นรกบนดิน(yuri)

-

เขียนโดย themockingjay

วันที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 13.54 น.

  29 ตอน
  0 วิจารณ์
  19.71K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 10 เมษายน พ.ศ. 2563 14.03 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) โกดัง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
"ท... ทำไม มันถึงเป็นแบบนี้ไปได้ละคะแม่! " เธอถามด้วยน้ำเสียงอันสั่นเครือ มือเธอเริ่มมีอาการสั่น เธอพึ่งเข้าใจว่าสถานการณ์ตอนนี้นี่เองสินะที่เธอสามารถเรียกคำว่าจิตตกได้อย่างสมบูรณ์แบบเลย
 
 
 
1ชั่วโมงก่อนหน้านี้
 
 
"โอเค ลูกเเละแพรวตั้งใจฟังกันให้ดีๆ นะ เพราะนี่ไม่ใช่เรื่องที่เป็นปัญหาแค่เฉพาะประเทศเรา แต่มันเป็นปัญหาสำหรับคนทั่วโลก! "
" ค่ะแม่" เธอมองหน้าแม่อย่างตั้งใจฟัง เธอไม่เคยตื่นเต้นกับอะไรที่มากขนาดนี้มาก่อนในชีวิต ชีวิตเธอจะเป็นยังไงคงต้องขึ้นอยู่กับสิ่งที่แม่เธอบอกต่อไปนี้เเล้วจริงๆ
"ย้อนไปประมาณ1เดือนก่อน ทางรัฐบาลไทยได้รับข้อมูลลับเกี่ยวกับการพัฒนาและดัดแปลงเซลล์ของมนุษย์ที่ทางรัฐบาลไทยของเราส่งคนไปเป็นสายสืบและแอบแฮ็กคอมพิวเตอร์จนได้เรื่อง ว่าทางรัฐบาลจีนกำลังดัดแปลงและพัฒนาเซลล์มนุษย์ให้มีความแข็งแกร่งขึ้น เพื่อที่จะใช้มนุษย์เป็นอาวุธสงครามในสงครามโลกครั้งที่3 ที่อาจจะเกิดหรือไม่เกิดก็ได้ โดยการฉีดเชื้อไวรัสเข้าสู่กระแสเลือด จากนั้นเชื้อไวนัสตัวนี้จะทำปฏิกิริยากับเม็ดเลือดแดงทำให้เข้าสู่กระบวนการการเปลี่ยนแปลงเซลล์ ทำให้เซลล์เม็ดเลือดแดงที่อยู่ทั่วร่างกายนั้นทำปฏิกิริยาทั่วร่างกาย ทำให้ร่างกายเข้าสู่กระบวนการพัฒนาจากภายในสู่ภายนอก ซึ่งจะทำให้รูปร่างภายนอกเกิดการเปลี่ยนแปลง ซึ่งอันนี้ยังเป็นเพียงแค่ทฤษฎีเท่านั้น ส่วนผลลัพธ์นั้นทางนักวิจัยเองก็ยังทดลองกับมนุษย์ที่เป็นนักโทษร้ายแรงโดนข้อหาประหารชีวิต แต่ทางรัฐบาลจีนเห็นสมควรว่าในเมื่อนักโทษจะได้รับการประหารชีวิตเเล้ว จึงเอามาเป็นตัวทดลองได้ไม่มีอะไรเสียหาย เท่าที่เจ้าหน้าที่รัฐของเราได้แฮ็กมาได้แค่นี้เพราะอยู่ในระหว่างการเริ่มทดลองทำให้รัฐบาลไทยเรายังไม่รู้อะไรมาก ส่วนเหตุผลว่าทำไมรัฐบาลไทยจึงส่งเจ้าหน้าที่ไปสืบข้อมูลนี้เเม่ลองถามเจ้าหน้าที่เเล้วก็คงไม่รู้เหมือนกัน (หรือบอกไม่ได้ก็ไม่รู้) หลังจากนั้นประมาณก่อนวันเกิดเรื่องทางเจ้าหน้าที่รัฐบาลได้ข้อมูลมาอีกหนึ่งฉบับที่แปลเป็นไทยว่า
นี่เป็นเหตุการณ์ร้ายแรงขั้นฉุกเฉิน พวกเรารัฐบาลจีนจะรับผิดชอบเรื่องทั้งหมดเอง แต่หาก ณ ตอนนี้พวกเรา (รัฐบาลจีน) ขอให้ผู้นำรัฐเท่าโลกเตรียมรับมือกับไวรัสกินคนที่มีชื่อเรียกว่า SB20 ซึ่งทางเรา (รัฐบาลจีน) จะให้ข้อมูลอย่างละเอียดของเชื้อไวรัสSB20 นี้จากกระดาษที่แนบมา
รายละเอียดเชื้อไวรัสSB20
1. เชื้อไวรัสตัวนี้สามารถแพร่เชื้อจากคนสู่คนเท่านั้น ในส่วนของประเภทสัตว์จะไม่สามารถแพร่เชื้อได้
2.ระยะเวลาในการฟักเชื้อคือประมาณ1ชั่วโมง หากใครใดๆ ก็ตามติดเชื้อโดยการข่วน กัด น้ำลาย สารคัดหลั่งจากผู้ติดเชื้อ คนนั้นจะติดและจะมีอาการเป็นไข้สูง อาเจียน เห็นภาพเพ้อฝัน
3. จุดทำลายเชื้อนี้คือหัวเท่านั้น ต้องตัดส่วนหัวให้ขาดจากร่างกายเท่านั้นเพราะศูนย์รวมการควบคุมของร่างกายอยู่ที่สมองทั้งหมด
4.หากบุคคลใดๆ ติดเชื้อครบ1ชั่วโมงเเล้วร่างกายของคนๆ นั้นจะมีอาการกระตุก เกร็งอย่างรุนแรงก่อนจะเปลี่ยนเป็นร่างที่ไร้วิญญาณแต่สามารถเดินได้และจะมีอาการหิวโซ จู่โจมมนุษย์ (เท่านั้น) เพราะความหิวตลอดเวลา
4.1) ความสามารถของบุคคลใดมี่ติดเชื้อนี้เเล้วจะมีอาการ
1. ไม่สามารถมองเห็นได้
2.หูจะได้ยินเหมือนคนปกติ
3.จมูกสามารถรับรสกลิ่นของเลือดได้เป็นอย่างดี
4.มีความสามารถเฉพาะตัวใน3ระดับ (ซึ่งจะอยู่ในหัวข้อ4.2)
4.2 ซึ่งจะมีอยู่3ระดับ ใน3ระยะนี้จะมีอาการเหมือนกันคือหิวโซตลอดเวลา และใน3ระยะเท่าที่เรา (รัฐบางจีน) ได้ศึกษามาคือส่วนหนึ่งเท่านั้นแต่ถ้าหากเรายังยับยั้งเชื้อSB20ตัวนี้ไม่ได้มันจะพัฒนาไปอีกขั้น ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นเราคงต้องร่วมมือกันจัดการหากเป็นคนใดคนหนึ่งไม่ได้
รายละเอียด 3ระยะความสามารถและลักษณะทางกายภาะของคนที่ติดเชื้อSB20
4.1) ระยะที่1 ระยะปกติ บุคคลคนนั้นจะเดินเอื่อยเฉื่อย หากได้ยินหรือได้กินมันจะสามารถเดินไปหาสิ่งๆ นั้นได้เท่านั้น มีลักษณะเหมือนคนธรรมดาปกติ
ระยะที่2 ระยะกลาง บุคคลคนนั้นสามารถเดินและวิ่งได้ มีลักษณะธรรมดาปกติเหมือนกับระยะปกติ
ระยะที่3 ระยะฉุกเฉิน ระยะนี้เป็นบุคคลที่ติดเชื้อแล้วและมีการพัฒนาเซลล์ของตัวเองทำให้บุคคลที่ติดเชื้อที่อยู่ในระยะนี้มีความสามารถในการปีนป่ายได้ เช่น อาคาร ต้นไม้ เป็นต้น มีลักษณะแขน ขาและลำตัวยาวผิดปกติ มีกงเล็บที่แหลมคมในการปีนป่ายในที่สูง
พวกเรารัฐบาลจีนหวังเป็นอย่างสูงว่าผู้นำทุกประเทศจะเตรียมตัวรับมือกับสถานการณ์นี้ได้อย่างรวดเร็วเพราะเชื้อไวรัสSB20ได้แพร่กระจายอย่างกว้างขวางเเล้ว ทางประเทศจีนเองพึ่งประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นที่เรียบร้อยเเล้วของให้ผู้นำทุกประเทศทั่วโลกตระหนักกับไวรัสตัวนี้ด้วยเถิดอย่าได้ชะล่าใจไปเลยเพราะมิฉะนั้นมนุษย์อย่างเราคงจะสูญพันธุ์
พวกเรารัฐบาลจีนทุกคนอวยพรของให้ทุกท่านโชคดี
 
 
ใช่อันนี้เป็นข้อมูลของเชื้อตัวนี้และทางรัฐบาลทั่วโลกก็ไม่ได้สนใจเท่าไรจนมาถึงวันที่พ่อและแม่โดนทหารอุ้มไปนี่แหละ คงจะเริ่มเตรียมตัวกันเพราะคนที่ติดเชื้อเริ่มเข้าประเทศและกระจายอย่างรวดเร็วจนทำให้รัฐบาลคุมเจ้าหน้าที่รัฐให้อยู่ในที่ที่ปลอดภัยก่อน "
เมื่อเธอได้ฟังรายละเอียดถึงกับอึ้งกิมกี่อยู่
"ท... ทำไม มันถึงเป็นแบบนี้ไปได้ละคะแม่! "
" ใจเย็นๆ ลูก อย่าลืมนะว่าเราได้มาอยู่ในค่ายทหารเเล้ว ปลอดภัยแน่นอนจ้ะ" ถึงแม่จะยิ้มให้คลายกังวลแต่ในใจลึกๆ เธอก็คงเชื่อแหละว่ามันไม่มีอะไรแน่นอน
"แม่คะเราจะไว้ใจค่ายทหารนี้ได้หรอคะแม่"
"จริงด้วยลูกหลับไปตั้งหลายวัน อยากขยับเนื้อขยับตัวรึเปล่าเดี๋ยวแม่จะพาไปเดินเล่นพร้อมกับแพรวด้วยเนอะ"
"ค่ะ แกไปกันฉันออกไปดูข้างนอกเเล้วว" เพื่อนเธอพูดอย่างตื่นเต้น
'ทุกคนดูวางใจกับที่นี่จังเลยแฮะ'
"โอเคๆ แม่คะเดี๋ยวหนูขอไปแต่งตัวแปบนะคะ" เธอที่กำลังลุกออกจากเตียงกำลังจะเดินไปห้องน้ำแต่ก็ต้องย้อนกลับมา
"แหะๆ ห้องน้ำไปทางไหนนะคะ"
"5555555555" ทุกคนพร้อมใจกันหัวเราะออกมา ทำให้เธอที่อายอยู่เเล้วกลับหน้าแดงไปกันใหญ่
"โถ่ววววเพื่อน เมื่อกี้เดินออกไปอย่างมาดมั่นเลยนะ"
"เอ้า ก็ลืมไปว่าอยู่ค่ายทหารอะ นึกว่าอยู่โรงพยาบาล"
"5555555คุณคะพาไปลูกไปห้องน้ำหน่อยนะคะ"
"จ้ะ มาลูก เดี๋ยวสุดเก่งของลูกจะพาไปห้องน้ำเอง จำได้ว่าตอน4ขวบลูกก็เดินมาขอพ่อให้พาไปห้องน้ำเพราะกลัวผีด้วยนะ 55555"
"พ่ออะะ พาหนูไปห้องน้ำได้เเล้วว " ภาพและบรรยากาศนี้คงเป็นภาพแห่งความสุขภาพแรกหลังเกิดเหตุการณ์การเเพร่เชื้อระบาดผู้คนล้มตายกันไป50ล้านคนภายในเวลา1อาทิตย์ ที่ทางศูนย์วิจัยเริ่มควบคุมเชื้อไวรัสไม่ได้จนหลุดออกมา
หลังจากที่ทำธุระส่วนตัวทุกอย่างเสร็จเธอก็พร้อมจะเดินเล่นที่ค่ายทหารแห่งนี้
แต่ก่อนที่เธอจะออกจากที่ที่เธออยู่เธอก็พึ่งสังเกตว่าห้องของเธอนั้นมีลักษณะเป็นห้องสี่เหลี่ยมขนาดกลาง ประตูอยู่ตรงกลางซ้ายมือเป็นประตูเหล็กที่เปิดไปก็เหมือนห้องของเธออีกฝั่งหนึ่ง ส่วนในห้องหากนึกภาพตามเมื่อเดินเข้าประตูแล้วทางซ้ายมือจะเป็นตู้เสื้อผ้า ถัดจากตู้เสื้อผ้าจะเป็นโต๊ะอ่านหนังสือ ส่วนทางด้านขวามือจะเป็นเตีนงนอน ถัดจากเตียงนอนจะเป็นห้องน้ำส่วนตัว ซึ่งเธอมองรวมๆ เเล้วอยู่กันได้2คนเลย ห้องอื่นๆ คงเหมือนกัน
พอพวกเธอออกมาตามทางเดินมันจะเป็นทางเดินที่คนเดียวเดินสวนกันได้ ระหว่างทางจะเป็นห้องแบบเธอเรียงกันไปแต่ละห้องจะเขียนชื่อเจ้าของอยู่หน้าประตูจะได้ไม่ต้องห่วงว่าจะเข้าห้องผิดไหม ส่วนพวกมือบอนนั้นคงเอาป้ายชื่อออกไม่ได้หรอกเพราะมันเป็นกรอบเหล็กครอบชื่ออยู่ดังนั้นเธอคงหายห่วงได้ เธอเดินไปตามทางจนสุดทางออกปรากฏว่าที่ที่เธอยู่นั้นเป็นโกดังเก่าที่บูรณะซ่อมแซมจนกลายเป็นห้องแถวคล้ายๆ อพาร์ทเม้นท์แต่อยู่ในโกดัง ในโกดังหนึ่งจะมีห้องแถวประมาณ400ห้อง แบ่งกลางไว้เดิน ซึ่วฝั่งซ้ายมี200ห้อง มี2ชั้น ชั้นบน100ห้อง ชั้นล่าง100ห้อง ฝั่งขาวก็เช่นกัน ทั้งหมดรวมเป็น400ห้อง
ดีนะที่ห้องของเธออยู่ใกล้ๆ ทางออกไม่งั้นเดินขาลากแน่ เธอคิดว่าห้องอยู่สบายก็จริงแต่ทางเดินระหว่างกลางของโกดังมันค่อนข้างแคบ อากาศที่อยู่ระหว่างโกดังก็ค่อนข้างอับแต่ไม่ได้ถึงกับแย่ เธอเองก็ไม่ใช่ว่าจะอยู่ไม่ได้ อยู่ได้สบายเลยปกติเธอเป็นคนง่ายๆ อยู่เเล้วแต่ดูเหมือนคนที่เดินสวนทางกันจะไม่ค่อยถูกใจกันเท่าไรนะ
หลังจากที่เธอเดินออกมาจากโกดังเเล้วพบว่าเห็นโกดังที่เหมือนเธออีกเป็นสิบๆ โกดังเลยทีเดียว
"โห้แม่คะ ที่นี่คือค่ายทหารจริงหรอคะแม่ทำไมมันใหญ่ขนาดนี้"
"อันนั้นแม่ก็ไม่รู้นะแต่เจ้าหน้าที่เขาบอกมาแบบนี้"
"อืมมมม มันต้องมีเงื่อนงำ"เพื่อนเธอพูด
"อะไรนะ "
" เงื่อนงำไง"
"อ๋อออ"
"ฮั่นแน่ "
" อะไร"
"ป้าวววว"
"ฉันรู้นะ"
"รู้อะไร"
"ว่าแกคิดอะไรอยู่" เพื่อนเธออย่างเจ้าเล่ห์
"บ้าหรอ แกนั้นแหละคิด" แพรวหรี่ตามองเธอเหมือนว่า ฉันรู้นะว่าแกคิดอะไรอยู่ แค่มีผู้ใหญ่อยู่หรอกแกเลยไม่พูด
'เชอะไอเพื่อนคนนี้ รู้ทันจริงแฮะ'
 
 
"แม่คะที่นี่เรามีกี่โกดังกันคะ"
"มี15โกดังนะ ถ้าแม่จำไม่ผิด "
" โห้" เพื่อนเธอที่ยังตกใจกับความอลังการของที่นี่อยู่
"นั่นแหละจ้ะ แต่ว่าที่เป็น อพาร์ทเม้นท์น่ะมีแค่8โกดัง ส่วนที่เหลือ7โกดังไว้สำหรับทำอาหาร สถานที่ฝึกสำหรับทหาร โกดังเก็บอาวุธ โรงอาหาร สถานที่ประชุม เป็นต้น แม่ก็ไม่รู้หมดหรอก แต่สถานที่เราตั้งอยู่นี่น่ะอยู่กลางป่าเลยทำให้ไม่ต้องเฝ้าระวังมาก กำแพงของเราสูง5เมตร รอบพื้นที่เราเป็นวงกลม มีทางออกอยู่4ทิศ ซึ่งแต่ละประตูจะมีชื่อเรียกตามทิศเลยจ้ะ ซึ่งแต่ละประตูจะมีหน้าที่ต่างกันไปและมีระบบรักษาการณ์แน่นหนา เปลี่ยนเวร24ชั่วโมง "
" โห้สุดยอดค่ะ แม่รู้ขนาดนี้ได้ยังไงคะแม่"
"ก็เพื่อนพ่อเขาเป็นคนคุมที่นี่น่ะ"
"จริงหรอคะพ่อ"
"จริงจ้ะ เอ้อเดี๋ยวพ่อขอตัวก่อนนะพอดีเพื่อนเรียกน่ะ"
"ค่าา สู้ๆ นะคะพ่อ" พ่อเธอหันมายิ้มก่อนที่จะเดินไปยังรถที่จอดรอรับพ่อของเธออยู่
"เอาล่ะตอนนี้ให้ลูกจำไว้นะว่าเราอยู่โกดัง8 โกดังถัดไปจากเราคือโกดังที่เอาไว้สำหรับฝึกคนที่ต้องการช่วยเหลือคนข้างนอกน่ะ ซึ่งโกดังนี้จะมีมั้งหมด2โกดัง ศิลปะการต่อสู้ทั้งหมดจะรวมไว้ที่นี่ ให้คนที่สนใจอยากฝึกน่ะ "
" โห้สุดยอดเลยค่ะแม่ มีทั้งผู้หญิง ผู้ชายฝึกกันหนักจริงๆ "
"ถ้าอยากฝึกก็มานะ แต่ลูกจะต้องลงไปต่อสู้กับซอมบี้ที่อยู่ข้างนอกนั้น มันเสี่ยงอันตรายถ้าลูกโดนมันกัดคือจบ แพรวก็ฟังให้ดีๆ นะจ้ะก่อนตัดสินใจ" แม่เธอรู้อยู่เเล้วว่ายังไงเธอก็ต้องไป ยิ่งเป็นงานที่ช่วยเหลือคนอื่นเเล้วเธอยิ่งอยากไป และเพื่อนเธอก็คงเช่นกัน
"ซอมบี้หรอคะแม่? "
" ซอมบี้คืออะไรคะคุณน้า"
"อุ้ยตายจริง นี่แม่ลืมบอกไปหรอว่าพวกที่อยู่ข้างนอกนั้นคือซอมบี้ ตายละแม่ลืมไปได้ยังไง ใช่จ้ะ เขาเรียกกันอย่างนั้นนะ เอ้อเเล้วเดี๋ยวทางเจ้าหน้าที่เขาจะแจกจักรยานให้คนที่อยู่อาศัยคนละคันนะ จะได้ไม่ต้องห่วงเวลาเดินไปไกลๆ "
"อื้มอันนี้เห็นด้วยกับเจ้าหน้าที่ค่ะ"เธอยิ้ม
"ใช่ไหมจ้ะ ตอนนี้น่ะแม่เริ่มง่วงเเล้วแม่ของไปนอนก่อนนะ ถ้าลูกอยากกลับมานอนก็มานะแม่อยู่ข้างๆ ห้องของลูกน่ะ"
"ได้ค่ะแม่ ฝันดีนะคะ" เธอโบกมือให้แม่เธอที่นำทางเป็นไกด์ให้เธอกับเพื่อนของเธอจนเข้าใจ ที่นี่ใหญ่มาก นอกจากโกดังเเล้วยังมีสำนักงานต่างๆ ตั้งอยู่เป็นแห่งๆ ในเวลาไม่กี่วันสามารถสร้างได้ขนาดนี้เลยหรอ หรือไม่อย่างนั้นก็ต้องสร้างไว้ก่อนอยู่เเล้วแต่ทำไมนั้นเธอเองก็ยังไม่ทราบ
"เจ๋งง เพื่อนไปสมัครกัน"เพื่อนเธอที่ตื่นเต้นกับทุกสิ่งทุกอย่างได้เอ่ยถามเธออย่างคาดหวังแกมคาดคั้ด
"ไปนอนพักอีกวันสองวันเถอะ ฉันอยากให้อาการตื่นกลัวของเราหายก่อน ไม่อย่างนั้นนะ แค่สภาพจิตใจยังไม่ได้ ร่างกายฉันว่าก็ไม่น่าจะเหลือ หลังจากพักเเล้วเราค่อยมาคุยกันอีกที โอเคนะ" เธอพูดระหว่างเดินทางกลับโกดังของตัวเอง
"โอเคค รู้ว่าเป็นห่วงแหละ ก็ได้ ปะกลับห้องกัน" เธอทั้งสองคนตกลงกันเสร็จก็พากันกลับที่พักของตัวเอง
"อ้าวแกไม่ได้นอนห้องฉันหรอ" หลังจากเธอเดินมาถึงหน้าห้องใช้บัตรแตะเพื่อเข้าห้องแต่เพื่อนเธอกลับไม่เข้าตามไปด้วย
"ฉันอยู่ห้องข้างแกไงเล่า ชื่อฉันก็มีแปะอยู่หน้าห้องตัวบ้อร้อ ใช่สิฉันมันไม่ใช่คนสำคัญนิ กระซิก กระซิก"
"แกรก" เสียงปิดประตูของเธอดังขึ้นหลังจากเธอทนฟังสิ่งที่เพื่อนเธอพูดไม่ได้และกะว่าจะเข้านอนเลยดีกว่า
"หน็อยยย กล้าปิดประตูใส่กันเลยหรอริน"
"เปิดมาคุยกันเดี๋ยวนี้เลยนะ"
"ปั้ง ปั้ง ปั้ง เฮ้ริน"
"รินนนนนนนนนน"
"ขอโทษนะคะ ช่วยเงีย..... " จู่ๆ ก็มีคนเปิดประตูออกมาทางด้านซ้ายมือข้างๆ ห้องของแพรวมาบอกว่าให้เงียบหน่อยแต่ไม่รู้ว่าเป็นอะไรกับโชคชะตา ที่ทำให้เจอคนที่ทำให้แพรวถึงกับน้ำตาซึม
 
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา