โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )

7.3

เขียนโดย shilen

วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.

  188 บทที่
  11 วิจารณ์
  114.72K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

104) ที่หมู่บ้านนอกกำแพง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงหมู่บ้านแห่งนี้   ประตูเข้าหมู่บ้านทำจากไม้อย่างลวกๆ ม้าพาพวกเขาผ่านประตูเข้าไปอย่างง่ายดาย   ทันทีที่ไปถึงอาเธอร์ก็รู้สึกถึงความผิดปรกติ   หมู่บ้านนั้นเงียบเชียบราวกับไร้คนอยู่อาศัย   มีเศษขยะปลิวเกลื่อน   ที่ริมถนนหมูป่าตัวหนึ่งและไก่สี่ห้าตัวกำลังคุ้ยกองขยะหาอาหาร
 
“ เอาอย่างไรดีท่านพ่อ   เรายังต้องไปตามหาบ่อน้ำอีกไหม ”
 
ฟิโลโซเฟอร์ถาม
เมื่อเห็นสภาพราวกับหมู่บ้านร้าง
 
อาเธอร์เลื่อนตัวลงจากหลังม้า
เขาเอื้อมมือรับบุตรชายให้ตามลงมาด้วย
 
“ เกิดอะไรขึ้น   พวกเขาหายไปไหนหมด ”
 
อาเธอร์พูดขึ้น
แต่เหมือนจะพูดกับตัวเองมากกว่า
 
“ หรือว่าพวกเขาย้ายหนีไปหมดแล้ว ”
 
บุตรชายของเขาให้ความเห็น
 
“ ไม่น่านะ   ท่ามกลางความเหน็บหนาวพวกเขาจะไปไหนได้ ”
 
ขณะนั้นเอง
ได้มีชายสามคนเดินออกมาจากซอกเล็กๆ
 
พวกเขาต่างถือคราดเหล็กมาด้วย
แม้จะดูอ่อนแรงแต่พวกเขาก็ก้าวร้าวดุดัน
 
“ ใสหัวออกไปจากที่นี่เสีย   พวกเราไม่อยากเห็นหน้าพวกเจ้า ”
 
ชายคนที่หนึ่งว่า
 
“ ใช่ในยามนี้พวกเราอยู่ในความยากลำบาก   พวกเจ้าไม่เคยเหลียวแล   แต่กระนั้นยังกล้ามาเก็บภาษีอีกหรือ ”
 
ชายอีกคนเสริมพลางทิ่มปลายคราดมาทางอาเธอร์
 
“ เพราะฉะนั้น   จงเอาเท้าสกปรกของพวกเจ้าออกไปจากหมู่บ้านนี้เสีย   เพราะวันนี้ข้าจะขอสู้ตาย ”
 
“ ช้าก่อนเพื่อนฝูง ”
 
อาเธอร์ว่า
พลางดันบุตรชายให้หลบไปด้านหลัง  
เขาปลดผ้าคลุมหน้าออก
 
“ ข้าไม่ใช่คนของทางการ   แค่บังเอิญผ่านมาทางนี้   และบุตรชายของข้าก็กระหายน้ำ ”
 
เมือเห็นท่าทางที่เป็นมิตรและมีเด็กมาด้วย
พวกเขาก็มีท่าทีอ่อนลง
 
อีกทั้งหนึ่งในนั้นยังจำฟิโลโซเฟอร์ได้
เพราะเขาคือคนที่อาสาพาเด็กสองคนออกมาจากเมือง
ก่อนที่พายุคำสาปจะโหมซัดเข้าใส่
 
“ เป็นคนเดินทางอย่างนั้นหรือ   ถ้าอย่างนั้นต้องขอโทษด้วยที่เสียมารยาท   บ่อน้ำของเราอยู่กลางหมู่บ้าน   ท่านเดินไปเองเถิด   ดื่มน้ำแล้วจงรีบไปให้ไกลจากเมืองนี้   เพราะสิ่งวิปริตกำลังอุบัติขึ้น ”
 
ชายคนที่อายุมากกว่าเพื่อนว่า
 
“ ถูกแล้ว   ใจข้าอยากหาชาร้อนๆ ต้อนรับท่านในวันที่อากาศหนาวเย็นเช่นนี้   แต่เรามีภาระมากเหลือเกิน ”
 
หนุ่มร่างกำยำกล่าว
เพราะเขารู้สึกเอ็นดูฟิโลโซเฟอร์มาก
 
“ ข้าขอถามอะไรหน่อย   เหตุใดหมู่บ้านนี้จึงเงียบนัก   ชาวบ้านไปทำอะไรอยู่ที่ไหนกัน ”
 
อาเธอร์ว่า
 
“ อยากรู้ก็ตามมาสิ ”
 
ชายคนหนึ่งว่า
 
อาเธอร์จึงตามเขาไป
ที่กลางหมู่บ้านมีเพิงขนาดใหญ่ผู้คนมากมายนอนซมอยู่ที่นั่น
บ้างก็ยังพอลุกช่วยตัวเองไหว
บ้างก็นอนหายใจรวยริน
 
“ พวกเขาป่วยหนักมีหมอมาดูบ้างหรือยัง”
 
“ หึ! หมอมาเมื่อพวกเรามีเงิน   พอเงินหมดก็ทิ้งพวกเราไว้แบบนี้   ตอนนี้พวกเราไปหาสมุนไพรแบบที่คล้ายๆ กับหมอเคยให้ดื่มแล้วก็ไม่ดีขึ้นแต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย ”
 
อาเธอร์หลับตาเม้มปากอย่างครุ่นคิด
บางทีแผนการของดารีลอาจไม่ถูกต้อง
 
พวกเขาป่วยหนักมาก
หากทำแบบนั้นต้องมีคนตายก่อนจะมีคนหาย  
ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจ
 
“ ข้าอยากได้หม้อใหญ่ตั้งไฟเดือดๆ ใหญ่ที่สุดเท่าที่จะหาได้ ”
 
“ ทำไมล่ะ ”
 
ใครคนหนึ่งถาม
 
“ ข้ามียา   ยาที่เคยช่วยครอบครัวของข้าให้รอด   และข้ามีห่อหนึ่งที่นี่ ”
 
“ แต่เราไม่มีเงินแล้วนะ ”
 
ชายคนนั้นพูด
พลางมองห่อยาด้วยความหวัง
 
“ ใครบางคนมอบห่อยานี้ให้โดยไม่คิดราคา   และข้าซึ่งเป็นผู้นำมาก็ไม่คิดราคาเช่นกัน ”
 
“ ถ้าอย่างนั้นขอบคุณท่านมาก   พวกเราจะลองใช้ดู ”
 
“ ทาทาอุมเตรียมหม้อยา ”
 
ประโยคหลังเขาหันไปตะโกนบอกคนในกลุ่ม
หม้อใบใหญ่มีน้ำเดือดพล่าน
อาเธอร์ทิ้งห่อยาลงไป
 
ทันใดก็มีไอสีเขียวปรากฏขึ้นกลิ่นหอมอบอุ่นคลุ้งไปทั่ว
ชาวบ้านที่เจ็บป่วยเมื่อสูดกลิ่นแล้วต่างรู้สึกสดชื่นเรี่ยวแรงเริ่มคืนมาทีละน้อย  
 
พวกเขาต่างลุกขึ้นนั่ง
มองมาที่หม้อต้มยาด้วยความยินดี
ยาถูกตักแบ่งใส่ถ้วยชามเท่าที่หามาได้ทั้งที่ยังดีๆ และแตกบิ่น  
 
อาเธอร์เฝ้ามองด้วยความหวังว่าพวกเขาจะหายดีทุกคน
 
 
เมื่อชาวบ้านได้ดื่มยา
พวกเขาเริ่มตัวอุ่นขึ้นเลือดไหลเวียนดีและเริ่มลุกขึ้นเดินได้  
อาการป่วยหายไปแทบจะทันที  
 
เมื่อความหวังแห่งชีวิตกลับมา
ก็มีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะออกมาจากกองหมอกควันแห่งความสิ้นหวัง
 
พวกเขาต่างเดินมาที่อาเธอร์
โถมกายลงสัมผัสชายผ้า
บางคนถึงกับดึงไปจูบ
 
ช่วยกันปัดฝุ่นและสิ่งสกปรกออกจากรองเท้าของเขาราวกับเขาเป็นบุคคลล้ำค่า  
แม้หนุ่มใหญ่พยายามจะห้ามปราม
ก็ไม่เป็นผล
 
“ ท่านเจ้าแห่งการรักษา ”
 
มีเสียงหนึ่งเรียกขึ้น
หนุ่มร่างกำยำคนนั้น
คนที่อาเธอร์เจอในครั้งแรก
 
“ ท่านผู้เดียวที่ช่วยเขาได้   บิดาของข้าไม่อาจดื่มยา ”
 
เขาพูดพลางเดินเข้ามาใกล้
ในอ้อมแขนมีร่างชายชรารูปร่างผอมแห้งซีดเชียว  
ผมและหนวดเคราขาวโพลน  
 
ผู้คนที่รายล้อมอาเธอร์อยู่ต่างหลีกทางให้
บางคนจับไหล่ชายชราแล้วเอามือข้างนั้นมาแตะหน้าผากเหมือนจะกล่าวคำอวยพร
เหล่าสตรีต่างเบือนหน้าหนีซุกใบหน้าลงบนฝ่ามือร่ำให้
 
เขาเดินมาหยุดตรงหน้าอาเธอร์แล้วคุกเข่าลง
อาเธอร์มองดูชายชราผู้นั้นอย่างหดหู่  
เขาอยากบอกเหลือเกินว่าชายชราที่น่าสงสาร
ได้จากไปอย่างสงบเสียแล้ว
 
“ อย่าพูดว่าเขาตาย ”
 
บุตรชายของเขาพูด
เหมือนว่าจะล่วงรู้ความคิดของอาเธอร์
 
“ เขายังหายใจแม้จะแผ่วเบาเต็มที   ท่านคือความหวังเดียวของข้าและเขาคือความหวังของหมู่บ้านเขาคือผู้ก่อตั้งหมู่บ้านแห่งนี้   เป็นหมอคนเดียวที่รักษาคนโดยไม่คิดค่ารักษา   เขาดูแลคนป่วยจนนาทีสุดท้ายจนตนเองล้มลงหมดสติ   ได้โปรดเถิด   อย่าให้คนดีๆ ต้องตาย   โดยที่พวกเราไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง ”
 
ชาวบ้านต่างคุกเข่าลง
 
“ เดี๋ยวก่อน   ข้าก็บอกแล้วว่าข้าไม่ใช่หมอ ”
 
แต่ทุกคนก็ไม่ลุกขึ้น
อาเธอร์ได้แต่ถอนหายใจ
 
“ ฟิโลโซเฟอร์   เจ้ากลับบ้านไปก่อนนะ   บอกท่านแม่ว่าพ่อจะกลับดึกๆ ”
 
“ ข้าจะอยู่ที่นี่คอยดูแลพวกเขา ”
 
ฟิโลโซเฟอร์ว่า
 
“ แต่ข้าต้องเข้าไปในเมืองเจ้า   เจ้าจะอยู่ตามลำพังได้อย่างไร ”
 
“ พวกเราจะดูแลเขาเองเพราะเขามีค่าที่สุดในเมืองนี้ ”
 
ชายร่างกำยำ
ผู้เป็นบุตรหัวหน้าหมู่บ้านกล่าว
 
“ ใช่เขามีค่าที่สุด   พวกเราทั้งหมดจะปกป้องและดูแลเขา   ท่านอย่าห่วงเลย ”
 
ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกัน
 
“ ถ้าอย่างนั้นข้าจะเข้าเมืองไปหาใครคนหนึ่ง ”
 
อาเธอร์ว่าแล้วรีบขึ้นม้า
ในตอนแรกเขาตั้งใจจะไปหาพ่อมดดีมีนแต่ก็นึกให้ว่าดีมีนไม่อยู่ 
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา