Trap Demons หลุมพรางร้าย ปีศาจร้อน

-

เขียนโดย Piano_sp

วันที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 08.04 น.

  14 ตอน
  0 วิจารณ์
  10.82K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 18 เมษายน พ.ศ. 2563 08.12 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) Trap Demons : 05

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
 
5
 
 
ตอนนี้ฉันกับปักษายังอยู่กันท่าเดิมฉันไม่รู้ว่าจะใช้วิธีไหนดีที่จะหลุดออกจากอ้อมกอดนี้ ในหัวของฉันก็พยายามคิดหาวิธีอยู่จนปวดหัวไปหมด รวมกันกับฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่มีอยู่ในร่างกายของฉันจนตีกันไปหมด ตอนนี้ฉันคิดได้วิธีเดียวคือ กระทืบเท้าปักษาเขาเจ็บจะได้ปล่อยแขนออกจากตัวฉัน ฉันคิดได้อย่างนั้นก็ยกเท้าที่สวมรองเท้าส้นสูงแหลมปรี๊ดขึ้นแล้วกระทืบลงด้วยแรงที่มี
“อย่าคิดว่าฉันโง่ วาโย”
“ชิ”
แผ่นที่ฉันคิดก็ล้มไม่เป็นท่าเพราะปักษานั้นรู้ทันฉันเขายกขาเขาหนีจากการกระทืบของฉัน ได้ทันก่อนที่ส้นรองเท้าฉันจะไปขยี้เท้าเขา ฉันจนมุมจริงๆ แล้วล่ะ
แต่ในเวลาที่ฉันกำลังจะท้อถอยปล่อยให้ปักษาทำตามใจตัวเอง ร่างกายของฉันก็ถูกกระชากออกจากอ้อมกอดของปักษา ฉันเงยหน้ามองดูเจ้าของฝ่ามือที่กำลังจับแขนฉันไว้อยู่ พอเห็นใบหน้านั้นฉันก็ยิ้มออกมาด้วยความดีใจ นาวา
“อย่ายุ่งกับยัยนี่”
นาวากล่าวเสียงเย็นแล้วดันให้ฉันไปหลบอยู่ด้านหลังเขาไว้ แล้วหันไปจ้องหน้าปักษานิ่งอย่างที่นาวาชอบทำ ส่วนปักษาก็มองหน้าฉันกับนาวาสลับกันไปมาอย่างงงๆ
“ห้ามไม่ให้ยุ่งเพื่อ”
ปักษากล่าวออกมาอย่างไม่กลัวต่อสายตาที่มองเขาอยู่เลย มิหนำซ้ำปักษากลับไปยั่วโมโหนาวาแทน
“เป็นแฟนใหม่ยัยนี้”
ปักษายังคงถามกวนๆ พร้อมกับยิ้มออกมาอย่างเยอะเย้ย
“เป็นไม่เป็นกูก็รู้จักยัยนี่ดีกว่ามึง”
นาวาพูดเพียงแค่นั้นก็สามารถทำให้ปักษาที่ยืนยิ้มอยู่หุบยิ้มลงทันที แล้วฉันก็ถูกนาวาลากออกมาจากตรงนั้นทันทีที่กล่าวจบ ในเวลาไม่นานพวกเพื่อนของฉันที่เหลือก็พากันวิ่งหน้าตาตื่นกันมา
“เฮ้ย มีเรื่องอะไรกันว่ะ”
เมืองเหนือถามขึ้น ฟังจากน้ำเสียงของขาแล้วหมอนี่กำลังเป็นห่วงฉัน
“ไอ้ปักษามาก่อกวนนิดหน่อย”
นาวาตอบเสียงเรียบส่วนฉันก็ได้แต่นั่งก้มหน้าลงมองพื้น
“มันกวนอะไรว่ะ”
เจ้าทัพที่เป็นเจ้าของวันเกิดวันนี้ถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง
“มันลวนลามวาโย”
“เหี้ยเอ๊ย!”
แล้วผู้ชายที่ยืนฟังเหตุการณ์อยู่สามคนก็สบถออกมาพร้อมกันเมื่อได้ยินประโยคที่นาวาพูดออกมา
“ก็เลิกไปแล้วมันจะเอาอะไรอีกว่ะ”
“นั่นดิ ตอนที่คบกันอยู่ก็ไม่เห็นจะสนใจ”
“ช่างเถอะพวกนาย เรื่องมันผ่านไปแล้ว”
ฉันเอ่ยห้ามพวกเขาก่อนที่พวกเขาจะโกรธไปมากกว่านี้ ตอนนี้สีหน้าของทุกคนไม่ค่อยจะดีซักเท่าไหร่เพราะเกิดเรื่องร้ายๆ กับฉันทุกคนเลยหมดสนุกกัน โดยมีฉันเป็นต้นเหตุ
“เหนือกลับกันเถอะ”
ฉันหันไปพูดกับเมืองเหนือ
“อือ งั้นพวกกูกลับก่อนน่ะ”
เมืองเหนือกล่าว
“พวกกูก็ไม่อยากอยู่ต่อแล้วว่ะ กลับกันให้หมดเถอะ”
ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าพวกเราทั้งห้าคนก็พากันกลับหมด ฉันหวังว่าวันนี้ฉันกับปักษาจะเจอกันเป็นวันสุดท้ายน่ะ
ไม่กี่วันต่อมา
หลายวันมานี่ฉันแทบไม่มีสมาธิอยู่กับเนื้อกับตัวเลย หลังจากที่ได้ปะทะกันกับปักษาเมื่อหลายวันก่อน ฉันได้แต่คิดกับตัวเองว่าปักษาเขาทำแบบนั้นไปเพื่ออะไรในเมื่อเกมมันก็จบลงไปแล้วซึ่งเขาเองก็เป็นฝ่ายชนะเขาเองน่าจะดีใจน่ะ แต่ทำไมเขาถึงทำกับฉันแบบนี้ ฉันไม่เข้าใจ
“น้องวาโยค่ะ พร้อมหรือยังเอ่ย”
เสียงของพี่ลินลี่สาวประเภทสองผู้จัดการส่วนตัวของฉันกล่าวเรียกฉันที่นั่งแต่งหน้าที่ห้องแต่งตัวเสียงดัง อ่อ ฉันยังไม่ได้บอกไปซิน่ะ ว่าจริงๆ แล้วฉันเป็นนางแบบมาได้หลายปีแล้วล่ะ แต่พักหลังมานี่ไม่ค่อยรับงานเท่าไหร่เพราะไม่มีอารมณ์จะทำ มันมีเรื่องให้คิดมากมายจนหัวระเบิดวันนี้ฉันเลยมาถ่ายแบบเพื่อที่จะไม่ได้มีเวลาไปคิดเรื่องอื่น
ชื่อของฉันเป็นที่รู้จักเฉพาะคนวงในเพราะฉันเป็นคนที่ไม่ค่อยอยากออกสื่อ มันวุ่นวายเกินไป ทุกคนเลยไม่ค่อยรู้จักฉันในนามของวาโย แต่รู้จักฉันในนามของ วาโยนางแบบปริศนา
“ค่ะๆ เสร็จแล้วค่ะพี่ลินลี่”
ฉันขานกลับพร้อมกับวิ่งออกไปหาพี่ลินลี่อย่างเร่งรีบ
“ตายๆ อย่าวิ่งค่ะคุณน้อง เสียภาพพจน์กันหมดพอดี”
พี่ลินลี่เอ็ดฉันเสียงเข้มพร้อมกับตีที่แขนฉันไปที่หนึ่ง ฉันได้แต่ลูบแขนตัวเองปรอยๆ เพราะความเจ็บที่แผ่ซ่านไปทั่วอณูผิว
“เสียก็เสียสิ โยไม่แคร์”
ฉันพูดเล่นไป อย่างที่เคยพูดกับพี่ๆ ที่นี่เป็นประจำ ฉันทำงานในวงการนี้มานานเลยทำให้ฉันสนิทกับพวกพี่ที่นี่กันเกือบทุกคน
“จริงๆ เลยยัยน้องคนนี้”
พี่ลินลี่ก็ทำได้แค่บ่นฉันไปวันๆ วันนี้ฉันไม่ได้ถ่ายแบบธรรมดาทั่วไปแต่เป็นการถ่ายแบบชุดชั้นในนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกฉันเลยไม่ค่อยจะเขินซักเท่าไหร่ ฉันมองดูทั่วๆ สตูดิโอไปสายตาฉันก็ไปหยุดที่ผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนเช็กสภาพกล้องถ่ายรูปอยู่ ผู้ชายคนนี้ไม่คุ้นตาเอาเสียเลย
“ใครกันค่ะ พี่ลินลี่”
ฉันหันไปกระซิบถามพี่ลินลี่ที่ยืนอยู่ข้างกายฉันเสียงเบา
“อ่อ ช่างภาพคนใหม่นะ ถ่ายรูปโปรเลยละ”
พี่ลินลี่ตอบแล้วหันไปมองผู้ชายที่เป็นช่างถ่ายรูปคนใหม่ตามันวาว ฉันได้แต่ส่ายหัวให้กับผู้จัดการของฉันอย่างรู้ทัน และแล้วก็ถึงเวลาที่ฉันต้องลงไปลุยงาน เสื้อผ้าหน้าผมฉันวันนี้จัดเต็มมากๆ แต่ตอนนี้ฉันสวมผ้าคลุมทับไว้อยู่ แต่ภายใต้ผ้าคลุมนั้นเป็นบิกินี่ตัวเล็กจิ๋วสีแดงเรียกได้ว่าเซ็กซี่เอามากๆ ซ่อนไว้อยู่ข้างใน
“นางแบบเร็วๆ ครับ”
เสียงของชายที่เป็นช่างภาพคนใหม่กล่าวเร่งฉัน ฉันเลยรีบเดินเข้าไปที่ฉากด้วยความเร่งรีบตามที่เขาบอก แต่ในใจฉันก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเมื่อมีคนมาสั่งฉันแบบนี้
“ถอดสิครับรอไรอยู่”
แล้วเขาก็สั่งฉันอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขาเงยหน้าขึ้นมามองฉันด้วยทำให้ฉันได้เห็นใบหน้าของเขาเต็ม ใบหน้านี้มันคุ้นๆ เหมือนฉันเคยเห็นผู้ชายคนนี้มาจากไหน มันเป็นใบหน้าที่แสนจะคุ้นเคย ฉันมองหน้าเขาค้างไปสักพักแล้วก็หันมาสนใจงานตัวเองต่อ แต่ในหัวของฉันมันก็ยังสงสัยอยู่ดี
ฉันค่อยๆ ถอดผ้าคลุมออกจากตัวเองแล้วหันมาตั้งสมาธิในการทำงานแทน แต่ช่างภาพคนใหม่ของเราก็ไม่ยอมถ่ายรูปสักทีเอาแต่มองฉันตาค้างอยู่ตรงนั้น และมันทำให้ฉันหงุดหงิดขึ้นมายังไงละ
“ถ่ายสิค่ะ คุณช่างภาพมองอยู่ได้”
ฉันพูดจิกกัดเขาไป ผู้ชายคนนั้นเลยได้สติแล้วใบหน้าเขาก็เริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆ เพราะอายที่ฉันจับได้ว่าเขามองฉันอยู่ แล้วการถ่ายรูปก็เริ่มต้นขึ้น โดยมีฉันโพสท่าทางต่างๆ โดยไม่มีใครต้องบอกเพราะฉันรู้งานอยู่ก่อนแล้ว งานของวันนี้เลยเสร็จเร็วกว่าที่คิดเพราะการทำงานวันนี้เป็นไปอย่างราบรื่นไม่มีข้อผิดพลาดใดๆ ให้เสียเวลา
“ทำงานเก่งนี่คุณช่างภาพ”
ฉันเอ่ยปากชมหลังจากที่ถ่ายรูปเซตสุดท้ายเสร็จ
“คุณก็เหมือนกันคุณนางแบบ”
เขาเอ่ยปากชมกลับแล้วส่งยิ้มให้ฉัน
“หน้าคุณคุ้นน่ะ”
ใช่ยิ่งมองหน้าเขาใกล้ฉันยิ่งคุ้นหน้าเขาเข้าไปใหญ่
“นี่คุณจะจีบผมเหรอถึงถามแบบนี้”
หลังจากที่ฉันได้ยินประโยคที่คนตรงหน้าพูดออกมาฉันได้แต่มองหน้าเขาอย่างไม่เชื่อหูว่าเขาจะกล้ามโนพูดคำนั้นออกมา
“ฝันเอาตอนนอนเถอะ”
“น้องโยคะ ไปเปลี่ยนชุดเถอะค่ะ”
ก่อนที่ฉันจะเอ่ยปากด่าผู้ชายตรงหน้าออกไปพี่ลินลี่ที่เริ่มรู้ว่าสถานการณ์จะเป็นยังไงต่อไปก็รีบเข้ามาห้ามฉันก่อนที่จะมีเรื่องไปมากกว่านี้
“ก็ได้ค่ะ”
ก่อนที่ฉันจะเดินจากไปฉันก็หันไปส่งสายตาหงุดหงิดใส่ช่างภาพคนนั้นก่อนเดินออกมา ฉันใช้วลาเปลี่ยนชุดไม่นานก็เดินออกมาจากห้องแต่งตัว
“นี่เหรอสภาพนางแบบหลังถ่ายแบบ”
ผู้ชายคนนี้ยังไม่กลับเหรอ
“ถ้าใช่แล้วทำไม”
ฉันตอบกลับไปหลังจากที่ได้ยินคำพูดที่ดูเยอะเย้ยที่ลอยออกมาจากปากช่างภาพคนนั้น การแต่งตัวของฉันมันผิดขนาดนั้นเลยเหรอ ก็แค่เสื้อยืดกางเกงยีนธรรมดาๆ แค่นั้นการแต่งตัวของฉันไม่เหมาะที่จะเป็นนางแบบเลยงั้นเหรอ
“ไม่เจอกันนานเลยน่ะวาโย”
จู่ๆ ช่างภาพคนนั้นก็กล่าวคำที่ดูเหมือนรู้จักฉันมาก่อน
“อะไรของคุณ”
ฉันพูดพร้อมกับทำหน้างงๆ กลับไป ส่วนคนที่ทำให้ฉันงงนั้นก็ได้แต่ส่งยิ้มให้เป็นคำตอบ
“งั้นเหรอ จำไม่ได้สิน่ะ”
“แล้วใครละ”
ก็ไม่บอกมาซะทีแล้วฉันจะไปรู้กันละ
“พี่เอง ตรีภพ”
ทันทีที่คนตรงหน้าฉันเฉลยคำตอบออกมา ดวงตาของฉันก็เบิกกว้างออกมาด้วยความตกใจ เพราะไม่คิดว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉันจะเป็นผู้ชายคนนั้นจริงๆ
“พี่ตรีภพ”
ฉันพึมพำออกมาเสียงเบาอย่างคาดไม่ถึง แล้วร่างกายของฉันก็โดนคนตรงหน้าดึงเข้าไปกอดไว้อย่างไม่ทันตั้งตัว
“ใช่พี่เอง รอนานไหม”
พี่ตรีภพพึมพำข้างหูฉันแล้วกระชับอ้อมกอดของเขาให้แน่นกว่าเดิม ผู้ชายคนนั้นเขามาอยู่ตรงหน้าฉันจริงๆ แล้วซิน่ะ
“อือ”
ฉันตอบแล้วกอดตอบคนตัวสูงที่กอดฉันอยู่อย่างดีใจ พี่ตรีภพ เขาเป็นรักแรกของฉันบ้านของเราอยู่ติดกัน เขาเป็นพี่ชายข้างบ้านที่แสนดี และฉันก็เคยรักเขามากแต่ความรักของฉันก็ต้องจบลงเพราะว่าพี่ตรีภพต้องบินไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ จากนั้นเราก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย
“โตขึ้นเยอะเลยน่ะเรา ไม่เจอตั้งหลายปี”
พี่ตรีภพกล่าวขึ้นหลังจากที่ผละออก
“เปลี่ยนอะไรก็เหมือนเดิม”
ฉันตอบแล้วก็ยิ้มออกมาด้วยความดีใจ ก็ต้องดีใจสิไม่ได้เจอพี่เข้าตั้งนาน
“แล้วพี่มาทำไมไม่บอกโยสักคำ”
“บอกก็ไม่เซอร์ไพร์ไง แต่พี่จำโยแทบไม่ได้จริงๆ แล้วมาเป็นนางแบบได้ไง”
พี่ตรีภพพูดแล้วใช้มือข้างหนึ่งมาลูบหัวฉันเบาๆ อย่างเอ็นดู อ่า ไม่นึกเลยว่าวันนี้จะมาถึง
“เรื่องมันยาว โยเองก็ยังงงๆ อยู่ว่าตัวเองมาเป็นได้ไง”
ฉันกล่าวแล้วมองหน้าพี่ตรีภพแล้วยิ้มออกมาอย่างมีความสุข พี่ตรีภพเป็นผู้ชายที่สูงกว่าฉันมากหน้าตาพี่เขาหล่อกว่านายแบบบางคนซะอีก แต่ทำไมพี่เขาถึงมาเป็นช่างภาพได้ยังไงก็ไม่รู้ พี่เขาเป็นคนที่ใจดีและคอยช่วยเหลือฉันไว้ตั้งแต่เด็กๆ เราอายุห่างกันแค่สองปี แต่พี่เขาก็ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก นี่สิน่ะที่ทำให้ฉันไปหลงรักเขา
“แล้วนี่กลับยังไงให้พี่ไปส่งไหม”
พี่ตรีภพยิ้มแล้วถามฉัน
“ไม่เป็นไรค่ะ พอดีมีนัดกับเพื่อนไว้”
นี่ก็ใกล้เวลาที่นัดแล้ว แต่เมื่อไหร่เมืองเหนือจะมารับฉันซะทีเนี่ย ฉันเลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหาเมืองเหนือทันที
“อยู่ไหนแล้วเหนือ”
ฉันกรอกเสียงลงไปด้วยความหงุดหงิดอย่างลืมตัวว่ามีพี่ตรีภพยืนอยู่ด้วย ฉันเลยหันมายิ้มอย่างอายๆ ให้พี่ตรีภพ
(หน้าสตูดิโอ ออกมาเร็วๆ ร้อน)
เมืองเหนือเองก็กรอกเสียงมาในอารมณ์ที่หงุดหงิดไม่แพ้กัน
“ค่ะ คุณพ่อ”
ฉันพูดล้อเลียนแล้วก็กดวางสายไป แล้วหันมามองพี่ตรีภพที่ยืนมองฉันอยู่ก่อนส่งยิ้มให้พี่เขาไปอีกที
“โยต้องไปแล้วค่ะ เพื่อนรออยู่”
ฉันกล่าวออกมาอย่างรีบร้อน เพราะกลัวว่าคุณชายที่รออยู่หน้าสตูดิโอจะบ่นฉันอีก
“เดี๋ยวสิโย พี่ขอเบอร์ก่อนได้ไหม พี่ไม่มีเบอร์โยเลย”
พี่ตรีภพถามแล้วจ้องหน้าฉันนิ่งๆ
“ได้สิคะ”
ฉันตอบแล้วกดเบอร์โทรศัพท์ให้พี่ตรีภพ
“แล้วเจอกันค่ะ พี่ตรีภพ”
ฉันก็เดินออกมาด้วยความเร่งรีบ
หลังจากที่หญิงสาวเดินจากไปชายหนุ่มที่ยืนมองเธออยู่ก็ยิ้มออกมาอย่างดีใจอีกครั้งกับการพบกันในครั้งนี้
“ต้องเจออีกแน่ วาโยของพี่”
ชายหนุ่มกล่าวเสร็จแล้วมองตามหลังหญิงสาวจนหญิงสาวหายไปจนลับสายตา
 
 
 
 
เอาสิ รักแรกก็มา
ปักษาจะทำยังไงดีละทีนี้
โปรดติดตามตอนต่อไป เม้นมาเยอะๆน่าาาาา

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา