โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )

7.3

เขียนโดย shilen

วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.

  188 บทที่
  11 วิจารณ์
  113.90K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

125) กล่องไม้

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
รุ่งเช้าฟิโลโซเฟอร์ตื่นขึ้นด้วยอาการอ่อนเปลี้ย   เขารีบลุกไปล้างหน้า   เมื่อกลับเข้ามาในห้องนอนก็พบว่าเพื่อนทั้งสองของเขายังไม่ตื่น 
 
เด็กชายชาวซีนาร์ยเดินไปกระชากม่านหน้าต่างให้เปิดออก   แสงยามเช้าเปล่งประกายเจิดจ้าอยู่ด้านนอก  โลธอร์ลุกขึ้นบิดขี้เกียจเมื่อถูกแสงแดดแยงตา
 
“ เช้าแล้วหรือนี่คืนนี้อากาศดีจริง ”
 
เจ้าเด็กร่างอ้วนส่งเสียงอู้อี้
แล้วหันไปมองเพื่อนที่นอนข้างๆ
 
“ อีเลียส!   นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว ”
 
“ หืม   ว่าอย่างไรนะ ”
 
อีเลียสส่งเสียงออกมาจากผ้าห่ม
ที่เขาใช้พันร่างไว้จนกลายเป็นดักแด้
 
“ ตื่นๆ จะสายอยู่แล้ว ”
 
ไม่พูดเปล่า
โลธอร์ได้เลิกผ้าห่มขึ้น
 
เด็กร่างผอมแห้งก็กลิ้งหลุนๆ ออกมา
แล้วลุกขึ้นเกาหัวแรงๆ เพื่อสลัดความมึนงง
ตามร่างกายเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ
 
“ อา  ใช่วันนี้   เฮ๊ย!?! วันนี้มีเรียนตอนเช้านี่นา ”
 
เขากระโดดลุกขึ้น
ครู่ต่อมาก็ยืนโงนเงนเหมือนคนละเมอ
 
จากนั้นก็ทำท่าจะไปอาบน้ำแต่งตัวทั้งที่อยู่ในอาการกึ่งหลับกึ่งตื่น
แต่โลธอร์ชิงจับนั่งลงบนเตียงเสียก่อน
 
“ ข้าปลุกเจ้าเพราะข้าหิวหรอกนะ   เรื่องเรียนนะเอาไว้ก่อนได้   พรุ่งนี้ก็ยังทันปีหน้าก็ไม่สาย   แต่เรื่องกินนี่สิสำคัญ   ผู้คนมากมายต้องตายเพราะความหิวโหย   ข้าไม่อยากให้คนที่ข้ารักต้องเผชิญชะตากรรมเยี่ยงนั้น   ในเมื่อเรายังมีโอกาสก็รีบกินกันเถอะ ”
 
“ เจ้านี่ก็คิดถึงแต่เรื่องกินอย่างเดียวหรืออย่างไร ”
 
เสียงของเลโอน่าดังขึ้นที่หน้าประตู
เบื้องหลังของนางคือเด็กหญิงสองคน
ในมือถือตะกร้าใส่อาหารมาด้วย
 
“ ฟีไลร่า   คาโอเรียข้ารักพวกเจ้า   แม่เทพธิดาแสนงามข้านี่โชคดีจริงๆ ”
 
โลธอร์ร้องขึ้น
เมื่อเห็นสิ่งที่พวกนางถือมา
 
ฟีไลร่านั้นเครียดขรึมขอบตายังเป็นสีม่วงคล้ำ
ราวกับว่าอดนอนมาทั้งคืน
หรือไม่ก็ร้องไห้มาอย่างหนัก
 
แต่คาโอเรียกลับยังคงร่าเริง
นางปรบมือเสียงดัง
แล้วกล่าวว่า
 
“ ชื่นชมแด่ผู้กล้าทั้งหลาย   วีรกรรมเมื่อคืนควรค่าแก่การจดจำ ”
 
 
เด็กๆ ได้เข้าไปนั่งรับประทานอาหารเช้ากันในห้องนอนของพวกผู้ชายนั้นเลย   ต่างพูดคุยถึงเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างออกรส   เพราะเรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลยในโอรีเวีย   ไม่ว่าจะยุคใดก็ตาม
 
“ ข้าว่าหลังจากวันนี้คงมีเด็กหลายคนทยอยกลับบ้านเกิด ”
 
อีเลียสว่า
 
ฟิโลโซเฟอร์กับน้องสาวมองหน้ากัน
พวกเขาไม่แน่ใจว่า
เวลานี้สามารถกลับไปยังซีนาร์ยได้หรือยัง
 
หรือว่า
แท้จริงแล้วไม่มีที่ใดให้พวกเขาอีกต่อไปแล้ว
 
“ ข้าไม่อยากกลับ ”
 
ฟีไลร่าพูดขึ้น
ด้วยน้ำเสียงเศร้าหมอง
 
“ แล้วเจ้าจะยื้ออยู่ที่นี่ต่อไปเพื่ออะไรกัน ”
 
เลโอน่านั้นดูขัดเคืองยิ่งนัก
 
“ ก็ข้าไม่มีที่ไปนี่นา ”
 
“ ไอโอเนียคือบ้านของเจ้า   อะไรคือไม่มีที่ไป   พูดให้ดีนะ ”
 
เด็กหญิงผมสีเงินยาวสลวยไม่ตอบ
นางก้มหน้าซ่อนหยาดน้ำตา
ที่ทำท่าจะหลั่งรินอีกครั้ง 
 
“ ถ้าพูดเรื่องไม่มีที่ไปนี่พวกข้าไม่หนักกว่าหรือ   ซีนาร์ยก็พังพินาศไปแล้วถ้าโอรีเวียยังอยู่ไม่ได้พวกเราคงต้องเร่ร่อนกันแล้ว ” 
 
ฟิโลโซเฟอร์บอก
 
“ ใครจะปล่อยเจ้าไปแบบนั้นล่ะ   หุบเขาของข้ามีที่ว่างมากมาย   ทั้งสงบและปรอดภัยแต่ของอร่อยอาจหายากหน่อย   ฟีไลร่าเจ้าอยากไปด้วยก็ได้นะ   ข้าน่ะยินดีต้อนรับทุกคนอยู่แล้ว ”
 
สหายร่างอ้วนว่า
 
“ เจ้ามีเรื่องไม่สบายใจเกี่ยวกับทางบ้านหรืออย่างไร ”
 
อีเลียสหันไปถามฟีไลร่า
 
“ ไม่เกี่ยวกับทางบ้านหรอกนางแค่ชอบทำตัวน่าเบื่อ ”
 
เลโอน่าชิงพูดขึ้นก่อน
 
“ เจ้าไม่รู้อะไรก็เงียบไปเลยนะ ”
 
ฟีไลร่าเริ่มมีอารมณ์เกรี้ยวกราด
 
เด็กชายตัวน้อยนั้นไม่คุ้นชินกับบรรยากาศคุกรุ่น
เขาจึงหยิบขนมปังก้อนหนึ่ง
แล้วเดินไปรอบๆ ห้อง
 
สายตาก็ไปสะดุดเอากับ
กล่องไม้มะฮอกกานีขัดเงาสีเข้ม
 
กับจดหมายเล็กๆ
ที่มีลายมือสวยงามคุ้นตาเป็นอย่างดี
 
“ อีเลียส   กล่องอะไรวางอยู่บนโต๊ะอ่านหนังสือของเจ้า ”
 
ฟิโลโซเฟอร์ร้องถาม
 
“ กล่องหรือ   ไม่นะข้าไม่มีกล่อง   ถ้าเป็นหีบหนังใส่หนังสือมีแน่   แต่คงไม่วางบนโต๊ะเพราะว่ามันใหญ่และหนักมาก ”
 
“ มีกล่องไม้เล็กๆ อยู่ตรงนี้   ใช่ของเจ้าหรือเปล่า ”
 
ฟิโลโซเฟอร์ยังข้องใจ
เหล่าสหายทั้งหลายจึงต้องลุกไปดู
 
มันเป็นกล่องไม้ฝีมือประณีต
ที่ไม่เห็นว่าเคยมีอยู่ในห้องนี้มาก่อน
 
“ ระวัง!   มันคมมาก   หมายความว่าอย่างไร   กล่องไม้นี่นะจะมีคมเป็นไปไม่ได้หรอก   ว่าแต่มันมาวางอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร ”
 
โลธอร์ว่าพลางเกาคาง
 
“ หรือจะเป็นกับดัก ”
 
ความเห็นของอีเลียส
ทำเอาเด็กๆ ถอยหลังคนละก้าว
เว้นแต่ฟิโลโซเฟอร์ที่ยังยืนเฉยอยู่
 
“ เจ้ามีศัตรูที่ไหนหรือเปล่า ”
 
เลโอน่า
เด็กสาวผิวเข้มหันไปถามอีเลียส
ซึ่งเจ้าเด็กร่างผอมก็ส่ายหน้าตอบอย่างไว
 
“ ข้าไม่เคยไปวุ่นวายกับใคร   จะมีคนมุ่งร้ายได้อย่างไร ”
 
อีเลียสบอก
 
“ แต่ข้าคิดว่ามันไม่มีอะไรซับซ้อนขนาดนั้น ”
 
ฟิโลโซเฟอร์ว่าพลางเปิดกล่องนั้นออก
ปลายหอกเก่าแก่วางอยู่สงบนิ่งอยู่บนผ้ากำมะหยี่สีน้ำเงินเข้ม
 
เด็กชายตัวน้อยรู้สึกคุ้นตากับสิ่งนี้มาก
แต่นึกไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหน
 
“ ใครกัน   เอาหอกขึ้นสนิมมาใส่ในกล่องหรูหราอย่างนี้   ช่างเป็นของกำนัลที่พิลึกแท้ ”
 
โลธอร์อุทาน
รู้สึกประหลาดใจอย่างที่สุด
 
“ ข้ารู้แล้ว ”
 
อีเลียสร้อง
 
“ ของสิ่งนี้เป็นของข้า   นึกไม่ถึงเจ้าหมอนั่นทำได้จริงๆ ”
 
“ หมอนั่น!?!  อะไร   ยังไง ”
 
เหล่าสหายต่างพากันสงสัย
 
“ หอกนี่เป็นของเก่าแก่ที่อยู่คู่กับโอรีเวีย   ข้าขอให้ดารีลนำมาให้   แต่ก็ไม่คาดหวังว่าจะได้หรอก ”
 
“ อะไรกัน   นอกจากสะสมหนังสือแล้วเจ้ายังสะสมเหล็กเก่าๆ ขึ้นสนิมด้วยหรือ   ของเส็งเคร็งแบบนี้แถวบ้านข้ามีถมไป   ถ้าเจ้าอยากได้ข้าจะขนมาให้จะเอาสักกี่เกวียน ”
 
โลธอร์ว่า
 
“ มันมีประโยชน์มากและไม่ใช่แค่เหล็กขึ้นสนิมอย่างแน่นอน   เจ้าหาทั้งหุบเขาก็ไม่ได้อย่างนี้หรอก   ข้ามีความตั้งใจจะทำบางสิ่งบางอย่างจึงได้ขอมา ”
 
“ เจ้าไปคุยกับดารีลเมื่อไหร่เหตุใดข้าไม่รู้ ”
 
ฟิโลโซเฟอร์ถามบ้าง
 
“ ใช่ๆ เจ้าคุยกับหนุ่มน้อยหน้าจืดนั่นรู้เรื่องด้วยหรือ  ”
 
โลธอร์ว่าบ้าง
 
“ มันต้องมีเวลาส่วนตัวบ้างล่ะ   ดารีลน่ะคุยยากแต่คุยได้   ฟิโลโซเฟอร์ข้าต้องเตือนเจ้า   เจ้าไม่ได้รู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับคนผู้นั้นหรอก   เขามีเรื่องมากมายปิดบังเจ้าอยู่ ”
 
“ อ้อ   ดีนี่   ต่อหน้าขอให้เขาช่วยแต่ลับหลังเจ้านินทาเขาหรือ   ทำแบบนี้ใช้ได้ที่ไหน ”
 
ฟีไลร่าสวนขึ้น
 
“ ข้าเปล่าว่าร้ายเขานะ   แค่รู้สึกแปลกๆ   คิดดูสิคนเลือดเย็นแบบเขามีเหตุผลอะไรที่ต้องมาสนใจกับเด็กผู้ชายคนหนึ่ง   ทั้งที่มีผู้คนมากมายอยากให้เขาสนใจ   รวมทั้งจอมเวทวาลานด้วย   เขาคิดอะไรอยู่   แล้วดูสิเขาทำอะไรได้บ้าง   แอบเข้ามาในห้องนี้โดยพวกเราไม่รู้ตัวสักคน   น่ากลัวไหมล่ะ ”  
 
“ อีเลียส   เจ้าพูดผิดแล้วความจริงมันสลับกันน่ะ   ส่วนประเด็นหลังดารีลเคยเป็นมือหนึ่งของหน่วยลอบสังหาร   เรื่องลักลอบเข้ามาในห้องนี้   ข้าไม่แปลกใจหรอกเขามันประหลาดคนอยู่แล้ว ”    
 
ฟิโลโซเฟอร์ว่าเท่านั้น
แล้วถอนหายใจใหญ่
 
อีเลียสฉลาดและรู้เท่าทันคน
แต่คำพูดเมื่อครู่ไม่น่าเชื่อถือเลย
 
เด็กชายชาวซีนาร์ยมั่นใจว่าเขาไม่จำเป็นต้องระวังอะไรเกี่ยวกับดารีล
เว้นแต่มีดสีดำอาบยาพิษเล่มนั้น
 
“ จริงสิฟิโลโซเฟอร์ก็ได้ของกำนัลด้วยมิใช่หรือไม่นำมาอวดบ้างล่ะ ”
 
เด็กน้อยร่างอ้วนพูด
 
ฟิโลโซเฟอร์จึงไปหยิบดาบสีเงินที่วางอยู่บนเตียงมา
เมื่อคืนเขามัวแต่ชื่นชมยินดีกับของชิ้นใหม่
ถือเอาไว้ไม่ยอมวางจนหลับไปด้วยกัน
 
เด็กๆ ต่างลงความเห็นว่ามันเป็นดาบที่สวยมาก
จนเหมาะจะวางประดับในห้องรับแขก
มากกว่านำมาใช้จริง
 
อีเลียสเป็นคนแรกที่สังเกตเห็นรูปสลักเล็กๆ ที่ด้ามดาบ
มันเรียงตัวเป็นอักษรแปลกๆ ซ้อนทับกันสองขั้น
 
เด็กร่างผอมลองหมุนมันดู
แต่ก็ไม่ขยับ
 
“ ตกใจหมดนึกว่าจะมีกลไกอะไร ”
 
เขากล่าว
 
แต่พอฟิโลโซเฟอร์ลองดูมันกลับขยับได้
 
“ หยุด   พอแค่นั้น   เขาบอกเจ้าหรือเปล่าว่ามันคืออะไร ”
 
อีเลียสถาม
สีหน้าเป็นกังวล
 
“ เมื่อคืนพวกเรารีบมากเลยไม่มีเวลาอธิบาย   แต่เขาบอกว่านี่เป็นอาวุธเวท   เขาสร้างมันขึ้นมาเพื่อตัวเอง   ในเวลานี้ให้ข้ายืมใช้ไปก่อน   ข้าเดาว่าตรงส่วนนี้น่าจะเกี่ยวกับยาพิษ   ใช่ดารีลเตือนข้าอยู่เสมออาวุธของเขาไม่ใช่ของเล่น   แต่มีไว้เพื่อสังหารโดยเฉพาะ ”
 
เด็กชายว่าพลางพลิกดาบในมือโดยไม่มีท่าทีเดือดร้อน
แล้วชักดาบออกมาดู
 
คมดาบทอประกายกล้ากับแสงแดดยามนั้น
ดูลึกลับและน่ากลัวยิ่ง
 
“ เขาโกหกเจ้าแล้ว ”
 
อีเลียสว่า
 
“ พลังของดาบตอบสนองเจ้าคนเดียว   ไม่เห็นหรือมีเจ้าเท่านั้นที่ชักมันออกจากฝักได้   กลไกที่ด้ามดาบก็เช่นกัน   เขาคงตั้งใจสร้างมันเพื่อเจ้า   มอบอาวุธร้ายแรงให้แบบนี้เขาตั้งใจจะใช้เจ้าไปทำอะไร ”
 
“ ข้าไม่ได้เก่งขนาดนั้น   จะใช้ข้าสู้ทำเองไม่ดีกว่าหรือ   สหายเอ๋ยเจ้าอย่าคิดมากเลย   ดารีลเตือนว่า   ถ้าดาบเล่มนี้อยู่ในมือผู้ใช้เวทมนตร์มันจะอันตรายยิ่งขึ้น   นั่นหมายความว่า   อาวุธเวทมันไม่ใช่ของคนธรรมดาจะใช้ได้   เขาให้ข้ายืมก่อนเพราะเห็นว่าไม่มี   ถ้าเขาตั้งใจจะให้ข้าจริงจะสร้างดาบเวทไปทำไม   ในเมื่อข้าใช้พลังของมันไม่ได้อยู่แล้ว ”
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา