นรกบนดิน(yuri)

-

เขียนโดย themockingjay

วันที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 13.54 น.

  29 ตอน
  0 วิจารณ์
  19.70K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 10 เมษายน พ.ศ. 2563 14.03 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) อาจารย์

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
"จารย์" จริงหรอเธอไม่อยากจะเชื่อ ให้ตายเถอะรู้ไหมว่าเธอคิดถึงแค่ไหน ห่วงมากแค่ไหน ติดต่อก็ไม่ได้ หลังจากที่เธอไปบ้านรินและเกิดเรื่องวันนั้นก็ไม่ได้ติดต่ออาจารย์ของเธออีกเลย หลังจากที่เธอเข้ามาพักที่ค่ายทหารนี้ เขาก็ไม่ให้ติดต่อกับใคร เพื่อกันปัญหาหลายอย่างถ้าหากมีคนพบสถานที่นี้ คนอื่นก็จะแห่มาตามหลังจากนั้นคงพาเชื้อเข้ามาด้วย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่เองก็ไม่อยากให้เกิดปัญหานี้ขึ้น จึงไม่ให้ใครในค่ายทหารนี้สามารถติดต่อกับบุคคลภายนอกได้
เรื่องของโทรศัพท์เขาจะยึดทั้งหมด แต่เจ้าหน้าที่จะแจกโทรศัพท์ที่ใช้เพียงโทรเข้าและออกเท่านั้น (คล้ายๆ โนเกียแบบปุ่มกด) หากใครต้องการที่จะติดต่อ ซึ่งเธอเองจำเบอร์อาจารย์ของเธอไม่ได้ เลยก็เป็นแบบเลยตามเลยมานี้
"แพรว เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง" อาจารย์เค้ก ผู้มีหน้าตาราวกับเหยี่ยว ใบหน้ารูปไข่ ตาสองชั้น คิ้วเข้มได้รูป ใบหน้าเนียนใสจมูกโด่ง มีทรวดทรงองเอว จัดว่าเป็นนางแบบได้ก็คงไม่มีใครว่าอะไร และพวกเธอทั้ง2คนนั้นอยู่ในความสัมพันธ์ที่อธิบายค่อนข้างยาก จะอยู่ในฐานะคนคุยไหมก็ไม่รู้ แฟนรึเปล่าก็ไม่น่าใช่
ก่อนที่จะเกิดเรื่องก็โทรคุยกันบ้างแต่ก็ไม่ได้ถี่ เป็นแบบนี้มาปีกว่าเเล้ว แต่ก็นะก็เธอไปบังเอิญรักผู้หญิงเย็นชาที่ในหัวมีแต่งานกับงานเท่านั้น เธอเองก็ไม่รู้ว่าจะมีเธอในนั้นบ้างรึเปล่า
"พอดีเกิดเรื่องนิดหน่อยค่ะ อาจารย์เป็นยังไงบ้างคะ"
" อื้มก็ดี เอ่อเราเข้ามาคุยกันข้างในดีกว่า" อาจารย์ผายมือให้เข้าไปในห้องของอาจารย์
"อ.. อ๋ออค่ะ" ให้ตายเถอะประหม่าชะมัด และทางอีกฝ่ายก็ไม่ต่างกัน อาจารย์หน้าแดงไปถึงหูแต่ลูกศิษย์เธอก็ใสซื่อจริงๆ ทำอะไรไม่เคยจะรู้เล้ยว่าเธอคิดอะไรอยู่ นี่ถ้าไม่ทำให้รู้คงไม่รู้จริงๆ สินะ
หลังจากที่พวกเธอเข้ามาให้ห้องเรียบร้อยเเล้ว เธอเรียกลูกศิษย์ของเธอให้เข้ามานั่งที่เตียงได้เลย ไม่ต้องเขินยืนหน้าประตูอยู่อย่างนั้น
"อาจารย์คะ เอ่อคือ...."
"ไม่ต้องเรียกทางการก็ได้ เรียกเหมือนอย่างที่เคยเรียกนั่นแหละ"
' ว้ายยยยยยยยยยย ฉันเขินนนนอะแกรรร รินช่วยฉันด้วยฉันอยู่กับอาจารย์สองต่อสองในห้อง! ' แพรวคิดในใจปกติเคยคุยกันในโทรศัพท์ไม่เคยคุยแบบตัวเป็นๆ แบบนี้เลยง่ะ!!
"ค่ะพี่เค้ก"
'เชี้ยเขินโว้ยย'
"นั้นแหละ" ลูกศิษย์เธอนี่ดูง่ายมากจริงๆ แค่เรียกชื่อเธอแค่นี้ถึงกับเขิน น่ารักจริงๆ
"คือเอ่อพี่เค้กมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ พี่เค้กไม่เป็นอะไรนะคะ เอ่อคือ..."
"รู้แหละว่าเป็นห่วง" เธอเอื้อมมือไปสัมผัสกับใบหน้าที่เธอเอ็นดูนักเอ็นดูหนา
"......."
"โอเคพี่ไม่แกล้งเธอแล้ว เดี๋ยวจะเขินไปยิ่งกว่านี้" เค้กหัวเราะเบาๆ ให้กับท่าทางอันน่ารักน่าชังของแพรวที่ตอนนี้ ตัวไหม้ได้ไหม้ไปแล้ว เขินจนอยากจะเป็นลมจริงๆ
"ตอนวันที่พี่คุมสอบพวกเธอเสร็จ พี่ก็เก็บงานอะไรให้เรียบร้อยในห้องอาจารย์จนถึงประมาณบ่ายสอง ประชาสัมพันธ์ได้ประกาศว่าให้อาจารย์และนักศึกษาทุกคนไปรวมตัวกันที่ตึกประชุมใหญ่ พี่ก็ไม่รู้ว่ามีอะไร พอไปถึงก็เห็นทหารอยู่ประมาณ100นายมั้งเห็นจะได้ หลังจากนั้นอาจารย์ใหญ่ก็พูดเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ฟังและบอกให้อยู่ในความสงบ ตอนนั้นพี่ตกใจมาก ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน หลังจากนั้นเขาก็กระจายเจ้าหน้าที่ให้พาตัวแต่ละคนอพยพพี่ก็เดินตามเขามาแหละจนมาถึงที่นี่ แล้วเธอละมายังไง"
"คือว่า....." หลังจากนั้นแพรวก็เล่าเรื่องในบ้านและเล่าเรื่องที่แม่ของรินเล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนนี้
"จริงหรอที่เธอเล่ามาทั้งหมดเนี่ย"
"จริงค่ะพี่เค้ก พี่เค้กไม่ต้องกังวลนะคะ ตอนนี้เราเซฟเเล้วค่ะ" เธอพูดแล้วเอื้อมมือไปจับมือพี่เค้ก เพื่อให้คลายกังวลและยิ้มให้เท่าที่เธอจะทำได้เพื่อไม่ให้พี่เค้กเครียดและให้รู้สึกว่าเธอยังอยู่ตรงนี้เพื่อพี่เค้ก ดังนั้นไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ประมาณนั้นนะ
เธอสัมผัสได้ถึงความรู้สึกนั้นจริงๆ จากการกระทำของเด็กตัวน้อยของเธอและจากสายตาที่บ่งบอกให้รู้ว่าเป็นห่วงเธอแค่ไหน มันทำให้เธอรู้สึกมีความสุขมากจริงๆ เมื่อคนที่เรารักยังอยู่กับเราและจะไม่จากไปไหน
 
เมื่ออารมณ์มันพาไปมือที่กุมของกันและกันอยู่ เธอได้เอามือของเธอออกและเปลี่ยนเป็นหลังคอเด็กตัวน้อยของเธอและเอานิ้วชี้ค่อยๆ ลูบให้รู้สึกวาบหวิว
"อื้อออ พี่เค้กทำอะไรคะ" แพรวรู้สึกเคล้มไปกับการกระทำทำให้เผลอส่งเสียงร้องออกมาโดยไม่รู้ตัว และเผลอเอามือไปจับแขนเพื่อให้หยุดการกระทำนั้นแต่ดูเหมือนจะตรงกันข้าม
"แพรวรู้รึเปล่าว่าที่เราคุยกันมาปีกว่านี้ พี่รู้สึกยังไง" เธอพูดแต่มือนั้นจะเหมือนปลาหมึกก็ว่าได้ มือซ้ายลูบคอไปเรื่อยๆ ส่วนมือขวาค่อยๆ ลูบตั้งแต่เข่าสูงขึ้นไปให้เด็กน้อยได้มีอารมณ์เล่น
"มะ... ไม่รู้สิคะ พี่... อะ... อ้ะ... อาจจะไม่รู้สึกกับแพรวเลยก็ได้ค่ะ" มือแพรวได้เอื้อมไปจับมือกำลังลูบวนๆ ขาของเธอให้หยุดแต่ไม่เป็นผล
'พี่เค้กเอาแรงมาจากไหนเยอะเเยะเนี่ย'
"เธออยากรู้ไหมว่าพี่คิดยังไงกับเธอ" เธอค่อยขยับเข้าไปไกล้แพรวทีละนิด มือเธอก็ทำหน้าที่กระตุ้นอารมณ์บางอย่างในตัวแพรวขึ้นมา
"พ.. พี่คะ ค.. คือแพรวว่าเราไปกินข้าวดีกว่าค่ะ พี่หิวยังคะ"
"หิวค่ะ พี่ว่าจะกำลังกินอยู่เลยค่ะ"
"ค... อ้ะ... ค่ะ แพรวว่าไปกันดีกว่... อื้อออ" มือเธอที่กำลังสารวนอยู่กับต้นขาอยู่นั้นก็ค่อยๆ ลูบจากต้นขาไปยังแคมซึ่งจุดนั้นเป็นจุดกระตุ้นอารมณ์ได้ดีจริงๆ
" นี่ไงพี่ขอกินของหวานก่อนค่อยไปกินข้าวนะ" จากนั้นเธอก็ประกบริมฝีปากของกันเเละกัน แพรวเองก็คงพึ่งรู้ว่ารสจูบนั้นหอมหวานจนเธออยากจะลองชิมอีกสักครั้ง
รสชาติที่นุ่มเหมือนมาชเมลโล่ หวานเหมือนน้ำผึ้งที่ยากจะพละออกจากรสชาติที่นุ่มนวล หอมหวานซะจนความรู้สึกของแพรวเริ่มร้อนรุ่มขึ้นเรื่อยๆ
"อื้มมมม" มือเธอก็วนลูบทั่วร่างกายแต่เหมือนรู้สึกว่าเด็กน้องของเธอจะขาดอากาศหายใจสักก่อนจึงพละออกมา
"แห่กๆ " แพรวจับไหล่ทั้งสองข้างของเธอแน่น
"พี่ขออีกรอบได้ไหม"
"คือให้หนูพักก่อนได้ไหมคะ....อื้มมมมม" เธอออดใจไม่ไหวจริงๆ หน้าแพรวตอนแดงๆ และกำลังเหนื่อยอ่อนมันยิ่งทำให้เธอมีอารมณ์ยิ่งขึ้นไปอีก
หลังจากที่ชิมของหวานไปหลายนาทีเธอจึงค่อยๆ ผละออกให้แพรวได้มาอากาศหายใจบ้าง
"นี่แหละคำตอบของพี่" เธอยิ้มหวาน ให้ตายเถอะเราจะคุยกันเป็นปีไปเพื่ออะไรล่ะถ้าไม่สนใจกันตั้งแต่แรก
"ค่ะ" แพรวก้มหน้างุดเขินจนทำตัวไม่ถูก หน้าก็แดง อายก็อาย เขินก็เขิน
' บ้าเอ้ยยยย ลอยได้ลอยเเล้วนะ'
"เอ่อคือ...แพรวขอถามหน่อยได้ไหมคะพี่เค้ก"
" ถามมาเถอะ สำหรับแพรวพี่ยอมหมดอยู่เเล้ว"
"ค่ะ เอ่อคือว่าทำไมพี่เค้กถึงมาบอกตอนนี้ละคะ"
"555555นี่แสดงว่ารู้แล้วหรอว่าพี่คิดยังไงกับเธออะ"
" ก็.... นิดนึงค่ะ แต่ไม่ค่อยแน่ใจแค่นั้นเองค่ะ"
"ร้ายเหมือนกันนะ เธอเนี่ยย"
"อะไรคะพี่ เนี่ยพี่เค้กยังไม่ตอบคำถามแพรวเลยนะคะ"
"555555 ขอบจูบอีกครั้งได้ไหมคะ แล้วพี่จะบอกให้ฟัง"
'ว้ายยยยยยยยยย เขามาขอจูบฉันนน มีค่ะด้วยอะแกรรรรรรร ฉันหลงเขา แต่งค่ะแต่งเลย เงินไม่ต้องค่ะพี่เค้ก เอาตัวหนูไปเลยค่ะ'
 
"แปบเดียวนะคะ"
"ค่ะแปบเดียว"
"อืมมมม" เธอเข้าไปจูบแพรวอย่างอ่อนโยนและนุ่มนวลทำให้เจ้าตัวเล็กของเธอเคลิ้มจนล้มลงไปนอนกับเตียงและกอดคอเธอเหมือนว่ายังไม่อยากให้ไปไหนเหมือนกัน ดูแล้วอีกนานแน่ๆ ให้ตายเถอะวันเดียวยังขนาดนี้ไม่ต้องคิดเลยว่าวันต่อไปจะขนาดไหน ตัวเล็กของเธอน่ากินจนอดใจไม่อยู่จริงๆ
หลังจากพวกเธอได้ลิ้มรสของกันและกันเสร็จและเห็นอันสมควรว่าได้เวลาไปทานข้าวเเล้วเพราะตอนนี้เวลา 16.49น. อีก11นาทีโรงอาหารจะเปิดและจะได้ใช้บริการ ระหว่างที่กำลังแต่งตัวให้เรียบร้อย จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูจากห้องข้าง
"แพรวอยู่ข้างในไหม ได้เวลากินข้าวเเล้ว เดี๋ยวมาหิวตอนดึกฉันไม่รู้ด้วยนะ"
"เพื่อนเธอมาตามเเล้วน่ะ" พี่เค้กขำเล็กน้อย
"5555ค่ะ"
'เชอะเพื่อนเธอมาตามตอนได้เวลาพอดีเป๊ะเลย'
พอเธอแต่งตัวเสร็จกำลังจะเดินออกไปรอพี่เค้กด้านนอกจู่ๆ ก็โดนดึงตัวไปกอด
"ว้ายพี่เค้ก ทำอะไรคะ"
"ที่พี่มาบอกตอนนี้เพราะจริงๆ เเล้วพี่จะบอกหลังสอบเสร็จแต่หาโอกาสบอกไม่ได้และมันก็เกิดเรื่องสักก่อน พี่กลัวน่ะ
กลัวจะไม่ได้บอกเธอ กลัวว่าพี่จะไม่ได้เจอเธออีก แต่เมื่อเจอแล้วยิ่งอยู่ข้างห้องกันอีก มันก็อดไม่ได้น่ะ เธอมองหน้าเจ้าตัวเล็กของเธออย่างจริงจัง แพรวเองก็รับรู้ว่าสิ่งที่เจ้าตัวพูดมันสำคัญกับเธอเเละเจ้าตัวขนาดไหน
แพรวได้ยินดังนั้นจึงกอดคอพี่เค้กและเขย่งปลายเท้ากดรินฝีปากของเธอเข้ากับริมฝีปากของพี่เค้กแล้วค่อยผละออก
"แพรวรักพี่นะคะ" คำว่ารักเนี่ยลึกซึ้งจังนะ เป็นคำที่ถ้าหากเป็นฝ่ายถูกบอกรักจากคนที่เรารักตอนนั้นเราคงบอกกับทุกคนได้เลยว่าความสุขเป็นหน้าตาแบบนี้นี่เอง เธอเองก็ไม่เคยอยากจะรักใครหรอกวันๆ ก็ทำแต่งานจนเจ้าตัวเล็กเข้ามาในชีวิตนี่แหละ ถึงทำให้เธอรู้จักคำว่ารักจริงๆ สักที ต้องขอบคุณเจ้าตัวเล็กมากๆ
"พี่ก็รักแพรวค่ะ " บรรยากาศที่เต็มไปด้วยความรักมันหอมหวานเสมอ เธอก้มลงไปกอดเจ้าตัวเล็ก ซึมซับกันและกันก่อนค่อยผละออกมา
" ก๊อกๆๆ แพรวแกทำอะไรอยู่เนี่ย ฉันยืนรอนานแล้วนะ "
" ไปกินข้าวกันค่ะพี่เค้ก"
" ค่ะ " เธอทั้งสองคนยิ้มให้กันก่อนที่จะเดินออกไปเปิดประตู
" อ้าว แพรวแกไปไหนมา ทำไมแก….เอ่อ….ไปอยู่ในห้อง อารย์ " หลังจากเธอเคาะประตูเพื่อนตัวดีของเธอเป็นสิบๆ รอบ จู่ๆก็มีเสียงห้องประตูข้างๆ เปิดมา เป็นแพรวที่เดินออกมาก่อนแล้วตามด้วยอาจารย์เธอ
" อาจารย์สวัสดีค่ะ"
"จ้ะ เราไปกินข้าวกันดีกว่านะ เหมือนจะสายแล้วด้วย"
"ค่ะพี่เค้ก " เธอที่ยืนงงๆ กับบรรยากาศแปลกๆ สรรพนามแปลกๆ มีการยิ้มให้กันด้วย เธอหรี่ตามองแพรว ก่อนที่อาจารย์จะเดินนำและปล่อยให้พวกเธอทั้งสองคนอยู่ด้วยกัน
" มันหมายความว่ายังไง เหลามาให้หมดเลยนะ""
55555 เห็นหน้าแกตอนงงนี่ตลกดีอะ"
"แหม่ หน้าตาอิ่มหน่ำสมบูรณ์เลยนะเพื่อนฉัน อย่าบอกนะว่า"
"บ้าหรอ ยัง คืองี้... " แล้วเธอก็เล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นหลังจากที่เธอปิดประตูใส่
" ว้ายยยย แรงมาก ฉันฟินแทนแกจริงๆ อะ"
"ใช่ปะ ตอนจูบนะฉันแทบขึ้นสวรรค์อะ"
" ฟินขนาดนั้นเลยหรอคะ"
" ฟินขนาดนั้นเลยอะค่ะ" พวกเธอเม้ามอยกันระหว่างเดินไปยังโรงอาหารที่อยู่โกดัง11 โดยมีอาจารย์เดินนำหน้า
" อ้าวแล้วพ่อแม่แกอะ"
" ไปกันก่อนแล้ว ก็ฉันมัวแต่รอแกไปจู๋จี๋กับจารย์อยู่เนี่ย"
" ง่อลเพื่อนใครเนี่ย ทำไมน่ารักจัง"
" จ่ายมาด้วย20บาท"
"เอารอยยิ้มของฉันที่สุดแสนจะ…."
" พอออ เดี๋ยวฉันกินข้าวไม่ลง"
"แรงงงง ฉันร้องไห้ละ"
"เดี๋ยวฉันไปเรียกจารย์ให้"
รู้ใจ555555" พอพวกเธอทั้งสามคนถึงโรงอาหารแล้วหน้าตาคล้ายๆ โรงอาหารที่โรงเรียน จะมีร้านอาหารอยู่3ด้าน รอบๆ โรงอาหาร ที่นั่งจะเป็นโต๊ะยาวเป็นแถวยาว มีหลายแถวเพราะโรงอาหารนี้ต้องรองรับคนประมาณ4พันคน
" โรงอาหารหรือราชมังฯ ใหญ่มากอะ "
" พี่ว่าเราเข้าไปกันเถอะ เดี๋ยวไม่มีที่นั่งนะ "
" ได้ค่ะพี่เค้ก"
" แหม่"
"นิดนึงอะแกรร คนกำลังมีความรักอะนะ "
" แค่เรื่องนี้เรื่องเดียวนะ" เธอเบ๊ะปากมองบน อดหมั่นไส้คนขิงเก่งไม่ได้จริงๆ
" โฮ้ะๆ "
จากนั้นเราก็แยกย้ายกันไปสั่งอาหาร โดยที่เราจะสั่งอาหารได้เลยไม่มีการแลกเงิน หรือคูปองอะไรต่างๆ สำหรับเธอแล้วตอนนี้ เธออยากกินส้มตำ
"จะมีไหมน้า โอ้ยขอโทษค่ะ"
"ขอโทษครับ" เธอมัวแต่มองเมนูอาหารที่หลากหลายจนลายตาทำให้เธอไม่ได้มองทางเดินไปชนกับคนคนหนึ่งเข้า เมื่อเธอกับเขาเผลอสบตากันให้เธอรู้ว่าเขาจัดอยู่ในกลุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งเลยนะเนี่ย น่าจะสูงกว่าเธอสัก10ซ.ม. ประมาณ180ได้มั้งนะ คิ้วเข้ม ใบหน้ากับสันกรามดูเข้ากันได้ดี ที่สำคัญมีซิกแพคด้วย หล่อไปไหนพ่อคูณ
เธอยิ้มๆ ให้อีกคนก่อนที่จะเดินเลือกเมนูต่อ
" เอ่อ ขอโทษนะครับ คุณพึ่งเข้ามาใช่ไหมครับ"
" อะ เอ่อ ใช่ค่ะ "
" คุณกำลังหาเมนูอะไรหรอครับเผื่อผมจะนำแนะได้ " ผู้ชายคนนั้นยิ้มๆ
' เวลายิ้มนี่คงตกผู้หญิงไปได้หลายคนเหมือนกันนะเนี่ย แต่เธอคงไม่ใช่หนึ่งในนั้น'
" คือฉันอยากกินส้มตำอะค่ะ ไม่ทราบว่าเดินไปทางไหนหรอคะ"
"อ๋ออ ทางนี้ครับเดี๋ยวผมนำเอง ผมก็กำลังอยากกินอยู่เหมือนกันครับ"
"อ๋ออค่ะ ขอบคุณนะคะที่ช่วยนำทางให้ " เธอยิ้มๆ
'ไอหมอนี่ดูมีอะไรนะ ต้องการอะไรจากเราไหมเนี่ย'
" ผมชื่อ กัน ครับ เอ่อคุณชื่อ…"
" ฉันชื่อ ริน ค่ะ"
" ครับนี่ครับถึงแล้ว" กันยิ้มหวานให้เธอซึ่งเธอเองก็ยิ้มตอบเช่นกัน
"ขอบคุณนะคะ"
หลังจากที่เธอยืนคุยกับกันและได้เมนูที่เธอต้องการแล้ว เธอก็พึ่งรู้ว่ากันเป็นเจ้าหน้าที่ที่นี่ ตอนแรกเขาก็เหมือนเธอนี่แหละ แต่บังเอิญว่าเขาไปแอบได้ยินผู้ใหญ่เขาคุยกันตอนนั่งอยู่ในโรงอาหารว่ามีโครงการที่คนธรรมดาเข้าไปเป็นหน่วยรบช่วยเหลือคนที่ประสบภัยที่อยู่ข้างนอกได้ เขาก็เลยอยากจะทำจึงเข้าไปเป็นซึ่งตอนนี้เขาก็เข้ามาประมาณ1เดือนแล้วเธอคิดว่าก็คงใช่แหละ หุ่นฟิตขนาดนี้แต่เธอรู้สึกว่าเคมีเธอกับผู้ชายคนนี้เข้ากันแปลกๆ ถ้าได้เจอกันอีกก็คงจะดี
" มาแล้ววว"
"ไปซื้อข้าวหรือไปเต๊าะผู้หญิงมาเนี่ย นานมาก"
" เปล่าย่ะ ไปโดนผู้ชายเต๊าะมา"
" ว้ายแรง ใครอะ"
" ชื่อกัน หน้าตาดี มีซิกแพค เขาอยู่หน่วยที่แม่ฉันบอกด้วยนะ ฉันว่าถ้าเราอยากเข้าเดี๋ยวไปถามเขาได้"
"หรอสนใจโครงการหรือสนใจใครกันแน่"
" ฉันไม่ได้ชอบผู้ชายไหมล่ะ แกก็รู้"
" อ้าวจริงหรอเนี่ย พี่ก็คิดว่าเธอชอบผู้ชายสักอีก"
"งี้ไงแกถึงไม่มีแฟนสักที5555555"
" จ้าๆ ยอมแล้ว กินข้าวเถอะ เดี๋ยวข้าวก็เย็นอะ"
 
พวกเธอกินข้าวเสร็จก็ยกจานไปไว้ที่ล้างจานจากนั้นก็กลับโกดังแยกย้ายกันไปห้องของตัวเอง ดูเหมือนว่าเพื่อนตัวดีของเธอจะอยู่ไม่ติดห้องแล้ว ก่อนเข้าห้องยังมีการมาโบกมือก่อนเข้าห้องจารย์ด้วย
'แหม่ ขิงได้เป็นสวนแล้วแม่ ขิงเก่งจังเลย'
เธอเข้าห้องมาและล้มตัวลงนอน เธอจะเอายังไงดีกับชีวิตตอนนี้ เธอคิดจะอยู่ไปเรื่อยๆ แบบนี้ชีวิตก็แย่พอๆ กับตอนที่เธอโดนแม่เธอด่าตอนอยู่ในห้องวันๆ ไม่ไปไหน มัวแต่ดูการ์ตูนว่า นายกเขามีนิสัยแบบนี้หรอ (ไม่ใช่นายกคนปัจจุบันนะ) จุก จุกมาก ย้อนมาดูตัวเองก็รับไม่ได้ตอนนั้นก็แย่พอแล้วตอนนี้ที่เราวางแผนว่าจะทำเป็นขั้นตอนในการเป็นผู้นำกลับไม่มีทางเหลืออยู่เลย ชีวิตไขว้เขวไปหมด แต่ก็อยากทำให้ชีวิตเธอมีประโยชน์บ้าง คิดจะไปอยู่ในหน่วยกับกันที่พึ่งรู้จักกันมาดีไหมนะ เธอยิ่งไม่มีอะไรทำอยู่ด้วยเธอคิดวนๆ แบบนี้จนหลับไป

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา