Trap Demons หลุมพรางร้าย ปีศาจร้อน

-

เขียนโดย Piano_sp

วันที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 08.04 น.

  14 ตอน
  0 วิจารณ์
  10.82K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 18 เมษายน พ.ศ. 2563 08.12 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

7) Trap Demons : 07

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
 
7
 
 
“ก็รู้ว่า ผู้ชายคนนี้เขามาก่อนนายไง”
“อย่ามาโกหกไปหน่อยเลยวาโย”
ปักษาคงคิดว่าเรื่องที่ฉันพึ่งบอกเขาไปเป็นแค่เรื่องโกหกสิน่ะ แต่มันคือเรื่องจริงฉันรู้จักกับพี่ตรีภพมาทั้งชีวิต ต่างกับเขาที่ฉันพึ่งจะมารู้จักได้ไม่กี่ปี
“นายจะเชื่อหรือไม่ก็เรื่องของนาย อย่าลืมไปสิปักษาว่าเราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกแล้ว”
ฉันพูดเสียงเย็นอย่างไม่ใส่ใจพร้อมกับเตือนความจำให้ปักษาได้รู้ว่าฉันกับเขาเลิกกันไปนานแล้ว
“ฉันไม่ได้ลืมหรอกวาโย ว่าเมื่อก่อนเธอรักฉันมากแค่ไหน”
ปักษาไม่เพียงแค่พูดเขากลับก้มหน้ามาใกล้ๆ กับหน้าฉันจนฉันสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ของเขาที่กำลังเป่ารดใบหน้าฉันอยู่ตอนนี้ การที่เขาเข้ามาใกล้ฉันแบบนี้มันทำให้เราสองคนต้องสบตากันอย่างเลี่ยงไม่ได้ และนั่นคงเป็นประสงค์ของปักษา
“นั่นมันเมื่อก่อน แต่ตอนนี้ฉันไม่ได้รักนายแล้ว”
ฉันตอบกลับไปแล้วจ้องหน้าปักษากลับไปอย่างไม่ยอมแพ้
“ฉันจะทำให้เธอกลับมารักฉันอีก”
แต่ปักษากลับพูดคำที่ทำให้ฉันต้องอึ้งเพราะฉันไม่คิดว่าคนอย่างเขาจะกล้าพูดเอาแต่ใจขนาดนี้
“ชาติหน้าเหอะ”
ฉันพูดแล้วก็ผลักปักษาออกไปให้ห่างแต่ปักษากลับดันตัวฉันไปจนชิดกำแพงแล้วใช้สองแขนของเขากักตัวฉันไว้ไม่ให้ออกไปไหน
“ชาตินี้แหละวาโยเตรียมตัวรอได้เลย”
ปักษาพูดแล้วก็ประทับริมฝีปากของเขาเข้ากับหน้าผากฉันแผ่วเบาแล้วเขาก็ผละออกไปปล่อยให้ฉันยืนค้างท่าเดิมอยู่ตรงนั้นคนเดียว
“มากไปแล้วปักษา”
ฉันกล่าวขึ้นด้วยความเจ็บใจหลังจากที่ได้สติคืนมา ฉันไม่น่าไปเสียท่าให้คนอย่างเขาเลย
ฉันใช้เวลาควบคุมสมาธิอยู่ตรงนั้นไม่นานก็เดินกลับมาที่โต๊ะโดยมีพี่ตรีภพนั่งรออยู่ ฉันยิ้มให้พี่ตรีภพครั้งหนึ่งก่อนจะมองไปทางที่ปักษานั่งอยู่ แต่ทางนั่นกลับว่างเปล่าไม่มีอะไร แสดงว่าปักษาคงกลับไปแล้วสิน่ะ อย่างนี้ค่อยโล่งอกหน่อยเพราะว่าถ้าเขาอยู่ต่อฉันกลัวว่าเขาจะคิดเล่นอะไรพิเรนทร์ๆ อีก
“ไปนานจังโย”
พี่ตรีภพถามขึ้นหลังจากที่ฉันนั่งประจำที่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“อ่อ พอดีโยท้องเสียนิดหน่อยค่ะ”
ฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะโกหกพี่ตรีภพเลยน่ะ ถ้าจะให้บอกไปตามความจริงไปเดี๋ยวก็มีเรื่องขึ้นมาอีก พี่ตรีภพยิ่งเป็นคนอารมณ์ร้อนๆ อยู่ด้วย
“ตอนนี้โอเคน่ะ”
“ค่ะสบายมาก”
ฉันว่าชีวิตฉันตอนนี้เริ่มจะไม่โอเคแล้วล่ะ หลังจากที่ปักษาประกาศแบบนั้นออกมามันทำให้ฉันรู้สึกไม่สบายใจยังไงก็ไม่รู้
หลังจากที่ฉันกับพี่ตรีภพทานข้าวเสร็จเราก็เดินทางมุ่งหน้ากลับบ้านฉันทันที บ้านของฉันก็ถือว่าเป็นบ้านหลังใหญ่อยู่ไม่น้อย ฉันเป็นลูกคนเดียวของบ้านหลังนี้สมาชิกที่อยู่ที่นี่เลยไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ ที่เยอะๆ กันส่วนมากจะเป็นบรรดาคนใช้เสียมากกว่า เลยทำให้ที่นี่ดูไม่เหมือนบ้านร้างไป
“มากันแล้วเหรอลูก”
เสียงแม่ของฉันทักขึ้นหลังจากที่เห็นฉันกับพี่ตรีภพเดินเข้าบ้านมา
“สวัสดีครับน้าพิกุล”
พี่ตรีภพกล่าวทักทายอย่างเป็นกันเอง
“หวัดดีค่ะแม่ คิดถึงจังเลย”
ฉันกล่าวทักทายแล้ววิ่งเข้าไปกอดผู้เป็นแม่ทันที หลังจากที่ฉันเข้ามหาลัยไปแล้วฉันไม่ค่อยได้กลับบ้านซักเท่าไหร่เพราะว่าที่นี่ไกลจากมหาลัยฉันค่อนข้างมากฉันเลยอยู่ที่คอนโดแทนนานๆ ถึงจะกลับที
“ไม่ต้องมาอ้อนเลยยัยเด็กคนนี้ ถ้าพี่เขาไม่ไปลากถึงมหาลัยคงไม่คิดจะมาหรอกใช่ไหม”
แม่ฉันพูดอย่างน้อยใจแต่ก็ไม่วายที่จะกอดตอบฉัน
“ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย โยแค่ไม่ค่อยมีเวลา”
“จ้าๆ แม่คนงานเยอะ”
เรื่องประชดประชันแม่ฉันเป็นที่หนึ่งเลย
“แล้วแม่ให้พี่ตรีภพไปลากโยถึงมหาลัยมีเรื่องอะไรเหรอคะ”
ฉันถามหลังจากที่พวกเรามานั่งเล่นกันที่ห้องรับแขก
“ต้องให้มีเรื่องก่อนเหรอถึงค่อยกลับมาบ้านได้”
นี่แหละแม่ฉันขนาดฉันเป็นลูกแท้ๆ ก็ยังไม่เว้น
“จริงๆ แม่ก็มีเรื่องจะพูดด้วยแหละ”
“ก็พูดมาเลยซิคะ”
ฉันไม่ได้ใจร้อนอะไรเลยจริงๆ แต่แม่ฉันทำท่าทางมี พิรุธแบบนี้ฉันเลยยิ่งอยากจะรู้เร็วๆ ว่าเรื่องอะไร
“ต้องรอให้ป้านารีมาก่อนถึงจะพูดได้ นั่นไงมาพอดีเลย”
แม่ฉันกล่าวแล้วก็ยิ้มให้กับแขกที่พึ่งมาใหม่ ก็คือป้านารีแม่ของพี่ตรีภพซึ่งเป็นเพื่อนบ้านและเป็นเพื่อนสนิทของแม่ฉัน แต่ฉันก็ยังสงสัยอยู่ดีว่าทำไมต้องรอให้ป้านารีมาก่อนถึงค่อยพูดได้
“สวัสดีค่ะ ป้านารี”
ฉันกล่าวทักทายพร้อมกับไหว้ไปด้วย ป้านารียิ้มรับอย่างเอ็นดูแล้วก็นั่งลงข้างๆ แม่ฉัน
“จ๊ะ ไม่เห็นตั้งนายสวยขึ้นน่ะเรา”
“ขอบคุณค่ะ”
ฉันว่าฉันก็เป็นแบบนี้มานายแล้วน่ะทำไมช่วงนี้มีแต่คนทักฉันว่าสวยขึ้นจัง
“เรากำลังจะพูดเรื่องนั้นอยู่พอดีเลย”
แม่ฉันหันไปคุยกับป้านารีด้วยความตื่นเต้น ฉันก็อยากรู้จริงว่ามันเป็นเรื่องอะไรเหมือนจะมีแค่สองคนนั้นเท่ามั้งน่ะที่รู้เรื่อง ฉันเลยหันหน้าไปมองพี่ตรีภพแต่พี่ตรีภพก็นั่งทำหน้างงไอยู่เหมือนกัน
“งั้นเหรอ ให้ฉันเป็นคนพูดเองดีกว่าเนอะ”
“เรื่องอะไรกันแม่ทำไมแม่ต้องไปยุ่งด้วยละ”
พี่ตรีภพที่สงสัยเหมือนกับฉันหันไปถามแม่ของเขาด้วยความสงสัย
“ก็เรื่องลูกๆ นั่นละ”
“เรื่องของพวกหนูเหรอ แล้วเรื่องอะไรกันค่ะ”
เรื่องของพวกฉันแล้วทำไมพวกแม่ๆ ถึงดูตื่นเต้นกันถึงขนาดนี้
“หนูโยกับตาภพลูกชายป้าเนี้ยก็รู้จักกันมานานแล้วใช่ไหมจ๊ะ แล้วตาภพก็เรียนจบแล้วด้วย ป้าไม่อ้อมค้อมเลยน่ะ”
ป้านารีพูดแล้วก็เอื้อมมือมาจับมือฉันไว้พร้อมกับยิ้มให้อย่างเอ็นดู ส่วนฉันก็ได้แต่นั่งงงๆ กับคำพูดที่ป้านารีพึ่งกล่าวออกมา
“ป้ามาสู่ขอหนูมาเป็นลูกสะใภ้”
“.....”
ห๋า เมื่อกี้หูฉันไม่ได้ฝาดไปใช่ไหม หรือว่ายังไง ฉันได้ยินว่าป้านารีมาขอฉันไปเป็นลูกสะใภ้ของท่านนี่ฉันฟังไม่ผิดไปใช่ไหม
“เรื่องนี้ป้าก็คุยกับแม่หนูไว้แล้ว แล้วตาภพก็ชอบพอหนูอยู่ด้วย ป้าว่าเราน่าจะเกี่ยวดองกันไว้น่ะ”
ทันทีที่ป้านารีพูดจบฉันหันไปมองหน้าแม่ฉันที่นั่งยิ้มด้วยความชอบใจอยู่ก่อนแล้วก็หันไปมองหน้าพี่ตรีภพที่นั่งหน้าแดงกับคำพูดที่แม่ของเขาพึ่งกล่าวไป พี่ตรีภพชอบฉันเหรอ ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
“พี่ตรีภพชอบโยเหรอ”
ฉันถามแล้วชี้นิ้วมาทางตัวเอง
“ใช่ พี่ชอบโยมานานแล้ว”
พี่ตรีภพตอบแล้วมองหน้าฉันด้วยสายตาที่จริงจัง งั้นตั้งแต่เมื่อก่อนที่ตรีภพก็ชอบฉันนะนึกว่าฉันชอบเขาฝ่ายเดียวซะอีก แต่คำตอบที่พี่ตรีภพพูดออกมาแทนที่ฉันจะดีใจที่พี่เขาก็มีความรู้สึกตรงกับฉัน แต่ฉันกลับไม่มีความรู้สึกนั้นเลย มีแค่ความรู้สึกที่วางตัวลำบากเข้ามาแทนที่ ถึงพี่ตรีภพจะเป็นรักแรกของฉันแต่นั่นก็นานมาแล้ว ความรู้สึกรักของฉันเลยจางหายไปหมดมีแต่ความรู้สึกนับถือเสียมากกว่าตอนนี้
“ลูกก็ไม่มีแฟนอยู่แล้วนี่ แม่ว่าแบบนี้แหละดีแล้ว”
แม่ฉันหันมากล่าวกับฉัน ฉันว่าจะกล่าวปฏิเสธไปแต่เจอสายตาของแม่ฉันเข้า ฉันเลยพูดออกมาไม่ได้
“แต่โยยังเรียนไม่จบเลย”
ฉันหาข้ออ้างอื่นมา
“หมั้นไว้ก่อนไม่เสียหายลูก”
แล้วฉันจะกล้าขัดคำสั่งแม่ของฉันกันละ ก็ต้องเป็นไปตามคำบัญชาแล้วละ
หลังจากที่ทานมื้อค่ำเสร็จฉันก็ปลีกตัวมานั่งเล่นคนเดียวที่สวนหย่อมหน้าบ้าน วันนี้มีเรื่องให้ฉันต้องคิดตั้งหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเรื่องของปักษา หรือเรื่องงานหมั้นของฉันกับพี่ตรีภพอีก เรื่องต่างๆ หลับมาทับถมฉันเป็นว่าเล่น
“มาทำอะไรคนเดียวตรงนี้”
ฉันหันไปตามเสียงก็เจอเข้ากับพี่ตรีภพที่กำลังเดินเข้ามาหาฉัน
“มานั่งเล่นค่ะ”
ฉันตอบแล้วพี่ตรีภพก็นั่งลงตรงที่ว่างข้างๆ ฉัน
“หนักใจเรื่องเมื่อตอนบ่ายเหรอ”
“นิดหน่อยค่ะ”
ฉันตอบแล้วก้มมองดูพื้นหญ้าด้วยความกังวล
“พี่ทำให้โยเครียดหรือเปล่า”
“ไม่เลยค่ะ พี่ตรีภพ โยแค่คิดว่าโยยังไม่พร้อมสำหรับเรื่องพวกนี้”
ใช่ ฉันพึ่งอยู่ปีสามเอง ยังไม่ทันคิดเรื่องพวกนี้อยู่ในสมองสักนิด
“เดี๋ยวพี่จะทำให้โยพร้อมเอง”
พี่ตรีภพพูดแล้วหันมาส่งยิ้มให้ฉัน ตอนนี้ฉันรู้สึกลำบากใจอย่างบอกไม่ถูก ถ้าปฏิเสธเรื่องนี้ไปก็กลัวแม่ฉันจะไปผิดใจกับป้านารีที่เป็นเพื่อนกันมานาน และก็ดูเหมือนแม่ฉันจะมีความสุขมากที่ทำให้ฉันได้หมั้นกับพี่ตรีภพ ขัดใจแม่ไม่ได้ด้วยสิ
“โยว่าเราเข้าไปข้างในกันก่อนดีกว่าค่ะ”
ฉันรู้สึกว่านั่งต่อไปนานๆ กับพี่ตรีภพแล้วรู้สึกถึงรังสีแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้ หรือว่าฉันคิดไปเอง
“อือ”
แล้วเราก็เดินเข้าไปในบ้านของฉันกัน
เช้าวันต่อมา
ฉันรีบออกมาจากบ้านทันทีเพราะแม่ฉันให้พี่ตรีภพไปส่งที่มหาลัย และตอนนี้ฉันก็ยังไม่อยากที่จะเจอหน้าพี่ตรีภพซักเท่าไหร่ ฉันเลยรีบหนีออกมาก่อนที่แม่ฉันจะโทรไปบอกพี่ตรีภพ ตอนนี้ถ้าเลี่ยงอะไรได้ฉันก็จะเลี่ยง
“เป็นไรหน้าบึ่งแต่เช้า”
เมืองเหนือที่เห็นฉันนั่งหน้าบึ่งอยู่ตรงโต๊ะใต้ตึกเรียนถามขึ้นด้วยความสงสัย
“มีเรื่องให้คิดนะ เฮ้อ~”
ฉันตอบกลับแล้วก็ถอดหายใจเฮือกใหญ่ จนเมืองเหนือมองฉันอย่างงงๆ เพราะปกติฉันไม่เคยอยู่ในสภาพนี้สักที
“เรื่องอะไรเล่าให้ฟังสิ”
“นายจำพี่ตรีภพได้ฉันไหม”
ฉันเริ่มเปิดประเด็น ส่วนเมืองเหนือที่นั่งฟังอยู่ก็พยักหน้าเป็นเชิงรู้
“ใช่คนที่เป็นรักแรกเธอใช่ไหม ไอ้พี่เพื่อนบ้านนั้นน่ะ”
เมืองเหนือสมแล้วที่เป็นเพื่อนฉันมานานเขารู้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับตัวฉัน รวมทั้งเรื่องที่พี่ตรีภพเป็นรักแรกของฉันด้วย
“อือ”
“แล้วเกี่ยวอะไรกับเขากันละ”
“ฉันต้องไปหมั้นกับพี่เขาอ่ะ”
ฉันพูดออกมาเสียงเรียบแต่คนที่ฟังอยู่อย่างเมืองเหนือทำหน้าตกใจจนเห็นได้ชัด เรื่องนี้คงน่าตกใจกว่าการที่ฉันไปเป็นแฟนของปักษาอีกละมั้ง
“เธอคงไม่ได้พูดเล่นซิน่ะ”
ดูเหมือนว่าเมืองเหนือคงยังไม่เชื่อในเรื่องที่ฉันพึ่งพูดออกไปแน่ และมันเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดกันมาก่อนนี่
“หน้าฉันเหมือนพูดเล่นเหรอ”
หมอนี่ก็ถามไม่ดูสีหน้าฉันว่าฉันกังวลขนาดไหน
“เอาไงละทีนี้”
ดูเหมือนว่าเมืองเหนือที่พึ่งหายจากอาการตกใจจะเป็นกังวลไม่แพ้ฉัน ขนาดคนอื่นยังกังวลแทนฉันเลยแล้วตัวฉันละตอนนี้ในหัวแทบระเบิดออกมาอยู่แล้ว
“นี่แหละที่ฉันกำลังคิดอยู่ เฮ้อ ทำไมฉันต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วยเนี่ย”
ฉันกล่าวแล้วก็ฟุบหน้าลงบนโต๊ะอย่างคนหมดแรง
“เอาน่า ยังไงเขาก็เป็นรักแรกของเธอน่ะ”
“รักแรกก็จริงแต่ตอนนี้ฉันไม่รู้สึกอะไรกับพี่เขาแล้วอ่ะ”
“อย่าบอกน่ะเธอยังรักไอ้ปักษาอยู่”
“จะบ้าเหรอ คิดอะไรของนายกัน”
ฉันรีบลุกขึ้นตอบกลับเมืองเหนือทันทีที่เขาถามฉันมาแบบนั้น หมอนี่ถามอะไรก็ไม่รู้ไร้สาระชะมัด แล้วทำไมฉันต้องรู้สึกร้อนตัวแปลกๆ แบบนี้ด้วยล่ะ
“ก็ไม่แน่น่ะวาโย”
“เลิกพูดไปเลย”
ฉันตอบกลับไปอย่างหงุดหงิดแล้วฟุบหน้าลงบนโต๊ะอีกที
 
 
 
เป็นรักแรกไม่พอ ยังจะมาหมั้นกันอีก
งานนนี้ถ้าปักษารู้จะทำยังไงกันนะ
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา