โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )

7.3

เขียนโดย shilen

วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.

  188 บทที่
  11 วิจารณ์
  114.71K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

145) ป้อมยามที่ว่างเปล่า

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
เมื่อพวกเขามาถึงกำแพงปราสาทก็เป็นเวลาดึกพอสมควร   ที่ซุ้มประตูโค้งดูเงียบเหงาผิดปรกติ   โคมไฟจากเสาสูงส่องแสงสีเหลืองนวลเล่นเงาใบไม้   เกิดเป็นรูปร่างประหลาดสีดำเคลื่อนไหวไปมาตามแรงลม   ชวนหลอกหลอนจิตให้คิดไปไกล   ภายในป้อมยามกลับว่างเปล่าไร้ผู้คน
 
ดารีลยืนขมวดคิ้วให้กับสิ่งเหล่านี้   เขาเขม้นมองเข้าไปในป้อมยามนั้นรู้สึกถึงความผิดปรกติขั้นรุนแรง   เป็นไปได้ยากที่ป้อมหน้าปราสาทจะไม่มีคนเฝ้า
 
เขาดึงฟีไลร่าให้มายืนใต้แสงไฟ   หักกิ่งไม้ขีดเป็นวงกลมล้อมรอบนางเอาไว้
 
“ ถ้าเกิดเหตุร้ายอย่าก้าวขาออกมานอกวง   เว้นแต่เจ้ามั่นใจว่าสามารถหนีได้เร็วพอ   ก็ให้หนีเข้าปราสาทไป ”
 
พ่อมดน้อยเตือน
 
“ ท่านจะทำอะไร ”
 
ฟีไลร่ารู้สึกหวั่นใจขึ้นมา
 
“ ไม่ทำอะไรหรอก   แค่จะเข้าไปในป้อมยามนั้น ”
 
“ มีอันตรายหรือเปล่า ”
 
เสียงของนางเริ่มสั่น
 
หนุ่มน้อยนั้นยิ้ม
เป็นรอยยิ้มที่ปลอบประโลม
 
“ เจ้าคิดมากไปแล้ว   แค่มีคนหลับยามและข้าต้องไปปลุก   บางทีอาจมีบทลงโทษบ้างเล็กน้อย   ถ้าเจ้ากังวลก็หันหลังไปเสียอย่ามองดูเลย   และจำเอาไว้ว่าคนที่ข้ามเส้นขีดนี้ไม่ได้คนนั้นไม่ใช่ข้าต่อให้หน้าเหมือนแค่ไหนก็อย่าตามไป ”
 
“ ข้าว่าเรียกคนมาช่วยไม่ดีกว่าหรือ   ตอนนี้ท่านไม่ได้ถืออาวุธใดๆ เลยข้าเกรงว่า ”
 
ดารีลทำเป็นตกใจ
 
“ แค่ปลุกคนหลับนี่นะต้องเรียกคนมาช่วย   เจ้าคิดว่าข้าง่อยขนาดนั้นเลยหรือ ”
 
“ ดารีลข้าขอล่ะท่านอย่าเข้าไปดูเลยนะ   ให้คนอื่นทำเถอะ ”
 
เด็กหญิงวิงวอน
 
“ นอกจากเราตรงนี้มีใคร   ข้าคงไม่เรียกผู้พิทักษ์หน้ากากทองหรอก   จนกว่าจะแน่ใจว่าอะไรเป็นอะไร ”
 
 
“ แต่ ”
 
นางพูดแค่นั้นก็ชะงักไป
เมื่อเห็นร่างหนึ่งเคลื่อนไหวอยู่หลังป้อม
 
ดารีลสังเกตเห็นจึงหันไปมองบ้าง
เขาหรี่ตาให้กับสิ่งนั้น
 
ครู่หนึ่งจึงเอ่ยขึ้นว่า
 
“ ท่านวีแกน   ทำอะไรของท่านน่ะ   เวลานี้ต้องเฝ้าหม้อต้มยามิใช่หรือ   ออกมาเดินทำอะไรแบบนี้ความรับผิดชอบของท่านหมดไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ”
 
ไม่พูดเปล่า
หนุ่มน้อยเดินตรงเข้าไปหา
 
เจ้าของร่างประหลาดนั้นก็มุ่งเข้ามาหาเขาเช่นกัน
ด้วยการเคลื่อนไหวที่พิลึกพิลั่นราวกับคนพิการ
 
ฟีไลร่าวิ่งตามหลังไป
โดยไม่บอกกล่าวผู้ใด
 
เมื่อร่างนั้นปรากฏชัดตรงหน้า
ดารีลถึงกับต้องผงะ
 
“ นี่ท่านไปเมาสุราอาละวาดที่ไหนมา   สภาพดูไม่ได้เลยเป็นถึงครูใหญ่ทำเช่นนี้ได้อย่างไร   ถึงไม่เห็นแก่หน้าข้าก็ควรให้เกียรติตำแหน่งตัวเองบ้าง   ข้ายังสงสัยตัวเองไม่หายว่าสามารถพาท่านมายืนจุดนี้ได้อย่างไร   ทั้งที่ท่านเป็นเอามากอย่างนี้ ”
 
หนุ่มน้อยทำจมูกย่น
น้ำเสียงขุ่นเคือง
 
เพราะวีแกนนั้นยืนโงนเงน
เสื้อผ้าขาดวิ่นซ้ำยังเปรอะเปื้อนดินโคลนและมีคราบเลือดติดเป็นจุดๆ
 
“ ข้าไม่ได้เมา ”
 
วีแกนปฏิเสธเสียงแหบแห้ง
ราวกับคนขาดน้ำมาหลายวัน
 
“ แล้วท่านมาทำอะไรตรงนี้   คนเฝ้ายามล่ะท่านเห็นหรือไม่ ”
 
ถึงจะไม่เชื่อคำพูดของวีแกน
แต่หนุ่มน้อยก็ยังใจเย็นอยู่
 
“ คนเฝ้ายามหรือ   กลับไปแล้ว   เห็นบอกว่าไม่สบายข้าเลยอาสาเฝ้ายามแทน   จนกว่าจะมีคนมาเปลี่ยน ”
 
ดารีลเดินเข้าไปในป้อม
แล้วกลับออกมา
 
“ ท่านยังไม่บอกข้าเลย   ว่าทิ้งหม้อต้มยาด้วยเหตุผลใด ”
 
“ ข้าไปหาซื้อกำยาน   ที่เจ้ามอบให้มันหมดแล้ว ”
 
วีแกนตอบ
 
“ กำยานที่ใช้นั้นไม่ใช่จะมีขายทั่วไปหรอกนะ   ที่หาได้ตามตลาดน่ะมันใช้ไม่ได้ผลหรอก   แล้วท่านเผาเกินปริมาณที่บอกหรืออย่างไรจึงได้หมดไวอย่างนั้น ”   
 
“ เป็นเพราะเจ้าให้น้อยเกินไปต่างหากล่ะ   อย่ามาโทษข้าเพราะเรื่องนี้นะ ”  
 
ครูใหญ่ร่างอ้วนเถียง
 
ดารีลส่ายหน้า
ถอนหายใจยาว
 
“ เล่นกับของอันตรายยังกล้าเลินเล่อ   วีแกนท่านป่วยแล้ว   ไปห้องพยาบาลเสียเถอะ ”
 
“ ข้าไม่ได้ป่วย   อันที่จริงข้ารู้สึกแข็งแกร่งและทรงอำนาจมากกว่าที่เคยเป็นเสียด้วยซ้ำ ”
 
วีแกนยังดื้อดึง
ทันใดก็เหลือบไปเห็นฟีไลร่า
พร้อมกับตะเกียงที่แตกดับ
 
“ นั่นตะเกียงส่งวิญญาณ   เรื่องผิดบาป   ลางร้าย   เจ้าต้องนำสิ่งชั่วร้ายเข้ามาในปราสาทขาวด้วยแน่เลย   ของสำคัญเช่นนี้กล้าทำเสียหายได้อย่างไร ”
 
เขาชี้ไปยังเด็กหญิงผมสีเงิน
 
“ ของข้าเองข้าทำหล่นระหว่างทาง   จึงยืมของนางมาใช้   ถ้าอย่างนั้นคืนนี้คงต้องไปคุกเข่าในหอสำนึกบาป   ส่วนท่านไปรอข้าที่ห้องพยาบาล ”
 
ว่าแล้วก็สลับตะเกียงกับนางแบบหน้าตาเฉย
 
“ เอาล่ะเจ้าไปได้แล้ว   นำตะเกียงไปรวมกันที่หน้าอนุสาวรีย์   ถ้าเจ้าเร็วพออาจจะทันอาหารมื้อค่ำ   แต่ถ้าพลาดก็อดโดยที่ข้าช่วยอะไรไม่ได้   เพราะฉะนั้นอย่าโอ้เอ้วิ่งไปเสียในตอนนี้ที่ยังมีโอกาส ” 
 
“ แต่ ”
 
“ อย่ามาแต่กับข้า   หนึ่งในผู้คุมกฎก็ข้านี่แหละ   จะยั่วโมโหช่วยดูสถานการณ์ด้วย   คิดว่าข้าเป็นเพื่อนเล่นหรืออย่างไร ”
 
ดารีลตวาด
 
“ ช่างนางเถิด   ก็แค่เด็กไร้ค่าคนหนึ่ง   นางอยากไปตายที่ไหนก็ปล่อยไป   อย่าใส่ใจเลย ”
 
ครูใหญ่วีแกนเริ่มรำคาญ
 
“ ยังไงล่ะ   ไม่ใช่สายลับแต่ชอบสอดรู้สอดเห็นในเรื่องสำคัญ   ถ้าไม่ติดว่าเจ้าอ่อนด้อยเกินไปข้าขุดหลุมฝังนานแล้ว   กลับไปอยู่ในที่ของเจ้าเสีย   ก่อนที่ข้าจะหมดความอดทน ”
 
หนุ่มน้อยรูปงามกระซิบเสียงเย็น
 
เขาคว้าหิงห้อยตัวหนึ่งยัดใส่มือนาง
 
“ รีบไปเสีย   เมื่อถึงปราสาทขาวแล้วจงปล่อยหิงห้อยตัวนี้   อย่ากลัวไปเลยถ้าเกิดเหตุร้ายข้าจะรู้  จนกว่าหิงห้อยตัวนี้จะเป็นอิสระทุกย่างก้าวของเจ้าอยู่ในสายตาของข้าตลอด ”
 
เมื่อเป็นดังนั้นฟีไลร่าจึงต้องไป
โดยไม่อาจโต้แย้งได้
      
“ ดูท่านไม่สบายเอาหนักควรไปพักได้แล้ว   ว่าแต่ท่านจะให้ข้าไปรับโทษหรือจะให้ข้ายืนยามแทน   ต้องรออีกนานเท่าใด   กว่าผลัดต่อไปจะมาเปลี่ยน ”
 
ดารีลหันไปพูดกับครูใหญ่
เมื่อเห็นว่าฟีไลร่าไปพ้นแล้ว
 
“ รับโทษเรื่องอะไร ”
 
วีแกนสงสัย
 
“ ก็ที่ข้าทำตะเกียงแตกอย่างไรล่ะ ”
 
ครูใหญ่จะหัวเราะ
แต่กลายเป็นส่งเสียงไอออกมาแทน
 
“ นี่เจ้าเชื่อเรื่องโชครางแบบนั้นด้วยหรือ   ไร้สาระสิ้นดีของที่แตกได้ก็ย่อมแตกเป็นธรรมดา   ปล่อยมันไปเถอะ   ข้าว่าเจ้ากับข้ามีงานต้องทำกันแล้วคืนนี้   ส่วนคนยืนยามแจ้งผู้คุมกฎให้มาจัดการ ”
 
“ ข้าจะไปหอสำนึกบาป   ส่วนท่านไปห้องพยาบาล   หลังจากนั้นค่อยดูว่าหม้อต้มยามีสิ่งใดผิดปรกติ ”
 
พ่อมดน้อยสรุป
 
“ เจ้าไม่จำเป็นต้องทำตามกฎก็ได้นี่นา ” 
 
ดารีลไม่ตอบแต่เขาเดินนำเข้าไปในอาคาร
ใหญ่ได้แต่วิ่งตามพร้อมกับครางหงิงๆ
 
“ ขอทีเถอะ   ท่านอย่าทำเรื่องให้ข้าต้องกังวล   เพราะตอนนี้ข้าวิ่งพล่านรอบปราสาทจนแทบจะแยกร่างได้แล้ว ”
 
ดารีลกล่าวตำหนิ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา