โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )

7.3

เขียนโดย shilen

วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.

  188 บทที่
  11 วิจารณ์
  110.92K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

154) คำร้องขอ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ในกาลก่อนนั้น   ผู้คนมากมายล้วนปรารถนาจะได้พบสตรีนางหนึ่ง   ผู้ซึ่งได้รับคำกล่าวขานถึงความงามอันลึกลับ   เพื่อจะทำคำร้องขออันเป็นความต้องการสูงสุดของตนให้สำฤทธิ์ผล   ไม่ว่าต้องแลกด้วยสิ่งใดก็ตามที   นี่เป็นครั้งแรกที่นางผู้สวมชุดสีแดงกรุยกรายได้มาพบกับเด็กชายตัวเล็กๆ เพื่อทำความปรารถนาให้เป็นจริง   แต่สิ่งที่เด็กน้อยคนนั้นต้องการกลับเป็นเพียงขนมหวานห่อหนึ่ง   ซึ่งแน่นอนว่าย่อมสร้างความขัดเคืองใจแก่สตรีนางนั้นอยู่ไม่น้อย   อาจเป็นเพราะเขานั้นเยาว์วัยเกินไป   จึงไร้เดียงสาเกินกว่าที่จะขอสิ่งล้ำค่าอื่นใด   ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้นสตรีชุดแดงก็ยังไม่ละความพยายาม   นางพยายามสอนพลางโน้มน้าวเด็กชายตัวน้อยจากแดนซีนาร์ยให้เขาปรารถนาในสิ่งที่นางอยากมอบให้

 

ฟิโลโซเฟอร์นั้นนิ่งคิดอยู่นาน

สองมือยังวางบนเข่าของสตรีชุดแดง

ปลายนิ้วชี้เขี่ยคางตนเองเล่นอย่างเกียจคร้าน

 

“ ถ้าข้าขอท่านจะมอบให้ข้าอย่างนั้นหรือไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นอะไร ”

 

เด็กชายยังคงกังขา

 

“ แน่นอนอยู่แล้ว   เด็กดีเช่นเจ้าข้าเอ็นดูนัก   ถ้าเจ้าขอมีหรือข้าจะไม่ให้ขอเพียงแต่ ”

 

เสียงของนางเงียบไป

 

“ เพียงแต่ว่าอะไรล่ะ ”

 

เด็กชายยืดตัวขึ้นถาม

 

“ อย่าได้ขอลูกกวาดแสนหวานจากข้าเลยนะ   ของแบบนั้นน่ะถึงเจ้าไม่ขอข้าก็มีให้อยู่แล้ว ”

 

ฟิโลโซเฟอร์หัวเราะ

สตรีนางนั้นก็หัวเราะเช่นกัน

เสียงของนางหวานใสราวกับระฆังแก้วใบน้อยๆ

 

“ เช่นนั้นข้าขอแผนที่ทางที่จะลงสู่คุกใต้ดินแห่งโอรีเวียได้โดยง่าย ”

 

เด็กชายว่า

สตรีชุดแดงถึงกับหยุดหัวเราะ

 

“ ท่านไม่มีหรือ ”

 

ฟิโลโซเฟอร์หน้าเสีย

 

“ ตายจริงเด็กน้อย   ที่อื่นศิวิไลซ์กว่ามีมากมายเจ้าอยากลงไปทำอะไรในที่อัปมงคลแบบนั้น ”    

 

นางเอามือทาบอกสีหน้าผิดหวังราวกับคำขอนั้นผิดบาปมหันต์

 

“ ถ้าข้าอยากไปไหนต้องมีเหตุผลด้วยหรือ ”

 

เด็กชายทำตีมึน

 

“ ก็แหม   ถ้ามีเด็กชายแสนซนคนหนึ่งบอกว่าอยากกระโจนเข้าไปในกองไฟที่ร้อนแดง   ถ้าไม่ถามที่ไปที่มาเสียก่อนแล้วปล่อยเลยตามเลย   ผู้คนคงได้ตำหนิข้าว่าเป็นคนล่อลวงเด็กให้ทำเช่นนั้นแน่   ไม่เอาล่ะชื่อเสียงของข้าป่นปี้กันพอดี   เด็กหนอเด็กเจ้านี่ร้ายเสียจริง ”

 

“ คุกใต้ดินของโอรีเวียอันตรายขนาดนั้นเลยหรือ ”

 

หัวใจของฟิโลโซเฟอร์หล่นไปถึงตาตุ่ม

เขาร้อนรนจนแทบทนไม่ไหว

 

“ เป็นธรรมดาของที่ๆ ถูกปิดตาย   ความมืดที่เงียบงันมักสร้างสิ่งชั่วร้าย   คุกใต้ดินถูกปิดร้างมานานมากแล้วเพียงพอที่จะบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งความตาย ”

 

สตรีชุดแดงอธิบายอย่างใจดี

 

“ ถ้าเช่นนั้นขอแผนที่มาเร็วๆ เถอะ   หรืออย่างน้อยบอกแค่ทางลงไปก็ยังดี ”

 

เด็กชายว่า

 

“ แล้วกัน   เจ้าไม่กลัวคำขู่ของข้าหรอกหรือ   เด็กน้อยเจ้าเป็นอะไรไปเหตุใดจึงหาเรื่องตายเช่นนั้น   คับข้องใจอย่างไรบอกข้าได้   คนสวยเช่นข้าไม่นินทาเจ้าลับหลังแน่   เกิดเรื่องใดกับเจ้ากันนะพ่อแม่ไม่รักรึก็ไม่   น้องสาวแกล้งก็ไม่เท่าไหร่   หรือโดนสาวที่หมายตาหักอกให้แล้ว   ไม่เอาน่าเรื่องไร้สาระทั้งนั้น   ถ้าจะไปตายเพราะเรื่องแค่นี้ขายหน้าแย่เลย ”

 

สตรีชุดแดงกล่าวยั่วเย้า

นางเชยคางเด็กน้อยขึ้นมาสบตากัน

 

“ ก็ดารีลถูกขังอยู่ที่นั่นนี่นา ”

 

ฟิโลโซเฟอร์ตอบตามตรง

 

“ อ้อ   เรื่องนี้ ”

 

“ ท่านบอกเองว่าที่นั่นอันตรายข้าจะไปช่วยเพื่อนมันผิดด้วยหรือ ”

 

เด็กชายว่า

 

“ ช่วยเพื่อนไม่ผิดหรอก   แต่ผิดที่คิดจะไปช่วยดารีล   เจ้าอยู่ด้วยกันตั้งนานยังไม่รู้อีกหรือว่าแท้จริงเขาซุกซนแค่ไหน ”

 

สตรีชุดแดงบอก

 

“ ข้าไม่รู้อะไรทั้งนั้น ”

 

ฟิโลโซเฟอร์กล่าวด้วยอารมณ์บูด

สตรีนางนั้นถอนหายใจยาว

 

“ ดารีลน่ะไม่ใช่คนที่ใครจะทำอะไรเขาได้ง่ายๆ   ถ้าเขาไม่อยากไปใครก็พาเขาไปไม่ได้   ในทางกลับกันถ้าเขาจะไปใครก็หยุดเขาไม่ได้เช่นกัน   เขาเป็นคนที่เดินตามทางที่ตนเองขีดขึ้นมาเท่านั้น   ที่ต้องลงไปคุกใต้ดินก็เป็นความต้องการของเขาเอง ”

 

“ แล้วคนบ้าที่ไหนอยากโดนขังในคุกมืดที่แสนอันตรายบ้าง ”

 

เด็กชายแย้ง

 

“ ข้านึกว่าเจ้าจะรู้   จริงๆ แล้วปราสาทแห่งโอรีเวียสร้างทับเมืองเก่าเอาไว้   และคุกใต้ดินมีทางเชื่อมไปยังเมืองโบราณที่ฝังอยู่ใต้ดินนั้น   ทีนี้พอเข้าใจหรือยังว่าเหตุใดดารีลจึงอยากไปที่นั่น   เจ้าอย่าตามเขาไปเลยนะคนพิลึกแบบนั้นน่าเบื่อจะตาย ”  

 

“ แต่ท่านเคยชมว่าเขาเก่งนี่นา ”

 

“ จริง   แล้วอย่างไรล่ะ ”

 

นางว่า

พลางรู้สึกสงสัย

เด็กชายตัวน้อยนี่กำลังจะกล่าวสิ่งใด

 

“ ส่วนข้าไม่เก่งอะไรเลย   ดารีลนั้นทั้งเก่งทั้งฉลาด   ข้าตั้งใจจะลงไปเพื่อซื้อใจเขา   ในกาลข้างหน้าเขาจะเป็นกำลังสำคัญที่จะผลักข้าขึ้นเป็นใหญ่เหนือคนทั้งปวง ”

 

สตรีชุดแดงถึงกับกระพริบตาปริบๆ

ด้วยความพิศวง

 

“ หนุ่มน้อยหน้ามนคนนั้นไม่ใช่ของเล่น   เจ้ารับมือเขาไม่ได้   คิดจะหลอกใช้ดารีลเจ้าเจ้าคิดผิดแล้ว   เขาน่ะร้ายกาจเกินกว่าเจ้าจะคิดถึง   เด็กเอ๋ยข้อเสนอนี้ของเจ้าน่าสนใจ   ติดแค่มันเป็นไปได้ยาก ”  

 

นางกล่าวด้วยสีหน้าสุดเอ็นดู

 

“ เลี้ยงลูกงูพิษให้เชื่องเป็นเรื่องท้าทาย   ถ้าสามารถดึงดารีลมาเป็นพวกย่อมเกิดประโยชน์ไม่น้อย   ข้าแค่อยากลงไป   เพื่อให้พ่อมดน้อยคนนั้นเห็นว่าข้าจริงใจกับเขา   เมื่อต้องการปีนขึ้นสู่จุดสูงสุดบันไดย่อมเป็นสิ่งทุ่นแรงที่จำเป็นต้องมีมิใช่หรือ ”

 

เด็กชายตัวน้อยบอก

 

“ อู้   ไม่นึกว่าเจ้าจะฉลาดคิดได้ถึงเพียงนี้   แต่เชื่อเถอะข้าน่ะจริงใจที่สุดแล้วดารีลไม่ได้ใจดีอย่างที่แสดงให้เห็น   ถ้าหากแนวทางแตกต่างกันเขาก็พร้อมจะพังเจ้าเอาง่ายๆ หนุ่มน้อยคนนั้นไม่รู้จักอ่อนข้อ   ทางเลือกของเขามีแค่หักกับขาด   แม้บางครั้งเขาจะยอมลงให้แต่ในความจริงคือเขาคิดแผนตลบหลังอยู่   คนแบบนี้เจ้าอย่าหวังพึ่งให้เสียเวลาเลย   ในกาลข้างหน้าเขานั้นจะเป็นภัย ”

 

“ แต่ข้าเชื่อมั่นว่าของอันตรายย่อมมีประโยชน์อนันต์   เมื่อใฝ่สูงก็ควรต้องเสี่ยง ” 

 

“ เจ้านี่ดื้อดึงเสียจริง   แต่เอาเถอะถ้าอยากลองก็คงต้องเป็นตามนั้น   ถือว่าข้าเตือนเจ้าแล้วนะ ”

 

เมื่อกล่าวเช่นนั้นแล้ว

สตรีแสนงามผู้สวมชุดคลุมสีแดง

ก็มอบม้วนกระดาษหนังสีน้ำตาลอ่อนให้เขา

 

กลุ่มไอหมอกสีดำม้วนตัวใกล้เข้ามา

แล้วทุกอย่างก็ดับลง

 

 

ฟิโลโซเฟอร์ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง

บนเตียงของตนเอง

ในหอนอนแห่งโอรีเวีย

 

ม้วนกระดาษนั้นยังกำแน่นอยู่ในมือ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา