DREAMS COME TRUE จากฝัน...ถึงเธอ

10.0

เขียนโดย winnerella

วันที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 12.04 น.

  17 บท
  0 วิจารณ์
  13.86K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 17.42 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) ตามสัญญา

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

หลังจากที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยเสร็จ ผมใช้เวลาไปกับการเดินทางไปทำงานเกี่ยวกับการเขียนคอลัมน์ของแม่บ้าง อยู่บ้านเฉยๆ เล่นเกม ดูหนังทางอินเทอร์เน็ตบ้าง มันก็ฟังดูเหมือนน่าเบื่อ แต่ก็ทำไงได้มันเป็นสิ่งที่เรารอคอยมานานหลังจากเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัยอย่างหนักหน่วง เราได้นอนดึกตื่นสายเป็นสวรรค์ที่โปรดปรานของใครหลายคน ระหว่างนี้คงเป็นเวลาที่ทุกคนได้แต่รอผลสอบ เรารอคอยมันมาสองอาทิตย์กว่าๆ เหลือเพียงอีกไม่นาน อีกแค่สามวัน วันที่รอคอยมันจะมาถึง

สามวันที่แสนสดใสได้ผ่านไปไวเหมือนโกหก เช้านี้เด็กนักเรียนชั้นม.6ทั่วประเทศไทยเตรียมลุ้นกันว่าจะสอบติดคณะที่ตัวเองหวังไว้หรือเปล่า 

ทางหน้าเว็บไซต์ยังคงขึ้นข้อความว่าประกาศผลตอนเก้าโมงเช้าของวันนี้ ผมมองมือถือผมที่เปิดหน้าเว็บไซต์นี้รออยู่ ดูตัวเลขที่บอกชะตา แปดโมงห้าสิบเจ็ด อีกแค่สามนาทีเท่านั้นเราจะได้รู้แล้วว่าเราจะไปอยู่ที่ไหนในโลกนี้

ผมเลือกคณะแพทย์ครับ มหาวิทยาลัยก็เลือกในจังหวัดพิษณุโลกนี้แหละครับ มันก็คือมหาวิทยาลัยที่พวกเราไปสอบกัน เหตุผลง่ายนิดเดียวคือใกล้บ้าน ผมสามารถกลับมาบ้านได้ อยู่กับแม่ได้ ไม่อยากให้แม่อยู่คนเดียวเป็นห่วง รวมทั้งดิวเพื่อนสนิทผม มันก็ยังเลือกคณะและมหาวิทยาลัยเหมือนผมเช่นกัน

ตึง!!

เสียงแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชันเฟซบุ๊กดังขึ้นมา เหมือนมีใครบางคนแท็กข้อความมาหาผม ชั่งมาในเวลานี้จริงๆ เวลาที่สำคัญของกู

ผมเลือกที่จะกดเปิดข้อความจากเสียงแจ้งเตือนนั้น สลัดหน้าจอเว็บไซต์ประกาศผมสอบออกไปก่อน เพราะอยากรู้ว่าเสียงแจ้งเตือนนั้นคืออะไร ทันทีที่กดเข้าไปดู มันเป็นชื่อเจ้าของเฟซบุ๊กที่เราคุ้นเคยกับชื่อมันเป็นอย่างดีนั้นคือไอ้ดิว พร้อมกับคำบรรยายใต้ภาพเพียงแค่ว่าโอ้ เยส’ ผมไม่รอช้าที่จะเปิดรูปภาพนั้นขึ้นมา ข้อความในรูปภาพปรากฏขึ้นต่อหน้าผม

รายชื่อผู้สอบผ่านการคัดเลือกเข้าเรียนต่อคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนอร์ส จังหวัดพิษณุโลก

ลำดับที่ 45 นายปรเมศว์ เจริญศิริกุล

ลำดับที่ 46 นายธาวิน ฤทัยภัทร

ชื่อแรกที่ถูกเน้นหนานั้น ก็คงรู้จักกันดี ก็ชื่อไอ้ดิวนั้นและครับ แต่สิ่งที่ทำให้ใจผมเต้นแรงมากนั้นคือชื่อลำดับถัดไป นายธาวิน ฤทัยภัทร นั่น!!! นั่นมันชื่อของผมครับ!!

เสียงตะโกนดีใจจากห้องนั่งเล่นในบ้านดังจน ทำให้คนที่อยู่ในห้องครัวต้องตะโกนถามอย่างตกใจ 

เป็นอะไรลูก”

แม่ครับ ผมสอบติดคณะแพทย์แล้วครับ” สิ้นเสียงพูดผม ผู้หญิงที่ดูแข็งแกร่ง โน้มตัวเข้ามากอดผม น้ำตาที่ไหลออกมาอย่างช้าๆ ผมไม่สามารถกลั้นน้ำตาของตัวเองได้เลย เรากอดกันโดยไม่มีคำพูดอะไร ไม่มีเสียงใดรบกวน ไม่มีสิ่งได้ที่มาขัดขวาง มีเพียงเสียงสะอื้นของความดีใจเท่านั้นเอง...

 คณะนี้รับหกสิบคน ลำดับเรียงตามการสมัครเข้าสอบ  นี้ก็เป็นเหตุผลที่ชื่อของพวกเราสองคนติดกัน เรากรอกใบสมัครในเว็บไซต์ พร้อมกัน วันเดียวกัน กดยืนยันพร้อมกัน เพียงแต่ไอ้ดิวมันอาจจะเร็วว่าผมนิดหน่อยก็เท่านั้นเอง มันเลยลำดับก่อนผม

คณะแพทย์นั้นจะมีการนัดเรียนล่วงหน้าก่อนเปิดเทอมจริงประมาณปลายเดือนพฤษภาคม ก่อนจะเปิดเทอมจริงต้นเดือนมิถุนายน สองอาทิตย์ก่อนเปิดจริงจะเรียนพวกเนื้อหาง่ายๆ ที่เป็นการปรับพื้นฐาน รวมถึงระหว่างช่วงนี้ก็เป็นกิจกรรมรับน้องห้องเชียร์ของคณะไปด้วยในตัว

 หลังจากประกาศผลเราก็เลยมีเวลาเตรียมตัวในการจัดข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ที่จำเป็นในการใช้ชีวิตในฐานะเฟรชชี่ปีหนึ่งของคณะแพทย์เพียงประมาณหนึ่งอาทิตย์ ทางมหาลัยยังบังคับให้นักศึกษาชั้นปีที่หนึ่งอยู่หอพักที่ทางมหาลัยจัดให้ด้วย ซึ่งผมก็จำใจต้องไปอยู่หอพักนั้น โชคดีที่อยู่ห้องละสองคน แถมยังใจดีเลือกจับคู่นอนกันเองได้ ผมเลยเลือกจับกับไอ้ดิว  ถึงแม้ว่าความรู้สึกจะเป็นห่วงที่แม่อยู่คนเดียว แต่ในใจก็คิดว่าแม่จะได้ไม่ต้องลำบากมาส่งที่มหาลัยทุกวันก่อนไปทำงาน ยังไงสุดสัปดาห์ก็ยังกลับมานอนที่บ้านได้อยู่ดี

ระหว่างช่วงอาทิตย์ของการเตรียมตัวก่อนเปิดเทอม บรรดาเพื่อนของผมก็โทรมาคุยว่ามันสอบติดอะไรที่ไหนบ้าง ส่วนใหญ่สอบติดที่จังหวัดอื่นกันหมด จึงจำเป็นต้องจากลากันไปเรียน มันเศร้า อยู่ด้วยกันมาตั้งนานจะต้องแยกกัน ไม่รู้จะกลับมารวมตัวกันอีกเมื่อไร คงมีเพียงผมกับไอ้ดิวที่ยังคงตัวติดกัน

[ปอ เราต้องเตรียมอะไรเพิ่มอีกไหมว่ะ] เสียงผ่านจากลำโพงมือถือที่เปิดไว้ดังขึ้นขณะที่ผมกำลังจัดของใช้ต่างๆเข้ากระเป๋า

เท่าที่มึงบอก กูว่ามันครบแล้วนะ มันดูจะเกินไปด้วยซ้ำ”

[เกินก็ดีกว่าขาด]

คิดว่าเท่านั้นแหละ ขาดเหลืออะไรค่อยว่ากัน”

[โอเค งั้นไม่กวนแหละ เจอกันวันเปิดเทอมเลยละกัน]

เออ บาย”

[เดี๋ยวๆ มึง] เจ้าของเสียงนั้นตะโกนออกมาทันทีกลัวว่าผมจะกดวางจากมันไป

มีอะไรอีก”

[มึงว่ากูจะได้เจอพี่ที่น่ารักคนนั้น ที่เจอที่ร้านหมูกระทะ อีกไหมว่ะ]

เออ อาจจะเจอมั้ง”

[โห่อะไรวะ ไม่ให้ความหวังกันเลย มึงอะ]

มีไรอีกไหม กูจะจัดของ”

[เออๆ ไม่มีอะไรและ ไม่กวนแล้ว บาย]

เจอกัน บาย”

พี่คนนั้น’ ในหัวของผมนึกถึงใครคนหนึ่งหลังจากที่ไอ้ดิวพูดถึง ที่ผมเองก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงนึกถึงพี่คนนั้น คนที่หน้าตาดูไม่ค่อยมีความสุขคนนั้น พี่เขาคือใคร...

คืนก่อนวันที่จะเปิดเทอม คงเป็นกันทุกคน ทั้งที่อยากจะนอนเร็วๆ เพื่อจะได้ตื่นเช้าไปเตรียมตัวเพื่อไปเป็นเฟรชชี่ปีหนึ่งที่สดใส แต่ฝันไปเถอะครับ มันไม่ง่ายอย่างนั้นสิ มันตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ ผมปิดไฟนอนตั้งแต่สามทุ่มแล้ว จนตอนนี้เวลาล่วงเลยมาจนเที่ยงคืนกว่าแล้ว ผมยังนอนไม่หลับ พลิกตัวไปบนเตียงไปมา แต่วันนี้สิ่งที่ต่างออกไป ผมไม่ได้เขียนไดอารี่ก่อนนอนเหมือนทุกวัน เพราะวันนี้ไม่ได้มีอะไรที่พิเศษเท่าไร

ผมนอนอยู่บนเตียงนุ่มๆ ตามันก็อยากจะหลับเหลือเกินแต่ก็นอนไม่หลับสักที ผมเปิดดูมือถือ ดูอะไรเพลินๆเผื่อจะช่วยให้หลับได้ง่ายขึ้น ก่อนจะกดไปที่อัลบัมภาพในมือถือเลื่อนดูรูปที่เคยถ่ายไปมา ผมหยุดที่ภาพภาพหนึ่งที่มันก็ดูธรรมดาไม่ได้มีอะไรพิเศษ มันคือ

ภาพเนินเขาที่ผมถ่ายไว้ตั้งนานแล้ว ตั้งแต่ไปน้ำตกกับแม่ครั้งก่อน

ทำไมกัน ภาพนี้มันดูแล้วรู้สึกมีความสุข

ทำไมกัน ภาพนี้มันดูแล้วรู้สึกอบอุ่นมาก

ทำไมกัน ภาพนี้มันดูแล้วรู้สึกเศร้าไปด้วย

ทำไมมีหลากหลายอารมณ์ที่เข้ามาในหัวผมมากขนาดนี้ ภาพนี้มีอะไร

ทำไมกัน...

 

เนินเขาที่ลาดชันไปยังแม่น้ำสายเล็กๆ นั้น มันยังคงทำหน้าที่เป็นบรรยากาศที่สงบเงียบดังเช่นเคย เราสองคนยังคงใช้ช่วงเวลาตอนเย็นหลังเลิกเรียนมานั่งที่นี่ เพื่อฟังเพลงจากโทรศัพท์รุ่นเก่าๆ ที่มีหูฟังแบบสาย คุยกันเรื่องต่างๆเหมือนอย่างเคย

พี่สอบติดหมอแล้วนะ” มันยังคงเป็นเสียงนุ่มอบอุ่นเสมอทุกครั้งที่ฉันฟัง

หนูดีใจกับพี่ด้วยนะ” ยิ้ม

แต่...พี่จะต้องไปเรียนในเมือง เราอาจจะเจอกันน้อยลงนะ”  ฉันมองไปในตาของผู้ชายคนนั้น รับรู้ได้ว่ามันคงเป็นคำพูดที่อึดอัดเหลือเกิน

ไม่ต้องคิดมากสิ ยังไงเราก็ต้องได้เจอกันอยู่ดี สักวันหนูจะต้องสอบเข้าหมอตามพี่ไปให้ได้”

พี่จะรอให้ถึงวันนั้นนะ”

ขอบคุณที่พี่ทำ ตามสัญญา ที่ให้กับหนูไว้”

พี่ รัก ปะ ...”

 

ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมา สายตามองไปดูที่นาฬิกา มันแสดงตัวเลขว่าคือเวลา หกโมงครึ่ง ทั้งที่ผมยังง่วงอยู่แต่กลับไม่สามารถนอนได้อีก  ผมรีบลุกจากเตียงเดินตรงไปเข้าห้องน้ำ เปิดก็อกน้ำเพื่อจะล้างหน้า แต่ผมกลับยืนมองไปที่กระจก เห็นใบหน้าของผมที่ดูไม่ค่อยสดชื่นเท่าไร ผมได้แต่ทบทวนเรื่องราวที่เพิ่งผ่านเข้ามาในหัวผม  'ตามสัญญา...'  

หลังจากเคลียร์ตัวเองและปัญหาที่อยู่ในหัวของผมเรียบร้อย ผมเดินออกจากห้องน้ำไปที่ตู้เสื้อผ้าเพื่อเลือกชุดนักศึกษาตัวใหม่ขาวสะอาดมาใส่ กระจกในตู้เสื้อผ้ามันสะท้อนให้เห็นถึงแผลเป็นนูนแดงกลางอกผม ผมจำมันได้ดีมันติดตัวผมมาตั้งแต่ผมเป็นเด็กแล้ว แต่ทำไมวันนี้มันรู้สึกเจ็บแปลกๆ

ผมนั่งลงที่โต๊ะเขียนหนังสือตัวเดิมของผม ผมหยิบสมุดไดอารี่เล่มเดิมขึ้นเปิดไปที่หน้าว่าง มือของผมสั่น หัวใจของผมก็เริ่มสั่น เรื่องราวเมื่อคืนมันยังผ่านเข้ามาในหัวของผม เรื่องราวที่ผมฝัน ผมยังจำเรื่องราวได้ดี ทุกประโยค ทุกคำพูดมันราวกับว่าเป็นความจริงที่ผมเคยได้ยิน ผมเขียนเรื่องราวเหล่านั้นลงไปแทนหน้ากระดาษที่ว่างเปล่า ชื่ออะไร ทำไมนึกชื่อไม่ออก นี่ไม่ใช่ครั้งแรก...ที่ผมรู้สึกสับสนแบบนี้

ผมแต่งตัวในชุดนักศึกษามหาลัยตามระเบียบทุกอย่าง จัดข้าวของต่างๆ ที่เตรียมไว้เรียบร้อย พร้อมทยอยขนของลงมาไปใส่ในรถยนต์ ของผมไม่ได้เยอะมากหรอกครับ ก็เป็นของใช้ที่จำเป็นจริงๆ คิดว่าถ้าขาดเหลืออะไรค่อยไปหาซื้อทีหลังเอา

โอ้โห ลูกแม่ดูดีจริงๆ” เสียงแซวดังมาแต่ไกลผู้หญิงที่อยู่ข้างผมเสมอ

อย่าแซวสิแม่ ผมเขิน”

อาๆ ไม่แซวแล้วก็ได้ รีบกินข้าวนะ ว่าแต่เช้านี้ให้แม่ไปส่งที่ไหน”

ที่หอในครับ รุ่นพี่นัดที่นั่น” 

งั้นรีบกิน แม่ต้องรีบไปทำงานต่อ วันนี้แม่มีไปเขียนคอลัมน์ร้านอาหาร”

ครับ”

เราใช้เวลาเพียงคู่หนึ่งในการจัดการกับอาหารเช้าใน หลังจากนั้นเราก็เดินทางออกจากบ้านเพื่อไปมหาลัย ผมไม่ได้ตื่นเต้นกับการมามหาลัยเท่าไรหรอกครับ เพราะผมมาที่นี้บ่อยเหมือนกัน ทั้งมาออกกำลังกายบ้าง มากินหมูกระทะกับเพื่อนๆ บ้าง รวมทั้งมาสอบเข้า ที่นี่เลยกลายเป็นสถานที่ผมคุ้นเลยไปเลย

สิ่งที่ทำให้ผมตื่นเต้นก็คงเป็นเสียงกลองที่ดังลั่นอยู่ทางเข้าหอใน พร้อมกับคนที่เแต่งตัวด้วยเสื้อยืดคอกลมสีดำที่มีอักษรตัวใหญ่ติดบนเสื้อว่า หมอสันท์ พร้อมกับกางเกงชาวเล สีสันสดใสหลากสี ชมพูก็คือชมพูบานเย็นสีสด เขียวก็คือเขียวเรืองแสง อะไรมันจะขนาดนั้น ท่าทางการเต้นก็ที่สุดเหวี่ยง เต้นแบบคิดว่าชาตินี้จะไม่ได้เต้นอีกแล้ว

แม่ว่า แม่ส่งลงตรงนี้ดีกว่า”

ได้ครับ เดี๋ยวผมลงเดินต่อไปเอง”

ดูของให้เรียบร้อยอย่าลืมนะ ถ้าลืมก็ต้องรอแม่ตอนเย็นเลยนะ กว่าแม่จะเสร็จงาน”

ครับ”

ผมคว้ากระเป๋าเป๋ใบใหญ่สีดำมาสะพายไหล่ ข้างในนั้นก็บรรจุพวกเสื้อผ้า ของใช้ต่างๆ ที่จำเป็น มันค่อนข้างที่จะหนักเอาเรื่องเหมือนกัน พร้อมกับยกกล่องกระดาษที่ภายในบรรจุของเล็กๆน้อยๆ พวกโคมไฟ ปากกาดินสอ หนังสือต่างๆ รวมดึงไดอารี่เล่มนั้น

ไปนะครับแม่”

ดูแลตัวเองดีๆ มีอะไรอยากให้แม่ช่วยก็โทรมาได้เสมอนะ”

ครับ”

ใจมันหวิว

เมื่อมองเห็นรถยนต์คันที่นั่งมา เคลื่อนออกไป ผมยังยืนมองรถคันนั้น จนรถคนนั้นเคลื่อนออกไปไกลเรื่อยๆ ขนาดเล็กลงไปเรื่อยๆ จนผมมองไม่เห็นรถคันนั้นอีก ใจผมมันยิ่งหวิวมากกว่าเดิม ก็นั่นแหละครับ อยู่บ้านกับแม่สองคนมาตั้งนาน มาวันนี้เราต้องมาอยู่คนเดียวที่หอพักในมหาลัย

ผมยังยืนถือของอยู่ในตำแหน่งเดิมเป็นเวลานานพอสมควร นานจนผมเองก็รู้สึกเมื่อยเหมือนกัน จนผมได้ยินเสียงฝีเท้าของคนกำลังเดินมาจากข้างหลังผม

น้องครับ”

เสียงเรียกที่ไม่คุ้นหู ผมหันหลังมองตามเสียงนั้น เห็นกลุ่มคนประมาณสี่คนเดินเข้ามาหาผม ทุกคนต่างใส่เสื้อยืดคอกลม มีตัวอักษรข้อความแบบเดียวกันพร้อมกับกางเกงเลสีสันต่างๆ

มาน้องเดี๋ยวพี่ช่วยถือของให้”

คะ คะ ครับ” ยังไม่ทันสิ้นเสียงตอบบรรดาชาวกางเกงหลากสีก็ดึงของต่างๆ ออกจากผมไปหมด เหลือเพียงแค่กระเป๋าสะพายคู่ใจของผมที่ไม่ถูกดึงไป

มาน้อง เดินตามพี่มาเลย ไปรวมกลุ่มกับเพื่อนทางโน้นได้เลย”

ระหว่างทางที่เราเดิน ก็จะมีร้านขายของต่างๆ มากมาย ทั้งขายอาหาร ขายทุกอย่าง คือมันทุกอย่างจริงๆ พูดได้ว่าสากกะเบือยันเรือรบเลยก็ว่าได้ แถมติดป้ายหน้าร้านว่า ทุกอย่างยี่สิบบาทอีกด้วย เราใกล้จะถึงที่หมาย ผมมองไปที่ร้านกาแฟเล็กๆ ร้านหนึ่ง หน้าร้านตกแต่งด้วยต้นไม้สีเขียวดูเย็นตา มีคนอยู่ในร้านถ้าจะให้นับก็ประมาณเจ็ดคน ใส่ชุดคลุมสีขาวยาวๆ นั่งคุยกันอยู่

สายตาผมเหลือบไปเห็น พี่คนนั้น คนที่หน้าตาเบื่อโลกที่เคยเจอที่ร้านหมูกระทะครั้งก่อน  พี่คนนั้นก็ยังทำหน้าตาเบื่อโลกเหมือนเดิม ดูไม่ค่อยมีความสุข แต่ก็ยังพอเห็นรอยยิ้มออกมาบ้าง

พี่ครับ ที่ร้านกาแฟนั้น กลุ่มคนที่ใส่ชุดคลุมสีขาวยาวๆ นั้นเป็นใครหรือครับ” 

อ๋อ นั้นพวกพี่ปีสี่ วันนี้ก็จะมาช่วยดูแลน้องๆ เหมือนกัน”

แล้วไอ้ชุดคลุมสีขาวยาวๆ มันเรียกว่าเสื้อกาวน์” 

เราเดินมาเรื่อยๆ จนได้ยินเสียงกลอง เสียงเพลงดังขึ้นอย่างชัดเจน บางเพลงก็เป็นเพลงที่เราคุ้นหูตอนเราทำกิจกรรมที่โรงเรียนบ้าง บางเพลงก็เป็นเพลงที่ผมฟังแล้วก็รู้สึกแปลกว่ามันมีเพลงแบบนี้บนโลกด้วยหรือ

เราเดินมาถึงจุดที่เราจะต้องลงทะเบียน เพื่อรับป้ายคล้องคอ มันเป็นป้ายที่ทุกคน ทุกคณะต้องมี มันแสดงชื่อเล่นเรา เพื่อให้เพื่อนใหม่ของเราได้รู้จักเรา ป้ายของคณะแพทย์ยังดีหน่อยที่เป็นป้ายชื่อเรียบๆ ขนาดพอดี ไม่ได้ใหญ่จนน่าเกลียด เหมือนป้ายบางคณะ ที่ผมเคยเห็นเมื่อปีที่แล้วตอนที่ผมมาออกกำลังกายที่นี่คือมันใหญ่มาก เกือบครึ่งตัวเลย ถ้าผมได้ใส่มัน คงร้องไห้

น้องชื่ออะไรจ๊ะ” เสียงพี่ที่รับหน้าที่ลงทะเบียนเป็นคนเอ่ยถาม

ชื่อ ปอครับ”

นี้จ๊ะ เสร็จแล้วไปนั่งรอตรงนั้นเลยนะจ๊ะ ส่วนสัมภาระอื่นๆ ไม่ต้องห่วงเดียวพวกพี่ๆ จะขนขึ้นไปไว้หน้าห้องน้องเองจ๊ะ”

ครับ”

พี่สันทนาการ มารับน้องด้วย” เสียงพี่คนนั้นตะโกนสู้เสียงกลองกับเสียงเพลง จนพี่จากกลุ่มที่กำลังเต้นเอาเป็นเอาตายคนหนึ่งหยุดเต้น แล้วเดินมารับผมจากจุดลงทะเบียน เพื่อไปนั่งร่วมที่ลานกิจกรรม

ปรบมือให้กับเพื่อนของเราหน่อยเร็วววว” เสียงดังมาจากด้านหน้าลานกิจกรรม เป็นเสียงของพี่ที่ผมคิดว่าคงเป็นหัวหน้ากิจกรรมแน่ๆ เพราะเขามีรูปร่างตัวใหญ่ ผิวเข้ม มัดจุกเหมือนแกะสองข้างไว้ที่หัว เสียงแตกสาวสะพรั่งเพียงแต่เขาคือผู้ชายเท่านั้นเอง

ผมมองไปที่คนที่ถูกเรียกให้ยืนขึ้น มันอยู่ไกลมากมองจนผมมองเห็นไม่ได้ชัดเจน เพื่อนคนนั้นกำลังลุกออกไปข้างหน้า เหมือนรุ่นพี่จะให้มันเต้นเพลงอะไรสักอย่าง ผมเพ่งตาอยู่นาน จนเห็นผู้ชายคนนั้นกำลังเต้นอย่างเมามันตามเพลงและเสียงปรบมือ

ผมได้แต่อุทานออกเป็นชื่อมัน

ไอ้ดิว”

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา