งงานด้วยเธอก็เข้าใจ แต่นี้มันมากเกินไป สิ่งที่เธอได้รับมันแย่กว่าที่คิดเอาไว้ แต่เธอก็ไม่สามารถถอยออกจากตรงนี้ได้ เมื่อไหร่ที่ทุกอย่างคลี่คลายและเขานั้นโอเคแล้ว เธอจะไปเอง จะไม่ให้เขานั้นเหนื่อยไล่เธอเลยแม้แต่น้อย
พนักงานที่มุงดูเหตุการณ์เมื่อครู่ต่างแยกย้ายกันไปทำงานเมื่อเห็นสายตาแสนน่ากลัวของเจ้านายทอดมองมาประมาณว่าใครคิดจะยุ่งเตรียมตัวตาย
 
เธอวางแก้วลงบนเคาว์เตอร์บริเวณที่เอาไว้ชงกาแฟของพนักงาน นิ้วโป้งเล็กๆ ลูบสัมผัสรอยแดงบนหลังมือของตัวเอง เป่าลมใส่เบาๆ เมื่อรู้สึกแสบๆ ที่แผล พร้อมกับน้ำสีแดงเหนียวๆ ที่ไหลซึมอยู่บริเวณขอเท้าเพราะโดนเศษจานกระเด็นใส่ เธอหยิบกล่องยาลงมาจากชั้นวางของก่อนจะจัดการทำแผลด้วยตัวเอง พร้อมๆ กับน้ำตาที่หยดเผาะ รู้สึกเจ็บ เจ็บทั้งกายเจ็บทั้งใจ
ยอมถอยตอนนี้ได้หรือเปล่านะ...มันจะโอเคใช่ไหมถ้าเราออกไปจากชีวิตเขา ทำไมเราต้องยอมให้คนคนหนึ่งเกลียดได้มากขนาดนี้ ทำไมนะ...เราไม่มีค่าเลยหรือไง
ต่อให้คิดหาเหตุผลอีกกี่ล้านเหตุผล ฑิฆัมพรก็ไม่สามารถถอยออกไปได้แม้มันจะเจ็บปวดอยู่ไม่น้อยกับความเย็นชาที่ได้รับและท่าทางที่เกลียดชังจากเขา
เมื่อวันนั้นมาถึง...ฉันจะเดินออกไปเอง
"เจ็บมากหรือเปล่าฟ้า” นารีรัตน์และพี่ๆ อีกสองสามคนเดินเข้ามาถามหญิงสาวด้วยท่าทางเป็นห่วงเมื่อมองบาดแผลบนร่างกายของเธอ ทุกคนตกใจอยู่ไม่น้อยที่เห็นท่าทางโมโหร้ายของเจ้านายที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน
“นิดหน่อยค่ะ ไกลหัวใจตั้งเยอะ”
“แล้วไปทำอีท่าไหนล่ะ ท่านประธานถึงได้โกธรขนาดนั้น”
เธอหลบตาต่ำมองพื้น คนเอ่ยถามจึงรู้ทันทีว่าเธอไม่สะดวกที่จะตอบ กมลเนตรสาววัยสามสิบต้นๆ ยกมือขึ้นลูบหลังรุ่นน้องอย่างปลอบประโลม
“ไม่เป็นไร ไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไร”
เธอยิ้มบางๆ อย่างขอบคุณ ขอบคุณที่อย่างน้อยก็ยังมีพี่ๆ ที่คอยเป็นห่วงและเข้าใจ
 
เช้าวันหยุดที่ท้องฟ้ามืดครึ้มคล้ายว่าพายุกำลังจะเข้า ร่างบางนอนขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม แอร์เย็นๆ ยิ่งทำให้ไม่อยากลุกไปไหน เธอยังคงหลับใหลไม่ยอมตื่นแม้เวลาจะล่วงเลยมาจนถึงหกโมงเช้า
กรอบแกรบๆ
เอาอีกแล้ว! เสียงย่ำฝีเท้ามันดังขึ้นอีกครั้งในความฝัน เม็ดเหงื่อผุดขึ้นจนเต็มใบหน้าของเธอ ภาพในอดีตเริ่มสลับไปมากับภาพเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิด
‘รอพี่อยู่หรอจ๊ะคนสวย’
สัมผัสที่หยาบกระด้างเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ พร้อมเสียงแหบพร่าของชายคนนั้นที่มันยังคงหลอกหลอนเธอทุกครั้งที่หลับใหล หรือแม้แต่เวลาที่ท้องฟ้าสว่าง บางทีความรู้สึกนั้นมันก็กลับมาเสียดื้อๆ เหตุการณ์ในวันนั้นเปลี่ยนแปลงชีวิตเธอไปโดยสิ้นเชิง
หญิงสาวดีดตัวขึ้นจากฝันร้ายก่อนจะหอบหายใจอย่างเหนื่อยล้า แต่ในหัวยังคงมีเสียงของชายคนนั้นสลับกับเสียงฝีเท้าของใครบางคนล่องลอยอยู่ตลอดเวลา เธอกวาดมองไปรอบๆ ห้องด้วยแววตาหวาดระแวงก่อนจะวิ่งออกจากห้องไป เธอวิ่งตามหาผู้เป็นแม่จนทั่วบ้านเพราะทุกครั้งที่ฝันร้ายคนแรกที่เธอจะเห็นคือผู้เป็นแม่ ท่านจะเข้ามาปลอบขวัญเธอตลอด แต่ครั้งนี้กลับไม่มีใครเลยนอกจากเธอ ความกลัวทำให้หยาดน้ำตาไหลอาบแก้มไม่ขาดสายก่อนจะหยุดนิ่งที่หน้าห้องรับแขกเมื่อพบว่าผู้เป็นแม่อยู่ที่นี่ เธอสะอื้นเล็กน้อยทว่าเพิ่งสังเกตเห็นว่าในห้องนี้มีคนอื่นอยู่ด้วย

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา