DREAMS COME TRUE จากฝัน...ถึงเธอ

10.0

เขียนโดย winnerella

วันที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 12.04 น.

  17 บท
  0 วิจารณ์
  13.62K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 17.42 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) วันหนึ่งในหนึ่งวัน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

สายลมพัดผ่านใบหน้าของฉัน มันเป็นสายลมยามเย็น พร้อมกับแสงแดดอ่อนๆ ที่สาดส่องไปทั่วเนินเขาที่ลาดชันไปยังธารน้ำสายเล็กๆ ไหลอย่างเอื่อยๆ บรรยากาศสงบ ได้ยินเสียงนกร้องเป็นระยะๆ
ฉันนั่งอยู่กับคนที่ฉันรักมากที่สุด คนที่ค่อยดูแลฉัน และครอบครัวของฉันมาโดยตลอด เราสองคนมักจะใช้ช่วงเวลาตอนเย็นหลังเลิกเรียนมานั่งที่นี่ เพื่อฟังเพลงจากโทรศัพท์รุ่นเก่าๆ ที่มีหูฟังแบบสาย เราแบ่งกันคนละข้างเสมอ รวมทั้งเรามักจะเล่าเรื่องราวต่างๆ ที่เจอในแต่ละวันให้กันฟัง ก่อนเราจะแยกย้ายกลับบ้าน
“หลังจากจบม.6แล้วพี่จะเข้าคณะไหน”
“เข้านิติศาสตร์ดีไหม หรือว่าหมอดี” เสียงอันคุ้นเคยตอบฉันอย่างสงสัย เหมือนอยากให้ฉันช่วยเลือกคำตอบ
“พี่เก่งอยู่แล้ว จะเข้าคณะไหน ก็ได้หมด เชื่อหนูสิ” ฉันยิ้ม
มือหนาขนาดใหญ่ยกขึ้นมา พร้อมกับลูบหัวฉันเบาๆ ก่อนยิ้มแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
“คณะแพทย์ดีไหม มันเป็นความฝันของเธอด้วยนี่”
“ถ้าพี่เข้าคณะแพทย์ งั้นหนูก็จะเข้าด้วย” ฉันตอบด้วยน้ำเสียงที่ดีใจอย่างมากเมื่อได้ยินคำตอบนั้น
“อย่างน้อยนะ ก็พอจะเลี้ยงดูครอบครัวเราได้ อาจจะทำให้ความเป็นอยู่เราดีขึ้นกว่าทุกวันนี้ จะได้มาดูแลคุณย่าด้วย”
คำพูดของเจ้าของมือที่ลูบหัวฉันนั้น ทำให้ฉันรู้สึกมีความสุข อยากเคียงข้างกับคนคนนี้ไปตลอด
“ถ้างั้นพี่ก็ต้องตั้งใจสอบเข้าให้ได้ หนูก็จะตั้งใจสอบเข้าคณะแพทย์ตามพี่ให้ได้เหมือนกัน”
“อืม”
“สัญญานะ” ...

กริ๊งงงงงงงง
เสียงเดิมที่คอยกวนเราทุกเช้า ถึงแม้มันจะเป็นเสียงของนาฬิกาปลุกตัวเดิมเจ้าปัญหานั่นแหละ ผมก็ยังต้องควานหาอยู่ดี ต่อให้เมื่อคืนนั้นจะตั้งมันไว้ในที่ที่คิดว่า ตอนเช้าจะหาง่ายๆ สุดท้ายก็หายากเหมือนเดิม
เช้านี้เป็นเช้าวันอาทิตย์ ที่ไม่อยากจะตื่นขึ้นจากที่นอนมากที่สุด แต่ก็ต้องตื่น ผมมองไปที่นาฬิกาเจ้าปัญหาของผม ตัวเลขมันแสดงว่าตอนนี้เป็นเวลา เจ็ดโมงครึ่ง ถ้าเทียบกับวันหยุดอื่นๆ แล้วมันคงเป็นวันหยุดที่ผมตื่นเช้าที่สุดนับตั้งแต่ผมจบม.6มา หลังจากจบม.6ก่อนสอบเข้ามหาวิทยาลัยก็เป็นเวลาประมาณหนึ่งเดือนเต็มที่โรงเรียนหยุดให้อ่านหนังสือ เป็นหนึ่งเดือนที่เหนื่อยมาก เพราะผมนั้นต้องอ่านหนังสือหลายวิชาเพื่อใช้สอบเข้ามหาวิทยาลัยให้ได้คณะที่ฝัน ผมเป็นคนชอบอ่านหนังสือตอนกลางคืนจนถึงดึกๆ ก็ประมาณตีสามตีสี่ แล้วตื่นอีกทีก็เที่ยงเลย
ก่อนหน้านี้ระหว่างเปิดภาคเรียนมอหก กิจวัตรประจำวันของผมส่วนมากก็มีแค่ ตื่นเจ็ดโมงเช้า เข้าแถวหน้าเสาธงแปดโมง เริ่มเรียนตามตารางที่โรงเรียนจัดให้ตอนแปดโมงครึ่ง จากนั้นเลิกเรียนอีกทีตอนสี่โมงครึ่ง พักกินข้าวเย็นขนมเล็กน้อยก่อนไปเรียนพิเศษตามสถาบันต่างๆ ที่ดัง อย่างที่ผมบอกนั่นแหละครับ อันไหนที่ว่าดี ที่ว่าเก็งข้อสอบตรง ผมก็เรียนหมดและครับ กว่าจะเรียนพิเศษเสร็จก็ประมาณสองทุ่มครึ่ง หลังจากนั้นผมก็กลับบ้าน นั่งดูทีวี เล่นเกมตามประสาวัยรุ่นมัธยม พอถึงประมาณสามทุ่มครึ่ง ผมก็ขึ้นห้องอาบน้ำ เตรียมตัวอ่านหนังสือ ทบทวนสิ่งที่ได้เรียนมา จนถึงเวลาประมาณเที่ยงคืนผมก็เข้านอน เพราะต้องตื่นเช้าไปเรียนต่ออีก ดึกกว่านี้กลัวง่วงเรียนไม่ไหว
แต่สิ่งที่ผมมักจะทำก่อนเข้านอนนั้นก็คือเขียน ไดอารี่ ผมเป็นคนชอบเขียนครับ ชอบเขียนเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตทุกวัน เผื่อว่าวันหนึ่งคิดถึงจะได้กลับมาอ่าน ไดอารี่ของผมนั้นมีทั้งเรื่องราวสุข ทุกข์ สนุกสนานปนๆ กันไป จนบางทีผมกลับมานั่งอ่านไดอารี่ที่ตัวเองเขียนก็แบบสงสัยว่า มันผ่านอะไรมาเยอะเกินไปนะ ฮ่าๆ
ที่จริงผมเขียนไดอารี่มาตั้งแต่เด็กๆ แล้วครับ เขียนตั้งแต่ประถมเลยก็ว่าได้ จนมีไดอารี่หลายเล่มมากครับ อันไหนเก่าๆ บางทีไม่มีที่เก็บ ผมก็จำเป็นต้องทิ้งมันไปบ้าง แอบเสียดายแต่ทำไงได้บ้านเราไม่มีที่เก็บ แต่ไม่ต้องแปลกใจครับว่าทำไมผมถึงเขียนไดอารี่เยอะขนาดนั้น บอกตามตรงอาจเป็นเพราะคุณแม่ของผมก็ได้ครับ เขาเป็นนักเขียนคอลัมน์เกี่ยวกับการท่องเที่ยวและอาหารให้กับนิตยสารชื่อดัง หลายสำนัก หลายคนที่อ่านนิตยสารคงเคยผ่านตาชื่อแม่ผมมาบางแหละครับ คุณแม่มักเดินทางท่องเที่ยวในที่ต่างๆ มากมาย กินอาหารร้านที่คนส่วนใหญ่อาจจะมองข้าม มีแม่ผมเนี่ยละครับเป็นคนที่ไปกิน จนสุดท้ายก็เขียนคอลัมน์อาหาร จนร้านนั้นดังเป็นพลุแตก ผู้คนต่างมาทดลองกินว่าอร่อยอย่างที่แม่ผมเขียนหรือเปล่า แต่ผมว่ามันก็อร่อยจริงนะครับ
เช่นวันนี้ การตื่นเช้าของผมไม่ได้ตื่นเช้าเพื่อไปเรียนหรือไปสอบอย่างที่เคยเป็นมา
ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้น พร้อมเสียงเรียกของแม่ผม
“ปอ ตื่นรึยังลูก จำที่เราสัญญาได้ไหม วันนี้ลูกจะไปน้ำตกกับแม่”
“ตื่นแล้วครับ กำลังไปอาบน้ำ” หลังจากตอบผมรีบวิ่งตรงไปห้องน้ำเพื่อทำธุระให้เสร็จเรียบร้อยให้ทันเวลากับที่แม่นัดหมายไว้
ผมแต่งตัว ทาครีมเสร็จก่อนเวลานัดประมาณเกือบสามสิบนาที ผมจึงมานั่งที่โต๊ะ พลางจัดของบนโต๊ะใหม่สักหน่อยเพราะไม่ได้จัดดีๆ มานานมาก ไอ้ที่จัดครั้งก่อนก็แค่ยัดๆ ให้มันดูเรียบร้อยเท่านั้น ผมนั่งที่โต๊ะอ่านหนังสือของผม เปิดโคมไฟให้พอสว่าง พร้อมกับหยิบไดอารี่ของผมขึ้นมา เขียนเรื่องราว เมื่อคืน...
เมื่อถึงเวลานัดหมายกับคุณแม่ ก็เป็นเวลาแปดโมงครึ่ง ผมก็เดินลงมาพร้อมกระเป๋าสะพายใบโปรดของผมตามเคย แต่งตัวสบายๆ ใส่เสื้อเชิ้ตสีฟ้าลายขวา กางเกงสามส่วน สวมถุงเท้าสีดำ พร้อมที่จะใส่รองเท้าผ้าใบ เพราะแม่บอกว่าวันที่จะไปน้ำตก ซึ่งผมคิดว่าต้องลำบากในการเดินปีนน้ำตกแน่ๆ เลยเตรียมการไว้ก่อน
เรากินข้าวเช้าที่เตรียมไว้ประมาณสิบห้านาที หลังจากนั้นเราก็เดินทางไปยังน้ำตกโดยแม่ผมเป็นคนขับรถยนต์ สไตล์การแต่งตัวของแม่ผม ยอมรับเลยว่าสวยเป๊ะ กระฉับกระเฉง พร้อมลุยทุกสถานการณ์ รวมทั้งกระเป๋ากล้องคู่ใจที่ค่อยเอาไว้ถ่ายรูปเพื่อเขียนคอลัมน์
น้ำตกที่เราจะไปนั้นห่างจากตัวเมืองไม่น้อยเลยครับ นั่งรถไปเกือบสามชั่วโมง แทบจะพ้นเขตจังหวัดเราแล้วด้วย เป็นทางขึ้นเขา ถนน ดินลูกรัง ถนนไม่ลาดยาง ฝุ่นจากดินที่ฟุ้งตามหลังรถเรานั้นบดบังการมองเห็นของกระจกหลังไปเลย
ขับไปได้สักพักก็ถึงที่หมายครับ ที่นั่นเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ในอุทยานเราขับเข้าไปอีกประมาณสองร้อยเมตรก็ถึงที่ว่าการอุทยาน แม่ผมจอดรถแล้วลงเดินไปยังที่นั่น สถานที่นี้ก็ไม่ได้มีอะไรที่เป็นจุดเด่นมาก ก็ที่ว่าอุทยานทั่วๆ ไป ถ้านึกไม่ออกก็เหมือนในละคร ที่มีตึกเก่าๆ ลายทหารสีเขียว มีเสาธงตั้งอยู่ด้านหน้า
“ติดต่อคุณเจนหน่อยค่ะ” แม่ผมเป็นคนพูดขึ้นก่อนที่เจ้าหน้าที่ที่นั่งอยู่ที่โต๊ะประชาสัมพันธ์จะถามขึ้นอีก
“รอตรงนี้สักครู่นะครับ”
“อ้าวฝ้าย ทำไมมาถึงไวจัง” เสียงเรียกดังขึ้นไม่ถึงหนึ่งนาทีหลังจากประโยคสักครู่ เป็นเสียงของหัวหน้าอุทยานแห่งนี้ เป็นครั้งแรกที่ผมคิดได้ว่า หัวหน้าอุทยานไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ชาย เธอดูเป็นหัวหน้าที่น่าเกรงขาม สุขุมมาก อย่างนี้สิ ถึงเป็นหัวหน้าที่คุมคนได้
“ก็ปอมาด้วย กะจะพามาเปิดหูเปิดตาสักหน่อย”
“โห่ ปอ ไม่เจอตั้งนานโตขึ้นเยอะเลยนะ”
“สะ สวัสดีครับ” ก็นานจริงแหละครับ ผมไม่เคยจำหน้าเธอได้ อาจจะเคยเจอตอนเด็กๆ เธอเป็นเพื่อนสนิทกับแม่ผมครับ แม่เคยเล่าให้ฟังบ้างเกี่ยวกับเพื่อนแม่คนหนึ่งเป็นหัวหน้าอุทยาน แต่ผมก็ไม่ได้ตั้งใจฟังเท่าไรหรอกครับ เลยอาจจะจดจำเรื่องราวของเพื่อนแม่คนนี้ได้ไม่มากนัก
“รูปน้ำตกที่เธอส่งให้ดู ชั้นชอบมากเลยแหละ อยากจะมาเห็นมันจริงๆ จะเขียนคอลัมน์ให้น้ำตกสวยๆ แบบนี้ เป็นที่รู้จัก ให้คนมาสัมผัสมันให้ได้”
“ขอบใจมากฝ้าย ยังไงถ้ากลับไปในเมืองไม่ทัน มันค่ำเกินไป พักที่นี้ได้นะ ขับรถตอนกลางคืนมันอันตราย”
“ขอบใจมากเจน”
“แหม่จะมาขอบจงขอบใจอะไรกัน เธอก็เคยพบรักที่นี่นิ”
พบรัก...
“นานแล้ว ช่างเถอะ เดี๋ยวออกไปกันเลยไหม”
“ได้ๆ เดี๋ยวเราไปบอกลูกน้องเราก่อน เผื่อเขาจะไปด้วย จะได้เตรียมน้ำเตรียมอาหารไปกินข้าวกลางวันกันที่นั่น”
เราเอารถมาทั้งหมดสองคัน คันหนึ่งเป็นรถแม่กับผม อีกคันเป็นรถจิ๊บทหารของเพื่อนแม่ที่พาลูกน้องติดรถมาด้วยสามคน เราขับผ่านหมู่บ้านที่มองดูแล้วก็ไม่ได้กันดารขนาดนั้น มีบ้านปูนบ้านไม้สลับกันไปตลอดทางดูสงบ ก็มีเพียงแต่บ้างหลังหนึ่งที่มองดูแล้วทำไมรู้สึกคุ้นเคยยังไงบอกไม่ถูก มันเป็นบ้านไม้เก่าๆมีรั้วสีน้ำตาล ไม่ทันที่ผมจะมองรายละเอียดอื่นๆเพิ่มเติม รถก็เคลื่อนผ่านบ้านหลังนี้ไปแล้ว
ผมกำลังจะหลับตานอน เราก็ถึงที่หมายแล้ว ใช้เวลาเดินทางไปน้ำตกนั้นประมาณยี่สิบนาที น้ำตกที่เพื่อนแม่เป็นคนแนะนำมาก็สวยอย่างที่แม่ว่า น้ำตกไหลลงมาจากหน้าผาสูงชัน ละอองน้ำกระจายเต็มพื้นที่ พอให้ชุ่มฉ่ำ ประกอบกับลมเย็นที่คอยพัดมาเป็นระยะๆ สายลมพัดผ่านมาสัมผัสใบหน้าของผม ตุบ ตุบ ตุบ ที่นั่นเสียงเงียบมาก มีเพียงเสียงน้ำที่ตกลงมาจากด้านบนกระทบกับพื้นน้ำที่อยู่ข้างล่างเบาๆ จนผมได้ยินเสียงหัวใจผมเต้นอย่างชัดเจน แต่สิ่งที่ทำให้ผมสนใจอย่างมากคือ ดอกอัญชันป่าสีน้ำเงินอมม่วงที่เบ่งบานตัดกับใบไม้สีเขียวมันสวยงามมากๆจริง
เราปูเสื่อ กินข้าวกลางวันกันก่อนที่โขดหินข้างสระน้ำของน้ำตกแห่งนี้ หลังจากกินเสร็จ แม่ผมกับเพื่อนก็เริ่มทำงานกัน ถ่ายรูป พูดเรื่องราวเกี่ยวกับน้ำตก บ้างก็พูดถึงอดีตกัน แต่ผมก็ได้ยินไม่ถนัด คงเป็นเพราะเสียงน้ำตก หรือไม่ก็อยู่ไกลเกินไปกว่าที่จะได้ยิน
“ปอ ถ้าเบื่อๆ ลองเดินไปทางโน้นสิ มีเนินเขาอยู่ เดินตามธารน้ำไปก็เจอแล้ว” เพื่อนแม่คนนั้นตะโกนบอกผมสู้กับเสียงน้ำตก คงเห็นผมไม่มีอะไรทำเลย เลยหาสิ่งให้ผมทำเพื่อแก้เบื่อ
“ครับ” ผมก็ตอบไป แล้วก็เดินไปตามคำชวนนั้น มันก็คงจะดีกว่านั่งเฉยๆ
ใช้เวลาเดินไม่นานก็พบกับเนินเขาที่ลาดชันไปยังธารน้ำใสที่ไหลมาจากน้ำตกนั้น สงบเงียบ ได้ยินเพียงเสียงนกเบาๆ จากที่ไกลๆ สายลมยังคงพัดผ่านใบหน้าของผม มันอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก ผมนั่งบนเนินเขาดูสายน้ำที่ไหลไปเรื่อยๆ มันดูแล้วผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก ความรู้สึกเหมือนว่าสถานที่แห่งนี้ครั้งหนึ่งเคยมาแล้ว...
ผมหยิบมือถือขึ้นมาเพื่อถ่ายรูปวิวที่ผมเห็นตอนนี้เก็บไว้ในมือถือของผมเพื่อเป็นความทรงจำ...
หรือความจริง...
หลังจากถ่ายผมก็มองนาฬิกาในมือถือผม เวลาได้ล่วงเลยไปเกือบจะบ่ายสามโมงแล้ว ผมควรกลับไปที่น้ำตกที่แม่รออยู่ หลังจากนั้นผมมาถึงก็พบว่าทุกคนก็เก็บของเตรียมจะกลับแล้ว ผมจึงเข้าไปช่วยเก็บของเพื่อเราจะได้กลับกันไวขึ้น แม่ผมมองดูนาฬิกาแล้วว่ากลับเข้าเมืองคงใช้เวลาไม่นาน ไม่น่าจะค่ำจนเกินไป จึงตัดสินใจจะกลับเลย ไม่ได้นอนค้างคืนตามคำชวนของเพื่อนแม่
เราสองคนแม่ลูกเดินทางกลับจากอุทยานนั้นก็ใช้เวลานานกว่าตอนไปเล็กน้อย กว่าจะถึงบ้านเวลาก็ล่วงเลยไปเกือบสองทุ่ม เพราะเราแวะกินข้าวเย็นกันก่อนเข้าบ้าน เมื่อถึงบ้านเราต่างแยกย้ายกันเข้าห้องนอน อาบน้ำเตรียมเข้านอน เนื่องจากเหนื่อยล้าจากการเดินทางกันทั้งคู่ อยากล้มตัวลงนอนในทุกๆ เมื่อ
หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยเตรียมตัวจะเข้านอน ผมก็ต้องทำในสิ่งที่ผมทำเป็นประจำ ผมเดินไปนั่งบนโต๊ะอ่านหนังสือคู่ใจของผม หยิบสมุดไดอารี่ หน้าปกสีน้ำตาลขึ้นมา ไม่ได้มีอะไรเขียนบนหน้าปก มีเพียงรอยดินสอที่ถูกลบไป จางๆ ตรงขอบบนด้านขวาของสมุดเท่านั้น ที่ผมก็ไม่รู้ว่าข้อความที่เขียนแล้วจริงๆ คืออะไร อ่านรอยดินสอได้ เพียง
ป่...
ผมไม่ได้สนใจกับมันเท่าไรนัก เพราะผมเองก็ไม่รู้ว่าผมเขียนอะไร ลบไปตอนไหน ผมเปิดไปยังหน้าว่างของสมุดไดอารี่เล่มนั้น เขียนเรื่องราวที่ผ่านมาในวันนี้ว่าเจออะไรบ้าง ได้ไปไหนบ้าง รวมทั้งได้เจอสถานที่สวยๆ อย่างเนินเขาที่เพื่อนแม่ที่ชื่อเจนได้แนะนำให้เดินไป
หลังจากผมได้เขียนไดอารี่ของวันนี้เสร็จ ผมเหลือบไปมองยังหน้าข้างกันของไดอารี่วันนี้ มีเพียงข้อความบางอย่างที่ผมเขียนเมื่อเช้า ผมแทบจะลืมไปแล้วว่าผมเขียนอะไรบ้าง อ่านดูเหมือนเรื่องราวของใครคนหนึ่ง ณ สถานที่หนึ่ง เพียงแต่ข้อความนั้นเป็นของความฝันเมื่อคืน ที่สถานที่เหมือนวันนี้
เนินเขา...
ธารน้ำ...
สัญญานะ...

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา